The Boss Behind The Game – ตอนที่ 225 : การประชุม 7 เหล่า

 

ตอนที่ 225 : การประชุม 7 เหล่า

 

ที่มหาสมุทรวอยด์ทางตกวันออก ลึกลงไปใจกลางมหาสมุทรกุ้ยหลง

 

น้ำรอบๆมีแสงสีน้ำเงินส่องแสงระเรื่ออยู่ทั่ว

 

รูปปั้นอันสูงส่งทั้งเจ็ดต้นห้อมล้อมเมืองอยู่ แต่ละต้นถืออาวุธพร้อมกับมองลงมาด้านล่าง

 

รูปปั้นแต่ละรูปหันหน้าเข้าหากัน

 

มีร่างเงาหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงกลางระหว่างรูปปั้น เขาถือตําราโบราณและค่อยๆเดินขึ้นไปบนแท่น

 

“การประชุมของเมืองทั้งแปดเริ่มต้นขึ้นแล้ว แสดงตัวตนของท่าน!” ชายแก่ที่พูดมีสาหร่ายปกคลุมไปทั่วเรือนร่าง มีเปลือกหอยและปะการังที่อยู่บนหลัง กลิ่นลม หายใจของเขาเน่าเหม็น

 

“ราชาแห่งเมืองเทียนหยู เทียนคุน!” ชายที่อยู่ข้างหน้าชาแมนยกหอกสีน้ำเงินใสในมือขึ้นตามด้วยเสียงคํารามที่ดัง มาจากรูปปั้นด้านหลังของเขา

 

“ราชาแห่งเมืองเสี่ยวหยู  หลานหยู!”

 

“ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยู  เฮ่ยซุ่ย!”

 

“ราชาแห่งเมืองหลันตี้  หลัน ฮูซาน!”

 

เหล่าคนที่มาได้แจ้งชื่อของพวกเขาและใช้สิ่งประดิษฐ์ศักดิ์สิทธิ์ประจําเผ่าพร้อมกับจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับเมืองของพวกเขาเพื่อยืนยันตัวตน

 

หลังจากทุกคนได้ยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว หมอผีก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้น สายตาสีเหลืองของเขามองไปรอบๆ

 

“ราชาแห่งทะเลมู่เต่ออยู่ไหน?”

 

“ท่านอาวุโส อาณาจักรมู่เต่อถูกทําลายไปนานแล้ว!” เทียนคุนพูดด้วยความเคารพ

 

“ตายแล้ว?” ผู้อาวุโสมองด้วยความตะลึง จากนั้นเขาก็ส่ายหัว ขีดค่าชื่อที่อยู่บนตําราโบราณ

 

“ก็ได้ จากนี้ไป การประชุมจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็นการประชุม 7 เหล่า”

 

หลังจากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

 

“มีใครบอกข้าได้ไหมว่าอาณาจักรเต่อล่มสลายได้ยังไง? ในฐานะผู้นําของเมืองทั้งแปดและเป็นผู้ปกครองมหาสมุทร ยังจะมีศัตรูที่เก่งกาจเกินกว่านั้นอยู่อีกหรือ?”

 

“พวกเขาถูกเผ่าแห่งความตายหมายหัว ราชาคนเก่าที่ดื้อด้านพยายามต่อสู้กับเถาหวู่แต่ก็ต้องเสียชีวิตลง ไม่มีใครสามารถต่อต้านเผ่าแห่งความตายได้ พวกเขาถูกกําจัดท งหมด!” ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยูดูเหมือนไม่พอใจกับอาณาจักรมู่เต่อ

 

“ทําไมเจ้าถึงไม่ไปช่วย?” ชาแมนอาวุโสถามอีกครั้ง

 

“อาณาจักรมู่เต่อคิดว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งที่สุด เพราะว่าพวกเขาได้ปกครองมหาสมุทร แถมยังไม่มีความเคารพต่อคนอื่นๆและยังข่มเหงพวกเขาอยู่บ่อยครั้ง พวกเราไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องช่วย อีกอย่างมันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าทั้ง 7 เมืองไม่ส่งกองกําลังไปช่วยพร้อมกันเพื่อต่อต้านเผ่าแห่งความตายที่เป็นอมตะ!” ราชาแห่งเมืองเฮ่ยหยูพูดออกมาด้วยความเย็นชา

 

“พวกเจ้าทั้งหมดต้องเข้าใจว่าเมืองทั้งแปดเมืองนี้ เป็นหนึ่งเดียวพวกเราเป็นทายาทของทะเลเนเธอร์ และแม้ว่าเราจะถูกแบ่งออกเป็นแปดเผ่า ความจริงนั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนไป เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเคยเกิดอะไรขึ้น?” ชาแมนอาวุโสมองด้วยความโกรธ ร่างกายของเขาสั่นขณะที่พูด

 

ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินคําพูดของผู้อาวุโส

 

แน่นอนว่าพวกเขารู้เรื่องประวัติศาสตร์ดี

 

หลายล้านปีก่อน เมืองแห่งทะเลเนเธอร์ที่ปกครองวอยด์อยู่ กุ้ยหลงและมหาสมุทรเจดสปริงเป็นบรรพบุรุษของเมืองทั้งแปดในปัจจุบันนี้

 

สงครามที่ยืดเยื้อและแผ่ขยายเป็นวงกว้างทําให้เมืองแห่งมหาสมุทรเนเธอร์นั้นแบ่งออกเป็นแปดส่วน

 

แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอเรื่องพวกนั้นด้วยตัวเอง มันก็ถูกบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนในบันทึกประวัติศาสตร์ของเผ่า ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ผู้อาวุโสได้บอกมา

 

“ท่านผู้อาวุโส พวกเรามาที่นี่ในวันนี้เนื่องจากบรร พบุรุษของพวกเขาได้บอกเอาไว้ พวกเราขอถามได้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไรในการประชุมในวันนี้?” เทียนคุนถามผู้อาวุโสด้วยความเคารพ

 

“การประชุมครั้งนี้จะถูกจัดขึ้นทุกๆ 500,000 ปี เพื่อเตือนทั้งแปดเมืองถึงคําสอนของบรรพบุรุษ มันจะทําให้พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งและฟื้นฟูพลังของเมืองแห่งทะเลเนเธอร์ แต่ตอนนี้ข้าไม่คิดว่ามันสําคัญอีกต่อไปแล้ว!”

 

ท่าทีของผู้อาวุโสดูเย็นชา “จากที่ข้าเห็นพวกเจ้าทั้งหมด ได้ลืมความภาคภูมิใจที่พวกเราเคยมีไปนานแล้ว พวกเจ้ามันเห็นแก่ตัว ถ้ามันเป็นเช่นนี้ เรื่องที่จะประชุมในวันนี้จะ ถูกเปลี่ยนเป็นการผนึกทั้งเจ็ดเมืองแทน และชื่อของเมืองต้องเป็นทะเลเนเธอร์!”

 

พวกเขาทั้งเจ็ดคนช็อคเมื่อได้ยินเขาพูด บางคนดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย

 

“ข้าไม่ได้หารือเรื่องนี้กับเจ้าในเมื่ออาณาจักรมู่เต่อล้มสลายไปแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ฟื้นฟูทะเลเนเธอร์ทั้งหมดแล้วถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ดังนั้นเรื่องในวันนี้จะเกี่ยว กับการผนึกเมืองทั้งเจ็ดและรวมรวบกองกําลังทั้งหมดของเรา!”

 

“ถ้าอย่างนั้นใครจะเป็นราชาของเมืองแห่งทะเลเนเธอร์ล่ะท่านอาวุโส?” เฮ่ยสุยถามด้วยความเย็นชา

 

นี่ก็เป็นเรื่องที่ราชาคนอื่นๆก็อยากจะรู้เหมือนกัน

 

การผนึกอาณาจักรทั้งหมดไม่ใช่เรื่องใหญ่ พวกเขาไม่ใช่กองกําลังที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปที่พวกเขาอยู่ ดังนั้นการร่วมทีมกันจะทําให้พวกเขาได้ประโยชน์เช่นกัน แต่คํา ถามที่ใหญ่ที่สุดก็คือใครจะเป็นราชา?

 

ถ้ามีบางคนนอกเหนือจากพวกเขาได้ขึ้นเป็นราชา อํานาจและพลังของพวกเขาก็จะต้องอยู่ในมือของผู้ปกครองคนใหม่ ไม่มีใครต้องการแบบนี้

 

“ใครจะเป็นราชา….แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า?” ผู้อาวุโสพูดเย้ย

 

“ไอ้แก่ นี่เจ้าคิดจะเป็นราชาเองใช่ไหม? พวกเราเคารพเจ้าเพียงเพราะว่าเจ้าเป็นผู้อาวุโสของอาณาจักรแม่ของเรา แต่จากที่ข้าเห็นเจ้าไม่ต้องการความเคารพจากพวกเราอีกต่อไป!” ขณะที่เฮ่ยสุยพูด จิตวิญญาณด้านหลังเขาก็ชี้ดาบใหญ่มาที่ชาแมน

 

สถานการณ์ตรึงเครียด แต่ก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวหรือหยุดพวกเขา

 

พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน และไม่มั่นใจเรื่องภูมิหลังของเขาเช่นกัน ตอนนี้คนที่ใจร้อนกําลังจะคว้าโอกาสของเขาแล้ว มันเป็นช่วงที่ดีที่จะได้เห็น

 

ผู้อาวุโสหัวเราะ ในขณะที่เขากําลังจะพูด ร่างเงาก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้าช้าๆและเข้ามาในดินแดน จากนั้นเขาก็มองไปรอบด้วยความสงสัย

 

“เพื่อนข้า การสํารวจมหาสมุทรนี่มันสนุกจริงๆ ทายสิว่าข้าเจออะไร!” ขณะที่เขาพูด ชายแปลกๆคนนั้นก็เริ่มปีนขึ้นไปบนรูปปั้น

 

“จากประสบการณ์ของข้า รูปปั้นพวกนี้มีประวัติที่ยาวนาน พวกเขาคงจะร่ำรวยมหาศาลถ้าขายพวกนี้เป็นของโบราณ น่าเศร้าที่ไม่มีใครสะสมของเก่าในโลกใบนี้” ขณะที่เขาพูด ชายคนนั้นว่ายน้ำไปข้างหน้าอีกครั้ง

 

เมื่อเขาได้เห็นรูปร่างที่หุ้มไปด้วยเกราะที่เงาวาว เขาตะลึง

 

ขณะที่สถานที่นี้กําลังส่องแสงสีน้ำเงินอันอบอุ่น เขาไม่ได้สังเกตสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านล่างเขา ถ้ามันไม่ใช่ข้อความของผู้เล่น เขาก็คงจะจ้องมองรูปปั้นต่อไปและสร้างเรื่องราวประวัติศาสตร์เอามาเล่าให้ผู้ชมฟัง

 

ทันใดนั้น สายตาของผู้เล่นก็เริ่มส่องประกาย เขาดําน้ำลงไปและลงไปข้างๆชาแมนอาวุโส

 

“และเจ้าคือ?” ชาแมนอาวุโสประหลาดใจ

 

สถานที่แห่งนี้ปกครองโดยเมืองทั้งเจ็ด ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามารบกวนการประชุมเช่นนี้ไม่อย่างนั้นจะต้องเจอกับความโหดร้ายของพวกเขา นั่นคือเหตุผลที่ทําให้ผู้อาวุโสสับสนเมื่อได้เห็นชายคนนี้

 

“พวกท่านมาทําอะไรกันที่นี่?” ผู้เล่นคนนั้นถามด้วยความตื่นเต้น

 

“พวกเรากําลังจัดประชุมแห่งเมืองทั้งเจ็ดเพื่อเลือกราชาองค์ใหม่!”

 

ผู้อาวุโสไม่รู้เกี่ยวกับคนๆนี้มากนัก แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะพูดตรงๆ ยังไงมันก็ไม่ใช่ความลับอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะกลับมารวบรวมเมืองแห่งทะเลเน เธอร์ใหม่ การประชุมนี้มันก็ต้องประกาศให้โลกรู้อยู่แล้ว 

 

หัวใจของผู้เล่นคนนั้นเต้นรัว เขารู้ว่าโชคอยู่ข้างเขาแล้ว ยิ่งกว่านั้น มันเป็นการประชุมแห่งเมืองทั้งเจ็ดอีกด้วย

 

เป็นไปได้ไหมที่ผู้เล่นที่ได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ จะปลดล็อคภารกิจลับในการสืบทอดแห่งเมืองทั้งเจ็ดและได้เป็นราชา?

 

เขาเพ้อฝันไปในทันที

 

“ท่านคิดว่าข้าเป็นผู้ลงสมัครที่ดีพอไหม?” เขาถาม

 

เมื่อราชาทั้งเจ็ดได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็ซีดลง

 

ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร จู่ก็โผล่มาแล้วขอเป็นราชาในการประชุมที่สําคัญเช่นนี้? เขาไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย

 

ผู้อาวุโสยังคงคิดคําที่จะพูด หลังจากที่ตรวจสอบเขาอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ถามขึ้นมา “จริงๆแล้วเจ้าเป็นใคร?”

 

“ข้าเหรอ? ข้าเป็นผู้เล่น!” เขาตอบอย่างตรงไปตรงมา 

 

เขาคิดอยู่สักพักและนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาตอบอีกครั้งว่า “ข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพแห่งเป๋ยฉี!”

 

ในตอนนี้ทุกคนจ้องมองเขาด้วยความอึ้ง

 

สําหรับพวกเขา เป่ยจีนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากพวกเขา ทําไมคนจากกองทัพเป่ยฉีจึงมาที่นี่และขอเป็นราชา? กําลังของเมืองทั้งเจ็ดรวมกันนั้นมันมากกว่ากองกําลังเป๋ยฉี กองทัพเดียวอยู่หลายขุม

 

“กองทัพแห่งเป๋ยฉี? เจ้ามีธุระอะไรที่นี่?” เฮ่ยสุยแสดงท่าทางเย็นชา

 

โคลทอิส นอทแมด นั้นพูดอะไรไม่ออก เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดเบาๆ “เพื่อเปิดภารกิจของข้า!”

 

เพี้ยะ!

 

เฮียสุยไม่ลังเล เขาตบหน้าผู้เล่นคนนั้นตายในครั้งเดียวด้วยความรุนแรง

 

หลังจากที่มีคนแปลกหน้ามารบกวนนั้นจบลง บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดอีกครั้ง

 

การเลือกราชาแห่งเมืองทั้งเจ็ดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ

 

ขณะที่เขานั้นแสดงท่าที่สับสน ผู้อาวุโสก็กระทืบเท้าลงร่างเงาปรากฏขึ้นจากแท่นบูชาที่อยู่ใต้น้ำ

 

ร่างนั้นดูอ่อนวัยเป็นวัยรุ่นที่ดูดี เขามีคุณสมบัติที่แตกต่าง นั่นก็คือโกลเด้นอายส์ของเขา รูนในดวงตาของเขาหมุนอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนกับเป็นชนชั้นสูง

 

“เขาคือผู้สืบทอดของขุนนางแห่งเนเธอร์ ในเมืองทั้งเจ็ดเมืองถูกรวมเข้าแล้ว พวกเราจะแต่งตั้งเขาเป็นราชา!”

 

เด็กหนุ่มดวงตาสีทองยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเมื่อได้ยิน เขาดูพึงพอใจกับการตัดสินใจนี้

 

“ข้าไม่เห็นด้วย!”

 

“ข้าไม่เห็นด้วย!”

 

ทุกคนคัดค้านในทันที

 

แม้ว่าราชาหลายองค์จะเป็นผู้สืบทอดแห่งทะเลเนเธอร์ พวกเขาก็ไม่เคยตกลงที่จะร่วมมือและรับใช้เหล่าขุนนางอีก

 

“นี่มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า!” เด็กตาสีทองยิ้มและชูมือขึ้น เสาทองคําปรากฏขึ้นรอบๆพวกเขา ขังพวกเขาเอาไว้ด้านใน

 

“ตราผนึกมหาสมุทรแห่งทะเลเนเธอร์!”

 

พวกเขาทั้งเจ็ดคนตกใจเมื่อเห็น

 

พวกเขาเคยได้ยินเรื่องของผนึกมหาสมุทรในวรรณกรรมเท่านั้น มันบอกว่ามันมีพลังไม่จํากัดและเป็นสิ่งประดิษฐ์ของประเทศ ใครก็ตามที่มีระดับไม่ถึงจักรพรรดิภูตระดับสูงจะถูกมันเผา

 

พวกเขาจึงตื่นกลัวเมื่อเห็นผนึกมหาสมุทรนี้

 

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า! สาบานความจงรักภักดีต่อข้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าและเข้ายึดครองเมืองของพวกเจ้าซะ!”

 

ไม่มีการคัดค้านใดๆ สีหน้าของทุกคนซีดเซียว

 

ใครก็ตามที่กล้าพูดอะไรออกไปในสถานการณ์แบบนี้จะต้องถูกสังหารเพื่อเป็นการตักเตือนให้คนอื่นๆได้เห็น พวกเขาจึงไม่สามารถบ่นอะไรได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ยินดีตั้ง แต่แรกก็ตาม

 

“เลือดของขุนนางแห่งทะเลเนเธอร์ไหลเวียนอยู่ในร่างกายข้า พรสวรรค์ของข้าในอนาคตจะต้องอยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง! ภายใต้การครองบัลลังก์ของข้า พวกเราจะกอบกู้พลังที่พวกเราเคยมีในดินแดนมหาสมุทรทั้งสาม พวกเขาจะทําให้ได้ดีกว่าอดีตอย่างแน่นอน นี่เป็นคนสอนของบรรพบุรุษและมันยังเป็นคําสั่งจากเทพเจ้าแห่งทะเล!” เด็กคนนั้นพูดออกด้วยความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่

 

เมื่อได้ยิน ผู้อาวุโสก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและมองไปที่ราชาทั้งเจ็ด

 

“อย่างที่ราชาของเราบอก ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะรับใช้เขา พวกเขาจะสามารถผนึกเป็นหนึ่งเดียวได้และจะทรงพลังเป็นอย่างมาก พวกเจ้าทั้งหมดจะกลายเป็นเหนือหัว พื้นที่มหาสมุทรที่พวกเจ้าจะปกครองนั้นจะใหญ่ขึ้นอีกมาก พวกเจ้าไม่อยากร่วมมือด้วยหรือไง?”

 

“ข้าขอรับใช้!” ราชาแห่งเมืองชาลุ่ยที่ยืนอยู่ด้านหลังจะโกนขึ้นมาทันที

 

“เจ้า…ไอ้คนโง่! ไม่แปลกใจเลยที่อาณาเขตของเมืองชาสุ่ยนั้นถดถอยลงเรื่อยๆ ไอ้ขี้แพ้!” เฮ่ยฮุยด่าทออย่างเย็นชา

 

เดิมที เขาคิดว่าถ้าทุกคนเงียบเอาไว้ ทายาทแห่งทะเลเนเธอร์นั้นก็จะไม่สามารถทําอะไรพวกเขาได้ แต่บางคนได้ทําให้แผนการมันล่มไปแล้ว เขาโมโหมาก

 

“ข้าขอรับใช้!” อีกคนหนึ่งพูดออกมา

 

“ข้าขอรับใช้!”

 

ราชาแห่งชาสุ่ย หลานตี้ และเสี่ยวหยุตัดสินใจที่จะยอมทําให้ราชาอีกสี่คนเสียวสันหลังวาบ

 

พวกเขาสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติในทันที แต่สามเมืองนั้นยอมแพ้ไปแล้ว และพลังของพวกเขารวมกันก็แข็งแกร่งกว่า ถ้าพวกเขาสี่คนไม่เข้าร่วมด้วยตัวเอง พวกเขาคงจะต้องลําบากเป็นแน่

 

“เจ้าจะไม่เสียอะไรทั้งนั้น หยุดดื้อด้านได้แล้ว เราจะแข็งแกร่งขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใต้การปกครองของบัลลังก์ราชาและกองกําลังที่เมื่อก่อนนี้ไม่เคยเคารพเจ้าเท่านั้น!”

 

ผู้อาวุโสตวาดขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม

 

เมื่อได้เจอสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสี่คนก็อึดอัด สีกายของพวกเขาเริ่มซีดลง พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะเลือกเส้นทางไหน

 

เด็กหนุ่มตาสีทองชูมือขึ้นอีกครั้ง สร้อยข้อมือทองคําบนข้อมือของเขาส่องแสงออกมา แสงสีทองห่อหุ้มพวกเขาทั้งสี่เอาไว้

 

“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้า!”

 

“ข้าขอรับใช้!”

 

“ข้าขอรับใช้!”

 

อีกสองคนตัดสินใจยอมแพ้

 

มีเพียงเฮียสุ่ยและเทียนคุนที่ไม่พูดอะไร

 

สีหน้าของพวกเขาซีดขาวเหมือนไข่มุกขณะที่จ้องไปที่คนอื่นๆด้วยความผิดหวัง

 

มันจบสิ้นแล้ว พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมก้มหัว ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงต้องตายและเมืองของเขาก็จะถูกยึด

 

เมื่อเด็กหนุ่มตาสีทองเห็นเฮ่ยสุยและเทียนคุนก้มหัว เขาก็เริ่มหัวเราะออกมา

 

“เจ้าควรจะก้มหัวตั้งแต่แรก…”

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ รัศมีสีดําก็แผ่ออกมาจากไกลๆและ เจาะผ่านมานสีทองเข้ามา แทงเข้าไปที่หัวใจของเด็กหนุ่มตาสีทองคนนั้น

 

“ข้า ราชาแห่งอาณาจักรฟูเต่อยังไม่ทันจะถึงเลย พวกเจ้าจะเลือกราชาองค์ใหม่โดยไม่มีข้า? พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่สําคัญแล้วใช่ไหม!?”

 

The Boss Behind The Game

The Boss Behind The Game

Type: Author:
อ่านนิยาย The Boss Behind The Game เรื่องย่อ ลู่หวู่ผู้พัฒนาเกมที่ไร้จุดหมายรู้สึกลำบากใจเนื่องจากเขาพบว่า เขาได้เป็นทายาทสายตรงของราชาอันเดอร์เวิลด์ นอกจากชื่อยศถาบรรดาศักดิ์ก็ไม่มีสิ่งใดที่บรรพบุรุษทิ้งให้เขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกลูกน้องทั้งหมดของบรรพบุรุษยังได้ก่อกบฏและแย่งชิงอาณาเขตที่เป็นของสืบทอดของเขา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ทำให้ลู่หวู่สร้างเซิฟเวอร์เกมต่อสู้ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนลึกลับคนใหม่ของเขาและส่งนักเล่นเกมจากโลกจริงไปยังอันเดอร์เวิลด์โดยใช้ความเป็นจริงเสมือน จากนั้นเขาได้สร้างเควสหลัก อาชีพของตัวละคร ดันเจี้ยน เควสเนื้อเรื่องและตัวละครเอ็นพีซีสำหรับเกม จากการใช้จุดแข็งของเหล่านักเล่นเกมเหล่านี้ทำให้ลู่หวู่เริ่มการเดินทางเพื่อเรียกคืนมรดกที่ถูกต้องของเขา จะมีอะไรผิดพลาดไหม?

Options

not work with dark mode
Reset