Super God Gene – ตอนที่ 2764

หานเซิ่นเคยเห็นอนิจจตามาก่อน แต่ครั้งนั้นวิชาจีโนถูกเขียนเอาไว้บนแผ่นจารึก หานเซิ่นไม่เข้าใจมัน

 

ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง วิชาจีโนนั้นถูกเขียนเอาไว้บนแผ่นจารึกหลายแผ่น และหานเซิ่นก็เคยเห็นแค่บางแผ่นเท่านั้น

 

จากเรื่องราวที่เล่าต่อกันมา เผ่าบุดด้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในยุคสมัยนี้ก็เพราะพวกเขาวิจัยเกี่ยวกับอนิจจตา นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาขึ้นมาเป็นใหญ่ในจักรวาล

 

วิชาจีโนมากมายของเผ่าบุดด้าถูกพัฒนามาจากอนิจจตา แม้แต่วิชาเปลี่ยนร่างของเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าที่ใช้เปลี่ยนหานเซิ่นให้กลายเป็นมดก็มีต้นกำเนิดมาจากอนิจจตาเช่นกัน

 

“หนังสือนี่มีชื่อเดียวกันกับมัน แต่นี่คงจะไม่ใช่วิชาจีโนของจริงหรอกใช่ไหม?”

หานเซิ่นลองอ่านมันดูและพบว่ามันดูเหมือนจะไม่ได้เป็นวิชาจีโน มันเป็นเพียงแค่บทความที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดของศาสนศาสตร์และวิทยาศาสตร์

 

มันเหมือนกับหนังสือศาสนศาสตร์ธรรมดาทั่วไป อนิจจตานั้นมีข้อความที่กำกวมและลึกซึ้งอยู่มากมาย แต่หานเซิ่นมีความได้เปรียบกว่าคนอื่นในการทำความเข้าใจมัน เพราะยังไงซะเขาก็เคยพยายามอย่างหนักในการศึกษาศาสตร์ตงเสวียน

 

หานเซิ่นพลิกหน้าหนังสือต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับค้นพบบางสิ่งที่มีความสำคัญ แต่เขาไม่พบเนื้อหาสำคัญอะไรเลย และยิ่งเขาอ่านไปมากเท่าไหร่ ความสนใจของเขาก็น้อยลงมากเท่านั้น หลังจากผ่านไปอีกสักพัก เนื้อหาของมันก็น่าเบื่อซะจนหานเซิ่นอยากจะเปลี่ยนไปอ่านหนังสือเล่มอื่นแทน

 

แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็เห็นเนื้อหาที่กระตุ้นความสนใจของเขา มันพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ว่ามันมีเอกภพอยู่มากกว่าหนึ่งเอกภพ

 

มันพยายามจะบอกว่าเอกภพนั้นไม่ได้มีอยู่ตามลำพัง และจริงๆแล้วมันเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างที่ประกอบไปด้วยเอกภพต่างๆมากมาย มันเป็นไปได้ที่สิ่งมีชีวิตจะเดินทางข้ามระหว่างเอกภพเหล่านั้น

 

แนวคิดนั่นเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจ มันเหมือนกับว่าหานเซิ่นกำลังนั่งอยู่บนรถไฟและเอกภพที่เขาอยู่ก็คือตู้โดยสารหนึ่ง ถ้าเขาเดินไปข้างหน้าเพื่อไปสู่ตู้โดยสารถัดไป เขาก็จะเข้าไปในอีกเอกภพหนึ่ง

 

ผู้คนไม่ได้ถูกล็อคให้อยู่ในเอกภพที่พวกเขาถือกำเนิด ในช่วงชีวิตของพวกเขา พวกเขาจะเคลื่อนย้ายจากเอกภพหนึ่งไปสู่อีกเอกภพหนึ่งอย่างไหลลื่น และพวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าบางสิ่งเปลี่ยนแปลงไป

 

การแบ่งระหว่างเอกภพนั้นไม่ได้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนอย่างรถไฟที่ถูกแยกเป็นตู้โดยสาร เอกภพนั้นถูกแบ่งแยกจากกันด้วยกฎของกาลเวลาและอวกาศ พื้นที่ที่คนๆหนึ่งอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งจะแตกต่างไปจากพื้นที่ที่คนๆนั้นอยู่ในวินาทีถัดไป

 

จากทฤษฎีนี้ มันก็สมเหตุสมผลที่คนๆหนึ่งจะย้อนเวลากลับไปในอดีตหรือเดินทางไปในอนาคต ถ้ามันมีเอกภพเพียงหนึ่งเดียว คนๆหนึ่งก็จะถูกล็อคอยู่ในจุดหนึ่งของกาลเวลา อดีตและอนาคตจะคงเป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมไปตลอดการ แต่ถ้าพหุภพมีอยู่จริงๆ แบบนั้นกาลเวลาก็จะถูกเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเอกภพคู่ขนานมีอยู่ในอดีตหรืออนาคต แบบนั้นมันก็เป็นไปได้ที่จะไปที่นั่น

 

แน่นอนว่าอนิจจตาไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าหานเซิ่นจะสามารถไปข้างหน้าหรือย้อนหลังในพหุภพได้ยังไง แต่ทฤษฎีนั้นก็มอบแรงบันดาลใจกับหานเซิ่น

 

ตามทฤษฎีนั้น พลังของซุปเปอร์สเปชสแลซสามารถฟันผ่านหนึ่งเอกภพไปถึงเอกภพถัดไป ดังนั้นถึงแม้หานเซิ่นจะมองเห็นมีดแสง เขาก็ไม่สามารถป้องกันมันได้ นั่นก็เพราะว่าจริงๆแล้วการโจมตีนั้นไปถูกเขาในภพก่อน หานเซิ่นเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บจากผลที่ตามมาในภายหลัง

 

“ถ้าเราใช้ร่างกายป้องกันพลังของมีดเทพในภพก่อน แบบนั้นเราก็จะไม่ได้รับบาดเจ็บในปัจจุบัน อย่างเช่นในตอนที่เราใช้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดนั้นไม่สำคัญว่าเวลาหรือเอกภพไหนที่เราจะไปอยู่ พลังของมีดเทพก็จะทำร้ายเราไม่ได้ แต่ปัญหาก็คือในตอนนี้ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเรามีเวลาที่จำกัด ถึงแม้เราจะใช้มัน เราก็เอาชนะมีดเทพไม่ได้อยู่ดี เพราะเราไม่มีหนทางที่จะทำลายมันได้ และในตอนที่ร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเราหมดเวลา การต่อสู้ก็จะจบลงโดยที่เราเป็นฝ่ายแพ้”

 

หานเซิ่นคิดต่อไปว่า “แต่ไม่ใช่ว่ามันไม่มีทางอื่นอยู่เลย ถึงแม้ร่างกายของเราจะทนต่อมีดเทพไม่ได้ แต่พลังของซุปเปอร์สเปชสแลซก็ดูเหมือนจะไม่ได้สมบูรณ์ มันเลือกไม่ได้ว่าภพไหนที่มันจะฟันไปใส่ มันจะฟันไปใส่เอกภพของหนึ่งวินาทีก่อนเท่านั้น ถ้าเราคาดเดาการโจมตีของมีดเทพได้หนึ่งวินาทีก่อนที่มันจะถึง เราก็จะป้องกันมันได้”

 

“แต่มีดเทพนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และการโจมตีของมันก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่หนึ่งวินาทีก่อนหน้าเท่านั้น มันคาดเดาได้ยากว่าการโจมตีจะมาจากที่ไหน และถ้ามีดเทพพัฒนาไปยิ่งกว่านี้ มันก็จะยากขึ้นไปอีกที่จะจัดการกับมัน แถมมีดเทพก็เห็นตำแหน่งที่เราเคลื่อนที่ไป ดังนั้นไม่ว่าเราจะป้องกันแบบไหน มันก็จะเล็งเป้าไปที่จุดไหนก็ตามที่เป็นช่องโหว่ของฉัน”

 

“ถ้าเราฝึกอนัตตาได้สำเร็จ เราจะก็ตัดการเชื่อมต่อกับอดีตได้ แบบนั้นถึงแม้เราในอดีตจะถูกฟัน เราในปัจจุบันก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไร นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุด แต่อนัตตาและวิชาใต้นภาขัดแย้งกัน พวกมันฝึกร่วมกันไม่ได้ ดังนั้นถ้าเราต้องการจะป้องกันซุปเปอร์สเปชสแลซ เราก็จำเป็นต้องคาดเดาทิศทางการโจมตีหนึ่งวินาทีก่อนที่มันจะถูกปลดปล่อย แบบนั้นบางทีเราอาจจะใช้โล่เมดูซ่าส์เกซป้องกันการโจมตีได้? นั่นเป็นอะไรที่ยาก แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ยังไงซะการคาดการณ์ล่วงหน้าก็คือสิ่งที่เราถนัดที่สุด วิชาใต้นภาเป็นวิชาจีโนระดับสูงที่โดดเด่นในเรื่องนั้น บางทีฉันอาจจะคาดเดาล่วงหน้าหนึ่งวินาทีได้จริงๆ แต่ปัญหาใหญ่ก็คือว่าเราจะหลีกเลี่ยงมีดเทพจากการโจมตีถูกช่องโหว่ ขณะที่มันเห็นการเคลื่อนไหวของเราได้ยังไงกัน”

 

อนัตตาไม่สามารถรวมเข้ากับวิชาใต้นภาได้ และหานเซิ่นก็ไม่เข้าใจสิ่งที่จอมมารพูดถึง แต่แทนที่จะกังวลเกี่ยวกับทั้งสองเรื่องพร้อมๆกัน หานเซิ่นโฟกัสไปที่การฝึกวิชาใต้นภาเพื่อลองดูว่าจะคาดเดาการกระทำของคนๆหนึ่งวินาทีก่อนล่วงหน้าได้ไหม

 

มีดเทพนั้นจะโจมตีเขาในอดีตหนึ่งวินาที ดังนั้นด้วยวิธีใดสักอย่างหานเซิ่นจะต้องบังคับให้คู่ต่อสู้โจมตีมาถูกโล่ของเขาแทนที่จะเป็นเนื้อหนังของเขา มันเป็นเรื่องที่ยากมากๆ คนปกติคงจะไม่ได้คิดเกี่ยวกับการทำอะไรแบบนั้น

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ซุบเปอร์สเปชสแลซก็เป็นแค่วิชาๆหนึ่ง มันต้องมีวิธีแก้ทางอยู่ การต่อสู้เป็นเหมือนกับเกมส์หมากรุก ทุกครั้งที่หานเซิ่นเดินหมาก มันก็จะเปลี่ยนการตอบสนองของคู่ต่อสู้ การรุกฆาตจะบรรลุโดยการผลักดันให้คู่ต่อสู้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีตัวเลือกไหนที่เป็นตัวเลือกที่ดี

 

แต่นั่นจะนำไปสู่ความยุ่งยากอีกอย่างหนึ่ง ในเกมส์หมากรุก ผู้เล่นจำเป็นต้องโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ เพื่อจำกัดตัวเลือกของคู่ต่อสู้ หานเซิ่นก็จำเป็นต้องข่มขู่อีกฝ่าย ถ้าระดับของภัยคุกคามไม่สูงพอ มีดเทพก็จะแค่เมินเฉยต่อการยั่วยุของหานเซิ่น

 

“มีดเทพนั้นทนทานมากๆ แม้แต่แอนท์เชี่ยนบลัดดราก้อนเลดี้ก็ทำลายมันไม่ได้ เราไม่มีอาวุธที่ทรงพลังพอ และพลังส่วนตัวของเราก็ยังไม่ถึงขั้น แต่ถึงเราจะทำลายมีดเทพไม่ได้ ถ้าเราแค่ต้องเขย่าขวัญมัน เราก็อาจจะพอมีโอกาสอยู่” หานเซิ่นตื่นเต้นขึ้นมาขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในที่สุดเขาก็ได้ไอเดียบางอย่าง

 

การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหานเซิ่นคือท่าตบขั้นสุดยอด แถมเขายังมีวิชาเบรกซิกซ์สกายและวิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นอีก

 

ข้อดีข้อเสียของแต่ละวิชานั้นแตกต่างกัน ท่าตบขั้นสุดยอดยังคงไม่ทรงพลังพอที่จะสลายโซ่สสารของมีดเทพ ดังนั้นในตอนนี้มันจึงไม่มีประโยชน์

 

วิชาฮาร์ทคอนเน็คชั่นนั้นมีพลังในการเจาะทะลวงที่สูง แต่เมื่อต้องเผชิญกับความทนทานของมีดเทพ มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์เช่นกัน แต่ทว่าพลังระเบิดของเบรกซิกซ์สกายนั้นเหมาะสมอย่างที่สุดสำหรับสถานการณ์ของหานเซิ่นในตอนนี้

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset