The Boss Behind The Game – ตอนที่ 218 : ต่อสู้ในการต่อต้านสวรรค์

 
ตอนที่ 218 : ต่อสู้ในการต่อต้านสวรรค์
 
นอร์ทซีค่อยๆปล่อยมือของเขาที่ถือไว้บนฮันเดรดซีลเดตี้
 
ร่างกายที่ควรจะอยู่ยงคงกระพันค่อยๆล้มลงไปที่พื้น แล้วก็สูญสลายหายไปเป็นฝุ่นเมื่อลมพัดมันออกไป
 
“อ๊ากกกกก”
 
ทันใดนั้นกระแสลมสีขาวที่ปั่นป่วนก่อตัวขึ้นรอบนอร์ทซีทําให้เกิดพายุหมุนตัวรอบตัวเขา
 
ด้วยความช่วยเหลือของการเผาใหม้ของไฟศักดิ์สิทธิ์ร่างกายของนอร์ทซีก็เริ่มแตกขณะที่เขาประสบกับความเจ็บปวดรวดร้าวในการเปลี่ยนรูปร่างของการบรรลุความศักดิ์สิทธิ์
 
การเปลี่ยนแปลงของนอร์ทซีทําให้กองกําลังโบราณหลายแห่งในอันเดิลเวิล์ดตื่นตระหนก
 
พวกเขาในทันทีหันไปมองทางเป่ยฉี
 
นับครั้งในอดีตได้เลย มีเพียงไม่กี่คนในอันเดิลเวิล์ดที่จะกล้าบรรลุความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้วิธีการดังกล่าว
 
โดยการใช้วิธีนี้จะทําให้เราเกิดความบาดหมางกับกองกําลังที่แข็งแกร่งทั้งสามโลกมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะประสบความสําเร็จโดยปราศจากความเพียร
 
ยิ่งกว่านั้นการบรรลุความเป็นพระเจ้า ก็เป็นเพียงแค่การเคาะประตูการทดสอบที่เลวร้ายที่สุดคือการโดนตามล่าโดยโลกอมตะ
 
ณขณะนั้น เลือดตกลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับฟ้าร้องฟ้าผ่า ราวกับประกาศไปทั่วโลกว่าพระเจ้าองค์ใหม่กําลังจะเกิด
 
ฉีก!
 
รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทอดข้ามขอบฟ้า มีหลายร่างโผล่ออกมาจากรอยแยกแล้วมองไปที่นอร์ทซีซึ่งยังคงอยู่ในสถานะของการเปลี่ยนรูปร่างด้วยความประหลาดใจ
 
“เขาเป็นกบฏของพันธมิตรไร้สวรรค์!” การแสดงออกของหัวหน้าสกายไทเกอร์เดตี้เปลี่ยนเป็นเข้มขรึม
 
กองกําลังที่ก่อให้เกิดปัญหามากที่สุดสําหรับอันเดิลเวิล์ดไม่ได้เป็นจักรพรรดิใหญ่ทั้งสามผู้ซึ่งไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกหรือเทพลับโบราณ มันเป็นพันธมิตรไร้สวรรค์แทน
 
พวกเขาไม่เคยลืมความเป็นศัตรูมาตั้งแต่สมัยโบราณ
 
พวกเขาจะไม่ก้มหัวให้กับการปกครองของสวรรค์ และจะไม่ยอมปล่อยให้อันเดิลเวิล์ดตําต่ำ พวกเขาต้องการใช้พลังของตนเองในการทําลายสวรรค์และทําให้อันเดิลเวิล์ดยิ่งใหญ่อีกครั้ง
 
กองกําลังนี้ไม่เคยถูกถอนรากถอนโคนอย่างสมบูรณ์
 
แม้ว่าผู้นําที่ผ่านมาของพวกเขา เป่ยลี่ จะถูกบังคับให้กลับชาติมาเกิดใหม่ แต่พวกเขาก็ยังซ่อนตัวอยู่ในอันเดิลเวิล์ดโดยรอเวลา
 
“กบฏ! เจ้ากล้าบังอาจลอบฆ่าพระเจ้า!” เสียงตะโกนคํารามของสกายไทเกอร์เดตี้ก่อตัวเป็นตัวอักษรโบราณบนท้องฟ้าโดยพุ่งไปหานอร์ทซี
 
ปัง!
 
นอร์ทซีทุบรูนด้วยหมัดเดียว “ไม่เพียงแต่ข้าต้องการฆ่าพระเจ้า ข้าต้องการโจมตีสวรรค์และฆ่าทุกๆของพวกแก…ฮ่าฮ่าฮ่า!”
 
เมื่อไฟศักดิ์สิทธิ์เผาอยู่ร่างกายของนอร์ทซีก็สั่นราวกับว่าเขาเจ็บปวดมาก อย่างไรก็ตามรอยยิ้มที่บ้าคลั่งถูกฉาบไว้บนใบหน้าของเขา
 
“ร่างกายของเจ้าจะไม่สามารถยึดมันได้อีกต่อไป หากเขาต่อสู้ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ ร่างกายของเขาจะสลายตัวไปอย่างแน่นอน!” เป่ยลี่ พูดด้วยความเป็นห่วง
 
“ตายซะเจ้ากบฏ!”
 
สกายไทเกอร์เดตี้ดวงตาเบิกกว้างขณะที่สายฟ้าล้อมรอบตัวเขา สายฟ้าจํานว
สายฟ้าส่องประกายด้วยเส้นรังสีแสงนับหมื่น
 
บูม! ปัง!
 
ฟ้าผ่าขนาดใหญ่หนาตกลงมาจากท้องฟ้าในทันที ในทันใดนั้นท้องฟ้าก็สว่างไสวด้วยแสงสีม่วง
 
หมัดตราประทับถูกชกขึ้นไปบนท้องฟ้าและชนกับฟ้าผ่า
 
การชนกันของแหล่งพลังงานทั้งสองทําให้เกิดความร้อนสูง ท้องฟ้าสว่างสไวขึ้นโดยการติดไฟรอยแตก พื้นที่นับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้น
 
เมฆสายฟ้าบนท้องฟ้าสั่นสะเทือนและโจมตีฟ้าผ่าอีกครั้ง
 
คราวนี้หมัดตราประทับไม่สามารถปิดกั้นได้และถูกทําลายในทันที
 
ฟ้าผ่าหนาๆยังอยู่ในท้องฟ้า โดยก่อตัวเป็นฟ้าผ่าใหญ่ยิ่งขึ้นแล้วพุ่งอย่างรวดเร็วกระทบร่างกายของนอร์ทซี
 
เมื่อรังสีแสงสีม่วงหายไป ร่างของนอร์ทซีก็กลับมารวมตัวอีกครั้ง 
 
เขาก้มดูร่างกายที่แขนห้อยอยู่ตามลําตัวของเขาขณะที่ไฟศักดิ์สิทธิ์เผาร่างกายเขาอยู่ มันดูเหมือนว่าอาการของเขาไม่ดี
 
เลือดหยด เลือดหยด
 
ด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากแขนที่ห้อยอยู่ของเขา เขาค่อยๆยึดร่างกายของเขาและมองท้องฟ้า การแสดงออกของเขานั้นเด็ดเดียวและดือรั้น
 
สายฟ้าฟาดเข้ากระทบราวกับว่ามันสะเทือนภายใต้การอาละวาดของเมฆสายฟ้า นอกจากนี้ยังเป็นวิธีของสกายไทเกอร์เดตี้ในการประกาศให้อันเดิลเวิล์ดรู้การมาถึงของเขา เขาขู่พวกเขาด้วยกกําลัง
 
นอร์ทซี่ต้องการป้องกันสายฟ้าด้วยการยกมือของเขา แต่เขาก็สะดุด และเกือบจะล้มลงกับพื้น
 
ร่างกายของเขากําลังงอกใหม่ภายใต้การเผาไหม้ของไฟศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่การใช้พลังงานของเขาเองก็กลายเป็นเรื่องยากมาก
 
เมื่อสายฟ้ากําลังจะจู่โจมเขา เงาดําปรากฏขึ้นข้างหลังเขามันคํารามด้วยความโกรธและเสียงคํารามดังทะลุท้องฟ้า ทําให้การโจมตีที่กําลังมาถึงไร้ผล
 
“เด็กน้อย การจุติของข้าสามารถปกป้องเจ้าได้เพียงครั้งเดียว เจ้าจะต้องรักษาผิวของเจ้าเองหลังจากนี้” เงาของเทพปีศาจค่อยๆจางหายไปในขณะที่พูดกับนอร์ทซี 
 
“แก๊ก แก๊ก…ขอบคุณ เพื่อนเก่า”
 
“มีชีวิตอยู่เพื่อข้า”
 
ช่วงเวลาที่เทพปีศาจพูดเสร็จร่างของเขาก็หายไป
 
“ตั้งแต่ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วมันจะน่าละอายหากข้าไม่สามารถผ่านการท้าทายครั้งนี้ได้” นอร์ทซี หัวเราะขณะส่ายหัว
 
ขณะที่เขาพูด เขากํากําปั้นขวาของเขาแล้วเหวี่ยงมันขึ้นสู่ท้องฟ้า หมัดตราประทับกลายเป็นงูเหลือมไฟสีแดงขนาดใหญ่บนท้องฟ้า โดยมุ่งขึ้นสู่ด้านบนมันทําลายสายฟ้าที่ฟาดลงมาจากด้านบนแล้วไปชนกับเมฆสายฟ้า
 
งูเหลือมขนาดใหญ่นั้นเปลี่ยนเป็นโซ่โลหะ โดยรัดไปทั้งเมฒสายฟ้าทันใดนั้นเมฆสายฟ้าก็หยุดปั่นป่วน
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
การแสดงออกของสกายไทเกอร์เดตี้เปลี่ยนไปเพราะเขาตระหนักว่าการเชื่อมต่อของเขากับสายฟ้านั้นถูกตัดออกไป
 
“เทคนิคการผนึกของเป่ยลี่ เจ้าคือการกลับชาติมาเกิดของเป่ยลี่!” สกายไทเกอร์เดตี้ตกตะลึงและหน้าซีด
 
ใครคือเป่ยลี่? เธอเป็นเทพเจ้าโบราณในอันเดิลเวิล์ด ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นภัยคุกคามครั้งสําคัญต่อพลังแห่งสวรรค์ และเป็นศัตรูยกายของพวกเขา พวกเขาต้องการกําจัดเธอเสมอ
 
ในขณะที่สกายไทเกอร์เดตี้พูด นอร์ทซีเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ดอกบัวสีชมพูบานช้าๆจากหน้าผากของเขา
 
ในเวลาเดียวกัน ลู่หวู่ประหลาดใจที่พบว่าหน้าผากเขาร้อนขึ้น เมื่อเขาเอื้อมมือไปแตะหน้าผาก เขาก็ตระหนักว่าลายดอกบัวนั้นหายไปแล้ว
 
“เขายืมตราประทับของนายเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็นการกลับชาติมาเกิดของ เป่ยลี่ ตอนนี้นายได้ปลอดภัยแล้ว” เป่ยลี่มองไปที่นอร์ทซีที่ยืนเผชิญหน้ากับสวรรค์ด้วยสีหน้าเศร้าๆ
 
“แกคือการกลับชาติมาเกิดของเป่ยลี่ พระเจ้าแห่งการกบฏ! ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าต้องฆ่าเจ้าในวันนี้!” สกายไทเกอร์เดตี้โบกมือของเขาและแสงสีขาวทะลุผ่านรอยแตกบนท้องฟ้า
 
“แล้วยังไงล่ะ? แกกลัวข้าแล้วเหรอตอนนี้? ฮ่าฮ่าฮ่า”
 
เมื่อเห็นแสงสีขาว นอร์ทซีก็หัวเราะ การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
 
หลังจากยืนยันว่านอร์ทซีคือการกลับชาติมาเกิดของเป่ยลี่ สกายไทเกอร์เดตี้ ไม่กล้าที่จะประมาทเขาโบกมือไปข้างหลังทันที และคนไม่กี่คนที่อยู่ข้างหลังเขาเริ่มการก่อตัวโดยที่เข้าเป็นศูนย์กลางรังสีแสงสีม่วงนับพันเปล่งประกายไปทั่วสถานที่
 
ภาพจางๆของชายกํายํานั้นก็คือเทพเจ้าแห่งสายฟ้าโดยมีร่างกายเปลือยครึ่งหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เขามีปีกด้านหลัง มีสามีดวงตา ใบหน้าสีแดงและเท้าเหมือนเหยี่ยวเขาควงหอกแหลมในมือซ้ายและค้อนในแขนขวา
 
เมื่อคอนของเทพเจ้าสายฟ้าโจมตี สายฟ้าก็กลับมาบรรจบกันบนท้องฟ้าอีกครั้ง โดยโจมตีลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
 
คราวนี้โดยไม่รอนอร์ทซีเรียกร่างสามร่างปรากฏตัวเคียงข้างเขา และโจมตีเต็มกําลังขึ้นไปข้างบน
 
แท่งน้ำแข็งอาร์กติกพุ่งออกมาจากพื้นดิน
 
ค้อนสงครามสีทองถูกควบรวมโดยธาตุดินหมุนตัวอย่างรวดเร็วในอากาศ
 
ดาบใหญ่โตสีแดงเพลิงเจาะท้องฟ้าราวกับพยายามแยกท้องฟ้าออกเป็นสองส่วน
 
บูม!
 
พื้นที่โดยรอบเริ่มแตกและร่วงหล่นเหมือนกระจกแตกและรอยแยกสีดําที่บิดเบี้ยวเกิดขึ้นทุกหนทุกแห่ง
 
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าโฟรเซ่น และทั้งสองจะรวมพลังของพวกเขาเข้าด้วยกัน แต่พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพระเจ้า การโจมตีของพวกเขาถูกระงับโดยสายฟ้า และสายฟ้ายังโจมตีลงไปที่พื้นอีกครั้ง
 
“ไปซะทิ้งข้าไว้” นอร์ทซีเบิกตาที่อ่อนแอของเขาก่อนที่จะผลักกําปั้นของเขาขึ้นไปในทันที
 
ฟีนิกซ์ปรากฏบนกลางอากาศ มันกางปีกของมันและบินขึ้นไป โดยมันพัดคลื่นความร้อนทุกครั้งที่มันกระพือปีก
 
เมื่อฟ้าผ่าและฟีนิกซ์ชนกัน พลังงานสีม่วงและสีแดงก่อตัวเป็นคลื่นกระแทก
 
“ไป!” นอร์ทซีตะโกนอีกครั้ง
 
ในความเป็นจริงการต่อสู้ครั้งนี้เกินความคาดหมายของนอร์ทซี เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์แม้ว่าโฟรเซ่นและคนอื่นๆยังอยู่ช่วย
 
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาสามารถพึ่งพาตนเองได้เท่านั้น
 
“นอร์ทซี แกมันโง่ แม้ว่าแกจะสั่งข้า ข้าก็จะไม่ไป”
 
มือของโฟรเซ่นสั่นเทา ความเย็นจัดและสายฟ้าทําให้เขากดดันอย่างมาก เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาถูกบดขยี้ด้วยความกดดันจากสายฟ้าผ่า
 
“ไอ้บัดซบ! ไอ้เด็กบ้า! แกจะได้รับการลงโทษโดยการโบยกันหลังจากที่ข้าเสร็จที่นี่” หันหน้าไปทางโฟรเซ่น นอร์ทซีอารมณ์เสียทันที
 
“แกจะต้องเอารอดชีวิตมาตีกันของเขาก่อนโว้ย เจ้าแก่โง่” ตาฮัวโต่กลับ
 
“หัวหน้า เราจะอยู่ร่วมกัน เราให้คํามั่นไว้แล้วว่าจะปกป้องท่านจนกว่าจะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์!” หลี่ชานมีน้ำเสียงเหนื่อยขณะกัดฟัน
 
ด้วยพลังของทั้งสี่ที่รวมเข้าด้วยกัน ทําให้สายฟ้าถูกหยุดด้านบนหัวของพวกเขา โดยไม่สามารถโจมตีได้ แต่มันก็ยังค่อยๆกดลงมาทีละคืบ 
 
ปัง บูม!
 
เทพเจ้าแห่งสายฟ้า ใช้ค้อนทุบอีกครั้งด้วยอํานาจทั้งหมดของเขา สายฟ้านับพันพุ่งลงไปและชนกับบาเรียพลังงาน
 
ทันใดนั้นแสงสีม่วงก็กระพริบ,และความเร็วของสายฟ้าก็เพิ่มขึ้น
 
พุบ! พุบ! พุบ!
 
โฟรเซ่นและส่วนที่เหลือไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เส้นเลือดในร่างกายของพวกเขาระเบิดทําให้พวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเลือด อย่างไรก็ตามพวกเขากัดฟันของพวกเขาและยังคงสนับสนุนบาเรียต่อไป
 
พวกเขารู้ว่ากุญแจสําคัญในการเปลี่ยนกระแสขึ้นอยู่กับว่านอร์ทซีจะสามารถจุดไฟศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้หรือไม่ ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถยอมแพ้
 
ปัง บูม!
 
คลื่นการโจมตีครั้งที่สามมาถึง
 
“ไปซะ เจ้าพวกโง่” ในขณะที่เขาเห็นว่าโฟรเซ่นและคนอื่นๆปกป้องเขาด้วยชีวิตของพวกเขาอย่างไร นอร์ทซีอดไม่ได้ที่จะตะโกนส่าพวกเขา
 
เขาเลือกเส้นทางนี้ในการต่อต้านสวรรค์เพราะการตัดสินใจของผู้ชี้แนะ
 
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขาเขาได้ให้โฟรเซ่นและส่วนที่เหลือไปอยู่อย่างสันโดษเป็นเวลานานกว่าหลายแสนปี เขารู้ว่าเขาสามารถปฏิบัติต่อพวกเขาได้ดีขึ้นและเหตุนี้เองทําให้เขารู้สึกสํานึกผิด
 
อย่างไรก็ตามในครั้งนี้พวกเขา ยืนเคียงข้างเขาอย่างแน่วแน่เมื่อเขาต้องแบกรับน้ำหนักที่อาจต้องเผชิญกับความตายเพียงลําพัง พวกเขาต่อสู้กับสวรรค์กับเขาและตอนนี้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกทําลายวิญญาณและติดอยู่ในดินแดนนาระกะตลอดไปโดยที่ไม่สามารถกลับชาติมาเกิด
 
นอร์ทซีไม่สามารถรับได้อีกต่อไป
 
“เฮ้เจ้าแก่ เมื่อเจ้ากลายเป็นพระเจ้า ข้าอยากเป็นราชาแห่งเป่ยฉี…แค๊กๆ” โฟรเซ่นพูดพร้อมกับร่างกายสั่นเทา ทันใดนั้นชี่โลหิตของเขาก็เริ่มไหลเวียนไปในทิศทางที่ผิด ทําให้เขาไอเป็นเลือดออกมาเต็มปาก
 
“โฟรเซ่น เจ้าโง่งี่เง่า ข้าจะเป็นคนที่ควรเป็นราชาฮ่าฮ่าฮ่า แค๊กๆ…” ในเวลานี้ตาฮั่วพูดด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยวก่อนที่จะไอเลือดด้วย
 
“แค๊กๆ…หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้…ถ้าเราสามคนยังมีชีวิตอยู่มาต่อสู้อีก… โดยใครเป็นผู้ชนะจะได้เป็นราชา!” 
 
การได้ยินหลี่ชานพูดอย่างนี้ ทั้งสองก็พยักหน้าอย่างหนักโดยที่ไอเลือด แต่ในขณะเดียวกันก็หัวเราะด้วยกัน
 
เมื่อเขามองที่โฟรเซ่นและที่เหลือความปวดร้าวก็เดือดพล่านในนอร์ทซี
 
เขาไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไปและคํารามออกมาสุดปอดของเขา ฟินิกษ์ยักษ์เผาไหม้อีกครั้ง โดยไปรับการโจมตีสายฟ้า แล้วดันขึ้นไปที่ละเล็กละน้อย อย่างไรก็ตามรอยร้าวบนร่างกายของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
 
ในขณะนั้น นอร์ทซีดูเหมือนจะอ่อนแอเหมือนตุ๊กตาพอร์ซเลนที่จะพังทลายในสัมผัสเดียว
อ่านนิยาย เรื่องนี้ ก่อนใคร ที่ novelza.com
“ทําไม? บอกข้าที่ว่าทําไม! ทําไมพวกเขาต้องทนทุกข์เพื่อประโยชน์ของข้าด้วย?” ลู่หวู่ตะโกนไปที่เป่ยลี่ เมื่อเห็นนอร์ทซีและคนอื่นๆที่แทบจะไม่สามารถสนับสนุนตัวเองได้แล้ว
 
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเขาจะไม่ประสบความสําเร็จในชีวิต อย่างไรก็ตามการเดินทางของเขาไปเปลี่ยนไปเนื่องจากได้พบเป่ยลี่ มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่เขาได้มีความตื่นเต้นและความหวังอะไรสักอย่าง
 
แต่คราวนี้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
 
เขายอมรับว่าเขาไร้ประโยชน์ แต่ถึงว่าเขาจะเป็นคนไร้ประโยชน์ เขาจะไม่ใช้ชีวิตของคนอื่นเพื่อเดิมพันเพื่ออนาคตของเขา เขายังคงมีจิตสํานึกในหัวใจของเขา เขายังเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังมีความหลงใหล 
 
เป่ยลี่อ้าสปาก แต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
 
เธอรู้สึกถึงการต่อสู้ภายในของลู่หวู่
 
เธอรู้ว่าลู่หวู่ไม่เคยเปลี่ยน เขาแค่อยากมีชีวิตอย่างมีความสุข ตราบใดที่เขามีเหรียญวิญญาณและเงินชีวิตของเขาก็จะสมบูรณ์
 
แม้เมื่อเขาได้รับสิ่งประดิษฐ์ เขาก็ไม่เคยมีความทะเยอทะยานที่จะครองโลก หรือรวมสามโลกเข้าด้วยกัน
 
คราวนี้เขาเห็นคนอื่นเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้เพื่อเขา การต่อสู้ที่จะใช้ชีวิตจนถึงจุดสุดท้าย เขาอยากเป็นเพียงผู้ชมที่จะกลับไปใช้ชีวิตตามปกติหลังจากทุกอย่างจบลง
 
ความเฉยเมยนี้ทําให้เขาเจ็บปวดมาก
 
ความขัดแย้งและความเจ็บปวดของลู่หวี่ทําให้เป่ยรู้สึกเสียใจต่อเขามาก
 
“หวั่นายต้องการช่วยพวกเขาใหม?” เป่ยลี่มองไปที่เขา
 
“ใช่” ผ่านการกัดฟัน ลู่หวี่กล่าวโดยไม่ลังเล
 
“หากเราล้มเหลว…”
 
“ฉันไม่ต้องการถ้าใดๆ ฉันจะรับผลของการกระทําด้วยตัวเอง” ลู่หวี่กล่าวอย่างเด็ดขาด
 
เขารู้ว่าเขาอ่อนแอ แต่เขาก็เต็มใจที่จะใส่ทุกอย่างลงไป
 
เป่ยลี่พยักหน้า และเหรียญวิญญาณที่เก็บไว้ในสิ่งประดิษฐ์เริ่มที่จะเผาไหม้ พลังวิญญาณดิบใหลเข้าสู่ร่างกายของลู่หวี่
 
ลู่หวู่รู้สึกว่าหน้าผากของเขาร้อนขึ้น
 
ภายใต้อิทธิพลของพลังวิญญาณที่ท่วมท้นลู่หวู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเปลี่ยนไป ร่างกายของซวนหนี่จางหายไป และเขาก็เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์อีกครั้ง
 
“หวู่เราต้องปลุกตราประทับของนาย ผ่อนคลายและปล่อยพลังที่อยู่ในตราประทับนําทางนาย”
 
ล่หวู่พยักหน้าเบาๆและหลับตา ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศภายใต้อิทธิพลของพลังวิญญาณ 
 
ในขณะนั้น ตราประทับบนหน้าผากของลู่หวู่ก็เริ่มเบ่งบาน
 
สายคาดสีขาวโปล่งแสงค่อยๆปกคลุมร่างกายของเขา และร่างของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปภายใต้เงาของตราประทับ
 
ร่างกายของเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยแสงสีสันที่สง่างาม
 
เสียงระฆังดังขึ้นบนริบบิ้นสีแดงที่ข้อเท้าของเธอดังก้องอยู่ในสาย ลม
 
ในขณะนี้เธอลืมตาขึ้น
 
ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่เบาบาง และอ่อนโยนซึ่งชัดเจนเหมือนสระน้ำ และเธอก็มีกลิ่นอายอันสง่างาม ละอองประกายแสงสีหล่นเข้าไปในตวงตาของเธอ ขณะที่เคลื่อนไหวอย่างสง่างามราวกับผีเสื้อที่กระพือปีก ท่าทางอันสง่างามของเธอช่างเหมือนเทพธิดา
 
ดวงตาคริสตัลของเธอที่เหมือนสวรรค์เต็มไปด้วยดวงดาวในความมืดไม่สิ้นสุด ราวกับว่ามีแผนที่ของกลุ่มดาว แสงดาวส่องประกายระยิบระยับในความมืดอันสง่างามบนดวงตาของเธอ สายตาของเธอเหมือนน้ำตกแห่งแสงจันทร์ ทุกคนที่ขมวดคิ้วจะยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อได้รับกลิ่นอายอันเหลือล้นออกมาจากตัวเธอ
 
เธอชี้มือของเธอก่อนที่จะร่อนลงมาด้านข้างเป่ยลี่ “มันถึงเวลาแล้ว เจ้าตัวน้อย”
 
เป่ยลี่มองไปที่ผู้หญิงด้านหน้าของเธอ และน้ำตาก็เต็มคลอเบ้า เธอฝังใบหน้าของเธอในอ้อมแขนของเธอขณะร้องไห้ “ฉันคิดถึงท่านมาก ฉันคิดถึงมากจริงๆ”
 
“เจ้าปลุกข้าขึ้นมาแล้ว ข้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน?” ผู้หญิงยิ้ม ความอ่อนเยาว์ที่เธอแสดงทําให้สั่นสะเทือนทั้งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์
 
“พลังวิญญาณที่เผาไหม้ภายในสิ่งประดิษฐ์สามารถอยู่ได้นานหนึ่งชั่วโมง!” เป่ยลี่ยกหัวของเธอขึ้นจากอ้อมแขนของหญิงสาวในชุดขาว ดวงตาของเธอเปล่งประกายด้วยน้ำตา
 
“สิ่งประดิษฐ์? เจ้าโตขึ้นน่ะ เจ้าตัวเล็ก เจ้าดูแข็งแกร่งขึ้น!”
 
เป่ยลี่หัวเราะผ่านน้ำตาของเธอและพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น “ขอบคุณมากพี่” 
 
“ไม่ต้องขอบคุณข้า สิ่งประดิษฐ์ที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของข้าคือวิถีแห่งโชคชะตา แต่ดูเหมือนว่าสิ่งนี้จะไร้ประโยชน์ และไม่ตรงกับเจ้า” ผู้หญิงชุดขาวยิ้มเบาๆ โดยเปล่งประกายความงามออกมา
 
“พี่สาวเครื่องหมายเริ่มลุกไหม้เราจะได้พบกันอีกครั้งหลังจากตื่นครั้งนี้หรือไม่?” ราวกับว่าจดจําบางสิ่งได้ ดวงตาของเบี้ยลี่ก็เริ่มหลั่งน้ำตาอีกครั้ง
 
หญิงสาวในชุดขาวยิ้มในขณะที่ลูบหัวของเป่ยลี่ “อย่าเศร้าเลย ท้ายที่สุดมีข้าคนใหม่อยู่ด้านข้างของเจ้า เจ้าไม่ชอบเขาเหรอ?”
 
ใบหน้าของเป่ยลี่เปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้
 
บูม!
 
เสียงดังดึงดูดความสนใจของหญิงสาวในชุดขาว เธอเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและสีหน้าของเธอก็ค่อยๆเย็นชา 
 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset