The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 115 สองประทีประบำปีศาจ

“ออกมา ออกมาเดี๋ยวนี้…”

ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่หน้าอกนั้นได้สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าหลินมู่อวี่ยังตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดอยู่ในทะเลจิตของตน เขาในยามนี้ต้องการพลังอย่างยิ่งยวด หากไม่มีพลังเจ็ดประทีป จะกอบกู้สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างไรกัน

ทันใดนั้น พลังแข็งแกร่งสายหนึ่งก็แล่นเข้าสู่แขนขวาเขา ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้สึกเหมือนได้สัมผัสถึงความทุกข์ทรมานของสรรพสัตว์อย่างลางเลือน หลินมู่อวี่กัดฟันยกแขนขวาขึ้น ปล่อยหมัดโจมตีใส่อกของชางไป๋เฮ่อ!

หนึ่งประทีบพิฆาตชีวัน!

“เปรี้ยง!”

ปราณยุทธ์แตกกระจาย เพียงแค่หมัดเดียว ปราณยุทธ์ที่ปกป้องร่างกายชางไป๋เฮ่อก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ใบหน้าคล้ำเขียวของชางไป๋เฮ่อมองหลินมู่อวี่ “นะ…นี่มันพลังอะไรกัน”

หลินมู่อวี่ไม่ได้พูดอะไร เขากลั้นความเจ็บปวดที่หน้าอก ตะโกนด้วยโทสะอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจไม่หยุด “ชั้นที่สอง มอบมันให้ข้า เร็วเข้า มอบชั้นที่สองให้ข้า เดี๋ยวนี้!”

ในทะเลจิต วิญญาณสีดำกลับหัวเราะเยาะดัง “เจ้าคิดจะใช้พลังของข้า? ฝันไปเถอะ เจ้าเด็กโสโครก!”

“ติ่งหลอมอาวุธ!”

หลินมู่อวี่คำรามออกมา ติ่งหลอมอาวุธปรากฏขึ้นในทะเลจิต ไฟหลอมชั้นที่สาม ไฟปฐพีปรากฏขึ้น แผดเผาวิญญาณราชาปีศาจเจ็ดประทีปอย่างบ้าคลั่ง เขายังตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดต่อไป “มอบมันให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

เสียงร้องโหยหวนดังไม่หยุด ราชาปีศาจเจ็ดประทีปคล้ายจะเจ็บปวดทรมานกว่าหลินมู่อวี่ มันร้องโอดครวญพลางหัวเราะเยาะ “เจ้า…เจ้าคิดจะใช้พลังของข้า เจ้ามีคุณสมบัติพอเช่นนั้นหรือ พลังเจ็ดประทีปทรงพลังที่สุดในใต้หล้า ต้องการร่างและวิญญาณที่แข็งแกร่งมากถึงจะควบคุมมันได้ ร่างกายที่อ่อนแอของเจ้าเช่นนี้จะควบคุมพลังเจ็ดประทีปนี้ได้อย่างไรกัน!”

แต่ก็ยังคงมีพลังจากส่วนลึกของจิตวิญญาณไหลซึมเข้าสู่ร่างกาย พร้อมเสียงโหยหวนเบาๆ แขนขวาของหลินมู่อวี่ปรากฏพลังลึกลับขึ้นอีกครั้ง เขาปล่อยหมัดครั้งที่สองออกไปอย่างไม่ลังเล สองประทีประบำปีศาจ!

หมัดเต็มไปด้วยพลังระบำปีศาจ ชางไป๋เฮ่อเริ่มมีปฏิกิริยา รีบยกมือซ้ายขึ้นมาต้านการโจมตีของหลินมู่อวี่ แต่ก็ไม่สามารถต้านไว้ได้!

“เปรี้ยง!”

หมัดเคลื่อนผ่านฝ่ามือแล้วกระแทกเข้าใส่อกของชางไป๋เฮ่อ เหมือนว่าได้ยินเสียงกระดูกหักดังกร๊อบเบาๆ  ชางไป๋เฮ่อยืนไม่อยู่แล้ว ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว มือขวาโชกไปด้วยเลือดที่มาจากอกของหลินมู่อวี่ เขากระอักเลือดออกมา เงยหน้ามองหลินมู่อวี่ “เจ้า…ในร่างของเจ้ามีปีศาจชั่วร้าย…”

หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างขมขื่น ร่างทั้งร่างทรุดลงบนกระดูกมังกร ถึงขั้นที่ผมของเขาก็เริ่มเปลื่ยนเป็นสีขาว แก่ชราลงอย่างรวดเร็ว พลังเจ็ดประทีปนั้นทรงพลังมาก พลังที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าจะอยู่ใต้การควบคุมในร่างของคนธรรมดาได้อย่างไรกัน แค่ใช้พลังเจ็ดประทีปสองครั้ง สิ่งที่ต้องแลกก็คือสูญเสียสัญลักษณ์แห่งชีวิต—ชราภาพ!

“อาอวี่…”

ฉินอินคุกพระชงฆ์อยู่ตรงนั้น มองหลินมู่อวี่ที่กำลังทรุดอยู่ที่พื้นอย่างเจ็บปวด ร่างทั้งร่างสั่นเทา ผมกลายเป็นสีขาว น้ำพระเนตรของฉินอินไหลลงมา “อาอวี่…ไม่นะ…ไม่นะ…”

ถังเสี่ยวซียกแส้เพลิงอัคคี สะบัดแส้เสียงดังกระโจนขึ้นมาบนกระดูกมังกร

“เสี่ยวซี…”

หลินมู่อวี่ทรุดอยู่ที่พื้น ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่ยกมือขวาขึ้น โบกมือช้าๆ บอกเป็นนัยว่าอย่าไปยั่วยุชางไป๋เฮ่อ มิเช่นนั้นคงต้องแลกด้วยความตาย พลังของชางไป๋เฮ่อยังคงเหนือกว่าพวกเขาทั้งสี่คน

……

“ไอ้เจ้า…เดรัจฉานนี่…”

ชางไป๋เฮ่อลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เร่งพลังขอบเขตปราชญ์ที่อยู่รอบตัว ปราณยุทธ์พัดชุดคลุมสีเทาให้สะบัดกระพือขึ้น เขายกมือขึ้น เรียกกระบองเพลิงโลกันต์ให้มาอยู่ในมืออีกครั้ง แล้วค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไปหาหลินมู่อวี่ แล้วยิ้มเยาะเย้ย “หากวันนี้ไม่สังหารเจ้า ข้าชางไป๋เฮ่อจะไม่ขอเป็นคน!”

แต่ทว่าในตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงแหลมบาดหูดังขึ้น ตามด้วยเสียงที่ลอยมาตามอากาศ “องค์หญิงซี ข้าชวีฉู่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

“ผู้อาวุโสชวีมาแล้ว!” ถังเสี่ยวซีน้ำตาเอ่อคลอ “ท่านทำไมถึงเพิ่งมา…”

ชางไป๋เฮ่อพลันตัวสั่นเทา การมาของชวีฉู่ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งจะเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์ แต่ชวีฉู่นั้นเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์มาหลายปีแล้ว หากชวีฉู่มาเห็นสถานการณ์ตรงนี้จะต้องคิดสังหารตนเป็นแน่แท้ จะมัวชักช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นตนเองคงต้องจบชีวิตอยู่ที่นี่เป็นแน่

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ชางไป๋เฮ่อกรีดร้อง และพุ่งตัวเข้าไปในป่าโดยไม่หันกลับมามองเลย!

……

“อึก…อึก…”

บริเวณท้องและหน้าอกมีความเจ็บปวดแล่นขึ้นมาเป็นระยะๆ หลินมู่อวี่กระอักเลือดกองโตอยู่บนกระดูกมังกร พริบตาเดียวชุดสีขาวของวิหารศักดิ์สิทธิ์ถูกเลือดสดๆ ย้อมจนเป็นสีแดง

ถังเสี่ยวซีรีบพุ่งเข้ามาประคองตัวเขาไว้ เห็นสภาพที่น่าสงสารของเขา ถังเสี่ยวซีน้ำตาไหล “มู่มู่…มู่มู่ เจ้าต้องไม่ตาย ต้องไม่ตาย…ท่านปู่ชวีฉู่ใกล้จะมาถึงแล้ว…”

หลินมู่อวี่หายใจแผ่วเบา แววตาล่องลอยไร้จิตวิญญาณ พิงเข้ากับอกของถังเสี่ยวซี ไม่ขยับเขยื้อน

“อาอวี่…อาอวี่…”

ฉินอินคุกพระชงฆ์อยู่บนพื้น คลานเข้ามาหาทีละก้าว น้ำพระเนตรไหลหยดลงบนกระดูกมังกร “อาอวี่…เจ้าอย่าตายนะ…เจ้า…”

และในตอนนี้เอง พวกนางก็ได้เห็นปาฏิหาริย์ เส้นผมสีขาวของหลินมู่อวี่ค่อยๆ เปลื่ยนกลับมาเป็นสีดำ ผิวที่แห้งเหี่ยวก็กลับมาเอิบอิ่มอีกครั้ง ลมหายใจเองก็สงบนิ่งมากขึ้น เขาไอรุนแรงหลายครั้ง จนกระอักเลือดออกมาอีก แต่พอลืมตาก็เห็นหญิงงามทั้งสอง “ข้า…ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ตายหรอก รีบไปช่วยพี่ฉินเหลย…”

ฉินเหลยยังคงถูกไม้เท้าเหล็กตรึงไว้กับกระดูกมังกร อกและช่องท้องมีรูขนาดใหญ่ดูน่ากลัว แต่พอเห็นว่าหลินมู่อวี่ไม่ตาย เขาก็ยิ้มออกมา “นี่…อาอวี่ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว…”

ฉินอินทรงกระโดดลงมาจากหลังมังกร ดึงไม้เท้าเหล็กออกช่วยฉินเหลย ขณะเดียวกันก็เทโอสถฟื้นสภาพเกรดหนึ่งลงบนปากแผลของหลินมู่อวี่และฉินเหลย จากนั้นทาโอสถสมานแผลอีกครั้ง แต่บาดแผลของหลินมู่อวี่สาหัสมาก ไม่อาจรักษาให้หายสนิทได้ในระยะเวลาอันสั้น และเลือดก็ยังไม่หยุดไหล ถังเสี่ยวซีเห็นแล้วก็ตาแดงก่ำ ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก

“ใต้เท้าชวีฉู่ทำไมถึงยังไม่มาอีก” ฉินอินถาม

ถังเสี่ยวซีกล่าว “ข้าให้จิ้งจอกอัคคีส่งเสียงร้องออกมา ก็เพื่อเรียกท่านปู่ชวีฉู่ แต่เขาจะต้องอยู่ห่างจากที่นี่มากแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะมาถึงนานแล้ว…”

หลินมู่อวี่เริ่มมีแรงกลับคืนมาเล็กน้อย นอนอยู่ในอ้อมอกของเสี่ยวซี ยิ้มพูด “หากท่านปู่ชวีฉู่อยู่ใกล้จริง จะต้องฆ่าชางไป๋เฮ่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องเปลืองพลังส่งเสียงมาจากที่ไกลๆ หรอก แค่ก แค่ก…”

เขาไออย่างรุนแรงรอบหนึ่ง เลือดไหลออกมาจากมุมปากอีกครั้ง

ฉินอินรีบเช็ดเลือดให้เขา เปลื่ยนน้ำพระเนตรเป็นรอยแย้มพระสรวลแล้วตรัสขึ้น “ก็เป็นเสียงของใต้เท้าชวีฉู่นี่แหละ ที่ช่วยชีวิตพวกเราสี่คนไว้…”

“ใช่แล้วล่ะ…”

……

ผ่านไปเกือบยี่สิบนาที เงาร่างของชวีฉู่ถึงได้ปรากฏขึ้นจากที่ไกลๆ เคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้า กระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกระดูกมังกร มองสภาพที่น่าสงสารของหลินมู่อวี่และฉินเหลย อดขมวดคิ้วถามไม่ได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

ถังเสี่ยวซีร้องไห้ออกมาทันที น้ำตานองหน้าไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่หรือพ่ะย่ะค่ะองค์หญิง..” ชวีฉู่คุกเข่าลงข้างหนึ่งบนกระดูกมังกร ทำความเคารพฉินอิน

ฉินอินทรงพยักพระพักตร์ เป็นนัยให้เขาลุกขึ้นยืน ก่อนตรัสขึ้น “ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของจวนเสินโหว ท่านปู่ชวีฉู่ยังจำได้หรือไม่”

“ชางไป๋เฮ่อ?” ชวีฉู่ตกตะลึง “นั่นคือยอดฝีมือขอบเขตนภาที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่ง…เขาทำไมรึพ่ะย่ะค่ะ”

“ชางไป๋เฮ่อเข้าสู่ขอบเขตปราชญ์แล้ว เมื่อครู่เขาต้องการจะสังหารพวกข้า”

“อะไรนะ!?” ชวีฉู่ตัวสั่น “เขา…เขาไม่ทราบหรือว่าองค์หญิงทรงมีฐานะอะไร”

“เขาทราบนั่นแหละ ถึงได้คิดสังหารข้าปิดปาก” ฉินอินดูสงบเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง

“กระหม่อมมาช่วยช้าไป องค์หญิงโปรดทรงอภัย!” ชวีฉู่ประสานหมัดคารวะ

“ใต้เท้าชวีฉู่ไม่ต้องตำหนิตนเอง หากไม่ใช่เพราะเสียงของท่าน เกรงว่าพวกข้าคงต้องตายด้วยเงื้อมมือของชางไป๋เฮ่อไปแล้ว” ฉินอินตรัส “ท่านช่วยมาดูอาการบาดเจ็บของอาอวี่กับท่านพี่ฉินเหลยก่อนเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ”

ชวีฉู่ตรวจสอบอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “เจ้าเด็กหลินมู่อวี่นี่ดวงแข็งเสียจริง…กระดูกหักสามท่อน หัวใจได้รับบาดเจ็บ แต่กลับยังไม่ตาย บาดแผลของท่านอ๋องน้อยเบากว่ามาก ไม่กระทบกระเทือนอวัยวะภายใน”

ถังเสี่ยวซีกล่าว “นั่นเพราะว่ามู่มู่เพิ่งจะหลอมวิญญาณต้นจิ้นหมู่ไป ได้รับทักษะการฟื้นฟู ดังนั้นพลังการฟื้นตัวของร่างกายเลยค่อนข้างดีเท่านั้นเอง”

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ชวีฉู่มองถังเสี่ยวซี แล้วยิ้มกล่าว “พลังขององค์หญิงซีก็พัฒนาขึ้นมากแล้ว…”

ถังเสี่ยวซีเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แต่ก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ

ฉินอินตรัสถาม “ใต้เท้าชวีฉู่ ท่านทำไมถึงมาอยู่ที่ป่าล่ามังกรได้ล่ะ เสี่ยวซีทราบได้อย่างไรว่าท่านอยู่ที่นี้…”

ถังเสี่ยวซีตอบ “ที่จริงข้าก็ไม่ทราบ แค่ลองเดิมพันดู…”

“ความจริงแล้วหลายปีมานี้ข้าเฝ้าคุ้มกันอยู่ที่แห่งนี้” ชวีฉู่กล่าว

“เอ๊ะ? เพราะอะไรหรือ” ฉินอินงงงวย

ชวีฉู่ยิ้มเล็กๆ แล้วอธิบาย “องค์หญิง ที่นี่เป็นสุสานมังกรที่อยู่ในส่วนลึกของป่าล่ามังกร ปกติแล้วจะไม่มีผู้คนมาที่นี่ ผู้ที่มาแน่นอนว่าต้องการขโมยสมบัติล้ำค่า แต่น่าเสียดายที่แห่งนี้ไม่มีทรัพย์สมบัติอันใด มีแต่กระดูกมังกร และยังไม่ใช่กระดูกมังกรแท้อีกด้วย แต่ที่สุสานมังกรก็ยังคงมีคนผู้หนึ่งเฝ้าปกปักรักษาอยู่ที่นี่รุ่นต่อรุ่น ตอนที่ข้าอายุยี่สิบเจ็ด ก็ได้รับสืบทอดหน้าที่เฝ้ารักษาสุสานมังกรจากท่านอาจารย์ ดังนั้นนอกจากเมืองหลวงและเมืองชีไห่แล้ว ข้าก็จะลาดตระเวนอยู่รอบสุสานมังกร โชคดีที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นต้องเกิดเรื่องร้ายแรงเป็นแน่”

“ที่แท้ท่านปู่ชวีฉู่ก็รับหน้าที่เฝ้าสุสานมังกรนี่เอง…” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กๆ “งั้นข้าขอยืมเถาวัลย์เอ็นมังกรนิดหน่อยได้ไหมขอรับ”

“เถาวัลย์เอ็นมังกรมีอยู่มาก ตามสบายเถอะ” ชวีฉู่มีท่าทางใจกว้าง

หลินมู่อวี่พูดต่อ “ท่านปู่ชวีฉู่ ครั้งนี้พวกเราถูกชางไป๋เฮ่อจับตาแล้ว รอข้าเก็บรวบรวมสมุนไพรแล้ว ท่านกลับเมืองหลวงพร้อมพวกข้าเถอะ คุ้มกันฝ่าบาทและเสี่ยวซี ตอนนี้ข้ากับพี่ฉินเหลยต่างได้รับบาดเจ็บ ไม่มีพลังพอที่จะคุ้มครองพวกนางได้แล้ว”

“อืม!” ชวีฉู่พยักหน้ารับ

……

พักผ่อนจนถึงยามราตรี อาการบาดเจ็บของหลินมู่อวี่ดีขึ้นบ้างแล้ว สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงถือกระบี่เหลียวหยวนไปตัดเถาวัลย์มังกรบนกระดูกมังกร ขณะที่ดวงดาวส่องประกายลงมากลางสุสานมังกร บนพื้นก็เกิดแสงวิบวับเป็นประกาย ทำให้เขาอดยินดีไม่ได้ นี่ก็คือหญ้าราตรีกระจ่าง ไม่มีใครคิดว่าหญ้าราตรีกระจ่างจะมาเจริญเติบโตอยู่กับเถาวัลย์เอ็นมังกร มิน่าเล่าคนบนแผ่นดินนี้จึงหาหญ้าราตรีกระจ่างไม่พบ ที่แท้มันก็เติบโตอยู่ในสุสานมังกรสถานที่ที่ไร้ร่องรอยของมนุษย์แห่งนี้นี่เอง

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset