Super God Gene – ตอนที่ 2941 หานหยี่เฟย

 

หานเซิ่นเคยเห็นชื่อนั้นมาก่อน แต่มันแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังจำมันได้ดี ในม้วนกระดาษที่เขาเคยได้รับมา มันมีชื่อของคนที่เคยฆ่าพระเจ้าบันทึกเอาไว้อยู่หลายคน และชื่อของหานหยี่เฟยก็อยู่ในนั้นด้วย แต่ความผิดของเธอที่ถูกบันทึกเอาไว้ไม่ใช่การฆ่าพระเจ้า แต่มันเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าแทน บทลงโทษสำหรับการดูหมิ่นต่อพระเจ้านั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายยิ่งการฆ่าพระเจ้า นั่นเป็นเหตุผลที่หานเซิ่นจำมันได้เป็นอย่างดี

 

มันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาจดจำมันได้ ผู้หญิงคนนั้นมีนามสกุลหานเหมือนกับเขา  นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาจดจำชื่อนั้นได้

 

“หานหยี่เฟยเป็นคนจากเผ่าพันธุ์ไหน? นางมีตำแหน่งอะไรในเซเคร็ด?” หานเซิ่นถาม

 

ไนน์เทาซันด์คิงส่ายหัวและพูด “ข้าไม่รู้ มันไม่มีใครรู้ว่าหานหยี่เฟยเป็นคนของเผ่าพันธุ์ไหน นางเป็นผู้หญิงที่ลึกลับมากๆ แม้แต่ผู้นำเซเคร็ดก็ปฏิบัติกับนางเป็นอย่างดี เขาทำทุกอย่างที่นางบอกให้เขาทำ ท่านผู้นำนั้นมีการทดลองลับมากมาย และผู้หญิงคนนั้นก็คอยรับผิดชอบหลายการทดลอง ตำนานบอกว่าหานหยี่เฟยวิจัยเกี่ยวกับพลังเซเคร็ดของท่านผู้นำและค้นพบวิธีที่จะทำลายมัน แต่นั่นก็เป็นแค่ตำนานเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ แต่ถึงมันจะเป็นความจริง มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเรา พวกเราคงจะหาตัวหานหยี่เฟยจากที่นี่ไม่ได้”

 

“หานหยี่เฟยคนนั้นมีหน้าตาเป็นยังไง?”

หลังจากที่หานเซิ่นได้ยินสิ่งที่ไนน์เทาซันด์คิงพูด หัวใจของเขาก็เต้นรัว ‘หานหยี่เฟยคนนี้ฟังดูคุ้นๆ เธอจะใช่ผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลกไหมนะ?’

 

หานเซิ่นเชื่อว่าการสันนิษฐานของเขาน่าจะถูกต้อง ผู้หญิงบนภูเขาสองโลกนั้นทำงานวิจัยร่วมกับผู้นำเซเคร็ด และเธอก็ถูกขังอยู่บนภูเขาสองโลกโดยที่ไม่สามารถตายได้ บทลงโทษที่บันทึกเอาไว้บนม้วนกระดาษก็พูดถึงอะไรทำนองนั้น

 

“ข้าไม่รู้ นอกจากผู้นำเซเคร็ดและคนสำคัญอีกไม่กี่คน คนอื่นๆไม่เคยมีโอกาสได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง โดยปกตินางจะสวมใส่หน้ากากประหลาดเอาไว้ แม้แต่ขั้นทรูก็อตที่มีวิชาจีโนในการมองทะลุสิ่งต่างๆก็มองไม่เห็นใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากาก นอกจากผู้นำเซเคร็ดแล้ว คนที่น่าจะเคยเห็นใบหน้าของนางก็คงจะเป็นขุนพลเพอเพิลไฟต์ ผู้นำเซเคร็ดให้ขุนพลเพอเพิลไฟต์คอยคุ้มครองหานหยี่เฟย”

ไนน์เทาซันด์คิงหยุดพูดและกลับมาดูบูดบึ้งอีกครั้ง เขาพูดต่อ “มันไร้ประโยชน์ที่จะมาพูดถึงเรื่องพวกนั้นในตอนนี้ เจ้ามีวิชาจีโนที่ลดระดับของขั้นทรูก็อตได้ไม่ใช่หรอ? เจ้าใช้มันเพื่อทำลายพลังเซเคร็ดได้ไหม?”

 

หานเซิ่นส่ายหัวและพูด “พลังของข้าใช้ได้ผลกับสิ่งมีชีวิตเท่านั้น สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ดังนั้นวิชาจีโนของข้าจึงใช้ไม่ได้ผล”

 

มันไม่ใช่ว่าคัมภีร์นภาอำพันจะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว แต่ถึงมันจะมีประโยชน์ หานเซิ่นก็คิดจะไม่ทำลายพลังที่ควบคุมสวนศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ เขาต้องการจะล้วงความลับจากไนน์เทาซันด์คิงให้มากกว่านี้

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าไนน์เทาซันด์คิงนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรจริงๆหรือว่ามันเป็นเพราะเขาหวาดกลัวเกินกว่าจะบอกทุกสิ่งทุกอย่าง

 

ดวงตาของหยางยวิ๋นเซิงค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ หานเซิ่นมองไปที่หยางยวิ๋นเซิงและคิด

‘ดูเหมือนว่าไทม์ลูปจะส่งผลกับสิ่งที่อยู่ในสวนศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วเท่านั้น คนนอกอย่างพวกเราไม่ได้รับผลกระทบจากไทม์ลูป อย่างน้อยร่างกายของพวกเราก็ไม่ได้ถูกย้อนกลับไป’

 

“ส่วนเนื้อที่เรากินเข้าไปนั้น… ยีนระดับเทพเจ้าที่เราได้รับก็หายไปเช่นกัน นั่นหมายความว่าถ้าบางสิ่งถูกเอาออกไปจากที่นี่ พวกมันก็จะกลับคืนสภาพเดิมเช่นกัน” หานเซิ่นมองไปที่รูปปั้นของหว่านเอ๋อร์

“ถ้ารูปปั้นนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหว่านเอ๋อร์ และนางเคยอาศัยอยู่ที่นี่ บางทีเธออาจจะรู้วิธีที่จะหนีออกไป”

 

แต่สำหรับตอนนี้หานเซิ่นยังไม่คิดจะปลุกหว่านเอ๋อร์ให้ตื่นขึ้นมา เขาหันไปมองไนน์เทาซันด์คิงที่กำลังเดินไปเดินมา เขาเดินออกประตูหน้าและกลับเข้ามาจากประตูหลัง สวนศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเหมือนกับคุกที่น่ากลัว มันเป็นคุกที่พวกเขาไม่มีวันถูกปล่อยออกไป

 

ไนน์เทาซันด์คิงไปยืนอยู่ในศาลา แต่จู่ๆเขาก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา ขณะที่มองไปที่รูปปั้นของหว่านเอ๋อร์

 

“เจ้าพบอะไรอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นรีบวิ่งเข้ามา เขามองตามสายตาของไนน์เทาซันด์คิงและเห็นว่ารูปปั้นยังคงดูเหมือนเดิม มันไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไร

 

หานเซิ่นเคยตรวจสอบรูปปั้นนั่นหลายรอบแล้ว แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษเกี่ยวกับรูปปั้น

 

ไนน์เทาซันด์คิงดูตื่นเต้นมากๆ เขาชี้ไปที่รูปปั้นและพูด

“รูปปั้นนี่… รูปปั้นนี่จะต้องเป็นกุญแจเพื่อออกไปจากสวนศักดิ์สิทธิ์”

 

“อะไรที่ทำให้เจ้าคิดแบบนั้น?” หานเซิ่นไม่เข้าใจ

 

“รูปปั้นนี้สวมใส่เสื้อผ้าอยู่ ข้าจึงไม่ได้สังเกตมาก่อน แต่ตอนนี้เมื่อข้ามองดูดีๆ ข้าเห็นว่ารูปปั้นนั้นเชื่อมต่อกับทั้งศาลา และรูปปั้นนี้…” ไนน์เทาซันด์คิงตื่นเต้นเกินกว่าที่จะพูดอะไรมากกว่านั้น

 

“รูปปั้นนี้มีอะไร?” หานเซิ่นถาม

 

“ถ้าข้าดูไม่ผิดล่ะก็ รูปปั้นหยกนี่ทำขึ้นมาจากเขาของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ จริงๆแล้วนี่ไม่ใช่รูปปั้น มันคืออาวุธขั้นทรูก็อต”

ไนน์เทาซันด์คิงดูประหลาดใจและพูดต่อไปว่า “ในสวนศักดิ์สิทธิ์นี้อย่างอื่นเป็นสิ่งธรรมดา ไม่ว่าจะดอกไม้หรือต้นหญ้าในสวน มันมีเพียงแค่รูปปั้นที่เป็นสมบัติขั้นทรูก็อต มันจะต้องเป็นจุดรวมพลังเซเคร็ดที่ขังพวกเราเอาไว้ไม่ผิดแน่”

 

ที่ไนน์เทาซันด์คิงพูดฟังดูมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่หานเซิ่นไม่ได้เห็นด้วยซะทีเดียว

 

จากสิ่งที่ไนน์เทาซันด์คิงพูด ผู้นำเซเคร็ดนั้นดีกับน้องสาวของเขามากๆ ถ้าเป็นแบบนั้นทำไมเขาถึงได้สร้างรูปปั้นของหว่านเอ๋อร์และใช้มันเป็นจุดรวมพลังเซเคร็ด

 

ถ้าเป็นหานเซิ่น เขาจะไม่มีวันสร้างรูปปั้นของเป่าเอ๋อหรือหลิงเอ๋อขึ้นมาเพื่อจะให้คนอื่นมาแตะต้องมัน

 

ไนน์เทาซันด์คิงไม่สนใจ เขาเชื่อว่ารูปปั้นนั้นคือปมของปัญหา เขาคิดว่ามันคือจุดศูนย์กลางของพลังเซเคร็ดที่ขังพวกเขาเอาไว้ แต่เขาไม่กล้าจะแตะต้องรูปปั้นหยกด้วยตัวเอง เขาหันไปมองหยางยวิ๋นเซิงและพูด

“เจ้า! มาเคลื่อนย้ายรูปปั้นนี้”

 

“เจ้าฆ่าทหารได้ แต่เจ้าจะลดเกียรติพวกเขาไม่ได้ ฆ่าข้า ถ้าเจ้าต้องการ แต่ไม่มีทางที่ข้าจะยอมเสี่ยงเพื่อเจ้า” หยางยวิ๋นเซิงพูด ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังออกมา เขาต้องการจะต่อสู้กับไนน์เทาซันด์คิง

 

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้ามีสิทธิ์เลือก” ไนน์เทาซันด์คิงหัวเราะ ดวงตาบนชุดเกราะสีเขียวเข้มเปิดออก มันเหมือนกับสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยดวงตา มันปลดปล่อยแสงประหลาดออกมา

 

หยางยวิ๋นเซิงนั้นตาบอด ในตอนที่แสงประหลาดส่องไปที่ตัวของเขา มันก็เหมือนกับว่าเขาสูญเสียวิญญาณไป พลังที่เขาปลดปล่อยออกมาดับลงไป และเขาก็เริ่มเดินเข้ามาในศาลา

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว แต่เขาไม่ได้หยุดสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น หยางยวิ๋นเซิงนั้นไม่ใช่เพื่อนของเขา และเขาก็เกลียดชังเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง มันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องช่วยหยางยวิ๋นเซิง

 

หานเซิ่นคิด ‘ถึงแม้ราชาไป๋จะมอบผลกระโยชน์หลายอย่างให้กับเรา แต่เขาก็เกือบจะทำให้เราต้องตาย แค่เราไม่ไปล้างแค้นเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิง มันก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว’

หานเซิ่นแค่ยืนมองหยางยวิ๋นเซิงที่กำลังเดินเข้าไปหารูปปั้นและยื่นมือออกไปสัมผัสมัน

 

หานเซิ่นไม่คิดจะสัมผัสรูปปั้นก่อนเป็นคนแรก ไนน์เทาซันด์คิงเองก็หวาดกลัวต่อผู้นำเซเคร็ด ดังนั้นเขาจะไม่สัมผัสมันเช่นกัน หยางยวิ๋นเซิงจึงต้องเป็นคนแรกที่สัมผัสรูปปั้น

 

ในตอนที่นิ้วของหยางยวิ๋นเซิงสัมผัสกับเสื้อผ้าของรูปปั้น หยางยวิ๋นเซิงก็กรีดร้องออกมา มันเหมือนกับว่าร่างกายทั้งร่างของเขาถูกผลักออกไปโดยพลังบางอย่าง เขากระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงของสวนศักดิ์สิทธิ์จนกระอักเลือดออกมา

 

“ไร้ประโยชน์จริงๆ!” ในตอนที่เห็นแบบนั้น ใบหน้าของไนน์เทาซันด์คิงก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เขาจะไม่ไปแตะต้องรูปปั้นอย่างแน่นอน เขามองไปที่หานเซิ่นกับเป่าเอ๋อ หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ปลาทองตัวใหญ่และพูด

“ในเมื่อพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว เจ้าก็ควรให้สัตว์เลี้ยงของเจ้าลองดู มันเป็นหนทางเดียว”

 

“ลองดูเองสิ ข้าไม่คิดว่ารูปปั้นจะเป็นต้นตอของพลังเซเคร็ดที่ขังพวกเราเอาไว้” หานเซิ่นพูด

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset