Super God Gene – ตอนที่ 2763

อะไรได้

 

จอมมารยิ้มและพูด “เจ้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับการตายและเกิดขึ้นมาใหม่หรือยังไง? ถ้าเจ้าไม่ตาย แบบนั้นเจ้าจะหลบซุปเปอร์สเปชสแลซได้ยังไง?”

 

หานเซิ่นเคยได้ยินเกี่ยวกับการเกิดใหม่มาก่อน แต่เขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องอะไรกับซุปเปอร์สเปชสแลซ เขาต้องการจะหาทางรับมือกับซุปเปอร์สเปชสแลซก็เพราะว่าเขาอยากจะมีชีวิตรอด แบบนั้นเขาจะฆ่าตัวเองไปเพื่ออะไร?

 

จอมมารชี้ไปที่หานเซิ่นและพูด “ก่อนอื่นพวกเราทุกคนสาบานที่จะตายเหมือนอย่างเมื่อวานนี้ หลังจากนั้นก็สาบานที่จะมีชีวิตเหมือนอย่างวันนี้ วันนี้เจ้ายังคงมีชีวิตอยู่ แบบนั้นมันจะมีความแตกต่างอะไรถ้าเจ้าตายไปเมื่อวาน?”

 

ขณะที่หานเซิ่นฟังจอมมารพูด เขาก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองหลงทางอยู่ในหมอกหนา เขาไม่รู้เลวว่าจอมมารกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่เขารู้ว่าการถามคำถามต่อไปจะไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น นอกซะจากเขาจะยอมรับข้อตกลงของจอมมาร ไม่อย่างนั้นจอมมารก็จะหลีกเลี่ยงการพูดถึงปมของเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นความจริงแล้วคำใบ้ที่หานเซิ่นได้รับมาก็ถือว่าไม่เลวร้ายซะทีเดียว

 

หลังจากที่ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา หานเซิ่นก็คิดเกี่ยวกับสิ่งที่จอมมารพูด เขายังคงไม่เข้าใจว่าชายคนนั้นพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

 

“ฆ่าตัวเอง… และตายไปเมื่อวาน… มีชีวิตวันนี้… นี่จอมมารพยายามจะบอกอะไรกันแน่?” หานเซิ่นใช้เวลาคิดอยู่นาน แต่เขาก็คิดไม่ออกเหมือนกับว่ามันเป็นอะไรที่ไกลเกินเอื้อม

 

ทันใดนั้นคลื่นกระแทกที่มองไม่เห็นก็ซัดผ่านอากาศมา เงาของคนสองคนปรากฏขึ้นในหมอกเมฆ และลงมาบนลานกว้างของปราสาท

 

“ในที่สุดเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อก็มาที่นี่!” หานเซิ่นปลาบปลื้มเมื่อเขายืนยันได้ว่าเป็นพวกเธอ ตั้งแต่ที่เขาถูกขังอยู่ในโลกในขวดนี่ เขาก็ไม่ได้เห็นแม้แต่เส้นผมของหลี่เคอเอ๋อหรือเอ็กซ์ควิสิท

ถึงแม้พวกเธอจะเดินมาอยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ หานเซิ่นก็คิดจะไม่พูดอะไร เขารู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อเป็นเพียงแค่คนหนุ่มสาวในเผ่าเวรี่ไฮ พวกเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการตัดสินใจที่สำคัญ ถึงแม้พวกเธอต้องการจะปล่อยหานเซิ่นออกไป พวกเธอก็ไม่มีอำนาจที่จะทำแบบนั้น

“เกล็ดบนร่างกายของเจ้าหายไปแล้ว!” หลี่เคอเอ๋ออึ้งขณะที่มองไปที่หานเซิ่น

 

“ใช่ ข้าไม่รู้ว่าทำไม แต่จู่ๆเกล็ดก็หายไปเอง พวกเจ้าถามท่านผู้นำได้ไหมว่าตอนนี้ข้าออกไปได้แล้วใช่ไหม?” หานเซิ่นพูด

 

เอ็กซ์ควิสิทและหลี่เคอเอ๋อมองหน้ากัน มันเหมือนกับว่าพวกเธอต้องการจะบอกบางสิ่งกับเขา แต่พวกเธอลังเลที่จะพูดมันออกมา ในที่สุดเอ็กซ์ควิสิทก็พูดขึ้นมา
“ท่านผู้นำยังต้องการให้เจ้าอยู่ในขวดต่อไป”

 

“นั่นหมายความว่าเขาคิดจะให้ข้าอยู่ที่นี่ไปตลอดการอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“ไม่ต้องกังวล” หลี่เคอเอ๋อพูด
“พวกเราจะพยายามแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเจ้าไม่ได้เป็นภัยอันตราย พวกเราจะพยายามช่วยให้เจ้าได้อิสรภาพคืนเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

 

“ร่างกายของข้าไม่ได้มีเกล็ดอีกแล้ว นั่นไม่ช่วยลบความหวาดระแวงที่พวกเขามีต่อข้าหรือยังไง?” หานเซิ่นพูด แต่เสียงของเขาไม่ได้ฟังดูมีความหวังอะไร

 

เอ็กซ์ควิสิทถอนหายใจ “ถ้าเกล็ดนั้นถูกกำจัดไปโดยคนของเผ่าเวรี่ไฮ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่หวาดระแวงอีก แต่ตอนนี้เมื่อเกล็ดหายไปด้วยตัวมันเอง ข้ากลัวว่าท่านผู้นำและเหล่าผู้อาวุโสจะไม่ยอมเชื่อว่าเกล็ดนั้นจะแค่หายไปด้วยตัวเอง”

 

“นั่นหมายความว่าข้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ต่อไป?” หานเซิ่นพูด เขาไม่ได้คาดคิดว่าทางเผ่าเวรี่ไฮจะยอมปล่อยเขาไปอยู่แล้ว เขาต้องหนีออกไปด้วยตัวเอง

 

หลี่เคอเอ๋อพยายามจะปลอบเขา “พวกเราจะพยายามช่วยเจ้าทุกวิถีทาง เจ้าแค่ต้องทนอีกหน่อยเท่านั้น”

 

หานเซิ่นไม่ใช่คนอ่อนต่อโลกที่เพิ่งจะเริ่มออกผจญภัย เขารู้ว่าพวกนี้เป็นแค่คำพูดปลอบโยนที่จะไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใดๆ

 

“ถ้าข้าออกไปจากที่นี่ไม่ได้ พวกเจ้าช่วยนำหนังสือมาให้ข้าอ่านแก้เบื่อหน่อยได้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“เจ้าอยากอ่านหนังสือแบบไหน? ในสถานการณ์แบบนี้ ข้าไม่คิดว่าคนของพวกเราจะปล่อยให้เจ้าอ่านวิชาจีโนไหนๆ” หลี่เคอเอ๋อพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

“มันไม่ใช่วิชาจีโน ข้าอยากได้หนังสือเกี่ยวกับปรัชญาและศาสนศาสตร์ บางสิ่งที่เกี่ยวกับชีวิตและความตายจะเป็นอะไรที่ดีที่สุด”
หานเซิ่นหวังว่าหนังสือแบบนั้นจะมอบแรงบันดาลใจให้กับเขาและช่วยให้เขาเข้าใจว่าจอมมารหมายความว่าอะไร

 

“เข้าใจแล้ว พวกเราจะพยายามเอาหนังสือพวกนั้นมาให้กับเจ้า” หลี่เคอเอ๋อตอบ

 

“ขอบคุณมาก” หานเซิ่นยิ้ม

 

“เจ้าเป็นตัวไหมของพวกเรา นี่เป็นสิ่งที่พวกเราควรทำ…”
เสียงของหลี่เคอเอ๋อหายไปกลางคัน สถานะของหานเซิ่นในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม เขาไม่ใช่ตัวไหมของพวกเธออีกต่อไปแล้ว

แต่หานเซิ่นดูเหมือนจะยอมรับมันได้ดีกว่าที่พวกเธอคิดเอาไว้ เขาพูดกับพวกเธออย่างเป็นกันเอง และเขาก็ดูไม่เหมือนกับคนที่จะต้องถูกขังไปตลอดการ

 

ก่อนที่พวกเธอจะจากไป เอ็กซ์ควิสิทพูดกับหานเซิ่น
“ข้าจะไปบอกท่านผู้นำว่าเกล็ดของเจ้าหายไปแล้ว พวกเขาจะต้องส่งคนเข้ามาเพื่อตรวจสอบสภาพของเจ้าแน่ แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะมีโอกาสสูงนักที่เจ้าจะได้ออกไป ดังนั้นอย่าได้หวังกับมันมากจนเกินไป”

 

“ข้าเข้าใจ” หานเซิ่นพูดพร้อมกับพยักหน้า เขารู้ว่าเอ็กซ์ควิสิทไม่มีอำนาจในเรื่องนี้

 

ไม่นานหลังจากที่พวกเธอจากไป ยอดฝีมือขั้นทรูก็อตของเวรี่ไฮคนหนึ่งก็ปรากฏตัวต่อหน้าหานเซิ่น เขาตรวจเช็คสภาพของหานเซิ่นและถามหานเซิ่นอยู่หลายคำถาม หานเซิ่นได้คิดคำตอบทั้งหมดเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นในตอนที่เขาถูกถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็มีเรื่องที่เตรียมเอาไว้พร้อม เรื่องเล่าของเขาไม่ได้ครบถ้วน เพราะหานเซิ่นพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการพูดเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง ผู้อาวุโสของเวรี่ไฮนั้นไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

หลังจากที่ผู้อาวุโสของเวรี่ไฮจากไป มันก็ไม่มีใครเข้ามาหาเขาเป็นเวลาหลายวัน เขาใช้เวลาทั้งหมดไปกับการฝึกอนัตตา เวลานั้นผ่านไปค่อนข้างรวดเร็ว

 

“มันผ่านมาสักพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่เราไม่ได้เห็นเหยียนหรันและหลิงเอ๋อ หลิงเอ๋อจะโตขึ้นหรือยังนะ ในตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวฮวากัน แม่และพ่อบอกว่าพวกเขาต้องการจะใช้เวลาสักพักในการเดินทาง ป่านนี้พวกเขาจะกลับมาหรือยัง…” ในบางครั้งหานเซิ่นจะฟุ้งซ่านขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับครอบครัว

 

“อนัตตาแตกต่างไปจากวิชาใต้นภาโดยสิ้นเชิง หนึ่งในพวกมันเกี่ยวกับการเข้าสู่โลก ขณะที่อีกหนึ่งเกี่ยวกับการออกจากโลก การรวมพวกมันเป็นเรื่องยาก และเราก็ไม่เคยฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์มาก่อน ดังนั้นเราจำเป็นต้องใช้วิชาใต้นภาเป็นฐาน ถ้าเราต้องฝึกมันตั้งแต่เริ่มต้น เราก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลานานสักแค่ไหนเพื่อเรียนรู้อนัตตา”
หานเซิ่นไม่มีหนทางที่จะคาดเดาอย่างถูกต้องว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะยกระดับวิชาใหม่นี้ไปถึงระดับที่สามารถใช้งานได้

 

อนัตตาและวิชาใต้นภานั้นคล้ายคลึงกันที่โครงสร้าง แต่ตามทฤษฎีแล้ว พวกมันทำงานกันบนความยาวคลื่นที่แตกต่างกัน พวกมันเรียกได้ว่าตรงกันข้ามกัน ถึงแม้เขาจะได้รับประสบการณ์และจิตใจของอัลฟ่าของเวรี่ไฮมา เขาก็ไม่สามารถรวมพวกมันทั้งสองเข้าด้วยกันได้

 

ขณะที่หานเซิ่นกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้ เงาของคนๆหนึ่งก็ผ่านเมฆหมอกที่ห้อมล้อมปราสาทเข้ามา เขาเป็นชายสูงอายุเผ่าเวรี่ไฮที่หานเซิ่นไม่คุ้นเคย

 

ชายแก่คนนั้นไม่ได้พูดอะไร เขาแค่โยนบางสิ่งให้กับหานเซิ่น หลังจากนั้นเขาก็หันกลับและจากไป

 

หานเซิ่นขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าชายแก่คนนั้นเพิ่งจะทำอะไร เขาหยิบสิ่งของขึ้นมาดูและพบว่ามันเป็นแล็ปท็อปขนาดเล็กพอๆกับมือของคน

 

หานเซิ่นเปิดแล็ปท็อปดู เขาไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ แต่มันมีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์มากมายอยู่ภายใน

 

ตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้ว นี่คงจะเป็นสิ่งที่หลี่เคอเอ๋อและเอ็กซ์ควิสิทฝากมาส่งให้กับเขา หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่อยู่ในแล็ปท็อป และหนังสือส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับปรัชญาและศาสนศาสตร์ มันไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เกี่ยวข้องกับวิชาจีโนเลยสักเล่มเดียว

 

แต่หานเซิ่นก็ไม่ได้คาดหวังจะได้อ่านเกี่ยวกับวิชาจีโนอยู่แล้ว เขาเริ่มพลิกผ่านหน้าหนังสืออย่างรวดเร็ว ด้วยสมองของเขาที่วิวัฒนาการไปมาก มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจำเนื้อหาของหนังสือเล่มหนึ่งที่มีคำเป็นล้านคำ เขาสามารถจำเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ทว่าการเข้าใจมันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

 

“ อนิจจตา” หานเซิ่นประหลาดใจในตอนที่เขาเห็นชื่อของหนังสือเล่มหนึ่ง

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset