Super God Gene – ตอนที่ 2992 ได้รับอาวุธประจำตัวพระเจ้า

หานเซิ่นมีสิ่งประจำตัวพระเจ้าอยู่สามชิ้น เป็นของพระเจ้าเกราะนภากับอีวิลโลตัสที่เป็นขั้นเดสทรัคชั่น และของคิลสกายก็อตที่ขั้นแอนนิฮิเลชั่น

 

หานเซิ่นไปที่วิหารของอีวิลโลตัสก่อนเป็นคนแรก เขาอยากรู้ว่าอาวุธประจำตัวพระเจ้าของอีวิลโลตัสจะเป็นอาวุธชนิดไหน

 

“ทำไมดอลลาร์ปรากฏตัวออกมาอีกแล้ว? เขาเพิ่งจะฆ่าโมเม้นก็อตไปไม่ใช่หรอ?”

 

“บางทีเขาอาจจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่กระหายเลือด””

 

“ครั้งนี้เขาจะท้าสู้กับเทพสปิริตระดับไหนกัน?”

 

“มันควรจะเป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์เป็นอย่างน้อย เขาเพิ่งจะฆ่าโมเม้นก็อตที่เป็นขั้นดิแซสเตอร์ไป ดังนั้นมันไม่มีทางที่เขาจะท้าสู้กับเทพสปิริตที่ระดับต่ำกว่านั้น”

 

ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกัน หานเซิ่นก็บินตรงไปที่วิหารพระเจ้าของอีวิลโลตัส มันทำให้ผู้ชมรู้สึกแปลกๆ

 

“ทำไมดอลลาร์ถึงกำลังจะไปท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นเดสทรัคชั่น?”

 

“ไม่! วิหารพระเจ้านั้นปิดตัวอยู่ในตอนนี้ เขายังท้าสู้กับเทพสปิริตไม่ได้ แบบนั้นทำไมเขาถึงไปที่นั่น?”

 

“เกิดอะไรขึ้น?” หลังจากผ่านไปสักพัก ทุกคนก็เห็นธงบนวิหารพระเจ้าเริ่มเรืองแสงออกมา ก่อนที่จะมัวลงไปอย่างรวดเร็ว เทพสปิริตที่อยู่ข้างในจะต้องถูกฆ่าตาย

 

หานเซิ่นออกมาจากวิหารของอีวิลโลตัสและมุ่งหน้าไปที่วิหารของพระเจ้าเกราะนภาต่อ หลังจากนั้นเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นอีกครึ้ง ไม่นานหานเซิ่นก็เดินออกมาจากวิหารของพระเจ้าเกราะนภา

 

“โอ้มายก็อด! นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ดอลลาร์เข้าไปในวิหารพระเจ้าที่กำลังปิดตัวและสังหารเทพสปิริตที่อยู่ภายในได้ยังไง? นี่เขากำลังโกงอย่างนั้นหรอ?”

 

สิ่งมีชีวิตทั่วไปๆไม่ได้รู้ถึงความแตกต่างระหว่างวิหารพระเจ้าธรรมดาและวิหารพระเจ้าที่กำลังปิดตัว พวกเขาทุกคนกำลังตกตะลึง

 

“เขายังไม่กลับ ดอลลาร์กำลังมุ่งหน้าไปยังวิหารพระเจ้าที่อยู่ชั้นถัดไป นี่เขาคงจะไม่ได้ไปท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์อีกครั้งหรอกใช่ไหม?”

 

“ไม่ ดอลลาร์กำลังบินข้ามวิหารพระเจ้าขั้นดิแซสเตอร์ไป นี่เขาต้องการจะท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นอย่างนั้นหรอ?”

 

“เขาเข้าไปข้างในแล้ว”

 

ท่ามกลางสายตาของทุกคน หานเซิ่นเปิดประตูวิหารของคิลสกายก็อตที่กำลังปิดตัวและเดินเข้าไปข้างใน หลังจากนั้นประตูของวิหารพระเจ้าก็ปิดตัวเอง

 

วิหารพระเจ้าของเทพสปิริตที่ถูกฆ่าตายภายนอกปราสาทพระเจ้านั้นจะมีเฉพาะคนที่ครอบครองสิ่งประจำตัวพระเจ้าเท่านั้นที่จะเข้าไปข้างในได้ สิ่งมีชีวิตธรรมดาๆนั้นไม่เคยฆ่าเทพสปิริตที่จุติลงมา พวกเขาจึงไม่รู้ถึงเรื่องนี้

 

หลังจากที่เข้าไปในวิหารพระเจ้าของอีวิลโลตัสและพระเจ้าเกราะนภา หานเซิ่นก็ได้รับอาวุธประจำตัวพระเจ้ามาสองชิ้น อาวุธประจำตัวพระเจ้าของอีวิลโลตัสนั้นเป็นแว่นรูปดอกบัวสีม่วง ส่วนอาวุธประจำตัวพระเจ้าของพระเจ้าเกราะนภานั้นคือชุดเกราะครึ่งตัว มันแตกต่างไปจากสิ่งที่หานเซิ่นคิดเอาไว้

 

หานเซิ่นไปที่วิหารของคิลสกายก็อตต่อในทันที เมื่อเข้าไปข้างใน เขาก็เห็นร่างกายพระเจ้าที่เป็นเปลือกเปล่าของคิลสกายก็อต มันดูทรงพลังมากๆ

 

แต่หานเซิ่นไม่ได้รู้สึกหวาดกลัว เขารู้ว่าเปลือกที่ว่างเปล่านี้ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้

 

หานเซิ่นจ้องมองไปที่คิลสกายก็อต ถ้าเขาต้องการจะฆ่าเทพสปิริต เขาก็จำเป็นต้องทำลายรากฐานพระเจ้าของเทพสปิริตคนนั้น ไม่อย่างนั้นเทพสปิริตก็จะฟื้นตัวเรื่อยๆ

 

อีวิลโลตัสและพระเจ้าเกราะนภาเป็นเทพสปิริตระดับต่ำ หานเซิ่นสามารถฟันเปิดร่างกายพระเจ้าของพวกเขาเพื่อหารากฐานพระเจ้าได้อย่างง่ายดาย แต่เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นอย่างคิลสกายก็อตนั้นต่างออกไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสำหรับเขา

 

โชคดีที่หานเซิ่นได้เห็นตอนที่หว่านเอ๋อร์ฆ่าคิลสกายก็อต เขาจึงรู้ว่ารากฐานพระเจ้าของอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน

 

ครั้งนี้หานเซิ่นไม่คิดจะใช้ท่าตบขั้นสุดยอด เขากลัวว่ามันจะไปทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็เรียกหอกสกายไวน์แรดิชก็อตออกมา และใช้มันแทงใส่ร่างกายพระเจ้าของคิลสกายก็อต

 

หอกสกายไวน์แรดิชก็อตถูกแทงเข้าไปบริเวณอกของเปลือกที่ว่างเปล่าของคิลสกายก็อต ประกายไฟปะทุขึ้นทุกหนทุกแห่ง แต่การแทงของหานเซิ่นแค่สร้างรอยขีดข่วนเท่านั้น เขาไม่สามารถทำให้ร่างกายพระเจ้าของคิลสกายก็อตมีเลือดไหลออกมาได้ด้วยซ้ำ

 

“ร่างกายจริงๆของคิลสกายก็อตนั้นแข็งกว่าร่างกายที่เขาใช้ในตอนที่เขาจุติลงไปมาก”

หานเซิ่นรู้ว่าลำพังแค่พลังของหอกสกายไวน์แรดิชก็อตนั้นไม่สามารถทำลายรากฐานพระเจ้าของคิลสกายก็อตได้แน่ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่และเรียกสปิริตศักดิ์สิทธิ์ของกิเลนศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขาให้มันเข้าสิงหอกสกายไวน์แรดิชก็อตและทำให้หอกลุกไหม้ด้วยเปลวไฟสีขาว

 

หลังจากนั้นหานเซิ่นก็แทงออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้ปลายหอกเจาะทะลุผ่านผิวหนังเข้าไปได้สำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังคงติดกล้ามเนื้อและกระดูก

 

หานเซิ่นแทงใส่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาแทงอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะแทงผ่านกล้ามเนื้อและกระดูกไปได้สำเร็จ เขามองเข้าไปในอกและเห็นหัวใจที่ปลดปล่อยควันสีดำออกมา

 

“ไม่ผิดแน่!” หานเซิ่นแทงใส่หัวใจนั้นและสังเกตเห็นว่าหัวใจของคิลสกายก็อตนั้นแข็งยิ่งกว่ากระดูกและเนื้อหนังที่ปกป้องมันอยู่ซะอีก

 

หานเซิ่นใช้หอกสกายไวน์แรดิชแทงต่อไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะแทงทะลุผ่านหัวใจได้สำเร็จ เขาเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากและพูด

“โชคดีที่หมอนั่นเข้าสิงร่างของคนอื่นในตอนที่เขาจุติลงไป ถ้าเขาใช้ร่างกายพระเจ้านี้ต่อสู้กับเราล่ะก็ มันก็คงจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากยิ่งกว่าเดิม”

 

หลังจากที่ทำลายหัวใจได้แล้ว หานเซิ่นก็รีบนำกระดูกแขนของคิลสกายก็อตออกมา ร่างกายพระเจ้าเปลี่ยนเป็นสสารแสงตรงเข้าไปในกระดูกแขนที่หานเซิ่นถืออยู่

 

รัศมีสีดำของกระดูกแขนแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ มันลอยขึ้นจากมือของหานเซิ่น ในตอนที่แสงถูกดูดเข้าไปในกระดูกจนหมด แสงสีดำของกระดูกก็เบาบางลงไป ในตอนที่แสงหายไปแล้ว หานเซิ่นก็เห็นว่ากระดูกแขนนั้นได้เปลี่ยนเป็นค้อนกระดูกสีดำ

 

แต่ทว่าค้อนกระดูกนั้นมีขนาดเล็กมากๆ หัวค้อนมีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นแค่นิดเดียวเท่านั้น มันเหมือนกับค้อนยางที่ใช้กันตามบ้าน

 

“ทำไมค้อนนี่ถึงแตกต่างไปจากค้อนที่คิลสกายก็อตใช้? ค้อนของคิลสกายก็อตนั่นเป็นอะไรที่ทรงพลังมากๆ ค้อนเล็กๆนี่จะใช้ทำอะไรได้?”

หานเซิ่นบ่น แต่ทันใดนั้นก็มีแสงประกาศดังขึ้นในหัวของเขา

 

“คุณได้รับอาวุธประจำตัวพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่น: ค้อนคิลสกาย”

 

หานเซิ่นมองไปที่ค้อนคิลสกาย ชื่อของมันฟังดูทรงพลัง แต่มันมีขนาดเล็กมากๆ หัวค้อนเป็นทรงกระบอกและทั้งสองด้านของหัวค้อนมีสัญลักษณ์บางอย่างอยู่ มันดูเก่าแก่และลึกลับ แต่หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าสัญลักษณ์ทั้งสองนั้นมีความหมายว่าอะไร

 

ในตอนที่เขาต่อสู้กับคิลสกายก็อต ค้อนยักษ์ของคิลสกายก็อตก็มีสัญลักษณ์ทั้งสองนี้เช่นกัน พวกมันดูเหมือนจะเป็นตัวแทนที่บอกถึงพลัง

 

เมื่อเห็นว่าคิลสกายก็อตกำลังเกิดขึ้นมาใหม่ หานเซิ่นก็ไม่กล้าจะอยู่ต่อ เขาเก็บค้อนคิลสกายเข้าไปในจิตและรีบออกไปจากวิหารของคิลสกายก็อต

 

ทุกเผ่าพันธุ์กำลังมองไปที่วิหารนั้น ในตอนที่แสงธงพระเจ้าของวิหารดับไป พวกเขาก็เห็นหานเซิ่นเดินออกมาจากภายในวิหาร เห็นได้ชัดว่าเทพสปิริตที่อยู่ข้างในวิหารนั้นถูกหานเซิ่นฆ่าตาย

 

“จริงหรอเนี่ย? นี่ดอลลาร์ฆ่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นและทำให้วิหารปิดตัวลงได้สำเร็จอย่างนั้นหรอ?”

 

“เขาทำแบบนั้นได้ยังไง?”

 

ทุกสิ่งมีชีวิตเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ ในตอนที่หานเซิ่นเพิ่งจะออกไปจากเขตของวิหารพระเจ้า เขาก็เห็นราชาไป๋กำลังลอยตัวอยู่ในอากาศและมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset