The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 142 ฉากหลอกลวง

EP.142 ฉากหลอกลวง

“อ่า…”

มารโลหิตตกใจจนร้องออกมาเบาๆ ร่างที่อยู่บนหลังหมีโงนเงน ใบหน้าของเขาซีดลงเล็กน้อย คงเพราะถูกสองประทีประบำปีศาจโจมตีเข้าไปถึงดวงวิญญาณ

ฌาณสัมผัสของหลินมู่อวี่ค่อยๆ ออกมาจากในทะเลจิต และกลับเข้าร่างอีกครั้ง เขาผ่อนลมหายใจ สีหน้าดูไม่ค่อยดี มองมารโลหิตด้วยแววตาที่น่ากลัว “ทักษะการอ่านใจของเจ้าไม่ได้ผลแล้ว เจ้าคงใช้วิธีนี้ควบคุมชื่อกุ่ยขอบเขตนภาชั้นที่สามผู้นั้นกระมัง เจ้าคงคิดว่าจะใช้วิธีนี้ควบคุมข้าด้วยสินะ”

มารโลหิตทำใจให้สงบ ยิ้มบางๆ “เด็กน้อย เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าแค่อยากรู้เรื่องของเจ้าให้มากขึ้นเท่านั้นเอง หากข้าคิดจะสังหารเจ้า เมื่อครึ่งชั่วยามก่อนคงสั่งให้ชื่อกุ่ยสังหารเจ้าไปแล้ว ข้าว่าเจ้าเองก็น่าจะรู้ดี ชื่อกุ่ยสังหารเจ้าได้สบาย”

เรื่องนี้หลินมู่อวี่ไม่ปฏิเสธ พยักหน้าพร้อมพูดขึ้น “เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้ามาที่ชั้นสามเพื่ออะไร”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร” มารโลหิตยิ้มเล็กน้อย

“ใคร?”

“ข้าชื่อว่าฉินหง เป็นอนุชาของพระอัยกาจักรพรรดิองค์ปัจจุบันฉินจิ้น ทำไม เจ้าไม่เชื่ออย่างนั้นหรือ”

มารโลหิตยิ้มจางๆ พลันยกแขนขึ้น ทันใดนั้นโซ่สีทองปรากฏขึ้นที่กลางฝ่ามือ เป็นโซ่เทวะ ไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ดีเท่าสิ่งนี้อีกแล้ว!

หลินมู่อวี่ตะลึงอยู่เงียบๆ “ในเมื่อท่านเป็นคนตระกูลฉิน ทำไมถึงถูกจองจำอยู่ในที่แห่งนี้กัน”

มารโลหิตหัวเราะ “เพราะความคิดต่างกัน ข้านำทหารสามแสนนายจากมณฑลทงเทียนคิดจะยึดครองเมืองหลันเยี่ยนขึ้นเป็นจักรพรรดิ แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่เวลาของข้า ทัพทหารแตกพ่าย จึงถูกเนรเทศให้มาอยู่ในเจดีย์ทงเทียน เจ้าหนู เมื่อครู่ที่ข้าเข้าไปในทะเลจิตของเจ้าก็เข้าใจบางสิ่งบางอย่าง เจ้าไม่ใช่คนของโลกนี้ เจ้าอยากจะกลับไปโลกเดิมไหมล่ะ”

หลินมู่อวี่ชะงักไปทันที เขามาจากโลกอีกใบหนึ่ง เรื่องนี้พูดให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ แต่มารโลหิตมีวิชาอ่านใจ เขาจึงเข้าใจได้

เห็นท่าทางตื่นตระหนกของหลินมู่อวี่ มารโลหิตอดยิ้มไม่ได้ “พ่อของเจ้า หลินซุ่นตอนนี้คงคิดถึงเจ้ามากแล้วกระมัง แถมโลกเดิมของเจ้ามีสีสันขนาดนั้น ควบม้าบุกตะลุย และมิตรภาพพี่น้องในเกม ชีวิตกลางคืนที่เต็มไปด้วยสีสัน ดีเจคนสวยซูซานที่ผับซูเหออาจกำลังคิดถึงเจ้าอยู่ก็ได้ หรือว่าเจ้าตัดใจได้อย่างนั้นหรือ ไม่อยากกลับไปหรือไง”

“ข้าก็คิดอยู่…” เขากล่าวเสียงทุ้ม

มารโลหิตหัวเราะฮ่าๆ “แต่ข้ามีวิธี บางทีอาจจะทำให้เจ้าทะลุมิติ กลับไปยังโลกเดิมของเจ้าได้ เพียงแต่ข้าขอถามเจ้าสักหน่อย เจ้ายินดีรับความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่”

หลินมู่อวี่รีบสงบใจทันที ทักษะชีพจรวิญญาณยังคงแผ่ออกมาในทะเลจิตเพื่อป้องกันไม่ให้มารโลหิตอ่านความคิดของตนต่อได้ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “ช่วยข้ากลับโลกเดิม มีประโยชน์อะไรต่อท่านหรือ”

“ทำไมต้องมีประโยชน์ด้วยเล่า ข้าอยู่ในเจดีย์ทงเทียนมาเกือบจะร้อยปี ยังมีอะไรที่วางลงไม่ได้อีกหรือ ขอแค่ช่วยเจ้าได้ ข้าก็ยินดี” มารโลหิตผายมือทั้งสองข้างออก ท่าทางใจดีมีเมตตา

ตอนนี้เองหลินมู่อวี่ถึงได้ระวังตัว คนที่ช่วยคนอื่นโดยไม่มีสาเหตุ ดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย ยิ่งเป็นคนแบบมารโลหิตด้วย เพื่อตำแหน่งจักรพรรดิแล้วถึงกับสังหารพี่น้อง คนแบบนี้ไม่ช่วยคนอื่นง่ายๆ อย่างแน่นอน

“เช่นนั้นท่านก็ว่ามาเถอะ…” หลินมู่อวี่กล่าวเสียงเรียบ

มารโลหิตลูบศีรษะหมีเบาๆ แล้วยิ้มออกมา “พูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าตามข้าไปยอดเจดีย์เถอะ หรือเจ้าเข้ามาในเจดีย์ทงเทียนแล้ว ไม่อยากรู้ว่าชั้นบนมีอะไร”

หลินมู่อวี่พยักหน้า “โปรดนำทาง”

“เสี่ยวเฮย ไปกันเถอะ!”

เจ้าหมีคำรามออกมา แล้วแบกมารโลหิตปีนขึ้นไปยังชั้นสี่

หลินมู่อวี่ถือกระบี่เหลียวหยวน เดินตามขึ้นไปอย่างระมัดระวัง ส่วนชื่อกุ่ยประสานมือเดินตามอยู่หลังสุด ราวกับกลัวว่าหลินมู่อวี่จะลงมือทำร้ายมารโลหิตขึ้นมา

ที่ชั้นสี่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งสิ้น

ชั้นห้าก็เช่นกัน

ชั้นหกก็ด้วย

พวกเขาเดินขึ้นไปทีละชั้นๆ แบบนี้ จนไปถึงชั้นที่สิบเจ็ด พอมองผ่านหน้าต่างบานเล็กก็เห็นฟ้าแลบและท้องฟ้าที่หมุนเป็นวงเหมือนน้ำวนที่ด้านนอก ที่นี่ใกล้หลุมอากาศสีเลือดนั่นมาก เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่สิบแปด ก็ใกล้มากจนเหมือนห่างเพียงแค่ก้าวเดียว

“ฟิ้ววว…”

ลมพัดรุนแรงจนลืมตาแทบไม่ขึ้น

มารโลหิตไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว เขาปล่อยพลังขอบเขตปราชญ์ออกมารอบตัว ต้านทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามา

หลินมู่อวี่ก็ปล่อยกระดองเต่าทมิฬออกมา ปกป้องตัวเอง

ชั้นที่สิบแปด ก็คือยอดของเจดีย์ทงเทียน!

เมื่อมองไปรอบด้าน ก็เห็นเมืองหลันเยี่ยนและทิวทัศน์รอบๆ ทั้งหมด คนบนพื้นมองไม่มีทางมองเห็นยอดเจดีย์ทงเทียน แต่คนบนยอดเจดีย์กลับเห็นทั้งเมืองหลันเยี่ยนทั้งเมือง เรียกได้ว่ามหัศจรรย์จริงๆ

ด้านบนของยอดเจดีย์ก็คือหลุมอากาศสีเลือด กลางหลุมอากาศราวกับมีพลังดูดมหาศาลกำลังดูดกลืนทุกสิ่งที่อยู่บนพื้น ใบไม้บนพื้นลอยขึ้นมาและถูกดูดเข้าไปในหลุมอากาศสีเลือด ชุดศึกของหลินมู่อวี่เองก็พัดสะบัดเสียงดัง ยังดีที่พลังของเขาอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางสูงแล้ว จึงสามารถต้านทานไว้ได้

หลินมู่อวี่เหลือบมองมารโลหิตด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้มารโลหิตใช้ทักษะอ่านใจจะเห็นแค่เรื่องราวเกี่ยวกับโลกที่เขาจากมาเท่านั้น แต่ไม่รู้เรื่องที่เกี่ยวกับราชาปีศาจเจ็ดประทีป มิเช่นนั้นมารโลหิตคงจะไม่สงบอยู่แบบนี้หรอก เพราะการมีชีวิตอยู่ของราชาปีศาจมันน่ากลัวเกินไปสำหรับมนุษย์

หลินมู่อวี่หรี่ตามองไปที่หลุมอากาศสีเลือดเบื้องหน้า ก่อนถามขึ้น “นี่คืออะไร”

“รอยแยกมิติ”

มารโลหิตแสยะยิ้ม “รอยแยกมิติเช่นนี้ บนโลกมีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น หากกระโดดเข้าไป เจ้าก็สามารถไปยังมิติอื่นได้ ดังนั้นข้าถึงพาเจ้ามาที่นี่ บางทีโลกของเจ้าอาจจะอยู่หลังดวงตาปีศาจนี่ก็ได้ เพียงแต่เจ้ายังต้องรออีกสักหน่อย”

“เพราะอะไร” หลินมู่อวี่ถาม

“เพราะว่ามิติด้านหลังรอยแยกนี้ จะเปลี่ยนทุกๆ ร้อยปี และตอนนี้ ด้านหลังรอยแยกคือแดนสวรรค์”

“แดนสวรรค์” หลินมู่อวี่ตะลึง

“หรือก็คือดินแดนเทวะ” มารโลหิตเงยหน้าและยิ้มกล่าว “วิถีของโลก เปลี่ยนผันพันหมื่น ในแดนมนุษย์มีคนมากมายแสวงหาชีวิตอมตะ แต่ชีวิตอมตะไม่อาจได้มา ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาไม่อาจรับการโจมตีของกระแสเวลาในการทะลุมิติได้ เจ้าหนู หากเจ้าคิดจะกลับไปยังโลกเดิมของเจ้า มีเพียงสองวิธี หนึ่งคือฝึกพลังจนเข้าสู่ขอบเขตเทวะ เมื่อเข้าสู่ขอบเขตเทวะแล้วก็อาศัยพลังของตนเองก้ามข้ามมิติไป แต่จากสภาพของเจ้าอย่างน้อยคงต้องฝึกบำเพ็ญกว่าร้อยปีถึงจะเข้าสู่ขอบเขตเทวะได้ ถึงตอนนั้นครอบครัวของเจ้าก็คงจากไปแล้ว กลับไปก็ไม่มีความหมาย อีกวิธีหนึ่งคือฝืนข้ามมิติตรงหน้าไป พอเข้าสู่ดินแดนเทวะก็รีบฝึกอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเทพเจ้า!”

หลินมู่อวี่ตะลึง ยิ้มพูด “หากด้านหลังรอยแยกมิติเป็นดินแดนเทวะ ทำไมท่านกับชื่อกุ่ยไม่ไปล่ะ”

มารโลหิตถอนหายใจ “สองขาของข้าถูกตัด ไม่อาจงอกขึ้นใหม่ ส่วนเสี่ยวเฮยเป็นเดรัจฉาน ไม่อาจเข้าสู่ดินแดนเทวะได้ ชื่อกุ่ยเป็นราชาทหารรับจ้างสองมือเปื้อนเลือด ฆ่าคนมาเยอะ กระแสเวลาจะต้องฉีกกระชากร่างเขาเป็นผุยผง แต่เด็กอย่างเจ้า ใจยังบริสุทธิ์ ร่างกายของเจ้ามีสายเลือดมังกรแท้จริง เป็นร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุด กระแสเวลาไม่อาจทำลายร่างกายเจ้าได้ ดังนั้นเจ้าจึงเหมาะที่จะเข้าสู่ดินแดนเทวะมากที่สุด”

“จริงหรือ”

“ใช่”

มารโลหิตโบกมือ พลังไร้ลักษณ์สายหนึ่งแผ่ออกมา พลันหลุมอากาศสีเลือดค่อยๆ เปิดออก ทิวทัศน์ของรอยแยกอีกฝั่งปรากฏขึ้นช้าๆ เป็นภาพที่งดงาม ผืนป่าสีเขียวบนเทือกเขา มีตำหนักตั้งอยู่บนนั้น ฝูงนกกระเรียน เมฆงดงามลอยอยู่บนฟ้า ถึงขนาดที่มองเห็นเซียนขี่เมฆบินไปมาระหว่างภูเขา

“นี่ก็คือแดนเทวะหรือ?!” หลินมู่อวี่เบิกตากว้าง รู้สึกอัศจรรย์ใจอยู่บ้าง คิดในใจว่าทิวทัศน์ดีจริงๆ เป็น 3D ยอดเยี่ยมเกินบรรยาย!

“ใช่ นี่คือดินแดนเทวะ”

มารโลหิตยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ “ขั้นตอนการทะลุผ่านกระแสเวลาน่าจะประมาณครึ่งก้านธูป ร่างกายสายเลือดมังกรของเจ้าต้องต้านไหวอย่างแน่นอน หากเจ้าอยากเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทวะ เช่นนั้นก็อย่าได้ลังเล ทว่าข้าจะไม่บังคับเจ้า หากเจ้าขี้ขลาดอยากอยู่ที่ดินแดนซุ่ยติ่งนี้ ข้าก็จะไม่ตำหนิเจ้า”

……

และในตอนนี้เอง ที่ก้นบึ้งหัวใจของหลินมู่อวี่ จู่ๆ ก็มีเสียงหัวเราะเยาะของราชาปีศาจเจ็ดประทีปดังขึ้น “ฮ่า ไอ้เฒ่าระยำ คิดว่าจะหลอกข้าได้งั้นหรือ หลินมู่อวี่ เจ้าอยากตายก็เข้าไปเถอะ ข้ารับประกันได้เลยว่าเจ้าต้องตายศพไม่สวยแน่”

“ทำไมเหรอ” หลินมู่อวี่ถามทางทะเลจิต

เสียงของราชาปีศาจเจ็ดประทีปบาดหูมาก “เหอะๆๆ…อีกฟากของรอยแยกเป็นอะไรกันแน่ เจ้าใช้ฌาณสัมผัสเข้าไปดูก็รู้แล้ว ทำไมจะต้องถามข้าด้วย”

“อืม!”

คำพูดนี้กลับเตือนสติหลินมู่อวี่ เขารีบสงบจิตใจทันที แล้วใช้ทักษะชีพจรวิญญาณ ฌาณสัมผัสลอยเข้าไปในช่องว่างมิติ ผ่านทะลุเข้าไปในรอยแยก เห็นเพียงแค่ทิวทัศน์ที่สวยงามนั้นสลายไปในพริบตา และเห็นภาพนรกสีเลือดแทน ทะเลลาวาอันไร้ขอบเขต ที่กลางทะเลเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณ และบนภูเขาอันโดดเดี่ยวลูกนั้น มียักษ์ถูกฝังเอาไว้ในก้อนหินกว่าครึ่งตัว ร่างกายเน่าเกินไปกว่าครึ่ง ตะโกนเกรี้ยวกราด “ฉินหง ไอ้เจ้าบ้า ทำไมยังไม่ส่งวิญญาณสดๆ มาให้ข้า!? หากไม่ส่งอีก ราชาภูตอัคคีอย่างข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”

หลินมู่อวี่ตระหนก รีบถอนฌาณสัมผัสกลับมา

“ฟู่ว…”

เขาผ่อนลมหายใจ กวาดตามองมารโลหิตแล้วยิ้ม “ในเมื่อผู้อาวุโสข้ามไปยังดินแดนเทวะด้วยตนเองไม่ได้ เช่นนั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกัน ข้าจะแบกท่านข้ามไปด้วยกัน พวกเรากลายเป็นเทพพร้อมกัน เป็นอย่างไรขอรับ”

มารโลหิตชะงัก และก็เข้าใจอะไรขึ้นมา เขาหัวเราะฮ่าๆ “หลอกเจ้าไม่ได้จริงๆ…ถูกต้อง ด้านหลังรอยแยกคือนรกชั้นที่สิบเอ็ด เป็นมิติที่ราชาภูตอัคคีปกปักษ์อยู่ วิธีการฝึกของราชาภูตอัคคีต้องการวิญญาณที่สดใหม่ ดังนั้นข้าจึงส่งคนที่เข้ามาในเจดีย์ทงเทียนข้ามไป ส่วนมันก็จะให้อายุขัยที่ข้าต้องการ ส่วนเจ้า…เฮอะๆ! เจ้าหนู เจ้าออกจะพิเศษอยู่หน่อย ไม่คิดว่าจะไม่หลงกล…”

พูดจบ มารโลหิตก็ยกแขนขึ้น ปราณยุทธ์หมุนวนก่อนพูดขึ้น “ในเมื่อเจ้าไม่ยอมเข้าไปด้วยตนเอง เช่นนั้นข้าก็จะส่งเจ้าเข้าไปเอง”

หลินมู่อวี่คำรามออกมา กำแพงน้ำเต้าก่อตัวขึ้นมา กระบี่เหลียวหยวนอยู่ในมือ วิญญาณกระบี่มังกรไฟคำรามไม่ขาดสาย เตรียมพร้อมลงมือ!

……

และตอนนี้เอง จู่ๆ ราชาปีศาจเจ็ดประทีปที่อยู่ในทะเลจิตก็ส่งเสียงขึ้น “หลินมู่อวี่ อย่าหาเรื่องไปตายเปล่า เจ้าฟังข้า กระโดดเข้าไปในรอยแยกนั่น ข้าจะช่วยเจ้าจัดการราชาภูตอัคคีนั่นเอง”

“เจ้าชนะราชาภูตอัคคีได้หรือ” หลินมู่อวี่ถาม

ราชาปีศาจเจ็ดประทีปเก็บน้ำเสียงดูหมิ่นเหยียดหยามไว้ไม่มิด “หากใช้คำพูดของโลกของเจ้าคงเป็น ราชาภูตอัคคีกากๆ แบบนี้ แค่ถือรองเท้าให้ข้าราชาปีศาจอย่างข้ายังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ!”

 

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset