Super God Gene – ตอนที่ 2953 หัวแข็ง

 

ร่างกายของอสูรไร้ดวงตานั้นมีขนาดใหญ่ แต่มันไม่ได้งุ่มง่าม ในตอนที่มันกลิ้ง มันรวดเร็วยิ่งกว่าปีศาจสาวซะอีก เมื่อเห็นหานเซิ่นและอีแร้งแก่กำลังต่อสู้กัน อสูรยักษ์ไร้ดวงตาก็เป่าคลื่นเสียงออกไปใส่หานเซิ่น ครั้งนี้คลื่นเสียงที่มันเป่าออกไปไม่ได้เปลี่ยนเป็นวงแหวนเสียง แต่มันเป็นเสียงสูงที่ดังก้องแทน

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขากำลังสั่นไหวโดยพลังเสียงและกำลังจะพังทลาย

 

ในเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที สิ่งก่อสร้างรอบๆพวกเขาก็ถล่มลงมาตามๆกัน ไม่ว่าพวกมันจะสร้างขึ้นมาจากหินหรือโลหะ ภายใต้เสียงสูงของอสูรไร้ดวงตา พวกมันทั้งหมดก็กลายเป็นผุยผงในชั่วพริบตา

 

หานเซิ่นไม่สามารถหลบหลีกพลังเสียงที่สร้างความเสียหายกับทุกสิ่งรอบๆได้

 

ชุดเกราะปรากฏขึ้นบนร่างกายของหานเซิ่น ชุดเกราะมนตรานั้นติดกับร่างกายของเขาในตอนที่มันปรากฏออกมา มันทำลายชุดที่หานเซิ่นสวมใส่อยู่โดยเหลือเพียงแค่เสื้อคลุมสีฟ้าเข้ม

 

หลังจากที่เรียกชุดเกราะมนตราออกมา ลวดลายบนชุดเกราะก็เรืองแสงขึ้นมา และพลังอิเทอร์นิตี้ก็เข้าปกคลุมร่างกายของหานเซิ่น มันทำให้พลังเสียงสูงของอสูรไร้ดวงตานั้นสูญเสียประสิทธิภาพไป มันไม่สามารถสั่นคลอนร่างกายของหานเซิ่น

 

หลังจากนั้นในที่สุดปีศาจสาวก็ไล่ตามมาจนทัน เธอเข้ามาล้อมหานเซิ่นเอาไว้ร่วมกับอีแร้งแก่และอสูรยักษ์ไร้ดวงตา

 

“หานเซิ่น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า” อาเหมยพูดขณะที่จ้องไปที่หานเซิ่น

“มอบสปิริตศักดิ์สิทธิ์ให้กับข้า และข้าจะปล่อยเจ้าออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย”

 

“ไปพาเสี่ยวฮวามาพบกับข้าก่อน และพวกเจ้าจะได้ทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการ ไม่อย่างนั้นถึงแม้เทพจะลงมาจากท้องฟ้า ข้าก็จะทำลายปราสาทศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ย่อยยับ” หานเซิ่นพูด

 

“เจ้ากล้าดียังไงมาพูดอะไรแบบนั้น!” อีแร้งแก่โกรธจัด มันพ่นควันสีดำออกมาอย่างบ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม ควันสีดำเริ่มดันแสงของโล่เมดูซ่าส์เกซและตรงเข้าไปหาหานเซิ่น

 

“หานเซิ่น เจ้าถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง” ปีศาจสาวพูด

“มีน้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จในจักรวาลจีโนมากถึงขนาดนี้ในเวลาอันสั้น ข้ารู้สึกชื่นชมในพรสวรรค์ของเจ้า มันน่าเสียดายที่ถึงแม้เจ้าจะเป็นพ่อของเสี่ยวฮวา แต่ยีนของเจ้ากลับไม่เสถียร ในอนาคตข้างหน้าเจ้าจะไม่ถูกกล่าวขานว่าเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ข้าเชื่อว่าเจ้ารู้ในเรื่องนั้น”

 

“นั่นมันก็ไม่แน่หรอก” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“ถ้าเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังเอง ในก็อตแซงชัวรี่ เจ้าได้ดูดซับยีนของสิ่งมีชีวิตต่างๆเข้าไปและใช้มันเพื่อพัฒนาพลังของเจ้า ในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้ยีนในร่างกายของเจ้าได้รับผลกระทบและเกิดความเปลี่ยนแปลง มันทำให้ยีนของเจ้านั้นไม่เสถียร ดังนั้นไม่สำคัญว่ายีนของเจ้าจะวิวัฒนาการสักแค่ไหน ที่สุดแล้วมันก็ยังคงไม่เสถียรอยู่ดี”

 

“เสี่ยวฮวานั้นต่างออกไป ถึงแม้เขาจะมียีนของเจ้า แต่ยีนที่เขารับมาเป็นรากฐานนั้นได้รับการปรับปรุงเรียบร้อยแล้ว ปัญหาเรื่องความไม่เสถียรจึงหายไป นั่นหมายความว่าเสี่ยวฮวาได้รับประโยชน์จากยีนของเจ้าโดยไม่มีข้อบกพร่อง ดังนั้นเสี่ยวฮวาจึงมีศักยภาพอย่างที่เจ้าไม่อาจจะมีได้”

 

“แล้วมันจะยังไง? ไม่สำคัญว่าลูกชายของข้าจะดีเด่นสักแค่ไหน ยังไงเขาก็เป็นลูกชายของข้า เขาไม่ใช่เครื่องมือของเซเคร็ด” หานเซิ่นถาม

 

“พวกเราไม่เคยคิดว่าเสี่ยวฮวาเป็นแค่เครื่องมือ เขาเป็นนายน้อยของพวกเรา เขาเป็นผู้นำเซเคร็ดคนใหม่” ปีศาจสาวพูด

 

หานเซิ่นมองเธอด้วยความดูถูก “ถ้าตำแหน่งผู้นำเซเคร็ดทรงเกียรติขนาดนั้น ทำไมไม่มีใครมาแทนที่เขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา? ทำไมตอนนี้มันถึงต้องเป็นของเสี่ยวฮวา?”

 

“ก็ได้ ข้าจะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น แต่ถึงพวกเราจะปล่อยเจ้าไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ทำลายที่นั่นไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่มีวันถูกทำลาย ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะถูกทำลายไปในการต่อสู้ครั้งใหญ่นั่น และไม่อยู่มาจนถึงทุกวันนี้”

ปีศาจสาวหยุดไปชั่วครู่และพูดต่อ “เจ้าต้องเชื่อพวกเรา นายน้อยเป็นบุรุษที่ถูกเลือกโดยเทพเจ้า เขาจะสร้างเซเคร็ดขึ้นใหม่และกลายเป็นราชาของจักรวาล เจ้าเป็นพ่อของเขา เจ้าควรจะภาคภูมิใจในตัวของเขา เจ้าไม่ควรไปขวางเส้นทางความก้าวหน้าของเขา”

 

“ข้าภาคภูมิใจในตัวเสี่ยวฮวา แต่นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นผู้นำเซเคร็ดอะไรนั่น ข้าภาคภูมิใจในตัวเขาก็เพราะเขาคือลูกชายของข้า” หานเซิ่นพูด

 

อีแร้งแก่ยังคงพ่นควันสีดำออกมาขณะที่ตะโกนขึ้นมา “อย่าเสียเวลาพูดกับเขา ฆ่าเขาซะ!”

 

ปีศาจสาวยังคงมองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “เจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ก็ได้ แต่ข้าบอกเจ้าได้อย่างมั่นใจเลยว่าในตอนที่เจ้าไปถึงปราสาทศักดิ์สิทธิ์ เจ้าจะทำอะไรมันไม่ได้ เหมือนอย่างสปิริตศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าขโมยไป ถึงเจ้าจะเอามันไปได้ แต่มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์ เพราะเจ้าใช้มันไม่ได้ สปิริตศักดิ์สิทธิ์คืออาวุธจีโนที่ผู้นำเซเคร็ดสร้างขึ้นมา มีเพียงแค่คนที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะใช้มันได้ ถึงคนอื่นจะเอามันไป มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

 

หานเซิ่นรู้ว่าที่ปีศาจสาวพูดนั้นเป็นความจริง ถึงแม้เขาจะเอาสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์มา เขาก็ไม่สามารถเรียกมันออกมาใช้ได้เหมือนกับวิญญาณอสูรทั่วๆไป

 

หานเซิ่นรู้ว่ากิเลนศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้คิดจะต่อต้านเขา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันมีช่องว่างระหว่างพวกเขา ถึงแม้กิเลนศักดิ์สิทธิ์จะยินดีถูกใช้ หานเซิ่นก็ไม่สามารถใช้มันได้ พลังของพวกเขาเข้ากันไม่ได้

 

มันเหมือนกับเครื่องจักรที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าสี่ร้อยวัตต์ ขณะที่หานเซิ่นมอบไฟฟ้าได้แค่สองร้อยวัตต์ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถเปิดใช้งานเครื่องจักรได้

 

เหตุผลที่หานเซิ่นไม่ได้ลองเรียกสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ออกมาใช้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ต้องการจะใช้มัน แต่มันเป็นเพราะว่าเขาไม่สามารถเรียกมันออกมาใช้ได้

 

ปีศาจสาวเห็นว่าหานเซิ่นนั้นเชื่อที่เธอพูด เธอจึงพูดต่อว่า “แถมเจ้าก็คือพ่อของเสี่ยวฮวา เจ้าคงไม่คิดจะขโมยของของลูกชายตัวเองหรอกใช่ไหม? สปิริตศักดิ์สิทธิ์นั้นจะตกเป็นของเขาไม่ช้าก็เร็ว แบบนั้นเจ้าหัวแข็งไปทำไม? พวกเราทุกคนต่างก็หวังดีต่อเสี่ยวฮวา แบบนั้นทำไมพวกเราถึงต้องต่อสู้กันด้วย?”

 

ควันสีดำของอีแร้งแก่เกือบจะไปถึงโล่เมดูซ่าส์เกซแล้ว ตอนนี้หานเซิ่นสัมผัสได้ถึงพลังประหลาดของควันสีดำ มันเป็นเหมือนกับวังวนน้อยๆที่ดูดกลืนพลังชีวิตของทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ มันทำให้หานเซิ่นขนลุกไปทั้งตัว

 

แต่ใบหน้าของหานเซิ่นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขามองไปที่ปีศาจสาวและพูด

“ที่เจ้าพูดมามันก็สมเหตุสมผล ถ้าทุกคนต่างก็หวังดีต่อเสี่ยวฮวา พวกเจ้าก็ควรจะปล่อยให้เสี่ยวฮวากลับไปหาพ่อของเขา การที่ลูกชายอยู่กับพ่อเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ? ถ้าพวกเจ้าต้องการจะพบกับเขา? พวกเธอก็ไปหาเขาได้ ตราบใดที่เสี่ยวฮวายินดีจะพบกับพวกเจ้า ข้าก็จะไม่หยุดพวกเจ้า”

 

“หัวแข็ง” ปีศาจสาวโกรธ เธอยอมพูดถึงขนาดนี้ แต่หานเซิ่นก็ยังคงหัวแข็งจนเธอเริ่มจะหมดความอดทน

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ฮ่า! ฮ่า! พวกเจ้าขโมยลูกของเจ้าไป แต่เจ้ากับบอกว่าข้าหัวแข็ง ไม่แปลกใจเลยที่เซเคร็ดยึดครองไปทั่วจักรวาล พวกเจ้ามันพวกเผด็จการ”

 

“ถ้าเจ้ายังยืนกรานที่จะต่อสู้ เจ้าก็จะมาโทษพวกเราไม่ได้” อาเหมยเอาปิ่นปักผมออกมาและชี้มันไปที่หานเซิ่น

 

จุดของแสงดาวปรากฏขึ้นและพุ่งตรงออกไปที่ระหว่างคิ้วของหานเซิ่น

 

“เจ้าควรจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ดีกว่ามัวไปเสียเวลาพูดกับเขา”

อสูรยักษ์ไร้ดวงตาพูด ก่อนที่ร่างกายขนาดใหญ่ของมันจะขยายใหญ่ขึ้นอีก กระดูกสันหลังของมันยื่นออกมาเป็นท่อที่เหมือนกับปล่องไฟบนหลังของมัน

 

เสียงแตรรถดังออกมาจากท่อพวกนั้น คลื่นเสียงที่น่ากลัวถูกปลดปล่อยออกมา และพวกมันทั้งหมดก็พุ่งตรงเข้าไปหาหานเซิ่น

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset