Super God Gene – ตอนที่ 2951 เปิดเซเคร็ด

อีแร้งแก่พูดขึ้นมาเป็นคนแรก “ถึงแม้เจ้าจะมีสายเลือดของนายน้อย เจ้าก็ไม่สิทธิที่จะขโมยสปิริตของนายน้อยไป เจ้าต้องมอบสปิริตศักดิ์สิทธิ์คืนมาให้กับพวกเรา”

 

“ใช่แล้ว สปิริตศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกคืนกลับมา” เรดโกสต์พูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น

 

“นี่พวกเจ้าคิดจะก่อกบฏอย่างนั้นหรอ?” สีหน้าของไนน์เทาซันด์คิงเปลี่ยนไป

 

อาเหมยหัวเราะและพูดกับหานเซิ่น “เจ้าเป็นพ่อของนายน้อย ดังนั้นจึงถือว่าเจ้าเป็นแขกของเซเคร็ด แต่สปิริตศักดิ์สิทธิ์นั้นสำคัญมากๆ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ต้องการจะขโมยสิ่งที่เป็นของลูกชายตัวเองหรอกใช่ไหม? ข้าหวังว่าเจ้าจะยินดีคืนสปิริตศักดิ์สิทธิ์มา”

 

“ข้าจะคืนสปิริตศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเจ้าต้องพาเสี่ยวฮวามาพบกับข้าก่อน และข้าจะคืนมันให้กับเขา” หานเซิ่นพูด

 

“ในตอนนี้เสี่ยวฮวาไม่ได้อยู่ในเซเคร็ด” อาเหมยพูด

“เจ้าควรจะฝากสปิริตศักดิ์สิทธิ์เอาไว้กับข้า และข้าจะเป็นคนนำมันไปมอบให้กับนายน้อยเอง”

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะรอจนกว่าเขาจะกลับมา” หานเซิ่นตอบ

 

“ถ้ามิสเตอร์หานจะมอบมันคืนให้กับลูกของเขา ทำไมมิสเตอร์หานต้องฝากมันเอาไว้กับพวกเจ้าด้วย?”

ไนน์เทาซันด์คิงตะโกนจากด้านข้างของหานเซิ่น “รีบนำทางให้กับมิสเตอร์หาน ให้มิสเตอร์หานไปรอนายน้อยของพวกเจ้าในปราสาทศักดิ์สิทธิ์”

 

“เขาเข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้” เรดโกสต์พูด

 

“มิสเตอร์หานเป็นพ่อทางสายเลือดของนายน้อย ทำไมเขาจะเข้าไปในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้?” ไนน์เทาซันด์คิงถามอย่างไม่พอใจ

 

เรดโกสต์มองไปที่ไนน์เทาซันด์คิงและพูด “หยุดตะโกนสักที ผีเสื้อเติบโตมาจากหนอนผีเสื้อ ผีเสื้อนั้นบินได้ แล้วหนอนผีเสื้อล่ะบินได้ไหม?”

 

“นั่นหมายความว่ายังไง?” ไนน์เทาซันด์คิงโกรธ

 

“ก็หมายความตามที่ข้าบอก มอบสปิริตศักดิ์สิทธิ์มาและไสหัวไปซะ! ในตอนที่นายน้อยจำเป็นต้องใช้มัน มันจะตกเป็นของเขาเอง” เรดโกสต์และไนน์เทาซันด์คิงจ้องหน้ากัน

 

“เจ้ากล้าดียังไงมาเมินเฉยต่อมิสเตอร์หานแบบนี้! เขาถูกบอกให้มาที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์โดยท่านผู้นำ นี่พวกเจ้าคิดจะขัดคำสั่งของท่านผู้นำอย่างนั้นหรอ?” ไนน์เทาซันด์คิงโกรธจัดจนตัวสั่น

 

“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่ออย่างนั้นหรอ?” เรดโกสต์ถามด้วยความดูถูก

 

ไนน์เทาซันด์คิงต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ปีศาจสาวพูดขึ้นมาก่อน

“เทาซันด์อาย ปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เหมือนกับที่อื่น ที่นั่นคือความหวังสุดท้ายของเซเคร็ด มีเพียงแค่นายน้อยเท่านั้นที่มีคุณสมบัติที่จะเข้าไปข้างใน ถ้าเจ้ายังคงภักดีต่อเซเคร็ด อย่างน้อยเจ้าก็ควรจะเข้าใจในเรื่องนั้น”

 

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ อาเหมยก็หันมาพูดหับหานเซิ่น

“แมวเก้าชีวิตคงจะเคยบอกกับเจ้าเกี่ยวกับสถานการณ์ของนายน้อยอย่างนั้นสินะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ พวกเราก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เขาจะไม่เป็นอันตรายใดๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนั้น ในตอนนี้นายน้อยกำลังจะเลื่อนไปสู่ระดับเทพเจ้า ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็จะสร้างเซเคร็ดกลับขึ้นมาใหม่ หลังจากนั้นประตูของเซเคร็ดก็จะเปิดออก และเจ้าจะเข้ามาพบกับเขาในฐานะแขกอย่างเป็นทางการของเซเคร็ด”

 

“ส่วนสปิริตศักดิ์สิทธิ์นั่นเป็นสิ่งที่นายน้อยจำเป็นต้องใช้ ไม่อย่างนั้นในตอนที่เซเคร็ดเปิดออกอีกครั้ง นายน้อยก็จะไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยอันตราย เจ้าเป็นพ่อของนายน้อย เจ้าคงไม่อยากเห็นนายน้อยต้องเป็นอะไรไปอย่างนั้นใช่ไหม?”

ปีศาจสาวหลี่ตาและพูดต่อ “ที่ข้าบอกกับเจ้ามากขนาดนี้ ก็เพราะเจ้าเป็นพ่อของนายน้อย ถ้าเป็นคนอื่นละก็ พวกเราจะไม่มัวเสียเวลาพูดแบบนี้ พวกเราเคารพเจ้าในฐานะพ่อของนายน้อยและหวังว่าเจ้าจะเข้าใจในเรื่องนี้”

 

“จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เซเคร็ดเปิดออกอีกครั้ง? อันตรายแบบไหนที่เสี่ยวฮวาต้องเจอ?” หานเซิ่นขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่อาเหมย

 

“นั่นเป็นเรื่องของเซเคร็ด! มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า” อีแร้งแก่พูด

 

หานเซิ่นมีสีหน้าที่มืดมัว “เรื่องของเซเคร็ด? เสี่ยวฮวาคือลูกชายของข้า เจ้าจะบอกว่าเรื่องของลูกชายข้า ไม่ใช่ธุระของข้าอย่างนั้นหรอ?”

 

“เด็กน้อย อย่าทำให้พวกเราต้องลงมือกับเจ้า ถ้าพวกเราจำเป็นต้องต่อสู้กับเจ้าเพื่อแย่งสปิริตศักดิ์สิทธิ์มา พวกเราก็จะไม่ยั้งมือเพียงเพราะเห็นว่าเจ้าเป็นพ่อของนายน้อย”

ร่างกายของเรดโกสต์ปลดปล่อยออร่าที่น่ากลัวออกมา มันพยายามจะกดดันหานเซิ่น

 

หานเซิ่นเป็นคนที่หัวแข็งมากๆ นอกจากนั้นเรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเสี่ยวฮวา เขาไม่คิดจะยอมถอยให้กับอีกฝ่าย

 

“ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่มีความสามารถพอ” หานเซิ่นพูด เขาหยิบมีดเหตุและผลออกมา และถือโล่เมดูซ่าส์เกซในมืออีกข้างหนึ่ง

 

ถึงแม้สปิริตศักดิ์สิทธิ์กับวิญญาณอสูรจะมีชื่อที่ต่างกัน แต่แก่นแท้แล้วพวกมันเหมือนกัน ถ้าหานเซิ่นใช้กำลังเพื่อแย้งชิงวิญญาณอสูรจากคนอื่นไม่ได้ เขาก็ใช้กำลังเพื่อแย้งชิงสปิริตศักดิ์สิทธิ์จากคนอื่นไม่ได้เช่นเดียวกัน ถ้าเจ้าของตายไป สปิริตศักดิ์สิทธิ์ก็จะหายไปด้วย หานเซิ่นไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอาสปิริตไปจากเขาได้ ไม่อย่างนั้นปีศาจสาวก็คงจะโจมตีเขาไปนานแล้ว เธอคงจะไม่เสียเวลาพูดกับเขามากขนาดนี้

 

สีหน้าของเรดโกสต์ อีแร้งแก่และคนอื่นๆเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าหานเซิ่นจะมีปฏิกิริยาแบบนั้น

 

ในยุคสมัยของเซเคร็ด พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้เทียมทาน มีผู้คนไม่มากนักที่จะต่อกรกับพวกเขาได้ และในยุคสมัยนี้พวกเขาคู่ควรกับคำว่าไร้เทียมทานยิ่งกว่าเมื่อก่อนซะอีก

 

แม้แต่คนที่แข็งแกร่งอย่างผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาที่ถูกบอกว่าเป็นที่สุดของที่สุดในจักรวาลก็ยังถูกอสูรยักษ์ไร้ดวงตาจับตัวอย่างง่ายดาย

 

หานเซิ่นเป็นแค่สิ่งมีชีวิตจากก็อตแซงชัวรี่ และเขาก็เป็นแค่ขั้นบัตเตอร์ฟลายเท่านั้น ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นก็กล้าขึ้นเสียงกับพวกเขา พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

 

“เป็นอะไรไป?” หานเซิ่นดูสงบนิ่ง เขามองผ่านอีแร้งแก่เข้าไปในความมืดมิด หานเซิ่นกำลังมองไปในตำแหน่งที่เรดโกสต์ปรากฏตัวออกมา ถ้าการสันนิษฐานของเขาถูกต้อง ที่นั่นก็คือที่ที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่

 

“ข้าไม่สนใจว่าที่นี่คือที่ไหน ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าเป็นใคร ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับการเปิดเซเคร็ดขึ้นอีกครั้ง เซเคร็ดนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรในสายตาของข้า ถ้าปราสาทศักดิ์สิทธิ์นั่นเป็นบางสิ่งที่จะนำภัยมาสู่เสี่ยวฮวาล่ะก็ ข้าก็จะทำลายมันให้ย่อยยับ”

หลังจากที่หานเซิ่นพูดแบบนั้น เขาก็ส่งตะเกียงหินไปให้กับเป่าเอ๋อและพูด “เป่าเอ๋อ หนูถือตะเกียงนี้ให้กับพ่อ พวกเราจะทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์เฮงซวยนี่ เซเคร็ดเคยล่มสลายมาครั้งหนึ่งแล้ว เราจะทำให้มันเป็นแค่ประวัติศาสตร์ในหน้าหนังสือไปตลอดการ”

 

เป่าเอ๋อนั่งลงบนไหล่ของหานเซิ่น เธอถือตะเกียงหินและตะโกนอย่างตื่นเต้น “ทำลายมัน! ทำลายมัน!”

 

“เจ้ายังไม่มีความสามารถพอ” เรดโกสต์พูดด้วยความดูถูก

 

ปีศาจสาวมองไปที่ตะเกียงหินด้วยความตกใจ “ทำไมตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดถึงมาอยู่ในมือของพวกเจ้า?”

 

“อะไรนะ? ตะเกียงเผ่าพันธุ์?” เรดโกสต์ อีแร้งแก่และอสูรไร้ดวงตาตกตะลึง พวกมันมองไปที่ตะเกียงหินในมือของเป่าเอ๋อ

 

เรดโกสต์ตะโกนขึ้นมา “ตะเกียงเผ่าพันธุ์… มันคือตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดจริงๆ! มันมาอยู่ในมือของเขาได้ยังไง?”

 

“ในเมื่อตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดยังอยู่ที่นี่… นั่นก็หมายความว่า…” อีแร้งแก่ตื่นเต้นจนตัวสั่น

 

หานเซิ่นได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดและรู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับการที่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดนั้นไม่ได้อยู่ในจีโนฮอลล์ แต่มาอยู่ในจักรวาลจีโนแทน แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาที่จะมาสนใจในเรื่องนั้น เขากระโดดเข้าไปความมืดเพื่อมุ่งหน้าตรงไปที่ปราสาท

 

“ข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดหรือเผ่าพันธุ์ไหน อะไรก็ตามที่เป็นภัยต่อลูกชายของข้าจะต้องถูกทำลาย”

หานเซิ่นโกรธมากๆ เขาใช้วิชาโลหิตชีพจรและกายหยกจนถึงขีดสุด มันทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นหยกน้ำแข็งกึ่งโปร่งใส

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset