Super God Gene – ตอนที่ 2886 จุดดวงไฟในนามคริสตัลไลเซอร์

“มิสเตอร์อัลฟ่า” เมื่อพวกเขาเห็นเบิร์นนิ่งแลมป์อัลฟ่าบินเข้ามา บุดด้าทุกคนก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นกว่าเดิม

เบิร์นนิ่งแลมป์โบกมือเพื่อส่งสัญญาบอกให้ทุกคนหยุดพูด เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด
“มิสเตอร์หานมาที่บุดด้าคิงดอมและทำลายแสงบุดด้าที่ปกป้องพวกเราทำไมกัน?”

“เพื่อทำให้เผ่าพันธุ์ของพวกเจ้าสูญพันธุ์” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา

สีหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์เปลี่ยนไป เขาดูเหมือนจะพยายามกลั้นความโกรธของตัวเองเอาไว้ ขณะที่เขาขมวดคิ้วและถาม
“หานเซิ่น เจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องที่เคยเกิดขึ้นอย่างนั้นใช่ไหม? พวกเราควรจะพูดคุยกันอย่างมีเหตุผล”

หลังจากนั้นเบิร์นนิ่งแลมป์ก็เอาของอย่างหนึ่งออกมา มันคือมีดเขี้ยวที่ทำขึ้นมาจากอสูรตัวหนึ่ง เขาพูดขึ้นว่า
“ข้ารู้ว่าเจ้านั้นโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่มีดเปล่านั้นถูกทำลายขณะที่มันถูกนำไปทำเป็นอาวุธ มีดเล่มนี้คือมีดเขี้ยวเสือ มันทำขึ้นมาจากซีโน่เจเนอิคระดับเทพเจ้าที่ถูกเรียกว่าเสืออวกาศ มันเป็นอาวุธระดับเทพเจ้าที่ไม่เลวเลย มันเหมาะสมกับวิชามีดเขี้ยวดาบอย่างมาก นี่เป็นของขวัญที่พวกเราบุดด้าจะขอมอบให้กับเจ้า ข้าหวังว่านี่จะทำให้เจ้ายอมปล่อยให้เรื่องที่ผ่านมาแล้วมันแล้วกันไป”

“เบิร์นนิ่งแลมป์ มีดเหตุและผลแห่งกรรมที่เจ้าเคยใช้ในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนนั่นก็คือมีดเปล่าของข้า” หานเซิ่นยิ้มให้กับเบิร์นนิ่งแลมป์

ใบหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์ไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาพูดขึ้นว่า
“มิสเตอร์หานคิดมากเกินไปแล้ว มันเป็นแค่มีดเปล่าเล่มหนึ่ง พวกเราจะใช้มันทำเป็นอาวุธขั้นทรูก็อตขึ้นมาได้ยังไง? มีดเหตุและผลนั้นคือของศักดิ์สิทธิ์ที่เผ่าบุดด้าใช้ความพยายามและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อสร้างมันขึ้นมา มันเป็นอาวุธเผ่าพันธุ์ของพวกเรา”

“เบิร์นนิ่งแลมป์ อย่าบอกว่าข้าไม่มอบโอกาสให้กับเจ้า” หานเซิ่นพูด
“นอกจากมีดเหตุและผลแล้ว เจ้ายังต้องมอบอาวุธขั้นทรูก็อตและวัสดุขั้นทรูก็อตที่เจ้าได้รับจากการประลองให้กับข้า แบบนั้นข้าถึงจะปล่อยให้เรื่องที่ผ่านไปแล้วให้มันแล้วกันไป”

“อย่าพูดไร้สาระ!”

“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผู้นำเผ่าเวรี่ไฮหรือโกลเด้นโกรวเลอร์อย่างนั้นหรอ?”

“ไม่มีความจำเป็นที่พวกเราต้องเสียเวลาพูดกับคนที่ไม่รู้ถึงฐานะของตัวเองแบบนี้ เขาทำลายแสงบุดด้าที่ปกป้องพวกเรา พวกเราควรจะฆ่าเขา”

บุดด้าระดับราชันทุกคนรู้สึกโกรธอย่างมาก พวกเขาต่างก็คิดว่าหานเซิ่นนั้นขอมากเกินไป

สีหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์ดูเย็นชาขึ้นมา เขามองไปที่หานเซิ่นและพูด
“เพื่อเห็นแก่ราชินีแห่งมีดและปราสาทนภา ถ้าเจ้าไปซะตอนนี้ ข้าจะถือว่าเจ้าไม่เคยมาที่นี่ แต่ถ้าเจ้ายังทำตัวไม่มีเหตุผลแบบนี้ ก็อย่ามาหาว่าพวกเราโหดร้ายกับเจ้า”

หานเซิ่นรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างเย็นชาว่า
“เบิร์นนิ่งแลมป์ ข้าก็แค่อยากจะมอบโอกาสให้กับเจ้าและเผ่าบุดด้าเท่านั้น แต่เจ้ากลับไม่เห็นค่ามัน”

เบิร์นนิ่งแลมป์อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็ปล่อยแสงประหลาดออกมา แสงนั่นเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันย้อมทั้งอวกาศด้วยสีประหลาด และทำให้ดวงดาวทั้งหมดมืดลงไป

“ข้า…หานเซิ่นจะจุดดวงไฟตะเกียงเผ่าพันธุ์ในนามของคริสตัลไลเซอร์”
เสียงของหานเซิ่นดังก้องไปทั่วจักรวาล มันเหมือนกับว่าจักรวาลนั้นตอบสนองต่อเสียงของเขาและส่งมันต่อไปยังทุกซอกทุกมุมในจักรวาล

ท่ามกลางเสียงก้องกังวลของหานเซิ่น จีโนฮอลล์ค่อยๆปรากฏออกมา

“โอ้มายก็อด! จีโนฮอลล์ปรากฏออกมาอีกแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้น? จีโนฮอลล์ที่เคยปรากฏออกมาแค่ศตวรรษละครั้ง ตอนนี้ปรากฏออกมาติดต่อกันหลายต่อหลายครั้ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“หานเซิ่นจะจุดดวงไฟในตะเกียงสำหรับเผ่าคริสตัลไลเซอร์ แต่ทุกตะเกียงในจีโนฮอลล์นั้นถูกจุดไปหมดแล้ว นี่เขาจะท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ไหนกัน?”

“น่าสนใจ คริสตัลไลเซอร์เคยพยายามจุดดวงไฟในตะเกียงของจีโนฮอลล์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จและเกือบจะถูกทำลายจนสูญพันธุ์ไป ตอนนี้หานเซิ่นตั้งใจจะจุดดวงไฟในตะเกียงอีกครั้ง เขาจะเลือกเผ่าพันธุ์ไหนกัน?”

“มันจะเป็นเหมือนในอดีตหรือเปล่านะ? เขาจะเลือกท้าสู้กับหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่ใหญ่โตเหมือนกันไหม?”

“ก็อดฟาเธอร์หานกำลังจะจุดดวงไฟในตะเกียงเผ่าพันธุ์ นี่เป็นอะไรที่น่าสนใจ ด้วยกำลังของสเปชการ์เด้นแล้ว การจะโค้นล้มเผ่าพันธุ์ชั้นสูงระดับต่ำก็ควรจะไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป”

ภายในปราสาทนภาอี๋ซากำลังเล่นหมากรุกอยู่กับผู้นำปราสาทนภา จู่ๆพวกเขาก็ได้ยินเสียงของหานเซิ่นดังขึ้นมา พวกเขาทั้งคู่รู้สึกแปลกใจ

“เด็กคนนั้นออกมาก่อเรื่องอีกแล้ว” ผู้นำปราสาทนภาพูดด้วยรอยยิ้ม
“เขาจะท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ไหนกัน?”

อี๋ซาดูกังวล “ไม่สำคัญว่ามันจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหน ปัญหาคือทางเวรี่ไฮกำลังตามหาตัวเขาอยู่ การที่เขาแสดงตัวออกมาแบบนี้ เผ่าเวรี่ไฮก็จะหาตัวเขาพบไม่ใช่หรอ? และข้ากลัวว่าด้วยความโกรธแค้นในอดีต เขาคงจะเลือกท้าสู้กับเผ่าบุดด้า ผู้นำก็น่าจะรู้ถึงสถานการณ์ของเบิร์นนิ่งแลมป์ในตอนนี้”

“เด็กคนนั้นไม่ได้โง่” ผู้นำปราสาทนภาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเขากล้าแสดงตัวออกมา เขาก็ต้องมีแผนการอยู่ มันไม่มีความจำเป็นที่เจ้าต้องไปกังวล”

ภายในอีกสิ่งก่อสร้างหนึ่งของปราสาทนภา ยวิ๋นซู่อีมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างแปลกๆ
“หานเซิ่นจะจุดดวงไฟในตะเกียงเพื่อเผ่าคริสตัลไลเซอร์ เขาจะท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ไหนกัน?”

ภายในเอ็กซ์ตรีมคิง องค์หญิงไป๋เวยเห็นหานเซิ่นในอวกาศ สีหน้าของเธอดูซับซ้อน

“จุดดวงไฟสำหรับคริสตัลไลเซอร์อย่างนั้นหรอ…”
ผู้นำพยุหะโลหิตพูดด้วยรอยยิ้ม “หานเซิ่นคนนี้น่าสนใจจริงๆ”

สิ่งมีชีวิตมากมายทั่วทั้งจักรวาลหันมามองดูการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกันภายในเผ่าเวรี่ไฮ เอ็กซ์ควิสิทก็ดูกังวล
“ทำไมเขาถึงแสดงตัวออกมาในเวลาแบบนี้? เขาแสดงตัวในที่สาธารณะและต้องการจะจุดดวงไฟในตะเกียง แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรจากการขอให้คนของเวรี่ไฮไปจับตัวเขา”

“พี่ไม่ต้องกังวลไป ถ้าเขาคิดจะทำอะไรแบบนี้ เขาก็ต้องเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว” หลี่เคอเอ๋อพยายามพูดปลอบใจ

เอ็กซ์ควิสิทฝึกเวรี่ไฮเซ้นส์ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล
“ข้าไม่ได้กังวลว่าเขาจะจุดดวงไฟในตะเกียงได้หรือเปล่า ถึงแม้เขาจะทำได้ แต่ด้วยการแทรกแซงของเผ่าเวรี่ไฮ เขาก็คงจะทำไม่สำเร็จ เขาไม่ควรจะแสดงตัวออกมาในตอนนี้จริงๆ”

ทุกเผ่าพันธุ์มองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเห็นหานเซิ่นยืนอยู่ตรงหน้าจีโนฮอลล์ พวกเขาอยากรู้ว่าหานเซิ่นจะท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ไหนกันแน่

ใบหน้าของเบิร์นนิ่งแลมป์และบุดด้าคนอื่นๆดูซีดไป พวกเขารู้ว่าเผ่าพันธุ์ไหนที่หานเซิ่นจะท้าสู้ด้วย แต่พวกเขาไม่สามารถทำใจเชื่อมันได้

มันไม่สำคัญว่าหานเซิ่นจะมีชื่อเสียงมากขนาดไหน ชื่อเสียงนั่นก็เป็นแค่ชื่อเสียงที่เขาได้มาจากพลังในการอวยพรเท่านั้น ส่วนในเรื่องพลังที่แท้จริงของเขาแล้ว เขาไม่สามารถเทียบกับเบิร์นนิ่งแลมป์ที่ได้อันดับที่แปดสิบสี่ในการประลองของบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนได้ มันจึงยากที่จะเชื่อว่าหานเซิ่นนั้นจะท้าสู้กับเผ่าบุดด้า

เมื่อจีโนฮอลล์ปรากฏขึ้นอย่างสมบูรณ์ หานเซิ่นก็ชี้นิ้วของเขาออกมา นิ้วของเขามีหยดเลือดอยู่ และหยดเลือดนั่นก็บินออกไปที่ประตูของจีโนฮอลล์

ในตอนที่หยดเลือดเข้าใกล้ประตูของจีโนฮอลล์ ประตูก็เปิดออก ตะเกียงทั้งหมดกำลังส่องแสงอยู่ภายในจีโนฮอลล์ พวกมันทำให้ทั้งจักรวาลสว่างไสวราวกับว่าเป็นเวลากลางวัน

ทุกคนในจักรวาลจ้องไปที่หานเซิ่น และประตูจีโนฮอลล์ที่เปิดออกเพื่อเผยให้เห็นตะเกียงที่ส่องแสงอยู่ภายใน นี่พิสูจน์ว่าจีโนฮอลล์ตอบรับความต้องการของหานเซิ่น ตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะเลือกท้าสู้กับเผ่าพันธุ์ไหน

หานเซิ่นมองไปยังตะเกียงทั้งหมดที่ลุกโชนอย่างสว่างไสว พวกมันเป็นเหมือนกับอสูรที่มองมาที่เขาด้วยดวงตาที่หิวกระหาย

ใบหน้าของหานเซิ่นไม่เปลี่ยนไป เขาขยับริมฝีปากและพูดออกไปว่า
“บุดด้า!”

ในตอนที่หานเซิ่นพูดคำนั้นออกมา ตะเกียงอื่นก็มัวลงไปและเหลือเพียงแค่ตะเกียงเดียวที่ยังลุกโชน และแสงจากตะเกียงนั้นก็สว่างไสวยิ่งกว่าเดิม

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset