Super God Gene – ตอนที่ 3093 ร้องเพลง

Super God Gene ตอนที่ 3093 ร้องเพลง

 

“เจ้าเห็นคนที่ทําท่าทางอวดดีนั่นไหม?” บอลด์กายถามขณะที่มองไปในทิศทางของชายคนหนึ่ง

 

“นั่นคือหนึ่งในสี่มิสเตอร์ชื่อดังของเมืองกําแพงหยก เขาคือมิสเตอร์ก็อตวัน”

 

หานเซิ่นมองตามสายตาของบอลดกายและเห็นชายที่ดูหล่อเหล่าและสง่างามมากๆคนหนึ่งเขาดูเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่มีสาวๆเป็นดาวเคราะห์โคจรรอบๆตัวของเขา เมื่อดูจากท่าทางของเขาผู้คนก็จะคิดว่าเขาเป็นคนที่มีมารยาท เขาดึงดูดความสนใจของผู้คนหลายคนไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นจุดศูนย์กลางของความสนใจอยู่บ่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ

 

“มิสเตอร์ก็อตวัน? ทําไมชื่อของเขามันแปลกจัง?” หานเซินถามด้วยความสับสน

 

“ก็อตวันเป็นแค่สมญานาม ชื่อจริงของเขาคือกงเงินจุน เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงตั้งแต่ยังเด็กเขามักจะประสบความสําเร็จในทุกสิ่ง และเขาไม่เคยเป็นอะไรอย่างอื่นนอกจากอันดับที่หนึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่เขาได้สมญานามว่าก็อตวัน”

 

บอลด์กายพูดต่อไปว่า “ก็อตวันคิดว่าเจ๋งมาก แต่ในความจริงแล้วเขาก็เป็นแค่คนขี้ขลาดคนหนึ่งมีแค่ผู้หญิงที่ไม่รู้เกี่ยวกับตัวจริงของเขาเท่านั้นที่จะหลงไหลในตัวเขา

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าก็ต้องขออภัยด้วย” ขณะที่หานเขินและบอลด์กายกําลังกระซิบคุยกันสองคนจู่ๆก็มีเสียงของใครบางคนดังมาข้างๆพวกเขา มันเป็นเสียงของมิสเตอร์ก็อตวันเขาเข้ามาอยู่ข้างๆพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

 

“เจ้าคือหานเซิ่นสินะ” มิสเตอร์ก็อตหันไปมองที่หานเซิ่น

 

“เจ้ารู้จักชื่อของข้าได้ยังไง?” หานเซิ่นสับสน

 

มิสเตอร์ก็อตวันยิ้มอย่างเป็นปริศนา “เรื่องวงในของเมืองกําแพงหยกนั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วมันเป็นเรื่องยากที่จะซ่อนเรื่องที่ใหญ่โตอย่างความตายของกงซูจินได้มิด มันจึงแท บจะเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ถึงเรื่องนั้น แต่ข้าก็ได้แต่เดาว่ามันเป็นฝีมือของเจ้าอย่างนั้นสินะ”

 

“มิสเตอร์ก็อตวัน เจ้าต้องการจะบอกอะไร?” หานเป็นถามอย่างเย็นชา สีหน้าของเขายังคงสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

 

มิสเตอร์ก็อตวันยิ้ม “เจ้าอย่าได้เข้าใจเจตนาของข้าผิดไป ข้าไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเจ้า ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือและทางตระกูลกงซูไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่ากงซูจินตายยังไงแต่พัดที่ ข้ากําลังเห็นในมือของเจ้านั้น ข้าเคยเห็นมันอยู่ในมือของฮว่าหนองเยว่มาก่อนตอนนี้ฮว่าหนอง เยวก็หายตัวไปเช่นเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าทําการสันนิษฐานไปแบบนั้น”

 

สีหน้าของบอลด์กายเปลี่ยนไป แต่หานเซิ่นยังคงสงบนิ่ง เขามองไปที่มิสเตอร์ก็อตวันและตอบกลับไปว่า “แล้วจะยังไง? เจ้าพยายามจะล้างแค้นให้กงซูจินอย่างนั้นหรอ?”

 

มิสเตอร์ก็อตวันส่ายหัว “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ถึงแม้กงซูจินจะเป็นหนึ่งในสี่มิสเตอร์ชื่อดังเหมือนกับข้า แต่ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา ข้าไม่ได้สนใจว่าเขาจะอยู่หรือตาย ข้าเพียงแค่เข้ามาหาเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเองเท่านั้น และข้าก็ต้องการจะรู้จักกับยอดฝีมือที่ฆ่ากงซูจินได้”

 

“ หนึ่งในสี่มิสเตอร์ชื่อดังต้องการจะพบกับข้า” หานเซิ่นพูดอย่างขาดความกระตือรือร้น “ว้าว ข้ารู้สึกดีใจจริงๆ”

 

มิสเตอร์ก็อตวันถอนหายใจ “สี่มิสเตอร์ชื่อดังอะไรกัน? บางทีสามัญชนอาจจะคิดว่าสมญานามนั้นเป็นอะไรที่เท่ แต่สําหรับขุนนางที่แท้จริงแล้ว ชื่อของมิสเตอร์นั้นไม่ได้ต่างอะไรจากนักร้องมันก็เป็นแค่ความบันเทิงของผู้คนเท่านั้นเอง”

 

“มันถือเป็นเกียรติของข้ามากกว่าที่มีโอกาสได้พบกับมิสเตอร์หาน ข้าแค่รู้สึกเสียดายที่พวกเราพบกันช้าเกินไป ที่นี้ไม่ใช่สถานที่สําหรับสนทนากัน พวกเราควรคุยกันในภายหลัง” มิสเตอร์ก็อตวันโค้งคํานับและเดินจากไป

 

“ทําไมเจ้านี้ถึงชอบทําตัวลึกลับ?” บอลต์กายสับสน เขาไม่รู้ว่าทําไมมิสเตอร์ก็อตวันถึงเข้ามาหาพวกเขาและพูดบางสิ่งที่น่าสับสนก่อนที่จะเดินจากไป

 

หานเซินต้องการจะพูดบางสิ่ง แต่ความสนใจของเขาถูกดึงไปที่เพิ่งเฟยเฟยซะก่อน เพิ่งเฟยเฟยในตอนนี้นั้นดูแตกต่างจากตอนที่หานเซิ่นพบในหุบเขาในท์ครายมาก เพิ่งเฟยเฟยในตอนนี้ดูมีรัศมีราวกับว่าเธอมีแสงศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มรอบตัว ผมดําของเธอเป็นลอนๆและมันเรืองแสงศักดิ์สิทธิ์

 

ถ้าใครมองเข้าไปในดวงตาศักดิ์สิทธิ์ของเธอ มันทําให้พวกเขาต้องหลบตาด้วยความอับอายเหมือนกับว่ามันถือเป็นการดูหมั่นที่จะชายตาไปมองเธอ ทั้งหมดที่ผู้คนที่จิตใจอ่อนแอจะทําได้ก็คือหลบสายตาของเธอ

 

เพิ่งเฟยเฟยห้อมล้อมไปด้วยขุนนางมากมาย เธอเป็นเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่มีดาวเคราะห์โคจรรอบตัว ถึงแม้เธอจะเป็นขุนนางแต่กําเนิด มันก็ไม่ได้ปกปิดความน่าดึงของเธอ เธอเป็นบุคคลที่โดดเด่นอย่างแท้จริง

 

บอลดกายเกือบจะมีน้ําลายไหลออกมาจากปาก เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับเพิ่งเฟยเฟยแต่เขาไม่แม้แต่จะเข้าไปใกล้เธอ มันไม่มีทางที่เขาจะเป็นเพื่อนสนิทกับเพิ่งเฟยเฟยไปได้

 

บอลด์กายพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มันกําลังจะเริ่มแล้ว ในที่สุดมันก็กําลังจะเริ่มแล้ว!”

 

“อะไรจะเริ่ม?” หานเซิ่นถามด้วยความสับสน

 

“ในงานวันเกิดทุกปี เพิ่งเฟยเฟยจะร้องเพลงหนึ่งเพลงเพื่อขอบคุณแขกที่มางานวันเกิดของนาง

 

บอลด์กายมองเชิงเฟยเฟยที่อยู่บนเวทีด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาของเขาเกือบที่จะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ

 

หานเซิ่นถาม “เจ้าไม่ได้ดูวิดีโอที่เพิ่งเฟยเฟยร้องเพลงบนอินเตอร์เน็ตหรือยังไง? มันไม่เหมือนกันอย่างนั้นหรอ?”

 

บอลด์กายไม่เห็นด้วยและตอบกลับว่า “มันจะเหมือนกันได้ยังไง? การได้เห็นกับตาตัวเองกับการได้เห็นผ่านวิดีโอนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ความรู้สึกจากการได้ฟังการร้องเพลงโดยการรวม ร่างกับยืนเรซระดับพระเจ้าโซนิคฟีนิกซ์ของนางเป็นสิ่งที่หาฟังบนอินเตอร์เน็ตไม่ได้”

 

หลังจากพูดอย่างนั้น บอลด์กายก็หยุดพูด ทั้งงานปาร์ตี้เข้าสู่ความเงียบสงบ ทุกอย่างมืดลงไปหลังจากนั้นเสียงของผู้หญิงดังขึ้นจากบนเวที

 

เสียงนั้นฟังดูเหมือนกับเสียงของแฟรี่จากสรวงสวรรค์ เมื่อได้ยินมันหัวใจของผู้ฟังจะถูกสะกดมันทําให้ผู้ฟังอดไม่ได้ที่จะปล่อยตัวเองไปตามเสียงของเธอ

 

หลังจากผ่านไปสักพัก มีแสงฉายไปบนเวทีและโฟกัสไปที่ร่างกายของเพิ่งเฟยเฟย เธอดูเหมีอนกับแฟรีตัวจริง ทั้งร่างกายของเธอดูเหมือนจะเรืองแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ริมฝี ปากของเธอเปิดออกและเสียงของเธอก็ดังไปทั่วห้องโถงมันเข้าไปในหัวใจของทุกคน และทําให้ อดไม่ได้ที่จะเต้นตามทํานองของเสียงเพลง

 

ในตอนที่เพลงไปถึงท่อนกลาง สถานที่แห่งนั้นเงียบสงัดขนาดที่ไม่มีแม้แต่เสียงนกร้องดังให้ได้ยินทุกคนนั้นถูกสะกด พวกเขามองไปที่เพิ่งเฟยเฟยด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ําตา ผู้หญิงบางคนที่หัวใจอ่อนไหวนั้นร้องไห้โฮออกมา

 

“นี่การร้องเพลงแบบนี้เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับงานวันเกิดอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นพูดอะไรไม่ออก เชิงเฟยเฟยร้องเพลงได้ไม่เลว แต่ถ้าเธอไม่ได้ใช้ยืนเรซธาตุเสียงช่วยมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เพลงของเธอจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ต้องยอมรับว่าเธอมีพรสวรรค์ในเรื่องของการร้องเพลงและการใช้ยืนเรซธาตุเสียง แต่นั่นไม่ได้สําคัญอะไรสําหรับเขา

 

หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับเสียงดนตรีมากนัก เขาแค่รู้วิธีการเปาซุนไม่กี่เพลง และเขาก็ไม่ได้เล่นมันได้ดีอะไรนัก

 

ผลของยืนเรชก็ไม่ได้ผลกับเขาเช่นเดียวกัน นั่นเป็นเหตุที่หานเซิ่นคิดว่าเพิ่งเฟยเฟยร้องได้ไม่เลวเท่านั้นเขาไม่ได้ถูกสะกดโดยเสียงเพลงเหมือนกับคนอื่นๆ

 

ในเวลานี้ภายในงานปาร์ตี้แม้แต่ขุนนางที่แท้จริงก็เปิดหัวใจของพวกเขาเพื่อจะฟังการร้องเพลงของเธอ ถึงแม้พวกเขาจะป้องกันพลังเสียงได้ แต่ไม่มีใครพยายามหยุดมันเอาไว้ พวกเขาปล่อยตัวเองไปกับเสียงเพลง

 

ไม่ว่าหานเซิ่นจะมองไปทางไหน ทุกคนก็ดูเหมือนกับกําลังถูกสะกดจิต มันทําให้เขาดูแตกต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด มันทําให้เพิ่งเฟยเฟยสังเกตเห็นเขาในตอนที่เธอมองไปที่ผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง

 

“ทําไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” เพิ่งเฟยเฟยรู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นหานเซิ่นที่นี้ เธอสังเกตเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจฟังเพลงของเธอ ซึ่งทําให้เธอรู้สึกรําคาญ

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset