Super God Gene – ตอนที่ 3050 ทดสอบระดับโลหิตชีพจรเทพสปิริต

หานเซิ่นยังไม่เข้าใจหลักการในการทดสอบ แต่วิธีการทดสอบนั้นเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ เขาแค่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในชุมชนเสมือน หลังจากนั้นห้องทรงกลมก็จะเริ่มหมุน มันจะหมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ

 

บนกำแพงที่กำลังหมุด มันมีตัวอักษรบางอย่างปรากฏขึ้นมา ผู้ทดสอบจำเป็นต้องจดจำตัวอักษรเหล่านั้น ยิ่งพวกเขาจำตัวอักษรได้มากเท่าไหร่ โลหิตชีพจรเทพสปิริตของพวกเขาก็จะทรงพลังมากเท่านั้น

 

มนุษย์ที่ไม่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตเองก็สามารถเข้ารับการทดสอบนี้ได้เช่นเดียวกัน แต่ในตอนที่ห้องเริ่มหมุน พวกเขาจะไม่เห็นตัวอักษร

 

หานเซิ่นนั้นอยากรู้อยากเห็นและนี่ก็เป็นแค่การทดสอบในชุมชนเสมือน ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเลือกทำการทดสอบและนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องเสมือน

 

หลังจากที่หานเซิ่นนั่งลง เก้าอี้ก็เริ่มลอยตัวขึ้นสู่อากาศ และห้องที่เหมือนกับโดมก็เริ่มจะหมุน

 

ก่อนที่ห้องจะเริ่มหมุน หานเซิ่นไม่เห็นตัวอักษรใดๆบนกำแพง แต่ในตอนที่ห้องเริ่มหมุน เขาเห็นตัวอักษรวูบวาบบนกำแพง ตัวอักษรเหล่านั้นเป็นภาษาของจักรวาลที่หานเซิ่นจากมา หานเซิ่นรู้จักตัวอักษรพวกนั้น ซึ่งทำให้เขาสามารถจดจำพวกมันทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย

 

ขณะที่ห้องหมุนเร็วขึ้น ตัวอักษรก็ปรากฏเพิ่มขึ้นมาอีก แต่มันไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับหานเซิ่น เขายังสามารถจดจำพวกมันทั้งหมดได้อย่างสบายๆ

 

“เนื้อหาของตัวอักษรบนกำแพงนั้นค่อนข้างแปลก”

หานเซิ่นมองดูพวกมันอยู่สักพักและสังเกตเห็นว่าพวกมันดูคล้ายคลึงกับวิชาจีโน แต่มันแตกต่างไปจากวิชาจีโนของจักรวาลที่เขาจากมา มันดูไม่เหมือนสิ่งที่มนุษย์จะเรียนรู้ได้

 

หานเซิ่นพยายามจดจำและศึกษาเกี่ยวกับมัน เขาคิดว่ามันไม่ควรจะถูกเรียกว่าวิชาจีโน มันเป็นเหมือนกับวิชาเทพสปิริตมากกว่า มีแค่ผู้คนที่มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตเท่านั้นที่จะเรียนรู้วิชานี้ได้

 

ขณะที่หานเซิ่นศึกษาเกี่ยวกับวิชาเทพสปิริต ภายในพระราชวังของอาณาจักรฉิน ชายแก่กำลังจ้องมองไปที่แท็บเล็ตภายในเครื่องจักรบางอย่าง

 

แผนกเลือดพระเจ้านั้นเป็นแผนกที่อาณาจักรฉินตั้งขึ้นมาใหม่ มันเป็นแผนกที่มีหน้าที่บันทึกจำนวนและระดับโลหิตชีพจรของคนที่อยู่อาศัยอยู่ในอาณาจักร ในอดีตพวกเขาจำเป็นต้องทำสำมะโน ซึ่งจำเป็นต้องใช้แรงงานและทรัพยากรจำนวนมาก

 

แต่หลังจากที่ระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตแบบเสมือนถูกสร้างขึ้นมา งานของแผนกเลือดพระเจ้าก็ลดลงไปอย่างมาก เพราะข้อมูลของผู้ทำการทดสอบนั้นจะถูกส่งเข้าไปในฐานข้อมูลโดยตรง

 

ด้วยเหตุนั้นนอกจากบุคคลสำคัญแล้ว คนส่วนใหญ่ในแผนกเลือดจึงต้องตกงาน ตอนนี้ทั้งแผนกเลือดพระเจ้าจึงเหลือคนอยู่เพียงแค่สามสิบคนเท่านั้น โดยที่มีประธานหนึ่งคนและผู้จัดการอีกสาม

 

คนที่รับหน้าที่เกี่ยวกับระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตของชุมชนเสมือนนั้นคือหนึ่งในผู้จัดการ ชื่อของเขาคือ หม่ากั๋วเฉิน จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้มีอะไรพิเศษ เขาชงกาแฟและนั่งอ่านข่าวอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ

 

แต่ทันใดนั้นระบบฐานข้อมูลของเซิร์ฟเวอร์ก็แสดงบางสิ่งที่ไม่ปกติ ซึ่งทำให้หม่ากั๋วเฉินประหลาดใจ เซิร์ฟเวอร์นั้นถูกสร้างขึ้นมานานกว่าสามพันปี ระบบของมันทำงานเป็นปกติมาโดยตลอด มันไม่เคยมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

 

มันไม่ใช่ว่าระบบฐานข้อมูลนั้นถูกทำลายไม่ได้ เพียงแต่ว่าเซิร์ฟเวอร์นั้นจะถูกเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ให้ใหม่และมีสภาพดีอยู่เสมอ

 

ถ้ามันมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น มันก็มีฮาร์ดแวร์สำรองที่สามารถเปลี่ยนได้ในทันที ดังนั้นถ้าระบบฐานข้อมูลมีปัญหา คอมพิวเตอร์ก็จะเปลี่ยนไปใช้ฮาร์ดแวร์สำรอง

 

แต่ตอนนี้มันมีปัญหาเกิดขึ้น ระบบฐานข้อมูลส่งเสียงเตือนขึ้นมา และเขาไม่สามารถหยุดมันได้ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันทำให้หม่ากั๋วเฉินตกใจอย่างมาก เขารีบเปิดกล้องเพื่อดูห้องควบคุม

 

ขณะที่มองดู หม่ากั๋วเฉินก็ต้องประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนต่างๆของระบบทดสอบชีพจรโลหิตเทพสปิริตนั้นสามารถถูกเปลี่ยนได้ แต่มันมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ซึ่งมันก็คือแท็บเล็ตเทพสปิริตที่เป็นแกนกลางของระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริต

 

ทุกอาณาจักรจะมีระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตอยู่ แต่วิธีการการทดสอบของแต่ละอาณาจักรนั้นจะแตกต่างกัน การทดสอบของอาณาจักรฉินนั้นพึ่งพาแท็บเล็ตเทพสปิริต

 

ตำนานบอกว่าแท็บเล็ตเทพสปิริตอยู่มาตั้งแต่สมัยที่อาณาจักรฉินถูกก่อตั้งขึ้นมา มันเป็นแท็บเล็ตประหลาดที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคสมัย มันก็ยังไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าแท็บเล็ตเทพสปิริตนั้นคืออะไรและสามารถใช้ทำอะไรได้

 

ต่อมามีนักวิจัยคนหนึ่งได้ลองรวมแท็บเล็ตเทพสปิริตกับระบบโลกเสมือนและพบว่าแท็บเล็ตเทพสปิริตนั้นสามารถใช้บนโลกเสมือนของอินเตอร์เน็ตได้ และทำให้มันแสดงตัวอักษรออกมา

 

หลังจากการวิจัยอีกหลายปี ระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตเสมือนจริงก็ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อสามพันปีก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับระบบทดสอบของอาณาจักรอื่นๆแล้ว ความแม่นยำในการทดสอบของอาณาจักรฉินนั้นถือว่าสูงมากๆ มันแทบจะไม่เคยมีข้อผิดพลาดอะไร

 

หม่ากั๋วเฉินนั้นอยู่ในแผนกเลือดพระเจ้ามาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว และเรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขาเห็นแท็บเล็ตเทพสปิริตที่ใส่อยู่ในระบบทดสอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตเริ่มจะเรืองแสงขึ้นมา ตัวอักษรบนแท็บเล็ตนั้นเรืองแสงอย่างประหลาด มันทำให้ทั้งห้องสว่างไสว ขณะที่แท็บเล็ตเทพสปิริตดูเหมือนกับโลหะที่ถูกความร้อนและกลายเป็นบางสิ่งที่กึ่งโปร่งใส

 

“เกิดอะไรขึ้น?” หม่ากั๋วเฉินคิดว่านี่มันแย่แล้ว เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อติดต่อฝ่ายซ่อมบำรุง เขาต้องการบอกให้ฝ่ายซ่อนบำรุงมาตรวจเช็คเครื่องมือภายในห้องเพื่อดูว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่

 

แต่ไม่นาน หม่ากั๋วเฉินก็รู้สึกตัวว่าโทรศัพท์นั้นไม่มีสัญญา เครื่องจักรทุกอย่างนั้นเริ่มจะพังและมีควันสีขาวลอยขึ้นมา

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หม่ากั๋วเฉินจำเป็นต้องรีบทำอะไรสักอย่าง เขากดปุ่มฉุกเฉินและดึงคันโยกลง เขาตัดพลังงานทั้งห้องเพื่อทำให้เครื่องมือทุกอย่างหยุดทำงาน

 

หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลับมาสงบอีกครั้ง เมื่อครู่นี้แท็บเล็ตเทพสปิริตนั้นดูเหมือนกับว่าจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้มันหยุดเรืองแสงไป มันกลับไปดูเหมือนกับแผ่นหินสีเทาธรรมดาๆ

 

หลังจากที่ทุกอย่างกลับเป็นปกติ หม่ากั๋วเฉินก็รีบติดต่อไปหาประธานและสมาชิกคนอื่นๆของแผนกเลือดพระเจ้า และเขาก็ติดต่อคนของฝ่ายซ่อมบำรุงด้วยเช่นกัน

 

หลังจากที่คนอื่นๆมาถึง พวกเขาก็เห็นเครื่องมือหลายอย่างภายในห้องมีควันขึ้น ทุกคนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น ประธานแผนกเลือดพระเจ้า หลี่ ชิงหยุนขมวดคิ้วและถามหม่ากั๋วเฉินว่าเกิดอะไรขึ้น

 

หม่ากั๋วเฉินพยายามอธิบายสถานการณ์ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครที่เชื่อคำพูดของเขา หลี่ชิงหยุนออกคำสั่งฝ่ายซ่อมบำรุงให้ทำการซ่อมแซมห้องและดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

มันมีเครื่องจักรหลายอย่างที่ได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ส่วนประกอบหลายอย่างของเซิร์ฟเวอร์นั้นสามารถสับเปลี่ยนได้ ในเวลาเพียงครึ่งวัน เซิร์ฟเวอร์ก็กลับมาทำงานปกติอีกครั้ง

 

แต่พวกเขายังคงไม่พบสาเหตุว่าทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น หลังจากที่พยายามตรวจสอบอย่างละเอียดอยู่หลายวัน ในที่สุดพวกเขาก็ค้นพบบางสิ่ง

 

ฝ่ายซ่อมบำรุงเขียนรายงานการค้นพบส่งไปให้กับหลี่ชิงหยุน

“ในเวลาที่เกิดเรื่องขึ้น ดูเหมือนว่าข้อมูลจากเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตที่ต้องประมวลผลนั้นจะมีมากกว่าปกติ แต่เนื่องจากว่าฐานข้อมูลได้รับความเสียหาย พวกเราจึงระบุไม่ได้ว่าข้อมูลนั้นมาจากที่ไหนของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต”

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset