Super God Gene – ตอนที่ 2963 โชคชะตา

ในตอนที่มีดเหตุและผลถูกฟันลงมา มีดแสงนับไม่ถ้วนก็ล้อมตัวหานเซิ่นเหมือนกับทั้งกาแล็กซี่กำลังร่วงหล่น

 

มีดแสงที่น่ากลัวตรงเข้าไปหาปราสาท แต่มันถูกเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์บล็อกเอาไว้ ไม่สำคัญว่ามันจะมีมีดแสงอยู่มากเท่าไหร่ พวกมันก็ผ่านเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไปไม่ได้

 

“ไร้ประโยชน์ ตะเกียงเผ่าพันธุ์กลับคืนสู่ที่ของมันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้เทพสปิริตจะมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็อะไรไม่ได้อยู่ดี นอกจากนายน้อยที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีใครทำอะไรมันได้” อีแร้งแก่พูดด้วยรอยยิ้มที่อวดดี

 

ปีศาจสาวถาม “หานเซิ่น ทำไมเจ้าถึงหัวแข็งนัก? นายน้อยเป็นผู้นำของทุกคนในจักรวาล เจ้าเป็นพ่อของเขา ทำไมเจ้าถึงต้องมาขัดขวางเส้นทางของเขาด้วย?”

 

หานเซิ่นจับมีดเหตุและผลด้วยสองมือขณะที่ฟันมีดแสงเข้าไปใส่แสงศักดิ์สิทธิ์ของปราสาท แต่แรงที่สะท้อนกลับมานั้นทำให้มือของเขาสั่นไหว ผิวหนังระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ของเขาแตกร้าวและเริ่มมีเลือดไหลออกมา

 

“เสี่ยวฮวาจะเลือกเดินบนเส้นทางนี้ก็ได้ แต่นั่นต้องเป็นการตัดสินใจของเขาเอง ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าเลือกให้กับเขา เพียงเพราะพวกเจ้ากลัวที่จะต้องเดินไปด้วยตัวเอง พวกเจ้าจึงให้เสี่ยวฮวาเป็นคนเดินบนเส้นทางนี้แทน ทั้งๆเขาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ถ้าพวกเจ้าต้องการจะสร้างเซเคร็ดขึ้นใหม่ พวกเจ้าก็ใช้ต้องเลือดของตัวเองเพื่อสร้างมันขึ้นมา พวกเจ้าพูดเหมือนกับว่าการใช้ชีวิตของคนอื่นเพื่อทำความฝันที่ตัวเองทำไม่สำเร็จเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่จริงๆแล้วมันทำให้พวกเจ้าดูน่าสมเพช” คำพูดแต่ละคำของหานเซิ่นเป็นเหมือนกับใบมีดที่แหลมคม

 

“พวกเราต้องอธิบายยังไงเจ้าถึงจะเข้าใจ? ในโลกใบนี้มีเพียงแค่นายน้อยเท่านั้นที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ใช้อาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์และควบคุมตะเกียงเผ่าพันธุ์ได้ ถึงแม้พวกเราจะอยากทำมันด้วยตัวเอง พวกเราก็ทำไม่ได้” อีแร้งแก่พูดอย่างเกรี้ยวโกรธ

 

ปีศาจสาวพูด “หานเซิ่น มันมีบางสิ่งที่ถูกลิขิตเอาไว้อยู่แล้ว เหมือนอย่างที่ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน เจ้าก็ควบคุมตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดไม่ได้ โลกใบนี้ลิขิตให้นายน้อยเป็นผู้กอบกู้ มันจึงเป็นความรับผิดชอบที่เขาต้องแบบรับ เขาไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งที่โชคชะตากำหนดให้เขาทำได้”

 

ดวงตาของหานเซิ่นดูแน่วแน่ เขายังคงใช้มีดเหตุและผลฟันใส่แสงของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ถึงแม้พลังของแสงศักดิ์สิทธิ์จะทำให้มีดเหตุและผลลุกไหม้ และทำให้ร่างกายของหานเซิ่นลุกไหม้ตามไปด้วยก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายาม

 

หานเซิ่นดูโกรธมากๆ เขาดึงพลังออกมามากขึ้นเรื่อยๆเพื่อจะทำลายคนของเซเคร็ดพวกนี้ ในที่สุดหานเซิ่นก็เปิดเผยโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาออกไป

 

“จักรวาลจะดำเนินต่อไป ถึงแม้มันจะสูญเสียคนที่สำคัญหลายคนไป ซึ่งรวมถึงตัวข้าด้วย” หานเซิ่นพูด

“ไม่มีใครที่เกิดมาเป็นผู้กอบกู้ของจักรวาล ไม่ควรมีใครถูกบังคับให้แบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นตั้งแต่ที่พวกเขาเกิดขึ้นมา เมื่อเทียบกับความตายแล้ว สิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาก็เป็นเพียงแค่ชะตากรรมที่พวกเจ้ากำหนดขึ้นมา ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะแบกรับมัน ไม่ว่าใครก็ทำตามโชคชะตาของตัวเองได้ ผู้นำเซเคร็ดเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยของเขา เขาสำเร็จทุกอย่าง เขาสั่งการทุกอย่าง เขาควบคุมทุกอย่าง ถึงแม้เขาจะทำความผิด แต่นั่นเป็นโชคชะตาที่เขาต้องแบกรับ ถึงแม้เขาจะสมควรตาย แต่ข้าก็นับถือที่เขามีความกล้าที่จะแบกรักโชคชะตาแบบนั้น ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกน้องของเขาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ประโยชน์ที่ขาดความกล้าและรักตัวกลัวตาย”

 

เมื่อปีศาจสาว อีแร้งแก่ อสูรไร้ดวงตาและเรดโกสต์ได้ยินคำพูดของหานเซิ่น พวกเขาก็รู้สึกโกรธอย่างมาก แต่พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานเซิ่น ถึงพวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียดหยาม พวกเขาก็ไม่กล้าจะออกไปต่อสู้กับหานเซิ่น

 

“เจ้าก็แค่พยายามจะเล่นคำ” อีแร้งแก่พูดอย่างเกรี้ยวโกรธ

“ถ้าเจ้าบอกว่าทุกคนแบกรักโชคชะตาของพวกเขาได้ ทำไมเจ้าไม่มาควบคุมตะเกียงเผ่าพันธุ์และปราสาทศักดิ์สิทธิ์ซะล่ะ? ถ้าเจ้าทำไม่ได้ สิ่งที่เจ้าพูดมามันก็เป็นอะไรที่เหลวไหล มันเป็นแค่คำพูดบ้าๆที่เจ้าพูดออกมาเพราะว่าเจ้าไร้ความสามารถและอิจฉา”

 

ในอดีตพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งอีแร้งแก่ ทุกคนต่างก็หวาดกลัวพวกมัน การที่หานเซิ่นบอกว่ามันขี้ขลาดตาขาวจึงทำให้มันโกรธอย่างมาก

 

“ไม่สำคัญว่าข้าจะทำสำเร็จหรือไม่ แค่ข้าทำอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว” หานเซิ่นดูแน่วแน่ คำพูดของอีแร้งแก่ไม่สามารถเปลี่ยนใจของเขาได้

 

อีแร้งแก่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มันเห็นเปลวเพลิงสีขาวลุกโชนขึ้นมาจากร่างกายของหานเซิ่น

 

“นี่…เป็นไปไม่ได้… นี่มันเป็นไปไม่ได้…” อีแร้งแก่ตกตะลึงเมื่อเห็นเปลวเพลิงสีขาว มันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

 

ปีศาจสาว เรดโกสต์และอสูรไร้ดวงตาต่างก็ตกใจเช่นเดียวกัน พวกมันมองไปที่เปลวเพลิงบนตัวของหานเซิ่นราวกับว่าพวกมันกำลังเห็นผี

 

“เป็นไปไม่ได้… นั่นมันเป็นไปไม่ได้…มีเพียงแค่คนที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะใช้อาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์…ทำไมเขาถึงได้…”

ขณะที่เปลวเพลิงรอบๆร่างกายหานเซิ่นสว่างไสวขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาของปีศาจสาวก็เบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม

 

เสียงคำรามดังขึ้นมา ขณะที่เปลวเพลิงสีขาวบนร่างกายของหานเซิ่นเปลี่ยนเป็นเงาของกิเลน มันคือสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์

 

“กิเลนศักดิ์สิทธิ์… เป็นไปไม่ได้… นอกจากนายน้อยที่มีร่างกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีใครใช้อาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์ได้อีก ไม่มีทาง…”

เมื่อเห็นเปลวเพลิงสีขาวบนร่างกายของหานเซิ่นเปลี่ยนเป็นรูปร่างของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ อีแร้งแก่ก็ดูเหมือนกับว่าวิญญาณของมันหลุดออกไปจากร่าง

 

ปีศาจสาว เรดโกสต์และอสูรไร้ดวงตาต่างก็ตกตะลึง พวกมันจ้องไปที่เงาแสงของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อย่างพูดอะไรไม่ออก

 

ตูม!

สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนกลับไปเป็นเพลิงสีขาว ขณะที่มันตรงเข้าไปหามีดเหตุและผลของหานเซิ่น แสงศักดิ์สิทธิ์ทำให้มีดเหตุและผลลุกโชนขึ้นมา เปลวเพลิงของมีดนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนเหมือนกับดวงอาทิตย์อันร้อนแรง

 

หลังจากที่สปิริตศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในมีดเหตุและผลแล้ว ใบมีดก็กลายเป็นสิ่งที่โปร่งแสงและมีเครื่องหมายสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นบนใบมีด

 

หานเซิ่นกำมีดเหตุและผลเอาไว้แน่น เขารู้สึกได้ถึงพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุดกำลังพลุ่งพล่านภายในใบมีด ซึ่งทำให้จิตใจของเขาสงบนิ่ง

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถใช้กิเลนศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ตอนนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างมันตอบสนองและเขาสามารถเรียกมันออกมาได้

 

หลังจากที่ได้สัมผัสกับพลังของสปิริตศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดหานเซิ่นก็เข้าใจว่าทำไมปีศาจสาวและคนอื่นๆถึงเชื่อมั่นว่าอาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์จะทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงขึ้นมา พลังที่กิเลนศักดิ์สิทธิ์มอบให้นั้นมากมายมหาศาลขนาดที่คนอื่นไม่มีทางจินตนาการถึงมันได้

 

แม้แต่อาวุธประจำตัวพระเจ้าอย่างหอกสกายไวน์แรดิชก็อตก็ไม่สามารถเทียบชั้นกับพลังจากสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ได้ มันเหมือนกับการเอาดวงดาวมาเปรียบเทียบกับดวงจันทร์

 

หานเซิ่นฟันออกไปและแสงของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกตัดขาดในทันที หลังจากที่หานเซิ่นเดินเข้าไป สิ่งแรกที่เขาทำลายก็คือประตูของปราสาทศักดิ์สิทธิ์

 

“ไม่… ไม่…” ปีศาจสาว อีแร้งแก่ เรดโกสต์และอสูรไร้ดวงตาดูสิ้นหวัง

 

พลังของตะเกียงเผ่าพันธุ์นั้นไม่ได้ผลกับอาวุธสปิริตศักดิ์สิทธิ์ มันไม่สามารถป้องกันการบุกเข้ามาของหานเซิ่นได้ พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหานเซิ่นถึงใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ได้ นั่นควรจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

 

ประตูของปราสาทศักดิ์สิทธิ์ถูกตัดขาดครึ่ง และทำให้มันล้มลงทั้งสองด้าน หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ถือมีดเหตุและผลเดินเข้าไปข้างใน หานเซิ่นเดินไปถึงตรงหน้ารูปปั้นหินของฉินซิวและสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้นเขาก็ยกมีดในมือขึ้นมา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset