Super God Gene – ตอนที่ 3075 สมบัติในกล่อง

ตอนที่ 3075 สมบัติในกล่อง

 

“ปล้น? ข้าจะไปปล้นไข่ยีนพวกนี้มาจากที่ไหนได้?”

 

หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็เอาไข่ยืนสีเงินของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์ออกมาและโยนมันไปให้กับมิสเตอร์หยาง

 

มิสเตอร์หยางรับมันเอาไว้ในตอนที่เขาก้มลงไปมองสิ่งที่อยู่ในมือ ดวงตาของเขาก็เกือบจะหลุดออกมาจากเบ้า “นายท่าน นายท่านขุดไข่นี้ขึ้นมาจริงๆอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนอยู่แล้ว มันดูเหมือนว่าข้าฝึกพวกมันออกมาด้วยตัวเองหรือยังไง?”

 

มิสเตอร์หยางไม่อยากจะเชื่อ หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวิธีการหาชีพจรพระเจ้า เขาแค่ไปที่ดาวกู่หย่างเพื่อขุดแบบสุ่มๆ แต่เขากลับพบไข่ยีนของแมลงแปดเสียงเป็นสิบใบ นอกจากนั้นหนึ่งในพวกมันยังเป็นไข่ของแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์อีกด้วย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ มันเป็นปาฏิหาริย์อย่างที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ถ้าทุกคนโชคดีเหมือนกับหานเซิ่น มิสเตอร์ทุกคนในจักรวาลก็คงจะอดตายกันหมด นี่เป็นครั้งแรกที่มิสเตอร์หยางสงสัยในวิชาชีพของตัวเอง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

 

หลี่ปิงหยูเองก็ไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะขุดไข่ยืนของแมลงแปดเสียงขึ้นมาได้ เธอคิด “เขาต้องติดต่อกับฉันไปแน่ๆ ดูเหมือนว่าโอกาสของเราจะมาถึงในอีกไม่ช้า”

 

“มิสเตอร์หยาง ข้าจะมอบไข่ยืนพวกนี้ให้กับเจ้า ขายมันในราคาดีๆ ชีวิตของพวกเราขึ้นอยู่กับพวกมัน” หานเซิ่นพูดกับมิสเตอร์หยาง

 

“นายท่าน นายท่านไม่ควรขายไข่ยีนแมลงแปดเสียงกลายพันธุ์นี่”

 

มิสเตอร์หยางพูด “นายท่านแค่ขายไข่ยืนของแมลงแปดเสียงธรรมดาก็พอ ไข่ยีนกลายพันธุ์นี้ ควรเก็บเอาไว้ในฐานะไฮไลท์ของร้าน มันจะช่วยดึงดูดผู้คนให้มาที่ร้านของพวกเรา”

 

“เจ้าทําตามที่เห็นสมควรได้เลย” จริงๆแล้วหานเซิ่นไม่ได้สนใจในเงินตรา เขาแค่จําเป็นต้องมีเงินมากพอที่จะอาศัยอยู่ในเมืองกําแพงหยก

 

“ร่างกายของฉันหว่านเอ๋อถูกซ่อนอยู่ที่ไหนกัน?” หานเซิ่นพยายามมองดูแผนที่ของเมือง แต่เมืองกําแพงหยกนั้นมีขนาดใหญ่โตเกินไป มันยากที่จะหาสถานที่ลึกลับที่ไป๋ม่อพูดถึงได้

 

หานเซิ่นสั่งซื้อถุงเลือดยืนเรซแช่แข็งจํานวนมากมาจากอินเตอร์เนต พวกมันเป็นของยีนเรซระดับต่ำ ดังนั้นราคาพวกมันจึงไม่ได้สูงมากนัก

 

ด้วยระบบขนส่งแบบเทเลพอร์ต ถึงแม้ของที่สั่งจะอยู่ห่างไกลออกไปหลายระบบจักรวาล พวกเขาก็สามารถส่งมาที่สถานีเทเลพอร์ตที่อยู่ใกล้ที่สุดได้ชั่วพริบตา

 

หานเซิ่นจึงได้รับเลือดของยีนเรซในเวลาเพียงไม่นาน หลังจากนั้นเขาก็ล็อคตัวเองอยู่ในห้อง

 

หานเซิ่นวางกล่องหินที่ได้มาจากหุบเขาไนท์ครายลงในอ่างน้ำ ก่อนที่จะเทเลือดในถุงลงไป บนกล่องหินในตอนที่เลือดสัมผัสกับกล่องหิน สัญลักษณ์ประหลาดบนกล่องก็เรืองแสงขึ้นมา พวกมันปลดปล่อยแสงเย็นที่มีพลังในการทําให้สิ่งต่างๆกลายเป็นหินออกมา

 

อะไรก็ตามที่ถูกแสงเย็นสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นโลหะหรือเนื้อหนังจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหิน แม้แต่เสื้อผ้าของหานเซิ่นก็กลายเป็นหินไปด้วย

 

แต่แสงนั้นไม่สามารถทําอะไรกับร่างกายของหานเซิ่นได้ มันแค่ทําให้หานเซิ่นรู้สึกเย็นเล็กน้อยเท่านั้น ผิวหนังและเส้นผมของเขาสามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นหินได้

 

ราวกับว่าลวดลายบนกล่องหินสามารถดูดเลือดเข้าไป ไม่ว่าหานเซิ่นจะเทเลือดในถุงไปบนกล่องหินมากเท่าไหร่ เลือดก็จะหายไปจนหมด

 

หานเซิ่นเทถุงเลือดลงไปบนกล่องหลายต่อหลายถุง และลวดลายบนกล่องหินก็ ดูเข้มขึ้นเรื่อยๆ แสงเย็นที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นก็ดูจะรุนแรงขึ้นเช่นกัน ในตอนที่หานเซิ่นเหลือถุงเลือดเพียงแค่ถุงเดียว เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนกับการปลดล็อคแม่กุญแจดังขึ้น

 

“ในกล่องนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่?” หานเซิ่นรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเปิดผากล่องออกและตกใจกับสิ่งที่อยู่ข้างใน

 

สิ่งที่บรรจุอยู่ในกล่องนั้นเป็นหินทรงกลมที่มีรูปร่างเหมือนกับไข่ มันมีปากอยู่ด้านบนและด้านข้างมีรูอยู่หกรู ทั้งก้อนหินนั้นมีสีเทา โดยรวมแล้วมันดูเหมือนกับซุน

 

ซุนเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง และมันไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรสําหรับหานเซิ่น เซียงหยินที่เป็นหนึ่งในขุนพลของจอมมารนั้นเคยสอนวิธีการเป่าซุนให้กับเขา

 

น่าเสียดายที่หานเซิ่นไม่เก่งเรื่องดนตรี เขาพยายามเรียนรู้มันอยู่สักพัก แต่เขาก็ทําไม่สําเร็จ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแทบจะไม่ได้แตะต้องมันอีก

 

ในตอนนี้เมื่อเขาได้เห็นซุนอีกครั้ง มันก็ทําให้เขารู้สึกเศร้าเล็กน้อย หลังจากที่เซียงหยินวิวัฒนาการไปสู่ก็อตแซงชัวร์เขต 4 เขาก็พยายามจะตามหาเธอ แต่เธอหายไปอย่างไร้ร่องรอย นั่นทําให้หานเซิ่นรู้สึกแย่

 

แสงเย็นของกล่องหินนั้นได้หายไปแล้ว หานเซิ่นยื่นมือออกไปสัมผัสซุนที่อยู่ในกล่อง ก่อนที่จะถอนหายใจ “พี่สาวเซียงหยิน พี่ไปอยู่ที่ไหนกัน?”

 

บนผิวของซุนนั้นไม่ได้มีลวดลายอะไร และหินที่ใช้ทํามันก็ดูหยาบกระด้างและไม่งดงาม เลยสักนิดเดียว มันดูเหมือนกับบางสิ่งที่มาจากสมัยโบราณกาล

 

หานเซิ่นค้นกล่องหินจนทั่ว แต่นอกจากชุนแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอยู่อีก

 

“กล่องหินนี้เป็นอะไรที่แปลกประหลาด ดังนั้นอะไรก็ตามที่อยู่ภายในไม่มีทางเป็นบางสิ่งที่ธรรมดาๆไปได้”

 

หานเซิ่นพยายามพลิกซ้ายพลิกขวา แต่ไม่ว่าเขาจะมองดูจากด้านไหน มันก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ

หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็ตัดสินใจยกมันขึ้นมาที่ปากของเขาและพยายามจะเป่ามัน เขาต้องการดูว่าซุนหินนี่จะมีพลังพิเศษอะไรหรือเปล่า

 

แต่ในตอนที่หานเซิ่นเป่ามัน ซุนก็ไม่ได้ส่งเสียงดนตรีใดๆออกมา นอกจากเสียงเป่าของหานเซิ่นแล้ว มันไม่มีเสียงอะไรอีก

 

“แปลกจริงๆ ทําไมมันถึงไม่มีเสียงดังออกมา?”

 

หานเซิ่นมองไปที่ซุนด้วยความตกใจ เขาตรวจเช็คมันอยู่สักพัก แต่เขาก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ ซุนหินไม่ได้เสียหายอะไร และรูของมันก็ไม่ได้มีอะไรมาอุดตัน ด้วยเหตุนั้นความจริงที่มันไม่สร้างเสียงใดๆขึ้นมาจึงเป็นอะไรที่แปลก

 

เขายกซุนขึ้นมาที่ปากอีกครั้ง ครั้งนี้หานเซิ่นใช้คัมภีร์นภาอําพันและใส่พลังเข้าไปในลมหายใจ

 

มีเสียงดนตรีดังออกมาจากซุน หานเซิ่นลองเคลื่อนไหวนิ้วมือเพื่อสร้างโทนเสียงต่างๆ

 

แต่หลังจากที่ขยับนิ้ว หานเซิ่นก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ารูของซุนนั้นเริ่มจะมีควันลอยออกมา ควันรวมตัวกันในอากาศและเปลี่ยนเป็นเมฆสีขาว

 

“นี่คืออะไร?” หานเซิ่นหยุดเป่าซุนและมองไปที่เมฆสีขาวในอากาศ มันดูเหมือนกับเมฆของซุนหงอคง

 

หลังจากนั้นจู่ๆหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดังมาจากก้อนเมฆ มันเป็นเสียงที่ไม่ได้เบามาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ฟังได้ยาก มันฟังดูเหมือนกับเสียงพึมพําของผู้หญิง มันเหมือนกับว่านางนั้นกําลังสวดมนต์อยู่

 

“ใครอยู่ในนั้น?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับ เขาก็ลองชกใส่ก้อนเมฆหมัดของเขาทะลุผ่านก้อนเมฆไป และทําให้ก้อนเมฆสลายไปพร้อมกับเสียงนั้น

 

“สิ่งนี้คืออะไรกัน?” หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขาหยิบซุนขึ้นมาและเริ่มเป่ามันอีกครั้ง รูของซุนเริ่ม จะปล่อยควันออกมาเพื่อก่อตัวเป็นเมฆก้อนใหม่

 

หานเซิ่นพยายามจะเอนหูไปข้างหน้าเพื่อฟังให้ชัด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังได้ยินแค่เสียงพี่มทําที่ฟังไม่รู้เรื่องดังออกมาจากก้อนเมฆ มันฟังดูเหมือนกับว่าเสียงนั้นทั้งใกล้และไกล มันเป็นอะไรที่ไม่เสถียร

 

หานเซิ่นพยายามตั้งใจฟัง และจู่ๆสีหน้าของเขาก็ดูตกใจเหมือนกับว่าเขาได้ยินบางสิ่งที่น่าตกใจ แต่ก้อนเมฆนั้นสลายไปซะก่อน

 

เขารีบหยิบซุนขึ้นมาและเปาก้อนเมฆออกมาอีกก้อน ครั้งนี้หานเซิ่นตั้งใจฟังยิ่งกว่าเดิม หลังจากฟังอยู่สักพักสีหน้าของเขาก็ดูตกใจยิ่งกว่าเดิม

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset