Super God Gene – ตอนที่ 3044 แอนเชี่ยนท์อีวิลบีสต์

“นั่นหมายความว่ามันมียีนไข่ที่ทรงพลังมากๆฝังอยู่ข้างล่างนี่ใช่ไหม?”

หานเซิ่นดีใจอย่างมาก เขาใช้สองมือจับเสาเหล็กสีดำเอาไว้ เขาต้องการจะดึงมันขึ้นมาเพื่อดูว่ามีไข่ยีนแบบไหนอยู่กันแน่

 

หานเซิ่นเคยเป็นใหญ่ในโลกก่อน เขาจึงไม่สนใจไข่ยีนธรรมดาๆ เมื่อไข่ยีนที่น่าสนใจมาอยู่ตรงหน้าของเขา เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้มันหลุดมือไป

 

ส่วนเรื่องที่มันจะดุร้ายหรือไม่นั้นหานเซิ่นไม่สนใจ

 

มิสเตอร์หยางดูตกใจ เขากลัวจนวิญญาณเกือบจะหลุดออกจากร่างไป เขารีบตะโกนขึ้นมา “นายท่านอย่าทำแบบนั้น! ถ้ายีนเรซนั่นกำเนิดขึ้นมา มันจะเป็นหายนะสำหรับทุกชีวิต”

 

แต่ก่อนที่มิสเตอร์หยางจะพูดจบ สิ่งสะกดชีพจรที่ดูเหมือนกับท่อเหล็กก็ถูกหานเซิ่นดึงขึ้นมากว่าหนึ่งฟุตแล้ว ท่อเหล็กนั้นดูหนักมากๆ แต่ภายใต้พละกำลังของหานเซิ่น มันไม่เท่าไหร่ ในชั่วพริบตาเขาก็ดึงเสาโลหะสีดำที่ยาวยี่สิบฟุตขึ้นมาจากพื้นได้สำเร็จ

 

ตูม! ตูม!

ในตอนที่เสาโลหะถูกดึงขึ้นมา พื้นดินก็สั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง แม้แต่เมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนั้น มันทำให้ผู้คนคิดว่ามันเกิดแผ่นดินไหวขึ้น

 

แต่หลังจากการสั่นสะเทือนแรก ทุกอย่างก็เงียบสงบอีกครั้ง มันทำให้ผู้คนต่างก็สงสัยและเกาหัวของพวกเขา

 

มิสเตอร์หยางล้มลงไปกับพื้นจากแรงสั่นสะเทือน เขามองไปที่หานเซิ่นด้วยความตกใจ เขาตกใจมากซะจนเขาลืมที่จะวิ่งหนีไป

 

หานเซิ่นขี้เกียจเกินกว่าจะไปสนใจมิสเตอร์หยาง เขามองลงไปในหลุมที่ถูกทิ้งเอาไว้ เขาเห็นแสงสีม่วงที่กระพริบเหมือนกับไข่มุกราตรีในความมืดมิด

 

รูนั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมาก ดังนั้นเขาจึงมองเห็นแค่บางส่วนของวัตถุสีม่วงเท่านั้น แต่มันก็พอจะบอกได้ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของไข่ยีน

 

“มันมีไข่ยีนอยู่จริงๆด้วย!” หานเซิ่นดีใจ หลังจากที่เขายืนยันตำแหน่งของไข่ยีนได้แล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป เขาแกว่งออกไป

 

พื้นดินถูกตัดเปิดออกโดยมือของหานเซิ่น ตอนนี้ทุกอย่างที่อยู่ข้างใต้นั้นเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน

 

หานเซิ่นจ้องมองไปที่มัน เขาเห็นว่าในดินมีไข่ผิวหยกขนาดใหญ่กว่าสามฟุตอยู่ ภายใต้แสงของอาทิตย์มันเรืองแสงสีม่วงประหลาดออกมา บนไข่นั้นมีลวดลายมากมาย พวกมันดูเหมือนกับสัญลักษณ์ของอะไรบางอย่าง

 

“มิสเตอร์หยาง ข้าจะทำให้ไข่ยีนนี้ฝักตัวได้ยังไง?”

หานเซิ่นลงไปข้างๆไข่ยีนและยื่นมือออกไปสัมผัสเปลือกของไข่ สิ่งที่ทำให้หานเซิ่นประหลาดใจที่สุดคือความจริงที่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจโดยการสัมผัสเพียงแค่เปลือกของไข่

 

มิสเตอร์หยางถอนหายใจและพูด “ถ้านายท่านมีโลหิตชีพจรเทพสปริตร นายท่านก็แค่ต้องสัมผัสมัน เพียงแค่นั้นมันก็จะตอบสนองต่อหัวใจของนายท่าน ถ้ามันยินดีที่จะเชื่อฟังนายท่าน มันก็จะส่งข้อความให้กับนายท่าน แต่นายท่าน…”

 

ก่อนที่มิสเตอร์หยางจะพูดจบ หานเซิ่นก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการจะพูดอะไร

 

“ถ้าไม่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริต มันไม่มีทางอื่นที่จะทำให้ยีนเรซยอมรับข้าเลยอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นนั้นไม่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริต ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่สามารถสื่อสารกับมันได้

 

“ถ้ามันยังมีวิธีอื่นอยู่ โลหิตชีพจรเทพสปิริตก็คงจะไม่มีคุณค่าในสายตาของทุกคนมากขนาดนั้น”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มิสเตอร์หยางก็พยายามจะโน้มน้าวหานเซิ่น “นายท่าน ในเมื่อนายท่านใช้มันไม่ได้ ทำไมนายท่านไม่นำสิ่งสะกดชีพจรกลับไปไว้ที่เดิม”

 

หานเซิ่นเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “นั่นไม่ถูกสิ เจ้าบอกไม่ใช่หรือว่าไม่ว่าใครก็เลี้ยงยีนเรซได้”

 

“แน่นอนว่านายท่านเลี้ยงยีนเรซได้ แต่นายท่านรวมโลหิตชีพจรเข้ากับมันไม่ได้ นายท่านก็เลี้ยงมันเหมือนกับสัตว์เลี้ยงธรรมดาๆได้ ถ้านายท่านพบยีนเรซที่เชื่อง นายท่านก็อาจจะนำมันมาเลี้ยงได้ แต่ถ้านายท่านพบกับยีนเรซที่ชั่วร้าย มันก็เป็นไปไม่ได้ที่นายท่านจะเลี้ยงมัน ไข่ยีนนี้ต้องเป็นยีนเรซที่ชั่วร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ถ้ามันเกิดฝักขึ้นมาล่ะก็…”

 

ก่อนที่มิสเตอร์หยางจะพูดจบ มันก็มีเสียงแตกของอะไรบางอย่างดังขึ้นมา เปลือกของไข่ยีนเริ่มแตกร้าวจากด้านบนสุด รอยร้าวที่เหมือนกับใยแมงมุมแพร่กระจายไปทั่วผิวไข่อย่างรวดเร็ว มันทำให้มิสเตอร์หยางตกใจจนอ้าปากค้าง

 

หานเซิ่นมองไข่ยีนที่กำลังแตกร้าวด้วยความสนใจ รอยแตกของเปลือกไข่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และในเวลาเพียงชั่วครู่ทั่วทั้งผิวไข่ก็เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว มีหัวขนปุกปุยโผล่ออกมาจากไข่

 

เมื่อหานเซิ่นได้เห็นมัน เขาก็ดูประหลาดใจอย่างมาก

 

ยีนเรซที่ออกมาจากภายในไข่ยักษ์สีม่วงนั้นมีขนาดเล็กแค่พอๆกับกำปั้นเท่านั้น ร่างกายของมันดูกลมๆ มันดูเหมือนกับลูกบอลขนปุกปุย

 

ขนของมันเรืองแสงสีแดงและหางของมันขดงอ หูของมันแหลม ดวงตาของมันเพิ่งจะเปิดขึ้นและดูเหมือนว่าจะเป็นสีแดงเช่นกัน เห็นได้อย่างชัดเจนว่ามันคือแมว

 

มันไม่ใช่เพราะขนาดที่ทำให้หานเซิ่นตกใจ แต่มันเป็นเพราะแมวตัวนี้ดูคุ้นเคยอย่างมาก ไม่ว่าหานเซิ่นจะมองดูยังไง มันก็ดูเหมือนกับแมวเก้าชีวิต แต่แมวน้อยตัวนี้มีขนาดเล็กกว่าแมวเก้าชีวิตที่เขาเคยรู้จักมาก มันดูค่อนข้างน่ารัก มันไม่ได้ดูชั่วร้ายเหมือนอย่างเฒ่าแมว

 

ถึงอย่างนั้นมันก็มีอยู่หลายส่วนที่พวกมันทั้งสองดูเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นโดยทั่วไปแมวปกติจะไม่มีหางที่ใหญ่มากนัก แต่หางของแมวน้อยตัวนี้ใหญ่เหมือนกับหางของจิ้งจอก หูของมันก็แหลมกว่าแมวธรรมดาทั่วไป ทำให้เจ้าแมวน้อยดูคล้ายคลึงกับจิ้งจอก แต่ในขณะเดียวกันเจ้าแมวน้อยก็มีหลายส่วนที่เหมือนกับแมวปกติทั่วๆไป ด้วยเหตุนั้นมันจึงดูคล้ายคลึงกับแมวเก้าชีวิตอย่างมาก มันเป็นสิ่งที่ดูเหมือนแมว แต่ก็ไม่ใช่แมวซะทีเดียว และมันก็ดูเหมือนจิ้งจอก แต่ก็ไม่ใช่จิ้งจอกซะทีเดียว

 

“เหมียว” แมวน้อยออกมาจากไข่และวิ่งเข้ามาหาหานเซิ่นพร้อมกับร้องเหมียว มันพยายามใช้อุ้งเท้าปีนป่ายกางเกงของหานเซิ่น มันทำแบบนั้นด้วยความยากลำบาก

 

หานเซิ่นยื่นมือไปจับที่คอของมันและยกมันขึ้นมาไว้ตรงหน้า เขาตรวจเช็คยีนเรซที่เกิดมาใหม่อย่างละเอียด ใบหน้าของมันกลมโตและดูไร้เดียงสามากๆ มันยื่นลิ้นสีชมพูออกมาและร้องเหมียวใส่หานเซิ่น เขาต้องยอมรับว่ามันค่อนข้างน่ารัก แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดูเหมือนกับเฒ่าแมว

 

หานเซิ่นมองไปที่แมวน้อยและคิดในใจ “ไม่น่าเป็นไปได้ เฒ่าแมวนั้นตายไปแล้ว ถึงแม้มันจะยังมีชีวิตอยู่ มันก็ไม่มีทางจะย้อนวัยของตัวเองและกลับมาเป็นไข่ยีน”

 

หานเซิ่นกระโดดออกมาจากหลุมพร้อมกับเจ้าแมว ก่อนที่จะมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม

“มิสเตอร์หยาง นี่น่ะหรอยีนเรซชั่วร้ายที่เจ้าพูดถึงน่ะ?”

 

มิสเตอร์หยางดูอึ้งไป ขณะที่เขาจ้องไปที่แมวน้อยที่อยู่ในมือของหานเซิ่น เขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้

 

หลังจากผ่านไปสักพัก มิสเตอร์หยางก็พูดขึ้นว่า “ความชั่วร้ายของยีนเรซนั้นตัดสินโดยรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ ไม่ว่ายังไงมันก็ถูกสะกดด้วยสิ่งสะกดชีพจร มันเป็นแอนเชี่ยนท์อีวิลบีสต์ที่ก่อให้เกิดปรากฎการณ์ชีพจรพระเจ้าประหลาด เพราะฉะนั้นมันต้องเป็นอสูรที่ชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย…”

 

“ปรากฎการณ์ชีพจรพระเจ้าประหลาดและแอนเชี่ยนท์อีวิลบีสต์คืออะไร?”

หานเซิ่นเคยได้ยินมิสเตอร์หยางพูดเกี่ยวกับมันก่อนหน้านี้ ตอนนี้เมื่อเขาพูดอีกครั้ง หานเซิ่นก็รู้สึกว่าควรจะถามให้รู้คำตอบ

 

มิสเตอร์หยางตอบ “คนทั่วไปรู้แค่ว่ายีนเรซนั้นมีอยู่ด้วยกันหกระดับ ได้แก่ระดับราชัน ดยุก มาร์ควิส เอิร์ล ไวเคานต์และบารอน พวกเขาไม่ได้รู้ว่ามันมียีนเรซระดับที่สูงกว่านั้นอยู่ ในตอนที่ยีนเรซระดับนั้นกำเนิดขึ้นมา มันจะมีปรากฎการณ์โลหิตชีพจรประหลาดและเงาของแอนเชี่ยนท์อีวิลบีสต์เกิดขึ้น ตำนานบอกว่ามันเป็นสัญญาณในการกำเนิดของซีโน่เจเนอิคที่ชั่วร้ายที่สุด”

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset