Super God Gene – ตอนที่ 2935 เนื้อในหม้อ

หานเซิ่นเห็นเป่าเอ๋อกำลังกินเนื้อและดื่มไวน์อย่างตะกละตะกลาม เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “เหลือไว้ให้พ่อบ้าง”

 

“หนูเหลือเนื้อชิ้นใหญ่เอาไว้ให้พ่อ” เป่าเอ๋อตักเนื้อชิ้นใหญ่ขึ้นให้กับหานเซิ่น

 

“เป่าเอ๋อ หนูเป็นเด็กดีจริงๆ” หานเซิ่นใช้มือรับเนื้อเอาไว้

 

“พ่อควรจะลองดื่มไวน์นี่ด้วย มันรสชาติดีมากเหมือนกัน” เป่าเอ๋อส่งขวดไวน์ให้กับหานเซิ่น

 

หานเซิ่นยกมันขึ้นมาดื่มและพบว่ามันมีรสชาติหวานมาก ไวน์นี้ไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยม มันยิ่งกว่าเหมาะสมที่จะดื่มคู่กับเนื้อชั้นดีพวกนี้

 

ขณะที่ดื่มไวน์เข้าไป หานเซิ่นก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นในหัว

“ยีนระดับเทพเจ้า+1”

 

‘โอ้มายก็อด! ไวน์นี่ก็เพิ่มยีนระดับเทพเจ้าให้กับเราเหมือนกัน?’

หานเซิ่นตกใจ หลังจากที่เขากินชิ้นเนื้อเข้าไปอีกชิ้น มันก็มีเสียงประกาศดังขึ้นมา ตอนนี้เมื่อเขาดื่มไวน์เข้าไป เขาก็ได้ยินเสียงประกาศดังขึ้นมาอีก

 

“เราโชคดีจริงๆ…” หานเซิ่นดีใจอย่างมาก

 

พ่อและลูกสาวกินดื่มกันอย่างรื่นเริง ในเวลาเพียงไม่นานพวกเขาก็กินเนื้อในหม้อและดื่มไวน์จนหมด เป่าเอ๋อยกหม้อขึ้นมาทั้งหม้อและดื่มน้ำซุปทั้งหมดเข้าไปในอึกเดียว หลังจากนั้นเธอก็ยื่นลิ้นออกมาเลียของเหลวที่เปื้อนอยู่ใบหน้าของเธอจนหมด ดูเหมือนกับว่าเธอยังอยากจะกินอีก

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะยังกินไม่เต็มอิ่ม แต่เขาก็เก็บยีนระดับเทพเจ้าจนครบหนึ่งร้อยแล้ว เขาจึงไม่โลกมากอีก

 

หานเซิ่นเอนหลังพิงรั้วของศาลาอย่างพึงพอใจ เป่าเอ๋อเอามือลูบท้องของเธอขณะที่เอนตัวถัดไปจากเขา

 

“ไวน์และเนื้อนี่ดีมากๆ แต่ไม่รู้ว่าเราจะทำมันขึ้นมาด้วยตัวเองได้ยังไง ถ้าทำได้ เราก็คงจะได้กินมันทุกๆวัน” หานเซิ่นพูด

 

“ถ้าหนูได้กินเนื้อและดื่มไวน์ดีๆแบบนี้ทุกวัน หนูก็ยินดีจะอยู่ที่นี่ตลอดไป” เป่าเอ๋อดูแอบหวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน พ่อจดจำรสชาติของพวกมันได้” หานเซิ่นพูด

“ในตอนที่พวกเรากลับไปที่บ้าน พวกเราจะจ้างพ่อครัวมาลองทำมันขึ้นมา”

หานเซิ่นคิดว่าถ้าพ่อครัวคนเดียวไม่สามารถจำลองรสชาตินี้ได้ เขาก็จะจ้างพ่อครัวฝีมือดีทุกคนในสหพันธ์ เพื่อจะได้มีโอกาสลิ้มรสชาตินี้อีกครั้ง

 

“ดีเลย แบบนั้นหนูก็จะได้กินเนื้อและดื่มไวน์รสชาติดีแบบนี้ทุกๆวัน” เป่าเอ๋อดีใจกับเรื่องนั้น

 

พ่อและลูกสาวนั่งเอนหลังพิงกำแพงและคิดเกี่ยวกับการได้กินเนื้อและดื่มไวน์ดีๆแบบนี้ตลอดไปในอนาคตข้างหน้า มันถือเป็นการพักผ่อนไปในตัว พวกเขาไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าต้องเจอกับอะไรอีกบ้าง

 

มันถือเป็นเรื่องยากที่จะหาสถานที่ปลอดภัยแบบนี้ในเซเคร็ด พวกเขาจึงต้องการจะฟื้นฟูพลังงานของตัวเองให้ได้มากที่สุดก่อนที่จะออกเดินทางกันอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป่าเอ๋อ แว่นกันแดนที่เธอใช้นั้นกินพลังงานจำนวนมาก มันจึงเป็นเรื่องดีที่เธอจะได้หยุดพัก

 

หลังจากที่เธอได้กินเนื้อเข้าไป สภาพของเธอก็ดูดีขึ้นมาก เธอไม่ได้ดูเหนื่อยล้าเหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว

 

หานเซิ่นหลับตาลงขณะที่เอนหลังพิงกับรั้วของศาลา เป่าเอ๋อนอนหลับข้างหานเซิ่นขณะที่ลูบหน้าท้องของเธอ เธอดูจะอิ่มหนําสําราญ

 

ตลอดเวลาที่หานเซิ่นและเป่าเอ๋อกินดื่มกันอย่างรื่นเริงนั้น ปลาทองตัวใหญ่และปลาทองน้อยต้องรออยู่ด้านนอกศาลา ถึงแม้ปลาทองน้อยอยากจะมากินด้วย แต่หม้อหินนั้นมีขนาดเล็กเกินไป มันแทบจะไม่พอทำให้หานเซิ่นและเป่าเอ๋ออิ่มท้อง ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงไม่ได้แบ่งให้กับพวกมัน

 

หลังจากผ่านไปสักพัก จู่ๆจมูกของหานเซิ่นได้กลิ่นหอมของเนื้อโชยมาอีก เขาคิด ‘เนื้อนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถึงพวกเราจะกินหมดไปนานแล้ว แต่มันก็ยังคงมีกลิ่นหอมหลงเหลืออยู่’

 

ไม่นานก่อนที่สีหน้าของหานเซิ่นจะเปลี่ยนไป เขาได้ยินเสียงเดือดของน้ำ ถึงแม้มันจะไม่ได้ดังมาก แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

 

หานเซิ่นลืมตาขึ้นมาและมองไปที่หม้อหินที่อยู่บนโต๊ะหิน เขาเห็นว่าหม้อหินที่ถูกเป่าเอ๋อดื่มน้ำซุปไปจนหมดแล้วนั้นมีเนื้อและน้ำซุบมาเพิ่มอีก

 

“หม้อเนื้ออีกหม้อหนึ่ง!” เป่าเอ๋อทั้งตกใจและดีใจ

 

หานเซิ่นไม่ได้ดีใจเหมือนอย่างเป่าเอ๋อ สถานการณ์มันไม่ปกติ หม้อหินอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา แบบนั้นมันจะมีเนื้อและน้ำซุบมาอยู่ในหม้อได้ยังไง?

 

หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารีบหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาดู และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ขวดไวน์ที่ดื่มไปจนหมดแล้วนั้นมีไวน์มาเพิ่มอีก

 

“นี่มันอะไรกัน?” หานเซิ่นใช้ออร่าตงเสวียนสแกนสวนศักดิ์สิทธิ์อีกหลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงไม่พบอะไร

 

สายตาของหานเซิ่นไปหยุดอยู่ที่รูปปั้นหยก มันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมและมองออกไปด้านนอกสวนขณะที่ถือแก้วไวน์เอาไว้ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

“นี่มันแปลกจริงๆ ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ได้โดยที่เราไม่รู้สึกตัว?”

หานเซิ่นขมวดคิ้ว ขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เป่าเอ๋อก็ได้ยกช้อนขึ้นมาและเตรียมจะตักเนื้อขึ้นมากินแล้ว

 

หานเซิ่นต้องการจะหยุดเป่าเอ๋อเอาไว้และบอกเธอว่าอย่าเพิ่งกิน แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากทางเข้าสวนศักดิ์สิทธิ์

 

“หานเซิ่น ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”

 

หานเซิ่นหันหน้าไปมองและเห็นว่าคนที่เข้ามาในสวนศักดิ์สิทธิ์คือหนึ่งในเอ็กซ์ตรีมคิงระดับเทพเจ้าที่ติดตามราชครูกู่เยวียน ชื่อของเขาคือหยางยวิ๋นเซิง

 

“ทำไมนายมาคนเดียว? ราชครูกู่เยวียนและคนอื่นๆอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงด้วยความสับสน

 

หยางยวิ๋นเซิงดูขมขื่นขณะที่พูดขึ้นว่า “ข้าไม่อยากจะพูดเกี่ยวกับมัน ในตอนที่ราชครูกู่เยวียนพาพวกเราเข้าไปในความมืด พวกเราคิดว่าจะไปถึงตะเกียงที่อยู่ข้างหน้าได้ แต่ถึงพวกเราจะเดินไปหลายร้อยไมล์ พวกเราก็ยังคงอยู่ในความมืด หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ยินเสียงของบางสิ่งเข้ามาใกล้ มันโจมตีใส่ใบเสมาของไชนิ่งอัมเบรลล่า ราชครูกู่เยวียนจึงให้พวกเราถือร่มเอาไว้ ขณะที่เขาวิ่งออกไปจากการป้องกันของร่มเพื่อต่อสู้กับศัตรู”

 

หานเซิ่นไม่พูดอะไร เขารู้ว่ามันไม่ได้จบเพียงแค่นั้น ไม่อย่างนั้นหยางยวิ๋นเซิงก็คงจะไม่มาที่นี่ตามลำพัง

 

หยางยวิ๋นเซิงพูดต่อ “พวกเราทั้งสี่คนถือไชนิ่งอัมเบรลล่าเอาไว้ ขณะที่พวกเราพยายามจะไปให้ถึงแสงสว่างของตะเกียงต่อไป ก็มีบางสิ่งมาโจมตีใส่ใบเสมาของไชนิ่งอัมเบรลล่าอีกครั้ง และหลังจากที่ถูกโจมตีเข้าหลายครั้ง ในที่สุดไชนิ่งอัมเบรลล่าก็ถูกทำลาย ข้าไม่เห็นว่าสิ่งที่โจมตีพวกเราคืออะไรกันแน่ แต่พลังของมันส่งข้ากระเด็นออกไป มันทำให้ข้าตกลงไปในความมืดมิด ข้ารู้สึกราวกับว่าตัวเองตกลงไปในเหวลึก”

 

“พลังของความมืดนั้นเป็นเหมือนกับเครื่องบด ข้าพยายามใช้พลังทั้งหมดเพื่อต้านมันเอาไว้ แต่ข้าป้องกันมันไม่ได้ แม้แต่สมบัติป้องกันตัวของข้าก็ถูกทำลายไป ในตอนที่ข้าคิดว่าต้องตายแน่ๆ ข้าก็หล่นลงมาในบริเวณที่มีแสงสว่างของตะเกียง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในความมืดไม่ได้แสดงตัวออกมาอีกครั้ง แต่ข้ารู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังมองมาที่ข้าจากในความมืด แต่ดูเหมือนมันจะไม่กล้าเข้ามาในแสงสว่างของตะเกียง”

ขณะที่หยางยวิ๋นเซิงพูด ตัวของเขาก็สั่นรัว เขามองไปรอบๆสวนศักดิ์สิทธิ์ราวกับว่าเขายังรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองมาที่เขา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset