Supreme Magus – ตอนที่ 30 เวทมนตร์แท้กับเวทมนตร์เทียม (2)

นิยาย Supreme Magus ตอนที่ 30 เวทมนตร์แท้กับเวทมนตร์เทียม (2)

ตอนที่ 30 เวทมนตร์แท้กับเวทมนตร์เทียม (2)

เมื่อพวกเขาเปรียบเทียบสิ่งที่โซลัสอธิบายเรื่องเวทย์แท้จนเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลามืด ค่ำแล้ว ลิธต้องรีบออกจากป่าก่อนที่จะมืดจนเกินไป เขาไม่กลัวนักล่าตอนกลางคืน แต่เอลิน่า แม่ของเขานับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“ถ้าฉันกลับบ้านชํา ฉันจะถูกกักบริเวณไปหนึ่งสัปดาห์ ให้ตายสิ เกลียดเคอร์ฟิวชะมัด!”

ลิธไม่อยากกลับบ้านมือเปล่า เขาจึงน่าบลิงเกอร์ตัวอวบอ้วนสองตัวออกมาจาก กระเป๋ามิติ ซึ่งเขาตั้งใจเก็บไว้เพื่อนํามาใช้ในเวลาแบบนี้แหละ

วันต่อมา นานาบอกกับลธว่าท่านเคาท์ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ และกําลังจะส่ง หนังสือที่ดีที่สุดมาให้ลิธยังคงแสร้งทําเป็นหมกมุ่นอยู่กับตําราประวัติศาสตร์ของ นานา มันเป็นตําราเล่มใหญ่เกินไปที่จะอ่านให้จบภายในครั้งเดียว เขาใช้เวลาไปทั้ง วันกับการคัดลอกและย่อเวทย์ขั้นหนึ่งทั้งหมดลงบนกริมัวร์ของเขา

โดยจดเฉพาะชื่อ, สัญญาณมือและการออกเสียงคร่าวๆ และคําอธิบายสั้นๆในแต่ละเวทย์

“ฉันไม่อยากเสียกระดาษอันมีค่าให้กับเวทย์อ่อนๆพวกนี้เลย ทั้งๆที่ฉันสามารถทํา สัญญาณมือออกไปมั่วๆ ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ยังต้องจําคร่ายใหม่ๆทุก ครั้งที่แสร้งทําเป็นใช้เวทย์เทียม”

“อีกอย่างถ้านานาอยากจะทดสอบฉันขึ้นมา ฉันก็ต้องแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ฉันมีอีก เฮ่อ… การท่องจําเรื่องไร้สาระพวกนี้แทบจะทําให้ฉันบ้าแล้ว แต่การเรียนรู้ เรื่องพวกนี้มีข้อดีตรงที่ ฉันสามารถคาดเดาเวทย์ของคู่ต่อสู้และตอบโต้ได้” ลิธอยาก ให้โซลัสเคลื่อนไหวร่างกายตามที่เขาต้องการ เธอมีความจําดีกว่าและจะช่วยประ หยัดแรงประหยัดเวลาไปได้มาก

เวทย์ที่ลิธอยากจะลองจริงๆก็คือ เวทย์อากาศ Floating Body เวทย์นี้จะทําให้ตัวเองลอยอยู่กลางอากาศได้ หรือใครก็ตามที่มีน้ําหนักน้อยกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัมอยู่ใน สถานะไร้น้ําหนักได้ เวทย์นี้มีประโยชน์หลายอย่างเช่น การหยุดจากการร่วงหล่นลง มา, การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัสโดยไม่มีการกระทบกระทั่ง หรือการเคลื่อน ไหวในขณะล่าหรือสอดแนมอย่างเงียบเชียบและไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

นี่คือสิ่งที่ลิธพยายามลองหลายครั้งแล้วแต่ยังคงไม่สาเร็จ เขาสามารถทําให้สิ่ง อื่นๆลอยได้ด้วยเวทย์วิญญาณ แต่ใช้กับตัวเองไม่ได้ มันยากที่จะรักษาสมดุลทั้งร่างกายขณะที่กาลังจดจ่ออยู่กับการร่ายเวทย์ แม้เขาจะใช้เวทย์อากาศแทนเวทย์ วิญญาณแล้ว เขาก็ยังคงทําไม่ได้อยู่ดี

เพียงพลาดไปเล็กน้อยก็ทําให้เขาลอยกลับหัวหรือหมุนไปมาราวกับเครื่องซักผ้าเลยทีเดียว แค่ลอยอย่างถูกต้องเขายังทําไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนไหวเลย

“ถ้าโซลัสคิดถูกและเวทย์เทียมเป็นเหมือนการฝึก ฉันจะสามารถใช้Floating Body เพื่อเรียนรู้การลอยตัวให้ดี จากนั้นก็พัฒนาให้มันกลายเป็นเวทย์บิน อดใจรอไม่ไหวที่ จะทะยานบินขึ้นฟ้าเหมือนกับฮีโร่ในวัยเด็กของฉัน!”

หลังอาหารกลางวัน ลิธก็กลับเข้าป่าเพื่อไปฝึก ค่าร่ายเวทย์สําหรับ Floating Body คือ “Brezza Ri Lak” เขาไม่มีปัญหากับการออกเสียง แต่สัญญาณมือค่อนข้างซับซ้อนอยู่สักหน่อย

ลิธได้เรียนรู้จากความผิดพลาดเก่าๆแล้ว อันดับแรกเขาต้องแน่ใจแล้วว่าออกเสียงได้อย่างถูกต้อง ก่อนที่จะไปสนใจสัญญาณมือ เขาเริ่มต้นร่ายมันอย่างเชื่องช้า เพราะ เขาไม่จําเป็นต้องเรียนรู้ที่จะร่ายมันอย่างรวดเร็ว เพียงเรียนรู้จากเวทย์ว่ามันมีการใช้พ ลังงานอย่างไร

เมื่อลองได้เพียงไม่กี่ครั้ง ลิธก็สามารถร่ายเวทย์ Floating Body ได้อย่างถูกต้องแล้ว นับเป็นความรู้สึกที่แปลกดีทีเดียว มันต่างจากที่เขาคาดคิดไว้มาก

การลอยขึ้นมาไม่จําเป็นต้องใช้กระแสลมแรงๆสักนิดเลย แต่จําเป็นต้องใช้อากาศที่อยู่รอบตัวทั้งหมดยกตัวขึ้นมาด้วยแรงเท่าๆกันเพื่อรักษาสมดุลไว้

“นี่มันแย่กว่าที่คิดไว้อีก ไม่แปลกใจที่ที่ผ่านมาฉันทําไม่ได้ จากที่ตาราบอก Floating Body ทําให้ฉันอยู่ในสถานะไร้น้ําหนัก และยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่เพื่อที่จะเคลื่อนที่ได้ฉันต้องใช้แรงจากภายนอกหรือเวทย์อากาศพื้นฐานนั่นเอง”

ลิธเริ่มสร้างสายลมอ่อนๆแล้วเคลื่อนที่ไปมาราวกับโดรน

“รู้สึกดีเป็นบ้าเลย! เวทย์นี้มีประโยชน์ตั้งมากมายนับไม่ถ้วน สงสัยจังว่าทําไมเป็นแค่เวทย์ขั้นหนึ่งทั้งที่มันก็ซับซ้อนอยู่นะ

“เพราะมันใช้ได้แค่หนึ่งนาทีเท่านั้น” โซลัสเอ่ยเดือนลิธในขณะที่ร่วงลงมาที่พื้นแล้ว

เมื่อลองใช้ Floating Body อีกสองสามครั้ง ลิธก็ใช้มานาของตัวเองเพื่อใช้เลี่ยน แบบเวทย์นี้ขึ้นมา แต่แล้วเขาก็ไม่สามารถทําได้ภายในบ่ายวันนั้น เห็นได้ชัดแล้วว่า การใช้เวทย์แท้ยากกว่าการใช้เวทย์เทียมอยู่มากจริงๆ

ลิธเริ่มบ่นด้วยความหงุดหงิดรําคาญใจออกมาไม่หยุด

“ชักจะรําคาญละนะ ที่ต้องมาเรียนรู้การใช้เวทย์แต่ละเวทย์ทั้งสองแบบ โซลัส ฉันจะฝึกFloating Body ให้ได้ ถ้าฉันโง่เกินที่จะใช้เวทย์นี้ไม่ได้ ถ้างั้นฉันก็ต้องฝึกฝนมัน ด้วยเวทย์เทียมไปเรื่อยๆจนกว่าจะเชี่ยวชาญ ไม่แน่ฉันอาจจะพัฒนาจนสามารถบินได้จริง ด้วยวิธีนี้ฉันจะมีพื้นฐานที่มั่นคง อย่างน้อยฉันก็หวังไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะง่ายขึ้น”

ลิธใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนไปกับการฝึกLevitation เวทย์ใหม่ของตนเอง เมื่อถึงยามเช้า เขาก็ยังคงทําไม่สําเร็จ

วันต่อมา มีตํารากองเล็กๆส่งมาที่บ้านนานา เธอส่งต่อตาราเหล่านั้นให้ลิธ

“ถ้าต่าราพวกนี้เป็นของฉัน ฉันจะไม่อนุญาตให้เธอเอากลับบ้าน แต่ท่านเคาท์บอกไว้อย่างชัดเจนว่าเธอสามารถเอาพวกมันกลับไปบ้านได้ตามเห็นสมควร ลาร์คเป็นคนใจดีและใจกว้างมาก อย่าทําลายความไว้วางใจของเขานะ”

ตอนแรกลิธโกรธมาก เขาลืมไปแล้วว่าเคยขอตราไว้ และตอนนี้เขาก็มีแต่ตราไว้ ประโยชน์ที่ต้องแสร้งทําเป็นอ่านให้เห็นอีก หลังจากผ่านไปสองวันเต็ม ร่างกายของ เขาก็ตอบสนองขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อลิธสังเกตเห็นว่าตาราประวัติศาสตร์เหล่านั้น ส่วน ใหญ่จะเป็นประวัติและชีวิตความเป็นมาของเหล่านักเวทย์,อาร์คเมจ,และMagiที่มีชื่อ เสียงในอดีตและปัจจุบัน

ในที่สุดเขาก็มีข้อมูลที่ต้องการ นั่นคือการเปิดเผยความสามารถอย่างปลอดภัย ลิธเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หนึ่งในหลายๆอุโมงค์ที่เขากําลังติดอยู่ จนถึงตอนนี้การฝึกของเขาได้เพิ่มปัญหาให้กับชีวิตอีก แต่โชคดีที่มีตาราเหล่านี้ มันทําให้เขารู้สึกดีจริงๆ

เขาจดความสําเร็จทั้งหมดของคนเหล่านั้น ว่าพวกเขาทําอะไรได้บ้างตอนอายุเท่า ไหร่ จากนั้นก็มาถึงส่วนที่จริงจังที่สุด ที่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน

“ฉันไม่มียศถาบรรดาศักดิ์อะไรและไม่มีคนหนุนหลังอีก การเลียนแบบMagus เป็นการรนหาที่ตาย ถ้าแสดงความสามารถน้อยกว่านานา เหล่าขุนนางก็จะพยายาม ฆ่าฉัน ถ้าแสดงออกมากไป ก็จะกลายเป็นเป้าหมายของตระกูลใหญ่ๆทั้งหมด”

“เห็นด้วย” โซลัสเอ่ยขึ้น

“ทางเลือกที่ดีที่สุดคือแสดงความสามารถให้ต่ากว่านานา ถ้าเคาท์ลาร์คปกป้อง เธ อก็จะเพิ่มระดับของตนเองไปได้ นักเวทย์ชายที่มีความสามารถเช่นนี้จะต้องกลาย เป็นคนโดดเด่นอย่างแน่นอน จากนั้นก็ค่อยปรับพลังความสามารถของเธอไปตามสิ่ง แวดล้อมที่เกิดขึ้น”

“เหมือนอย่างที่ฉันคิดเลย” ลิธพยักหน้าในใจ

หลายสัปดาห์ต่อมา ขณะอยู่บ้านนานา ลิธกับโซลัสจะแยกกันทํางาน ลิธพยายาม เรียนรู้เวทย์ขั้นหนึ่งทั้งหมด ในขณะที่โซลัสอ่านต่าราของเคาท์ลาร์ค และจดทุกราย ละเอียดที่สําคัญ

ลิธให้เธอใช้เวทย์วิญญาณและเวทย์น้ําได้ ทําให้เธอสามารถเปิดตําราและเขียนรายละเอียดลงในกริมัวร์ได้

ช่วงบ่าย พวกเขาก็พยายามจะทําให้ Levitation ใช้งานได้ พวกเขาค่อยๆแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้นทีละนิดทีละน้อย บางทีก็ปรับปรุงการใช้งาน Floating Body อีกด้วย

ลิธสามารถใช้ Levitation ได้หลังจากเพียรพยายามมาอย่างหนักตลอดหนึ่งเดือน เต็ม และตอนนี้เขาก็เชี่ยวชาญเวทย์ขั้นหนึ่งทั้งหมดแล้ว แต่เขายังต้องรอไปก่อน ตามตาราของเคาท์ดาร์คได้กล่าวไว้ว่านั้นเป็นความสําเร็จของอาร์คเมจ

ดังนั้นเขาจึงต้องรอไปอีกครึ่งเดือนก่อนที่จะแสดงความสามารถให้นานาเห็น เธอรู้สึกประทับใจในความสามารถและความมุ่งมั่นของลิธอย่างแท้จริง เธอบอกว่าเมื่อก่อนเธอต้องใช้เวลาเกือบหนึ่งเดือนในการท่องจําตําราได้ทั้งหมด ถึงลิธจะมีพรสวรรค์น้อยกว่า แต่เขาก็ท่าได้เหมือนกันโดยใช้เวลานานกว่าเธอเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น เธอคิดไว้ว่าเขาจะใช้เวลานานกว่าสองเดือนด้วยซ้ํา

นานาเสนอให้ลิธเริ่มมาช่วยงานเธอตอนยุ่งๆอีกด้วย และเขาก็ตอบรับด้วยความยิน

เมื่อฝึก Levitation สําเร็จ เขาก็ไม่ได้ไปล่ามาเป็นเดือนแล้ว เหยื่อที่เก็บไว้สํารองในกระเป๋ามิติก็ใกล้จะหมด การหยุดล่าไปนานขนาดนั้นทําให้เขาต้องเสียเงินไปเป็นจํานวนมาก จึงต้องการหาเงินมาชดเชยที่เสียไป

ลิธได้เรียนเวทย์แสงขั้นหนึ่ง สองเวทย์อย่างเป็นทางการ Vinire Rad Tน ซึ่ง เป็นเวทย์ใช้ตรวจอาการบาดเจ็บ,หรือการเจ็บป่วย และ Vinire Dan เวทย์รักษาขั้นพื้นฐาน สามารถรักษาอาการไอ ไข้หวัดที่ไม่รุนแรง และแผลที่ไม่ลึกเกินไป

โดยส่วนใหญ่เขาจะได้รับเงินเฉพาะค่าตรวจ เพราะนานาจะเป็นคนรักษาผู้ป่วย และเขาเองก็ทําได้เพียงรักษาอาการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น แต่รายรับที่เข้ามาก็ไม่ถือว่าแย่นัก

กิจการของนานาได้หยั่งรากลึกจนเหนียวแน่น ผู้คนจากหมู่บ้านใกล้เคียงทั้งหมดมักจะมาขอความช่วยเหลือจากเธอ ลิธที่ใช้เวลาอยู่ที่แผนกต้อนรับบ่อยๆ พบว่านานาเป็นมากกว่าผู้รักษาสําหรับผู้คนในลูเทีย เธอเป็นผู้พิทักษ์และเป็นผู้บังคับใช้ กฎหมายที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย

เพียงแค่อาศัยอยู่ที่ลูเทีย พวกโจรก็มักจะเลี้ยงหมู่บ้านนี้และถ้ามีคนไหนกล้าบุกเข้ามาโจมตีหมู่บ้าน ก็จะได้เจอเธอก่อนที่จะได้สร้างความเสียหาย แถมเธอยังเป็นโล่กําบังสําหรับพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนในท้องถิ่นอีกด้วย

ไม่มีพ่อค้าแม่ค้าชาวต่างเมืองคนใด นายน้อยหรือนายหญิงคนใดสามารถกลั่นแกล้งคนในลูเทียได้ บางครั้งเธอยังถูกเรียกให้ไปยุติการทะเลาะวิวาทของพวกขี้เมาอีก ด้วย

ลิธแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอจะมีนิสัยเช่นนี้ต่อผู้คนที่เธอรับใช้ เธอพร้อมที่จะเข้าไป แทรกแซงทุกเมื่อที่จาเป็น วันหนึ่ง นานาสอนบทเรียนให้กับขุนนางหนุ่มกับผู้คุ้มกันที่เชื่อว่าตนเองสามารถบังคับหญิงคนใดก็ได้มาปรนเปรอเขา

ลิธตัดสินใจค้นหาความจริง

แม่มดเฒ่าได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอมองเงินสําคัญกว่าทุกสิ่ง ลิธตกหลุมพรางการกระทํานั้นของเธอซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขาจึงอยากรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นคนอย่างไรกัน แน่ แต่การหยาบคายกับอาจารย์ก็ถือเป็นความคิดที่ไม่ดีอย่างแน่นอน เขาจึงเลือกใช้ วิธีการอย่างชาญฉลาด

“อาจารย์ ผมไม่รู้จะชื่นชมอาจารย์ยังไงดี อาจารย์ดูแลความปลอดภัยของหมู่บ้าน ทั้งหมดด้วยตนเอง แถมยังไม่ได้รับอะไรตอบแทนเสียอีก ผมรู้สึกประทับใจอาจารย์จ ริงๆ”

นานาหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เสียงนั้นดูโหดร้ายเหมือนกับช่างประปาในโลกเก่า ซึ่งลิธต้องโทรไปหาเขาในวันหยุดประจําชาติ

“เธอนี่ช่างเป็นเด็กที่ตลกจริงๆนะ บางครั้งเธอก็ฉลาดเสียจนฉันลืมไปว่าเธออายุแค่ หกขวบ แต่เมื่อไหร่ที่พูดเรื่องอะไรแบบนี้ออกมา เธอก็เหมือนกับเด็กซื่อๆเลย แน่นอนว่าฉันได้อะไรตอบแทนมาอยู่แล้ว เธอไม่เคยสงสัยเลยหรอว่าทําไมค่ารักษาของฉันถึงแพงแสนแพงขนาดนั้น?”

Supreme Magus

Supreme Magus

Supreme Magus
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Supreme Magusไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีแค่ไหน แต่หากคุณได้รู้ถึงชีวิตของผม …. เดเร็ค แมคคอยนั้น คุณก็จะไม่มีทางมองโลกในแง่ดี หรือเป็นบวกได้แน่นอน พ่อของผมเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน หรือที่หลายคนเรียกกันว่าไบโพลาร์นั่นแหละ …. ในช่วงเวลาหนึ่งเขาสามารถจะหายเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองได้เป็นเวลาหลายวัน โดยที่เขาก็จะออกจากห้องมาแค่ช่วงเวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำ และกินข้าวเท่านั้น ขณะที่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง …. เขาก็จะเป็นชายที่ดูเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวเสมอ นอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ยังมีช่วงที่เขาอยู่ในอารมณ์สดใสและร่าเริงด้วย โดยในอารมณ์นี้นั้นเขาก็จะทำงานเหมือนกับคนบ้า แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำงานมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆเลย เพราะเขามันไร้ความสามารถ ซึ่งเรื่องพวกนี้เองมันก็ได้ทำให้พ่อของผมกลายเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และท้ายที่สุดแล้วด้วยสภาพทั้งหมดที่พ่อของผมต้องเผชิญนั้นมันก็ได้ทำให้เขาตัดสินใจใช้ยาเสพติด โดยผมเชื่อว่าเมื่อผมพูดมาถึงตรงนี้นั้น ผมก็สามารถจะจัดให้เขาเป็นหนึ่งในพ่อยอดแย่ได้โดยที่ไม่มีใครครหา ….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset