Super God Gene – ตอนที่ 2806

 

ราชาไป๋รับซีโน่เจเนอิคที่เป็นคนนอกมาเป็นลูกศิษย์ ข่าวนั้นแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งจักรวาลอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้สึกตกใจกับข่าวนั้น คนธรรมดาส่วนใหญ่คิดว่าราชาไป๋เป็นบ้าไปแล้ว มีเพียงแค่บุคคลที่น่ากลัวเท่านั้นที่เข้าใจว่าราชาไป๋พยายามจะทำอะไร

 

แต่ซีโน่เจเนอิคคนนั้นไม่ได้มีประวัติหรือชื่อเสียงที่เลื่องลืออะไร ผู้คนรู้แค่ว่าซีโน่เจเนอิคนั่นเป็นเด็กอายุราวๆห้าถึงหกขวบที่ชื่อโฮลี่เบบี้เท่านั้น นอกจากเรื่องนั้นแล้วก็ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเขา ไม่มีใครรู้ว่าซีโน่เจเนอิคนั้นเป็นเผ่าพันธุ์อะไร และไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหนกันแน่

 

ยอดฝีมือมากมายได้รับคำเชิญจากราชาไป๋ให้มาร่วมพิธีการของเขา ผู้คนที่เดินทางมานั้นอยากจะรู้เกี่ยวกับซีโน่เจเนอิคที่ชื่อโฮลี่เบบี้ให้มากที่สุด แต่พวกเขาไม่สามารถระบุถึงระดับของซีโน่เจเนอิคคนนั้นได้ ซึ่งทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม

 

หานเซิ่นคิดว่าที่ราชาไป๋รับเขาเป็นลูกศิษย์ก็เพื่อจะกักตัวเขาเอาไว้ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเอาสเปชการ์เด้นไปครอบครอง

 

แต่หลังจากที่พิธีการจบลง ราชาไป๋ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องของสเปชการ์เด้นอีก และราชาไป๋ก็ไม่ได้หยุดหานเซิ่นจากการไปที่ไหนก็ตาม ถึงแม้เขาต้องการจะออกจากดินแดนของเอ็กซ์ตรีมคิง ราชาไป๋ก็ไม่คิดจะหยุดเขาเอาไว้

 

ขณะที่อยู่ไม่ไกลไปจากประตูทางออกของเอ็กซ์ตรีมคิง หานเซิ่นกำลังคิดกับตัวเองว่าควรจะจากไปดีหรือไม่ แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นมิสเตอร์ไวท์บินเข้ามา “มิสเตอร์ไวท์”

 

“เอ็กซ์ตรีมคิงไม่ใช่สถานที่ที่เลวร้าย” มิสเตอร์ไวท์พูด
“บางทีเจ้าควรจะอยู่ที่นี้ต่ออีกสักพัก”

 

“รู้ว่าข้าต้องการจะไปจากที่นี่อย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นไม่รู้ว่ามิสเตอร์ไวท์รู้ว่าเขาเป็นใครหรือเปล่า

 

มิสเตอร์ไวท์ยิ้ม “ถ้าข้าไม่รู้ ข้าจะส่งเจ้าไปที่โถงแห่งกฎทำไม?”

 

“นี่รู้ว่าข้าเป็นใครตั้งแต่แรกแล้วอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นอึ้งไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่ามิสเตอร์ไวท์จงใจส่งเขาไปที่โถงแห่งกฎ

 

“รู้ได้ยังไงว่าข้าจะรวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน

 

“ข้าไม่รู้” มิสเตอร์ไวท์พูดขณะที่ส่ายหัว
“ข้าเพียงแค่ทำการคาดเดาเท่านั้น กงล้อชะตากรรมจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ และมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดเดาถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่มันมักจะมีกฎที่ช่วยเจ้าหลีกเลี่ยงภัยอันตราย เท่าที่ข้าพอจะบอกได้ การไปที่นั่นจะทำให้เจ้าได้รับชีวิตมากขึ้น มันถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีกับเจ้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะให้เจ้าลองเสี่ยงดู”

 

“มิสเตอร์ไวท์เป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียจริงๆ ไม่คิดหรือว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้าไม่ได้รวมเข้ากับโอเวอร์แบริ่งอายของเอ็กซ์ตรีมคิง” หานเซิ่นทั้งอยากจะหัวเราะและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน

 

มิสเตอร์ไวท์ยิ้มและพูด “ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าเจ้าไม่มีหนทางแก้ไขที่แน่นอน แบบนั้นการเลือกหนทางที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดคือสิ่งที่เจ้าควรจะทำ ถ้าเจ้าเกิดโชคร้ายและไปประสบเคราะห์กกรรม มันก็ถือเป็นชะตากรรมของเจ้า”

 

หานเซิ่นรู้ว่าที่มิสเตอร์ไวท์พูดนั้นสมเหตุสมผล แต่มันก็ยังเป็นอะไรที่น่ากลัวอยู่ดี
“โชคดีที่การคาดเดานั้นไม่เลว นี่การให้ข้าอยู่ในเอ็กซ์ตรีมคิงต่อเป็นส่วนหนึ่งของการคาดเดาอย่างนั้นหรอ?”

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นจะต้องคาดเดา” มิสเตอร์ไวท์พูด
“ราชาไป๋ยอบรับเจ้าเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลนั้นกำลังจับตามองเจ้า พวกเขาอยากจะรู้ว่าทำไมราชาไป๋ถึงต้องการจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์ มันไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าในเอ็กซ์ตรีมคิง เรื่องนั่นเป็นสิ่งที่มั่นใจได้ แต่ถ้าเจ้าออกไปจากเอ็กซ์ตรีมคิง ข้าเชื่อว่าผู้คนมากมายต้องการจะลักพาตัวเจ้าไปทำการวิจัยที่ชั่วร้าย”

 

“ราชาไป๋นี่เป็นจอมบงการจริงๆ นี่เขารับข้าเป็นลูกศิษย์ก็เพื่อทำให้ข้าไปจากเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงไม่ได้อย่างนั้นหรอ” ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจ

 

“เจ้าประเมินราชาไป๋ต่ำเกินไป” มิสเตอร์ไวท์พูด
“ถ้านั่นเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมเพียงอย่างเดียวของเขา เขาก็คงจะไม่เป็นคนที่ปกครองเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงและเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงก็คงจะไม่เป็นอย่างทุกวันนี้ เขาจะต้องมีแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่าที่แม้แต่ข้าและเจ้าไม่อาจจะรู้ได้”

 

“จากที่บอกมา ข้าควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปอย่างนั้นใช่ไหม” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

“ใช่ ข้าคิดว่าเจ้าควรอยู่ที่นี่และดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” มิสเตอร์ไวท์ไม่มีหนทางที่ดีกว่านั้น

 

หานเซิ่นครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก และเขาก็เชื่อว่าที่มิสเตอร์ไวท์พูดน่าจะถูกต้อง ถ้าราชาไป๋ไม่ได้มีแผนการจะทำอะไรที่ชั่วร้ายกับเขา การอยู่ที่เอ็กซ์ตรีมคิงต่อไปก็ถือเป็นความคิดที่ดี

 

“ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยได้ไหม นี่ร่างกายของเจ้ากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” มิสเตอร์ไวท์ถามเกี่ยวกับปัญหาของหานเซิ่น

 

หานเซิ่นก็อยากจะถามมิสเตอร์ไวท์ถึงเรื่องนั้นเช่นกัน เขาอธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาวิวัฒนาการไปสู่ขั้นทรานส์มิวเทชั่นให้มิสเตอร์ไวท์ฟัง

 

หลังจากที่มิสเตอร์ไวท์ฟังเรื่องราวของหานเซิ่นและคิดเกี่ยวกับมันอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นว่า
“ถ้าเจ้าฝึกวิชาจีโนสี่วิชาถึงระดับเทพเจ้า นั่นก็เป็นบางสิ่งที่สุดยอดมากๆ ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง การวิวัฒนาการของเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกอย่างปกติดี”

 

“ถ้ามันปกติ ทำไมข้าถึงใช้พลังไม่ได้?” หานเซิ่นถาม

 

“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมระดับเทพเจ้าถึงได้ถูกแบ่งเป็นขั้นพริมิทีฟ ขั้นทรานส์มิวเทชั่น ขั้นลาร์วา ขั้นบัตเตอร์ฟลายและขั้นทรูก็อตน่ะ?” มิสเตอร์ไวท์ถามด้วยรอยยิ้ม

 

“ข้าไม่รู้” หานเซิ่นพูดพร้อมกับส่ายหัว

 

“จริงๆแล้วกระบวนทั้งหมดนี่คือการกำเนิดของขั้นทรูก็อต”
มิสเตอร์ไวท์พูด “ลูกของขั้นทรูก็อตจะกำเนิดในตอนที่พวกเขากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นบางสิ่งที่เหมือนกับตัวอ่อน ร่างกายของพวกเขาจะยังไม่ถูกพัฒนาขึ้น ดังนั้นพวกเขาจะยังใช้พลังของตัวเองไม่ได้”

 

“ในจักรวาลนี้เป็นอะไรที่ยากมากๆที่คนๆหนึ่งจะกำเนิดเป็นขั้นทรูก็อต โดยส่วนใหญ่แล้วผู้คนจำเป็นต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อไปให้ถึงขั้นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับเจ้าเป็นเหมือนกับกระบวนการถือกำเนิดของขั้นทรูก็อต ถ้าข้าคาดเดาได้ถูกต้อง ในตอนที่เจ้ากลายเป็นระดับเทพเจ้า ยีนทั้งสี่ของเจ้ารวมเป็นหนึ่งและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับร่างกายของเจ้า มันทำให้เกิดกระบวนการที่คล้ายคลึงกับการกำเนิดของขั้นทรูก็อต ในตอนที่เจ้ากลายเป็นขั้นทรานส์มิวเทชั่น มันก็หมายความว่าเจ้าเป็นตัวอ่อนที่กำลังเจริญเติบโต บางทีในตอนที่เจ้าถึงขั้นลาร์วาหรือขั้นบัตเตอร์ฟลาย ร่างกายของเจ้าจะพัฒนาขึ้นกว่านี้และเจ้าอาจจะกลับมาใช้พลังได้”

 

มิสเตอร์ไวท์หยุดไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า
“นั่นไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ต้นกำเนิดยีนของมนุษย์นั้นมาจากคริสตัลไลเซอร์ รากฐานของพวกเราจึงไม่ได้ดีมากนัก เจ้าประสบกับการเจริญเติบโตครั้งที่สอง และทำให้ยีนของเจ้าใกล้เคียงกับการกำเนิดของขั้นทรูก็อต ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆสำหรับเจ้า”

 

“หวังว่ามันจะเป็นอย่างที่พูด” หานเซิ่นตอบ หลังจากที่ได้ฟังความเห็นของมิสเตอร์ไวท์ เขาก็รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิม

 

มิสเตอร์ไวท์และหานเซิ่นแลกเปลี่ยนข้อมูลกันต่ออีกสักพัก หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ตัดสินใจจะอยู่ในเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงต่อไป

 

‘ตอนนี้เมื่อเรากลายเป็นลูกศิษย์ของเขาแล้ว ราชาไป๋พูดไม่ใช่หรือว่าเขาจะมอบอะไรก็ตามที่เราต้องการ? เราควรไปขอยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้ากับเขา บางทีถ้าเรามีมันมากพอ เราก็อาจจะกลายเป็นขั้นลาร์วาได้อย่างรวดเร็ว และมันจะดีที่สุดถ้าเรากลายเป็นขั้นบัตเตอร์ฟลาย’ หลังจากที่หานเซิ่นคิดได้แบบนั้น เขาก็กลับไปที่พระราชวัง

 

พระราชวังของราชาไป๋เป็นสถานที่ที่แม้แต่องค์ชายและองค์หญิงก็ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาต แต่ราชาไป๋อนุญาตให้หานเซิ่นเข้าออกพระราชวังได้ตามใจชอบ เรื่องนี้ทำให้เหล่าภรรยาและลูกของราชาไป๋ไม่พอใจอย่างมาก แต่แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับมัน

 

ผู้คนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับหานเซิ่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาอยากรู้ว่าเด็กคนนี้พิเศษยังไง ถึงทำให้ราชาไป๋เอาอกเอาใจเขาแบบนั้น เพราะยังไงซะเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

 

ในตอนที่หานเซิ่นไปเข้าในห้องทรงอักษรของราชาไป๋ เขาก็เห็นไป๋ว่านเจี้ยอยู่ที่นั่นด้วย

 

“โฮลี่เบบี้ เจ้าเข้ามานี่และนั่งลง” ราชาไป๋พูดอย่างอ่อนโยน

 

แม้แต่ไป๋ว่านเจี้ยที่เป็นองค์รัชทายาทก็ยังต้องยืน แต่ทว่าหานเซิ่นถูกบอกให้นั่งลง

 

หานเซิ่นพูดขึ้นว่า “ราชาไป๋ ข้าจะขออะไรก็ได้ใช่ไหม? ตอนนี้ข้าต้องการยีนซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้า ข้าต้องการสักสามร้อยถึงสี่ร้อยยีน”

 

หานเซิ่นไม่คิดว่าราชาไป๋จะมอบให้เขามากขนาดนั้น แต่ถ้าเขาขอไปมากๆ อย่างน้อยก็หมายความว่าเขาจะได้รับมันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

 

“ได้แน่นอน” ราชาไป๋ตอบตกลงในทันที หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาไป๋ว่านเจี้ยและพูด
“ว่านเจี้ย เจ้าพาโฮลี่เบบี้ไปที่ปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปที่นั่นจะเป็นของโฮลี่เบบี้”

 

ในตอนที่ไป๋ว่านเจี้ยได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนกลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่หานเซิ่นก็สัมผัสได้ว่าไป๋ว่านเจี้ยนั้นไม่พอใจอย่างมาก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset