Super God Gene – ตอนที่ 3063 วงจรชีวิต

ในตอนที่พวกเขากำลังจะออกไปจากภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต จู่ๆหลี่ปิงหยูก็พูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นข้า ข้าจะไม่เข้าเมืองในตอนนี้”

 

“ทำไมกัน?” หานเซิ่นมองหลี่ปิงหยูด้วยความสนใจ

 

“โอหยางชิวซานถูกฆ่าตายในภูเขาแอนเชี่ยนท์บิ๊กก็อต” หลี่ปิงหยูพูด

“เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงเป็นทายาทคนโปรดของตระกูลโอหยาง ตระกูลโอหยางไม่มีทางปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ”

 

“เจ้าจะบอกว่าตระกูลโอหยางจะมาเอาโทษกับพวกเราอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถาม

 

“ใครสักคนต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้” หลี่ปิงหยูพูด

“บางทีตระกูลโอหยางอาจจะไม่กล้าทำอะไรกับพีชฟูล แต่กับคนอื่นๆมันบอกได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทายาทคนสำคัญที่สุดของพวกเขาตายไป พวกเราต้องทำบางสิ่งที่เพื่อระบายความโกรธ”

 

“พวกเราไม่ได้มีความบาดหมางอะไรกับโอหยางชิวซาน และพวกเราก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรเขา ทำไมตระกูลของเขาต้องมาเอาเรื่องกับพวกเราด้วย?” หานเซิ่นพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

หลี่ปิงหยูพูดอย่างเย็นชา “ถ้าองค์รัชทายาทถูกฆ่าตาย ทหารองครักษ์ที่รับหน้าที่ปกป้องเขาทั้งหมดก็จะถูกฆ่า เจ้าคิดว่านั่นสมเหตุสมผลไหม?”

 

หานเซิ่นหัวเราะและพูด “ที่เจ้าพูดมันก็ถูก ถ้าอย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้าควรไปที่ไหน?”

 

“เจ้าจะไปที่ไหนก็ได้ แค่หลีกเลี่ยงเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตก็พอ แต่ในความเห็นของข้า เจ้าควรไปจากดาวดวงนี้ สมาชิกตระกูลโอหยางเป็นแค่ขุนนางของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต เมื่อเจ้าออกไปจากดาวดวงนี้แล้ว ตระกูลโอหยางก็จะไม่เป็นภัยต่อเจ้าอีกต่อไป” หลี่ปิงหยูพูด

 

“เจ้าคิดว่าคนของตระกูลโอหยางแข็งแกร่งยิ่งกว่าบลัดโกสต์สปิริตอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นมองไปที่หลี่ปิงหยูพร้อมกับกระพริบตาปริบๆ

 

“ในเรื่องของพลัง ไม่มีใครในตระกูลโอหยางที่แข็งแกร่งกว่าเจ้า แต่ตระกูลโอหยางนั้นเป็นขุนนางของอาณาจักรฉิน ขณะที่เจ้าเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ถ้ามันมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ถึงแม้เจ้าจะทำลายตระกูลโอหยางได้ แต่เจ้าก็ต้องเจอกับปัญหามากมายในเขตแดนของอาณาจักรฉิน”

 

“เจ้าพูดถูก” หานเซิ่นไม่ได้หวาดกลัวตระกูลโอหยาง แต่เขากลัวปัญหาที่จะตามมา

 

“ถ้าเจ้าต้องการ ข้ามีหนทางที่จะส่งเจ้าไปที่ดาวอีกดวงอย่างปลอดภัย” หลี่ปิงหยูพูด

 

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นพูดขึ้นว่า “ขอบคุณมาก แต่ก่อนหน้านั้นข้าจำเป็นต้องไปพบกับมิสเตอร์หยางก่อน”

 

“นั่นไม่ใช่เรื่องยากอะไร ถ้าเขาอยู่ในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ข้าไปขอให้เขาออกมาพบกับเจ้าได้ แต่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้าว่าเขาต้องการจะออกมาพบกับเจ้าหรือไม่”

 

“เจ้าพยายามจะบอกอะไร?” หานเซิ่นถาม

 

หลี่ปิงหยูมองไปที่หานเซิ่นและพูด “สำหรับคนปกติ ถ้าพวกเขาต้องเลือกระหว่างเจ้ากับเจ้าเมืองดราก้อนซอง พวกเขาก็คงจะเลือกเจ้าเมืองดราก้อนซองอย่างไม่ลังเล ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าจะทำยังไง?”

 

“ไม่ว่ายังไง เจ้าต้องพาเขามาพบกับข้าให้ได้ ไม่อย่างนั้นข้าก็จะเข้าไปในเมืองเพื่อหาเขาด้วยตัวเอง” หานเซิ่นพูด

 

มิสเตอร์หยางรู้ว่าหานเซิ่นออกมาจากไข่ยีน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องทำความเข้าใจ หานเซิ่นจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะพามิสเตอร์หยางมาพบกับเจ้า” หลี่ปิงหยูพูด หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นควันและหายตัวไป

 

หลี่ปิงหยูเป็นคนที่มีประสิทธิภาพมากๆ แม้แต่หานเซิ่นก็ยังรู้สึกประหลาดใจ เธอใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันก่อนที่จะพามิสเตอร์หยางมาพบกับหานเซิ่น

 

“นายท่าน นายท่านปลอดภัยดีใช่ไหม?” มิสเตอร์หยางดีใจที่ได้เห็นหานเซิ่น

 

“ข้ามีแผนที่จะออกไปจากดาวแอนเชี่ยนท์ก็อต เจ้าจะติดตามข้าไปหรือเจ้าจะอยู่ที่นี่?” หานเซิ่นมองไปที่มิสเตอร์หยางและถาม

 

“ข้าบอกนายท่านแล้วว่าข้าจะติดตามนายท่านไปจนถึงจุดจบของโลกใบนี้”

มิสเตอร์หยางรีบพูด “ดังนั้นไม่ว่านายท่านจะไปที่ไหน ข้าก็จะไปด้วย”

 

“ถ้าอย่างนั้น โกสต์คิลล์ เจ้าช่วยจัดการให้กับพวกเราที” หานเซิ่นหันไปมองหลี่ปิงหยูขณะที่พูด

 

“นั่นไม่มีปัญหา พวกเจ้าต้องการไปที่ไหน?” หลี่ปิงหยูดีใจ เธอคิดในใจว่า ‘ถ้าเขาต้องการไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน เราก็จะได้เข้าใกล้รัชทายาทฉินไป๋’

 

“พวกเราจะไปที่ดาวตูริน” หานเซิ่นพูด

 

“ได้เลย” เมื่อได้ยินว่าหานเซิ่นไม่ได้ต้องการไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรฉิน หลี่ปิงหยูก็รู้สึกผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ตอบตกลงโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก

 

หานเซิ่นไม่ได้ตัดสินใจไปที่ดาวตูรินอย่างมั่วๆ ตำนานบอกว่าราชาผู้ก่อตั้งอาณาจักรฉินนั้นกำเนิดที่ดาวตูริน มันจึงเป็นบ้านเกิดของฉินซิว

 

เนื่องจากฉินซิวและฉินหว่านเอ๋อถูกบอกว่ากำเนิดที่นั่น หานเซิ่นจึงคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะไปดู เขาหวังว่าจะพบเบาะแสบางอย่างที่นั่น

 

หานเซิ่นและมิสเตอร์หยางออกเดินทางไปสู่อวกาศโดยยานอวกาศที่หลี่ปิงหยูจัดเตรียมให้กับพวกเขา การเดินทางในอวกาศนั้นใช้เวลานาน หานเซิ่นจึงใช้โอกาสนั้นเพื่อค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เขาพยายามที่จะทำความเข้าเนื้อหาในสมุดบันทึก

 

หลังจากการค้นหาข้อมูลอย่างละเอียด ข้อมูลที่หานเซิ่นได้เรียนรู้ก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจ

 

ฉินซิวผนึกร่างกายของฉินหว่านเอ๋อเอาไว้ในโลงศพลึกลับเพื่อเก็บรักษาร่างกายของเธอไม่ให้เน่าเปื่อย หลังจากนั้นเขาก็รอคอยโอกาสที่จะชุบชีวิตของเธอ

 

เจ้าหน้าที่คนสำคัญของอาณาจักรฉินที่ชื่อไป๋ม่อได้รับคำสั่งจากฉินซิวให้ตามหาวิธีที่จะชุบชีวิตคนที่ตายไปแล้วขึ้นมา เขาต้องการนำฉินหว่านเอ๋อกลับมาจากความตาย

 

ไป๋ม่อพยายามทุกวิถีทาง แต่ไม่มีวิธีไหนที่ได้ผล ในตอนสุดท้ายเขาก็ไปพบกับข้อมูลบางอย่างเข้าโดยบังเอิญ มันมีข้อมูลที่มาจากโบราณสถานในออริจินอลสตาร์ หลายสิ่งที่ถูกบันทึกเอาไว้นั้นเป็นอะไรที่น่าประหลาดและยากจะเชื่อได้

 

แต่ทว่าหลังจากการวิจัยของไป๋ม่อ สิ่งที่แทบไม่มีใครเชื่อนั้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงๆ

 

ในสมุดบันทึกนั้นไม่ได้บอกว่ามันคืออะไร แต่มันมีประโยคหนึ่งที่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกสนใจ

 

ความตายเป็นแค่การเริ่มต้นอีกครั้ง ไป๋ม่อต้องตื่นเต้นมากๆในตอนที่เขาเขียนประโยคนั้นลงไป ลายมือของเขาดูแตกต่างไปจากปกติ มันดูเหมือนกับว่าเขาเขียนมันอย่างเร่งรีบ มันง่ายที่จะบอกว่าเขากำลังตื่นเต้นอย่างมาก

 

ประโยคนั้นเป็นบางสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจความหมาย แต่ในตอนที่หานเซิ่นเห็นประโยคนั้น เขาก็รู้สึกมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเอง

 

เนื้อหาที่อยู่ด้านหลังประโยคนั้นพยายามจะอธิบายความหมายของมัน ซึ่งบอกถึงเรื่องที่พลังงานเป็นสิ่งถาวร มันแค่จะปรากฎในรูปร่างที่แตกต่างออกไปเท่านั้น

 

มนุษย์และสิ่งมีชีวิตต่างๆของจักรวาลเป็นพลังงาน พวกมันจะไม่หายไปจากจักรวาล ในตอนที่มนุษย์คนหนึ่งตายไป พวกเขาก็ยังคงอยู่ต่อไปในอีกรูปร่างหนึ่ง

 

จากการวิจัยของไป๋ม่อ หลังจากที่มนุษย์ตาย พวกเขาจะกำเนิดใหม่ในอีกโลกหนึ่ง และถ้าพวกเขาตายในอีกโลก พวกเขาจะกำเนิดในจักรวาลนี้

 

ไป๋ม่อเรียกกระบวนการแลกเปลี่ยนพลังงานนี้ว่า ‘การกลับชาติมาเกิดใหม่’ ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือไม่ แต่ไป๋ม่อเรียกอีกโลกหนึ่งว่าโลกปฏิสสาร

 

เนื่องจากสิ่งมีชีวิตจากโลกหนึ่งจะถูกทำลายหากพยายามข้ามไปสู่อีกโลก มันทำให้ทั้งสองโลกต่างเชื่อว่าอีกโลกหนึ่งนั้นคือโลกปฏิสสาร

 

นี่ตรงกับข้อสันนิษฐานของหานเซิ่น แต่มันมีบางสิ่งที่หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจ ซึ่งก็คือบทบาทของเทพสปิริตในทั้งสองโลก

 

เนื้อหาส่วนท้ายนั้นทำให้หานเซิ่นตกใจยิ่งกว่าเดิม มันเป็นบันทึกเกี่ยวกับการวิจัยฝ่ายอำนาจเก่าของไป๋ม่อ เขาค้นพบว่าฝ่ายอำนาจเก่านี้มีวัตถุโบราณอย่างหนึ่งที่สามารถเปิดเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองโลก

 

“คริสตัลสีดำ!” หานเซิ่นเห็นวัตถุโบราณในสมุดบันทึกที่มีรูปร่างเหมือนกับคริสตัลสีดำ มันเป็นคริสตัลสีดำเดียวกันกับที่เขาเห็นบนกำแพงของถ้ำ

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset