Super God Gene – ตอนที่ 3055 ติดอยู่ในหุบเขา

เจดไล้ออนระดับราชันนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไรสำหรับพวกเขา ถึงแม้เจดไล้ออนจะตัวเต็มวัยแล้ว แต่มันก็เป็นแค่ยีนเรซระดับราชันที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งเท่านั้น

 

ในเมื่อพวกเขากล้าเข้าไปในภูเขาแอนเชี่ยน์บิ๊กก็อต แน่นอนว่าพวกเขาต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถต่อสู้ได้แม้กระทั่งกับยีนเรซระดับเทพเจ้า ด้วยเหตุนั้นยีนเรซระดับราชันจึงถือว่าไม่เท่าไหร่

 

แต่เจดไลอ้อนเป็นยีนเรซที่พิเศษ ยีนเรซปกตินั้นจะอยู่อาศัยตามลำพังหรือไม่ก็อยู่อาศัยเป็นกลุ่มเล็กๆประมาณสามถึงสี่ตัว แต่เจดไลอ้อนนั้นเป็นยีนเรซที่ชอบอยู่กันเป็นฝูง การเผชิญหน้ากับฝูงเจดไลอ้อนระดับราชันจึงเป็นอันตรายยิ่งกว่าการเผชิญหน้ากับยีนเรซระดับเทพเจ้าตัวหนึ่ง

 

ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ พีชฟูลคงจะคิดว่าพวกเขาทุกคนคงจะต้องตายอยู่ที่นี่ แต่โชคดีที่เธอรู้ว่าหานเซิ่นนั้นแข็งแกร่ง ไฟแห่งความหวังในหัวใจของเธอจึงยังไม่ดับลง

 

เธอพยายามปลุกความกล้าในหัวใจและออกคำสั่ง

“โกสต์คิลล์ เจ้ากับข้าจะคุ้มกันด้านหลัง จ้าวจื่อเย่ พวกเจ้าคอยปกป้องเหล่ามิสเตอร์ หานเซิ่นและชิวซาน…”

 

พีชฟูลหยุดชะงักไปก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอรู้สึกโกรธมากจนตัวเธอเริ่มจะสั่น เธอเกือบจะละทิ้งภาพลักษณ์เพื่อสาปแช่งโอหยางชิวซาน

 

เธอตั้งใจจะสั่งให้หานเซิ่นและโอหยางชิวซานช่วยกันเปิดทางออกจากหุบเขาให้กับพวกเขา เนื่องจากทั้งคู่คือสองคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม นั่นเป็นวิธีการที่พวกเขาจะหนีออกไปจากหุบเขา ด้วยวิธีนั้นพวกเขาถึงจะมีโอกาสรอดออกไป แต่สิ่งที่เธอเห็นคือโอหยางชิวซานกำลังใช้ความสามารถในการบินของวินด์วิงด์สเนคเพื่อหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว เขาตั้งใจจะบินออกไปจากหุบเขาโดยไม่สนใจคนอื่น

 

ในตอนที่เธอไปที่ตระกูลโอหยางเพื่อพบกับหัวหน้าตระกูล โอหยางชิวซานได้ยินว่าเธอจะเดินทางไปที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต เขาจึงอยากจะร่วมเดินทางไปด้วยอีกคน เขาเรียกเธอว่า “พี่สาว” นี่ “พี่สาว” นั่น และขอร้องหลายต่อหลายครั้งเพื่อให้พีชฟูลพาเขาไปด้วย

 

หัวหน้าตระกูลโอหยางช่วยเขาอีกแรง ซึ่งทำให้เธอจำใจพาเขามาด้วย เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดีกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะโอหยางชิวซานล่ะก็ เรื่องทั้งหมดนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา

 

แถมโอหยางชิวซานยังคิดจะทิ้งพวกเขาและหนีเอาตัวรอดไปคนเดียว โอหยางชิวซานดูเหมือนจะไม่สนใจว่าพวกเขาจะอยู่หรือตาย

 

โอหยางชิวซานกำลังจะบินหนีออกไปจากหุบเขาได้สำเร็จ เนื่องจากเจดไลอ้อนนั้นไม่สามารถบินได้ แต่ทันใดนั้นเงาแสงสีม่วงก็แว็บขึ้นมา พวกเขาเห็นลิงขนม่วงเคลื่อนที่เข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าเพื่อจับตัวโอหยางชิวซานเอาไว้

 

โอหยางชิวซานรู้สึกว่ามีบางสิ่งปกติ และเมื่อเขาหันกลับมา เจ้าลิงขนสีม่วงก็จับตัวของเขาเอาไว้แล้ว มันเริ่มกัดที่หัวของเขา

 

“อ้า!” โอหยางชิวซานส่งเสียงกรีดร้องดังไปทั่วหุบเขา ขณะที่เขี้ยวของลิงขนม่วงฝังเข้าไปในหัวของเขา

 

ทุกคนเห็นร่างกายของโอหยางชิวซานเล็กลงเรื่อยๆในเวลาอันสั้น ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเขาก็ถูกดูดจนเหลือแค่หนังเกล็ดงู

 

ลิงขนม่วงจับหนังของโอหยางชิวซานเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างของมันตรึงหลังของเขาเอาไว้กับกำแพงหินของหุบเขาเหมือนอย่างที่มันทำกับหนังของลุงเก้า หนังส่วนแขนและขาถูกยืดออกขณะที่ถูกตรึงกับกำแพง มันยังคงมีเลือดไหลออกมา

 

หลังจากนั้นเจ้าลิงขนม่วงยังคงอไม่ไปไหน มันมองมาที่พวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ สีหน้าของมันดูเหมือนกับว่ากำลังหัวเราะ มันทำให้พวกเขารู้สึกขนลุกเมื่อเห็นแบบนั้น

 

ทุกคนรู้สึกตัวว่าจริงๆแล้วเจ้าลิงขนม่วงนั้นรวดเร็วกว่าโอหยางชิวซานที่รวมร่างกับวินด์วิงด์สเนคมาก มันแค่แกล้งทำตัวอ่อนแอเพื่อล่อพวกเขาเข้ามาในหุบเขา

 

ทุกคนรู้สึกหนาวไปจนถึงกระดูกสันหลัง พวกเขารู้ว่าถึงจะหนีจากพวกเจดไลอ้อนไปได้ พวกเขาก็ไม่รอดจากการไล่ล่าของลิงขนม่วงที่ชั่วร้ายตัวนั้นอยู่ดี

 

“มันคงจะไม่ได้เป็นบลัดโกสต์สปิริตตัวจริงหรอกใช่ไหม?”

ทุกคนเริ่มจะรู้สึกหวาดกลัว แต่พวกเขาไม่มีเวลามากังวลว่ามันจะใช่บลัดโกสต์สปิริตตัวจริงหรือไม่ ตอนนี้พวกเขาถูกล้อมโดยฝูงของเจดไลอ้อน มันไม่มีทางไหนให้พวกเขาหนีไปได้

 

“หานเซิ่นกับโกสต์คิลล์ พวกเจ้าช่วยกันเปิดเส้นทาง!” พีชฟูลออกคำสั่ง

“ข้าและจ้าวจื่อเย่จะคอยคุ้มกันจากด้านหลัง! คนอื่นคอยปกป้องเหล่ามิสเตอร์ พวกเราจะตีฝ่าออกไป!”

 

จ้าวจื่อเย่และคนอื่นๆรู้สึกไม่พอใจที่พีชฟูลนั้นพาคนอย่างโอหยางชิวซานมาด้วย แต่พวกเขารู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นในเรื่องนั้น พวกเขาทำตามคำสั่งและจัดตั้งรูปขบวนเพื่อตีฝ่าออกไป

 

หานเซิ่นถือเสาโลหะด้วยสองมือและแกว่งมันใส่เหล่าเจดไลอ้อน เจดไลอ้อนเจ็ดแปดตัวที่วิ่งเข้ามาขวางหน้าเขาถูกฟาดกระเด็นออกไป เขาไม่ได้ฆ่าพวกมันในทันที เขาแค่ทำให้พวกมันทั้งหมดได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมา

 

ทุกคนรู้สึกแปลกใจ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ดีใจอย่างมาก “น้องหาน เจ้าทรงพลังจริงๆ!”

 

หานเซิ่นแค่ยิ้มตอบ เสาโลหะที่มีความยาวสิบสองฟุตในมือของเขาถูกแกว่งไปมา มันเหมือนกับว่าเขาเต้นระบำท่ามกลางกลุ่มเจดไลอ้อน หลังจากที่พวกมันถูกฟาดกระเด็นไปตามๆกัน มันก็ไม่มีเจดไลอ้อนตัวไหนที่กล้าเข้ามาใกล้อีก หานเซิ่นเปิดเส้นทางให้กับทุกคน

 

“พลังของน้องหานเหมือนกับเทพที่จุติลงมา ข้าอยากรู้จริงๆว่าเขารวมกับยีนเรซแบบไหนกัน”

 

“น้องหานมีพลังของเทพ เขาเหนือกว่าเจ้าเมืองซะอีก”

 

“ข้าอยู่มานานหลายปี แต่ข้าเพิ่งจะได้เห็นพลังของเทพที่แท้จริงก็วันนี้นี่แหละ”

 

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาต่างพากันเอยชมหานเซิ่น ถึงแม้พวกเขาแค่พูดประจบ แต่พลังของหานเซิ่นก็ทำให้พวกเขาประหลาดใจอย่างแท้จริง

 

ในตอนแรกที่พวกเขาหวาดกลัวที่ถูกล้อมโดยกลุ่มของเจดไลอ้อน แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้ดูสิ้นหวังเหมือนอย่างที่คิด แม้แต่จ้าวจื่อเย่ก็ยิ้มให้กับพีชฟูลและถาม

“ท่านหญิงพีชฟูล ไปหาขุนนางที่เก่งกาจแบบนี้มาจากที่ไหนกัน? ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้ามาที่ภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต”

 

พีชฟูลได้แต่ยิ้มแห้งๆ เธอหันไปมองหนังของโอหยางชิวซานที่ถูกตรึงอยู่กับกำแพงหินและคิดกับตัวเอง

“โอหยางชิวซานสมควรได้รับแล้ว เรื่องนี้คงจะโทษคนอื่นไม่ได้ แต่เราจะไปอธิบายกับตระกูลโอหยางยังไงดี?”

 

กลุ่มของเจดไลอ้อนถูกไล่ต้อนโดยหานเซิ่น พวกมันไม่กล้าเข้ามาหยุดพวกเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะออกไปจากหุบเขาได้สำเร็จ มันก็มีเสียงร้องประหลาดที่เหมือนกับเสียงร้องไห้ของเด็กดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

มีเงาสีม่วงเว็บผ่านท้องฟ้าและมาปรากฏตรงทางเข้าของหุบเขา มันแยกเขี้ยวและกรีดร้องอย่างประหลาด ดวงตาของมันดูแปลกมากๆ

 

หานเซิ่นไม่ได้สนใจอะไรมันมาก เขาแกว่งเสาโลหะเพื่อไล่เจดไลอ้อนที่เหลือออกไป หลังจากนั้นเขาก็พาคนอื่นตรงไปที่ทางออกของหุบเขา

 

ลิงขนสีม่วงกัดนิ้ว หลังจากนั้นมันก็ชี้นิ้วกลางของมันลงที่พื้น เลือดสีม่วงของมันหยดลงไปในดินของหุบเขา

 

หานเซิ่นและคนอื่นๆต่างก็สงสัยว่ามันกำลังทำอะไร แต่ทันใดนั้นจู่ๆทั้งหุบเขาก็เริ่มจะสั่นไหว เหล่าเจดไลอ้อนนั้นเริ่มจะทำตัวเหมือนกับแมวขี้กลัวและพากันวิ่งหนีไป

 

พื้นดินของหุบเขาแยกออกและมีหัวขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากพื้น มันเป็นงูประหลาดขนาดใหญ่ยักษ์ ส่วนที่โผล่ขึ้นมาจากพื้นนั้นยาวกว่าสามสิบฟุตและตัวของมันก็หน่าพอๆกับถังบาร์เรล

 

งูนั่นดูประหลาดมากๆ ทั้งร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ด หัวของมันมีเขาเป็นคริสตัลที่ดูเหมือนกับหยก

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset