Super God Gene – ตอนที่ 2987 หว่านเอ๋อร์ตื่น

เนื่องจากหานเซิ่นกำลังอยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด พลังที่น่ากลัวของคิลสกายก็อตจึงผ่านร่างกึ่งโปร่งใสของเขาไป

 

หานเซิ่นเทเลพอร์ตไปตรงหน้าคิลสกายก็อตและแทงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตออกไปอีกครั้ง เขาจำเป็นต้องรีบลงมือ เนื่องจากหว่านเอ๋อร์คงจะทนได้อีกไม่นาน

 

หอกสกายไวน์แรดิชก็อตนำพาพลังของท่าตบขั้นสุดยอดไปที่คอของคิลสกายก็อต แต่มันเจาะเข้าไปได้เพียงแค่ไม่กี่นิ้วเท่านั้น

 

หานเซิ่นเลือกตำแหน่งที่ไม่มีชุดเกราะ เพราะถ้าเขาแทงใส่ชุดเกราะ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงแย่ยิ่งกว่านี้

 

คิลสกายก็อตไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของหานเซิ่นได้ เขาพยายามแกว่งค้อนยักษ์ที่อยู่ในมือ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าร่างกายเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด มันก็เป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์

 

หานเซิ่นยังคงแทงหอกสกายไวน์แรดิชอย่างต่อเนื่อง เขาแทงเข้าไปที่บาดแผลเดิมซ้ำๆ เขาต้องการจะตัดคอของอีกฝ่ายให้ขาด

 

แต่หานเซิ่นรู้สึกตัวอย่างรวดเร็วว่าคิลสกายก็อตนั้นฟื้นตัวเร็วกว่าความเสียหายที่ได้รับ การโจมตีอย่างต่อเนื่องของเขาจึงไม่เกิดประโยชน์อะไรมาก ก่อนที่หานเซิ่นจะแทงหอกสกายไวน์แรดิชเข้าไปอีกครั้ง บาดแผลของคิลสกายก็อตก็เกือบจะหายดีแล้ว

 

‘พลังของเรายังไม่พอที่จะฆ่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นจริงๆ’ หานเซิ่นขมวดคิ้ว

 

หว่านเอ๋อร์ที่อยู่ในหอคอยแห่งโชคชะตากำลังจะตื่นขึ้นมา สิ่งเดียวที่ทำให้หานเซิ่นดีใจคือความจริงที่ว่าถึงแม้หอคอยแห่งโชคชะตาจะถูกพลังที่น่ากลัวของคิลสกายก็อต มันก็ไม่ได้ถูกทำลาย มันแค่ถูกส่งกระเด็นออกไป แต่มันก็มีเสียงแตกร้าวดังมาจากที่ไหนสักแห่งภายในหอคอย มันฟังดูเหมือนกับว่ามันพร้อมจะแตกได้ทุกเมื่อ หานเซิ่นไม่แน่ใจว่ามันจะทนได้อีกนานแค่ไหน

 

“ถ้าข้าไม่ได้ถูกจำกัดพลังโดยร่างกายที่จุติลงมาล่ะก็ ตอนนี้เจ้าก็คงจะถูกข้าฆ่าตายไปเรียบร้อยแล้ว!”

คิลสกายก็อตมองไปที่หานเซิ่นอย่างเย็นชา เขาไม่ได้ทำการโจมตีอีกต่อไป เขาปล่อยให้หอกสกายไวน์แรดิชก็อตของหานเซิ่นแทงมาใส่ตัวเขา ถึงอย่างนั้นหานเซิ่นยังสร้างบาดแผลที่สาหัสให้กับอีกฝ่ายไม่ได้

 

“ถึงแม้ข้าจะถูกจำกัดพลัง แต่เจ้าก็ทำร้ายข้าไม่ได้อยู่ดี มาดูกันสิว่าเจ้าจะทนได้อีกนานสักแค่ไหน และเมื่อพลังของเจ้าหมดลงแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ข้าจะฆ่าเจ้า” คิลสกายก็อตพูดอย่างเย็นชาจนทำให้คนที่ได้ฟังนั้นหนาวไปถึงกระดูก

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะคงอยู่ได้นานแค่ไหน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดในฐานะขั้นทรูก็อต แต่สำหรับตอนนี้เขายังไม่ได้รู้สึกเหนื่อยล้าอะไร

 

เนื่องจากโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดไม่ได้รับอิทธิพลจากหว่านเอ๋อร์อีกต่อไป มันจึงอยู่ได้เป็นเวลานาน ซึ่งถ้าหานเซิ่นต้องการจะหนีไปจากที่นี่ คิลสกายก็อตก็หยุดเขาไม่ได้

 

แต่ถ้าเขาหนีไป หว่านเอ๋อร์ก็คงจะไม่รอด แต่ถ้าเขาพาเธอไปด้วย โหมดเทพเจ้าสปิริตขึ้นสุดยอดก็จะหายไป นั่นทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีไป

 

นอกซะจากมันจะจำเป็นจริงๆ หานเซิ่นก็ไม่คิดจะทิ้งหว่านเอ๋อร์ เขาได้พาหว่านเอ๋อร์ไปไหนมาไหนด้วยเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ดังนั้นมันเป็นเรื่องปกติที่เขาจะมีความรู้สึกต่อเธอ

 

แถมมันยังมีความลับมากมายเกี่ยวกับหว่านเอ๋อร์ที่เขายังไม่รู้ หานเซิ่นนั้นได้ดื่มร่วมกับฉินซิวสามแก้วและให้สัญญากับอีกฝ่ายว่าจะดูแลหว่านเอ๋อร์ เขาไม่สามารถกลับคำพูดของตัวเองได้

 

“เมื่อสถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ เราจะมัวมาสนใจเรื่องอื่นไม่ได้อีกแล้ว เราจำเป็นต้องใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์เพื่อเอาตัวรอดไปจากที่นี่” หานเซิ่นไม่มีทางเลือกอื่นอีก

 

หานเซิ่นรู้ว่าพลังของคิลสกายก็อตนั้นไม่ได้ไร้เทียมทานอย่างที่เขากล่าวอ้าง อย่างน้อยๆในตอนที่เขาจุติลงมา ร่างกายของเขาก็ไม่ได้ไร้เทียมทาน ไม่อย่างนั้นหอกสกายไวน์แรดิชก็คงจะทำร้ายคิลสกายก็อตแบบนั้นไม่ได้ แต่ทว่าร่างกายของคิลสกายก็อตนั้นแข็งแกร่งกว่าที่สิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตจะมีได้ หานเซิ่นไม่สามารถทำลายร่างกายของอีกฝ่ายด้วยหอกสกายไวน์แรดิช

 

แต่ถ้าหานเซิ่นใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ มันก็มีโอกาสที่จะสำเร็จ แต่ถ้าเขาใช้สปิริตศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ ความจริงเรื่องที่ว่าดอลลาร์คือหานเซิ่นก็จะถูกเปิดเผยออกมา โชคดีที่มันไม่มีใครรู้ว่าหานเซิ่นเป็นมนุษย์ ดังนั้นถึงเขาจะเปิดเผยตัวออกไป เทพสปิริตก็จะไม่ได้เล็งเป้ามาที่เขาในทันที ส่วนเรื่องในอนาคต หานเซิ่นก็คงได้แต่รอดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป

 

ขณะที่หานเซิ่นเตรียมตัวจะเรียกสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ออกมา จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงแตกหักของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้นถูกทำลายกลายเป็นผุยผงหมดแล้วด้วยพลังของคิลสกายก็อตและหานเซิ่น ดังนั้นมันไม่ควรจะเหลืออะไรให้แตกหักอีก

 

ดังนั้นในตอนที่หานเซิ่นได้ยินเสียงนั้น เขาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เขาหันไปมองและเห็นว่ามีรอยแยกเกิดขึ้นบนหอคอยแห่งโชคชะตา

 

ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนองอะไรได้ มันก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองส่องออกมาจากรอยแยกนั้น หลังจากนั้นหญิงสาวผมทองก็ลอยออกมา

 

เส้นผมสีทองของนางปลิวไสวเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของนาง หญิงสาวคนนั้นคือหว่านเอ๋อร์ที่หลับอยู่หอคอยแห่งโชคชะตา ตอนนี้หว่านเอ๋อร์ได้กลายเป็นหญิงสาวผมทอง และร่างกายทั้งร่างของเธอก็ปลดปล่อยแสงสีทองออกมา ทำให้เธอดูเหมือนกับสิ่งที่อยู่ในความฝัน

 

หว่านเอ๋อร์ดูเหมือนกับหานเซิ่นที่อยู่ในโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด แต่มันแตกต่างออกไปเล็กน้อย

 

ดวงตาของหว่านเอ๋อร์เปิดออก เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นจากการหลับใหลแล้ว แต่ดวงตาของเธอยังคงขาดโฟกัส มันทำให้เธอดูเหมือนกับซอมบี้

 

“หว่านเอ๋อร์… หว่านเอ๋อร์… เป็น…เป็นไปไม่ได้… นางยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง…”

ในตอนที่คิลสกายก็อตเห็นหญิงสาวผมสีทอง ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป มันเหมือนกับว่าเขากำลังมองเห็นผี

 

ก่อนหน้านี้ในตอนที่หานเซิ่นแทงใส่คิลสกายก็อต คิลสกายก็อตไม่ได้มีสีหน้าแบบนี้ เขายังคงมีใบหน้าที่ภาคภูมิ

 

แต่หลังจากที่ได้เห็นหว่านเอ๋อร์แค่แว็บเดียว คิลสกายก็อตก็ดูหวาดกลัว หานเซิ่นคิดว่ามันแปลกที่อีกฝ่ายแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมา

 

หานเซิ่นไม่ได้คิดว่ามันแปลกอะไรที่คิลสกายก็อตจะจำหว่านเอ๋อร์ได้ เพราะเขาชื่อว่าคิลสกายก็อตนั้นต้องเป็นหนึ่งในเทพสปิริตที่จุติลงมาในสมัยก่อน มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะเคยเห็นหว่านเอ๋อร์ที่เป็นน้องสาวของผู้นำเซเคร็ด แต่การที่คิลสกายก็อตดูหวาดกลัวเมื่อได้เห็นหว่านเอ๋อร์นั้นทำให้หานเซิ่นแปลกใจ

 

ในจังหวะที่หว่านเอ๋อร์ออกมาจากหอคอยแห่งโชคชะตา ดวงตาที่ขาดโฟกัสของเธอก็มองมาที่หานเซิ่น ซึ่งทำให้เขารู้สึกหนาวจนถึงกระดูก

 

หลังจากนั้นร่างกายของเธอก็เบลอๆ ถึงแม้จะด้วยสายตาขั้นทรูก็อตของหานเซิ่น เขาก็มองตามการเคลื่อนไหวของเธอไม่ทัน

 

หานเซิ่นถอยออกไปด้านหลังโดยสัญชาตญาณ แต่หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าหว่านเอ๋อร์ไม่ได้มาทางหาเขา เธอไปปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคิลสกายก็อต เธอยกมือขวาขึ้นอย่างไร้ความรู้สึก มือของเธอเป็นเหมือนกับมีดที่ฟันลงมาจากที่สูง เส้นผมและเสื้อผ้าสีทองปลิวไสวขณะที่เธอฟันลงมา

 

คิลสกายก็อตดูตกใจ เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ไปใส่หว่านเอ๋อร์ขณะที่ตัวเขาถอยออกไปด้านหลัง

 

มือของหว่านเอ๋อร์เต็มไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง เธอยังคงฟันลงมาโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่คู่ต่อสู้ทำ ค้อนขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับว่าสามารถทำลายได้ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นถูกตัดครึ่งอย่างง่ายดายราวกับว่าเป็นเต้าหู้

 

ใบหน้าของคิลสกายก็อตซีดเผือก เขาไม่สามารถถอยออกไปได้ทัน ใบหน้าของเขาถูกตัดตั้งแต่หน้าผากลงมาจนถึงขากรรไกรด้วยปลายนิ้วของหว่านเอ๋อร์ มันเหมือนกับว่ามีเส้นสีแดงถูกเขียนลงบนใบหน้าของเขา

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset