Super God Gene – ตอนที่ 2986 คิลสกายก็อต

หลังจากที่ผ่านอวกาศที่แตกร้าวมาแล้ว คลื่นกระแทกจากด้านหลังก็เบาลงไป ในตอนที่หานเซิ่นหันกลับไปมอง เขาก็ไม่เห็นเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นคนนั้นแล้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถูกราชาไป๋หยุดเอาไว้

 

“อาวุธสปิริตที่เอ็กซ์ตรีมคิงสร้างขึ้นมานั้นทรงพลังยิ่งกว่าสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ซะอีก นั่นเป็นอะไรที่น่าตกใจจริงๆ” หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ

 

เมื่อนึกถึงเรื่องที่สิ่งนั้นมาจากอัลฟ่าของเอ็กซ์ตรีมคิง และการที่มันสืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงวันนี้ ไม่รู้ว่ามีสปิริตของซีโน่เจเนอิคมากมายเท่าไหร่ที่ถูกใช้เพื่อสร้างมันขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าจะทรงพลังถึงขนาดนี้

 

พลังของมันเพียงพอจะต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น หานเซิ่นคิดว่านั่นเป็นอะไรที่ทรงพลังเกินไปหน่อย

 

‘ทำไมราชาไป๋ถึงได้ปฏิบัติกับเราแบบนี้?’ หานเซิ่นคิด นั่นคือสิ่งที่เขาสงสัยมากที่สุด

 

ก่อนหน้านี้หานเซิ่นประหลาดใจมากแล้วที่ราชาไป๋รีบเข้ามาในวิหารพระเจ้าเพื่อช่วยเขา ตอนนี้ราชาไป๋ยังต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นเพื่อปกป้องเขา นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด

 

‘จะยังไงก็ตาม ก่อนอื่นเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่’ หานเซิ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขายังไม่กล้ากลับไปที่สเปชการ์เด้นในทันที เขาตัดสินใจเทเลพอร์ตจะไปที่ระบบจักรวาลร้าง

 

หานเซิ่นกลัวว่าเทพสปิริตคนนั้นจะตามเขาไปที่สเปชการ์เด้นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาก็กลัวว่ามันคงจะจบไม่สวยแน่ๆ

 

หลังจากที่ออกมาจากการเทเลพอร์ต หานเซิ่นก็ตรงเข้าไปในระบบจักรวาลร้าง เขาต้องการจะใช้พลังภายในระบบจักรวาลร้างเพื่อทำให้เทพสปิริตหาตัวเขาไม่เจอ หลังจากนั้นเขาก็จะหนีกลับไปที่สเปชการ์เด้นด้วยตัวตนของหานเซิ่น

 

แต่หลังจากที่หานเซิ่นเพิ่งจะเข้าไปในระบบจักรวาลร้างได้ไม่นาน เขาก็ได้ยินเสียงที่ดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง อวกาศที่อยู่รอบๆถูกทำลายทำให้พวกมันแตกร้าวเหมือนกับใยแมงมุม เทพสปิริตคนนั้นฉีกผ่านมิติอวกาศและไล่ตามเขามาจนทัน

 

‘ไหนปีศาจสาวบอกว่าเทพสปิริตที่เข้าสิงร่างกายของสิ่งมีชีวิตเพื่อจุติลงมานั้นจะถูกจำกัดพลังด้วยร่างกายที่เข้าสิง และอย่างเต็มที่พวกเขาก็จะมีพลังแค่ขั้นทรูก็อตไม่ใช่หรอ แบบนั้นทำไมพลังของเทพสปิริตคนนี้ถึงได้เหนือกว่าระดับทรูก็อต’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

หานเซิ่นมองไปที่เทพสปิริตและถาม “ราชาไป๋อยู่ที่ไหน?”

 

“เมื่อข้า คิลสกายก็อตต้องการจะฆ่า แม้แต่พระเจ้าก็หยุดข้าไม่ได้ ส่วนเขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตในจักรวาล” คิลสกายก็อตกำลังถือค้อนขนาดใหญ่ ขณะที่ลอยตัวในอวกาศและมองมาที่หานเซิ่น

 

เมื่อหานเซิ่นได้ฟังโทนเสียงของคิลสกายก็อต เขาก็รู้สึกโล่งใจ ดูเหมือนว่าราชาไป๋จะยังไม่ได้ถูกฆ่าตาย

 

คิลสกายก็อตยกค้อนในมือขึ้นและพูดด้วยความดูถูก “ผู้ที่สังหารเทพสปิริตสมควรตาย ตอนนี้ไม่มีใครปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว”

 

คิลสกายก็อตใช้มือข้างหนึ่งถือค้อนยักษ์และแกว่งมันลงมา ต่อหน้าค้อนยักษ์นั่นมันก็เหมือนกับว่าทั้งอวกาศเป็นเพียงแค่แก้วบางๆ ทุกสิ่งทุกอย่างแตกกระจายด้วยการทุบของค้อนนั่น

 

ร่างกายของหานเซิ่นปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา เขาเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้ง อวกาศที่แตกกระจายนั้นไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายของเขา

 

หานเซิ่นแทงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตเข้าไปหาคิลสกายก็อต แต่คิลสกายก็อตแกว่งค้อนเพื่อรับหอกสกายไวน์แรดิชก็อตด้วยสีหน้าดูถูก แต่ทันใดนั้นหานเซิ่นก็แว็บหายไปพร้อมกับหอก เขาไปปรากฏตัวด้านหลังของคิลสกายก็อตและแทงใส่ที่ด้านหลังหัวของอีกฝ่าย

 

“ท่าตบขั้นสุดยอด!” หานเซิ่นยังคงอยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด และเขาก็ใช้พลังของท่าตบขั้นสุดยอดจนถึงขีดจำกัด

 

ปลายของหอกแทงเข้าไปที่ด้านหลังของคิลสกายก็อต มันเกิดเป็นเสียงแตกหักของโลหะ มันเหมือนกับว่ามีโลหะไปติดเครื่องบด

 

แสงแห่งเทพกระจายออกไปทั่วเหมือนกับประกายไฟ ปลายของหอกสกายไวน์แรดิชแทงเข้าไปลึกแค่ห้านิ้วเท่านั้น พลังของท่าตบขั้นสุดยอดไม่พอที่จะทำลายโซ่สสารของคิลสายก็อต มันทำลายได้แค่โซ่สสารบางส่วนที่อยู่ด้านนอกสุดเท่านั้น

 

คิลสายก็อตแกว่งค้อนขนาดใหญ่ของเขา ขณะที่หานเซิ่นพยายามจะดึงหอกกลับมา ก่อนที่จะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเพื่อหนีออกไปจากที่นั่น

 

ภายใต้พลังของโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด อวกาศที่แตกร้าวนั้นไม่สามารถหยุดเขาจากการใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นได้ แต่หว่านเอ๋อร์ยังคงอยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตา เธอลุกโชนด้วยแสงสีทอง ซึ่งส่งผลให้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของเขาหยุดทำงาน

 

หานเซิ่นพยายามกัดฟันทน แต่เขาทนต่อไม่ไหว โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดถูกยกเลิกและเขาก็หลุดออกมาจากอุโมงค์อวกาศ

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะหนีออกมาจากอวกาศที่แตกร้าวของคิลสกายก็อตได้ แต่เนื่องจากเขายังอยู่ภายในระบบจักรวาลร้าง เขาจึงหนีไปได้ไม่ไกล

 

ถ้าไม่มีโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด กาแล็กซี่เทเลพอร์ตก็ไม่สามารถใช้ในระบบจักรวาลร้างได้ เนื่องจากพายุแม่เหล็กและวังวนอวกาศ

 

หานเซิ่นพยายามจะหนีไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ พลังความมืดของที่นั่นควรจะส่งผลกระทบต่อเทพสปิริต มันเป็นสถานที่ที่เทพสปิริตไม่กล้าเข้าไป ส่วนตัวหานเซิ่นมีสปิริตของกิเลนศักดิ์สิทธิ์อยู่ ทำให้เขาไม่ได้รับความเสียหายจากพลังความมืด ที่นั่นจึงเป็นสนามต่อสู้ที่ดีที่สุดสำหรับหานเซิ่น

 

หลังจากที่หานเซิ่นบินไปได้ไม่ไกล เสียงอวกาศถูกทำลายโดยค้อนยักษ์ของคิลสกายก็อตก็ดังขึ้นอีกครั้ง รอยร้าวที่เหมือนกับใยแมงมุมปรากฏขึ้นอีกครั้งและขังหานเซิ่นเอาไว้

 

‘หว่านเอ๋อร์นะ! หว่านเอ๋อร์! ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการจะดูแลเธอ แต่เนื่องจากมันเป็นสถานการณ์ที่คับขัน ฉันจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป’

หานเซิ่นยกมือขึ้นและหอคอยแห่งโชคชะตาก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา หลังจากนั้นเขาก็โยนมันออกไป

 

เมื่อเห็นหอคอยแห่งโชคชะตาลอยออกไปเรื่อยๆ หานเซิ่นก็รู้สึกว่าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดกลับมาใช้ได้อีกครั้ง อิทธิพลจากหว่านเอ๋อร์กำลังค่อยๆหายไป

 

“หอคอยแห่งโชคชะตา? เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่ใช่เทพสปิริต! เจ้ามีหอคอยแห่งโชคชะตาได้ยังไง?” เมื่อคิลสกายก็อตเห็นหานเซิ่นโยนหอคอยแห่งโชคชะตาออกไป เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก

 

แต่เมื่อมองดูดีๆ คิลสกายก็อตก็เห็นว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ เขามองไปที่หอคอยแห่งโชคชะตาและพูด

“ไม่สิ นี่ไม่ใช่หอคอยแห่งโชคชะตา มันเป็นแค่ของเลียนแบบเท่านั้น… เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่านี่จะเป็นหอคอยแห่งโชคชะตาที่ผู้นำเซเคร็ดเคยเลียนแบบขึ้นมา นี่มันยังไม่ได้ถูกทำลายไปหรอเนี่ย ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของผู้นำเซเคร็ด”

 

คิลสกายก็อตเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขากำค้อนยักษ์เอาไว้แน่น แต่เขายังไม่โจมตี พลังที่น่ากลัวเริ่มไปรวมตัวกันที่ค้อนขนาดใหญ่ มันมีลวดลายที่เก่าแก่และลึกลับปรากฎขึ้นทั้งสองด้านของค้อน

 

ร่างกายของหานเซิ่นเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้ง แต่ในใจของเขากำลังรู้สึกกังวล

 

จากภายในหอคอยแห่งโชคชะตาที่ถูกโยนทิ้งไป ร่างกายของหว่านเอ๋อร์กำลังลุกโชนด้วยแสงสีทองและผมของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีทอง เธอเข้าสู่สถานะพิเศษเหมือนกับหานเซิ่น แต่มันแตกต่างไปจากของหานเซิ่น โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดของหานเซิ่นไม่ได้ทำรายอะไรเขา มันแค่จะหายไปในตอนที่ร่างกายของเขาทนต่อไปไม่ไหวเท่านั้น

 

แต่หว่านเอ๋อร์นั้นต่างออกไป ในตอนที่เธอเข้าสู่โหมดผมทอง เธอจะสูญเสียพลังชีวิตไปทุกๆวินาที ถ้าเธออยู่ในโหมดผมทองนานเกินไป มันก็มีโอกาสที่พลังชีวิตของเธอจะหายไปจนหมด

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดหลังจากที่เธอเข้าสู่โหมดผมทองก็คือเธอจะจำใครไม่ได้ทั้งนั้น เธอจะกลายเป็นปีศาจที่บ้าคลั่ง มันมีโอกาสที่เธอจะออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตาโดยที่แยกแยะไม่ออกมาว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู

 

“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตาม เจ้าไปลงนรกซะเถอะ!” สัญลักษณ์บนค้อนของคิลสกายก็อตเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ขณะที่เขาทุบมันไปใส่อวกาศ

 

สัญลักษณ์นั้นประทับลงไปบนอวกาศ และในวินาทีต่อมาสัญลักษณ์ก็แตกกระจาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในสัญลักษณ์ก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงเช่นกัน ไม่สำคัญว่าสิ่งที่ถูกค้อนทุบจะเป็นดาวเคราะห์หรือดวงอาทิตย์ มันไม่มีการระเบิดหรือการปลดปล่อยพลังงานออกมา ในเวลาชั่วพริบตาทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงอนุภาค

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset