Super God Gene – ตอนที่ 2849

“เจ้าจะต้องตายและข้าจะรอดชีวิต นั่นคือการเดิมพันที่ดีที่สุดที่ข้าจะเดิมพัน”
อี๋ซาพูดอย่างเย็นชา ในมือของเธอกำลังถือมีดเขี้ยวที่เหมือนกับคริสตัลหรือหยกอยู่ หลังจากนั้นเธอก็ฟันมันออกไปในทิศทางของหานเซิ่น

มีดลมปราณสีม่วงกลายเป็นผีร้ายที่กำลังร้องคำราม มันตรงเข้าไปเพื่อกลืนกินหานเซิ่น

หานเซิ่นยิ้ม เขาใช้ฝักมีดในมือเหมือนกับมีดและแทงมันออกไปข้างหน้า

แต่หานเซิ่นไม่ได้ใช้พลังมีดเขี้ยวดาบ เขาแค่ใช้พละกำลังล้วนๆเพื่อปะทะกับมีดลมปราณสีม่วงของอี๋ซา

ปัง!
เมื่อการโจมตีทั้งสองฝ่ายปะทะกัน มีดลมปราณสีม่วงที่ดูเหมือนกับผีร้ายก็ถูกตัดขาดโดยฝักมีดในมือของหานเซิ่นและสลายไปในอากาศ

‘อี๋ซาพัฒนาถึงขั้นลาร์วาแล้วหรอเนี่ย’
หานเซิ่นคิดในใจ ‘ด้วยพลังของเธอในตอนนี้ เธอเหนือกว่าอัลฟ่าของเผ่ารีเบทในอดีตเรียบร้อยแล้ว’

อี๋ซาดูเหมือนจะรู้ว่าการโจมตีนั้นไม่ได้ผลกับดอลลาร์ หลังจากนั้นจู่ๆมีดเขี้ยวก็เกิดการผันผวนขึ้น

จริงๆแล้วมันไม่ใช่มีดเขี้ยวที่กำลังผันผวน แต่มันเป็นอวกาศรอบๆ พลังของมีดเขี้ยวนั้นไม่ได้รั่วไหลออกมา แต่มันเพราะเป็นพลังงานที่อยู่รอบๆที่กำลังไหลเข้าไปในมีดเขี้ยวแทน

ทันใดนั้นจู่ๆมีดเขี้ยวที่ดูเหมือนกับคริสตัลหรือหยกก็ถูกย้อมเป็นสีม่วงเข้ม มันดูเหมือนกับเขี้ยวของผีร้ายที่ออกมาจากขุนนรก

‘การผันผวนของพลังนี้คล้ายคลึงกับพลังเขี้ยว แต่มันแตกต่างออกไป นี่เป็นพลังแบบไหนกันแน่?’
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็รู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่ามันคือพลังอะไร
‘ตัววิชามีดเขี้ยวดาบนั้นหยุดอยู่ที่ระดับเทพเจ้าขั้นพริมิทีฟเท่านั้น ส่วนอี๋ซาเป็นขั้นลาร์วาเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือจะต้องถูกปรับแต่งขึ้นด้วยตัวเอง นี่คงจะต้องเป็นวิชามีดเขี้ยวดาบที่อี๋ซาปรับแต่งขึ้นมา วิชามีดเขี้ยวดาบนี้จะแตกต่างไปจากวิชามีดเขี้ยวดาบในอดีตยังไงกันนะ?’

หานเซิ่นไม่ได้รีบร้อนจะโจมตี เขาอยากจะเห็นวิชามีดที่อี๋ซาปรับแต่งขึ้นมาโดยใช้วิชามีดเขี้ยวดาบเป็นฐานซะก่อน เขาอยากจะรู้ว่ามันมีพลังแบบไหนกันแน่

สายตาที่ดุดันของอี๋ซาจ้องตรงไปที่หานเซิ่น การผันผวนของมีดเขี้ยวในมือของเธอนั้นอ่อนลงเรื่อยๆ แต่มีดกลับมีสีม่วงเข้มขึ้นเรื่อยๆแทน สีม่วงนั้นดูเข้มซะจนมันเหมือนจะกลายเป็นสีดำ

หานเซิ่นรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย มันเป็นปฏิกิริยาเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงอันตราย มันทำให้ใบหน้าของหานเซิ่นดูเอาจริงเอาจังยิ่งกว่าเดิม

“เจ้าต้องการจะเดิมพันอย่างนั้นสินะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเดิมพันกันว่าเจ้าจะรอดชีวิตไปจากการฟันของข้าได้ไหม”
อี๋ซายกมีดเขี้ยวที่ดูเหมือนกับเขี้ยวผีร้ายขึ้นเหนือหัว หลังจากนั้นเธอก็ฟันออกไปใส่หานเซิ่น

หานเซิ่นเห็นเส้นบางๆของมีดลมปราณพุ่งตรงเข้ามาหาเขา มันบางยิ่งกว่าเส้นผมเส้นหนึ่งซะอีก คนปกตินั้นคงจะมองไม่เห็นมีดลมปราณนี้

ที่ไหนก็ตามที่มีดลมปราณพุ่งผ่าน มิติของอวกาศรอบๆก็จะถูกฉีกขาด มันเป็นอะไรที่น่ากลัวยิ่งกว่าวิชาตัดอวกาศของธาตุอวกาศซะอีก

มีดลมปราณพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และหานเซิ่นก็ไม่มีเวลาจะลังเล เขารวบรวมพลังในฝักมีดและฟันสวนกลับไปใส่มีดลมปราณที่บางเหมือนกับเส้นผม

อย่างเงียบๆฝักมีดที่แข็งแรงเทียบได้กับสมบัติระดับเทพเจ้านั้นหักโดยมีดลมปราณที่บางนั่น และมีดลมปราณก็ยังคงพุ่งต่อมาที่ร่างกายของหานเซิ่น

หานเซิ่นทำการตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนตัวหลบและมีดลมปราณที่น่ากลัวก็พุ่งผ่านไหล่ของเขาไป แต่ชุดเกราะบริเวณไหล่และเนื้อหนังของเขาก็ถูกเฉือนไปด้วย

มีดลมปราณนั้นขยายออกไปเรื่อยๆ ที่ไหนก็ตามที่มีดลมปราณผ่านไป สีม่วงของมันก็จะแพร่กระจายเหมือนกับหมึกที่ถูกหยดลงในน้ำ มันค่อยๆย้อมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ

อวกาศนั้นไม่ใช่น้ำ มันไม่สามารถถูกย้อมสีได้ แต่มีดลมปราณสีม่วงที่น่ากลัวนั้นฉีกผ่านอวกาศไปเรื่อยๆ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่พลังเขี้ยวน่ากลัวถึงขนาดนั้น? มันฉีกอวกาศได้อย่างต่อเนื่อง”
เมื่อเห็นอวกาศยังคงถูกฉีกขาดต่อไปเรื่อยๆ ระดับเทพเจ้าหลายคนก็รู้สึกตกใจ

“นั่นไม่ใช่พลังเขี้ยวล้วนๆ มันเป็นการรวมพลังในการตัดบางอย่างเข้าไปด้วย แม้แต่ดอลลาร์ก็ทนต่อความคมของพลังนั่นไม่ได้ ดูเหมือนว่าราชินีแห่งมีดจะฝึกวิชามีดเขี้ยวดาบมากซะจนมันไปถึงระดับใหม่ที่สูงกว่าเดิมแล้ว ความแข็งแกร่งของพลังนั่นไม่ได้เลวร้ายไปกว่าวิชาจีโนที่มีพลังทำลายล้างสูงที่สุดในจักรวาลเลย” ผู้นำปราสาทนภาลูบเครา เขายิ้มอย่างพึงพอใจ

เขานับถืออี๋ซาถึงขนาดที่เขาต้องการจะรับเธอเป็นลูกศิษย์ ถึงแม้มันจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นทำให้เขาไม่ได้รับเธอเป็นลูกศิษย์ แต่เขาก็ยังรู้สึกชื่นชมในตัวเธอ

ไม่สำคัญว่ามันจะเคยเกิดอะไรขึ้น ในเมื่ออี๋ซานำเผ่ารีเบทมาเข้ากับปราสาทนภา เขาก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนกับเป็นลูกศิษย์คนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นไม่ว่าอี๋ซาจะมีพรสวรรค์สักแค่ไหน เธอก็คงจะไม่เก่งกาจถึงขนาดนี้ในเวลาอันสั้น

“วิชามีดเขี้ยวดาบนี่น่ากลัวยิ่งนัก จากนี้เป็นต้นไปมันจะถูกเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในวิชาจีโนที่ดีที่สุดในจักรวาล” ลุงสองไป๋ปู้อีพูด

อวกาศกำลังถูกฉีกขาด และบาดแผลบนไหล่ของหานเซิ่นเองก็เช่นกัน ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายซีโน่เจเนอิค การฉีกขาดจึงไม่ได้เกิดขึ้นเร็วนัก แต่ถึงอย่างนั้นลมปราณสีม่วงก็กำลังแพร่กระจายไปทั่วบาดแผลของเขา และทำให้บาดแผลของเขาฉีกออกมากขึ้นอย่างช้าๆ

“นั่นเป็นมีดลมปราณที่ทรงพลังมากๆ แต่ถ้าเจ้าคิดว่ามีดลมปราณแบบนี้จะฆ่าข้าได้ เจ้าก็ประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว ข้าคือดอลลาร์”
หลังจากที่หานเซิ่นพูดจบ จู่ๆบาดแผลบนไหล่ของเขาก็หยุดนิ่งไป มันเหมือนกับว่าบาดแผลและมีดลมปราณสีม่วงนั้นถูกแช่แข็งไป

หานเซิ่นบังคับฟันเฟืองจักรวาลให้หยุดหมุน มันทำให้บาดแผลบนไหล่ของเขาหยุดฉีกขาดไปมากกว่านั้น แต่พลังของเขาไม่เพียงพอจะย้อนการหมุนของฟันเฟืองจักรวาล ดังนั้นบาดแผลจึงไม่หายไป

“ถ้าการฟันครั้งเดียวไม่พอ ข้าก็แค่ต้องฟันอีกครั้ง” เสียงของอี๋ซาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง เธอใช้มีดเขี้ยวฟันออกไปข้างหน้าติดต่อกันเป็นชุด

มันไม่มีการป้องกันเข้ามาเกี่ยวข้อง วิชามีดของเธอเป็นสิ่งที่ใช้สำหรับการโจมตีล้วนๆ และนั่นคือทั้งหมดของมัน แต่ความจริงแล้วเธอไม่มีความจำเป็นต้องป้องกัน ด้วยพลังทำลายล้างที่น่ากลัวของวิชามีดเขี้ยวดาบใหม่นี้ มันสามารถจะฉีกทุกสสารให้ขาด ถ้าเธอฆ่าศัตรูได้ก่อนที่ศัตรูจะฆ่าเธอ นั่นก็คือการป้องกันที่ดีที่สุด

หานเซิ่นถือฝักมีดที่หักและยิ้มแห้งๆออกมา เขาคิดกับตัวเอง
‘เธอไม่แม้แต่จะต้องการฝักมีดนี่! เธอแค่ต้องการจะฆ่าเราเพียงอย่างเดียว!’

หานเซิ่นยกฝักมีดขึ้นและเตรียมตัวจะกวัดแกว่งมันอีกครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ ในจุดที่ฝักมีดหักนั้นมีแสงประหลาดส่องออกมาจากภายใน

หานเซิ่นไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่มีเวลาจะมัวมาดูฝักมีด เพราะตอนนี้มีดลมปราณสีม่วงของอี๋ซาใกล้จะมาถึงตัวเขาแล้ว เขาจำเป็นต้องรีบหลบมัน

ในจังหวะที่หานเซิ่นหลบมีดลมปราณที่เข้ามา มีดลมปราณก็ไม่ได้หายไป และพวกมันคงอยู่ในอวกาศเหมือนกับสายฟ้า มันไม่ใช่แค่คงอยู่ในอวกาศเท่านั้น มันยังฉีกสิ่งที่อยู่รอบๆ ในชั่วพริบตาอวกาศก็เต็มไปด้วยมีดลมปราณสีม่วง มันเหมือนกับว่ามีใยแมงมุมสีม่วงในอวกาศ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset