The Boss Behind The Game – ตอนที่ 72 : เทพปีศาจ (พาร์ท1)

เกี่ยวกับคำเตือนจากลูกหลายของราชาแห่งเป่ยฉี กู่หยูและซันฉีสัญญาอย่างจริงจังว่าพวกเขาจะฟังคำพูดของเขา เพื่อความปลอดภัยของดินแดนแห่งเป่ยฉี พวกเขาจะไม่ปีนภูเขา

 

ครึ่งชั่วโมงหลังจากพวกเขาได้กล่าวคำอำลากับชายชราผมขาว

 

“ไปกันเถอะเจ้าสุนัขก่อนมันจะมืด ใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เราจะต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดก่อนที่เวลาเล่นเกมจะหมดลง”

 

“เอาล่ะ!”

 

ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่ง มนุษย์และสุนัขจะปีนภูเขาได้ง่ายกว่าในชีวิตจริง พวกเขายังคงมุ่งหน้าไปยังจุดสูงสุดของหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่พวกเขากำลังขยับขึ้นไป ทั้งคู่จะรู้สึกเหมือนมีอำนาจบางอย่างกวาดผ่านพวกเขา มันเหมือนมีดวงตาที่ชั่วร้ายคู่หนึ่งมองดูพวกเขา

 

พวกเขาใช้เวลาแปดชั่วโมง โดยใช้ช่วงพักสั้นๆ ในที่สุดก็สามารถผ่านกลุ่มเมฆและดูจุดสูงสุดของหน้าผาแห่งความสิ้นหวัง

 

ในเวลานี้เองที่หัวใจของกู่หยูเหมือนถูกครอบงำ

 

เชาอดไม่ได้ที่จะนั่งยองๆและเริ่มสลัดความคิดด้านลบทุกอย่างที่เข้ามาในใจ เขารู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา และดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง

 

“หัวหน้า คุณสบายดีไหม?” ซันฉีถามอย่างเป็นกังวลเมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ในขณะนี้กู่หยูที่ตาสีแดงเข้มก็ยื่นมืออกไปอย่างกะทันหันและจับบีบคอของซันฉี โดยค่อยๆบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆ

 

ซันฉีรู้สึกกลัวมากจนเขาเห่าออกไปโดยไม่รู้ตัว

 

“หัวหน้า คุณเป็นอะไรไป!?” ซันฉีพยายามดึงมือของกู่หยูออกไป แต่เขาก็ตระหนักว่า รูนรูบี้เรด สว่างขึ้น และความแข็งแกร่งของมือกู่หยูก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

 

เมื่อซันฉีเกือบจะทนไม่ไหว กู่หยูก็ปล่อยมือของเขาทันที ซันฉีนอนบนพื้นด้วยกรามห้อยลงมาและใบหน้าของเขาก็ดูเจ็บปวดอย่างสุดขีดขณะที่เขาเริ่มหอบ

 

ตอนนี้มีพลังสุดจะบรรยายปกคลุมไปทั่วกู่หยู จิตใจของกู่หยูเต็มไปด้วยฉากการนองเลือดและการสังหารที่หลากหลาย ภายใต้อารมณ์เชิงลบแบบนี้ เขารู้สึกราวกับว่าเขาเกือบจะมีอาการทางจิต

 

มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นของจริงแม้ว่าเขาจะคิดว่าเป็นเกม แต่เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัว

 

เขาจ้องที่ยอดเขาอีกครั้ง และคิดถึงคำเตือนจากชายชราผมขาว เวลานี้เขารู้สึกกลัวจริงๆ

 

“หัวหน้า มันน่าขนลุกมาก ฉันรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างจ้องมองที่เราอยู่…”

 

“คุณก็รู้เหมือนกันงั้นเหรอ?”

 

กู่หยูรู้สึกตึงเครียด ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตา ใครจะรู้ว่าซันฉีก็รู้สึกเหมือนกันเช่นกัน

 

“พวกเราจะไปต่อไหม…” ซันฉีรู้สึกหวาดผวาขณะที่เขาจ้องที่ยอดเขา

 

“คุณจะกลัวอะไร? มันไม่ใช่อะไรเรื่องใหญ่ มันไม่ใช่ว่าเราจะตายจริงๆในชีวิตจริงซะหน่อย” กู่หยูพูดอย่างมั่นคงแสดงรูปลักษณ์ให้ซันฉีดูเหมือนเขาเข็มแข็ง

 

ดังนั้นซันฉีจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปีนขึ้นสู่ยอดเขากับกู่หยูต่อไป

 

ในที่สุดหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ร่างของชายและสุนัขก็ปรากฏตัวขึ้นบนยอดสูงสุด

 

กู่หยูและซันฉีตกตะลึงเมื่อเห็นทิวทัศน์เบื้องหน้า

 

มีเจดีย์เสาที่มีรอยด่างและร่องรอยอายุตั้งอยู่กลางยอดเขาและมีโครงกระดูกสีดำนั่งอยู่ข้างๆ

 

ทั้งคู่เดินไปที่เสาเจดีย์อย่างสงสัย พวกเขาเปิดฟังก์ชั่นภาพหน้าจอและถ่ายภาพไว้ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มมองไปรอบๆเสาเจดีย์นี้

 

ในขณะเดียวกันซันฉีเดินไปรอบๆเสาสองครั้ง ทันใดนั้นเขาก็ยกขาขวาขึ้น

 

“คุณกำลังทำอะไรน่ะ?” กู่หยูเบิกตากว้าง

 

เมื่อฉันซีรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาเอาขาลงด้วยความอาย “ฉันไม่รู้เหมือนกัน มันดูเหมือนจะเป็นปฏิกิริยาสัญชาตญาณ”

 

เพื่อบรรเทาสถานการณ์ที่น่าอับอาย ซันฉีตัดสินใจที่จะตบเจดีย์เสาด้วยอุ้งเท้าของเขา เมื่อเขาสัมผัสมัน มีแสงสีดำปรากฏขึ้นในขณะที่แสงสีเขียวก็ปรากฏออกมาจากร่างของซันฉีในเวลาเดียวกัน

 

ทันทีแสงทั้งสองได้ชนกัน ซันฉีถูกกระแทกกระเด็นออกไปก่อนที่จะกระแทกลงพื้นอย่างรุนแรง

 

สิ่งนี้ทำให้กู่หยูประหลาดใจ เขารีบวิ่งไปที่ซันฉีและช่วยเขายืนขึ้น “เจ้าสุนัข แกเป็นอะไรมั้ย?”

 

ซันฉีส่ายหัวด้วยความสับสน “เสานี้แปลก ตอนที่ฉันสัมผัสมัน ก็มีความคิดฉับพลันปรากฏขึ้นในใจของฉัน ดูเหมือนว่ามันจะบอกฉันว่ามันไม่ขอบฉัน”

 

กู่หยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเขาเห็นว่าซันฉีไม่เป็นอะไร เขายืนขึ้นแล้วเดินไปที่เสาอีกครั้ง

 

กู่หยูคิดถึงสิ่งที่ซันฉีบอกเขา จากนั้นเขาก็ยื่นมืออกไปสัมผัสเช่นกัน เขาต้องการรู้ความรู้สึกที่ซันฉีอธิบายไว้เมื่อครู่

 

เมื่อมือของเขาแตะเสาเจดีย์ เขารู้สึกถึงอารมณ์เชิงลบอีกครั้งและพวกมันก็เจาะเข้าไปในจิตใจของเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

ในขณะนี้ดวงตาของกู่หยูกลายเป็นสีแดงอีกครั้งและโลกของทะเลเลือดบ้าคลั่งก็ปรากฏต่อหน้าต่อตาของเขา

 

เหนือทะเลเลือด มีร่างเด็กทารกส่ายไปส่ายมาตามเกลียวคลื่น

 

โดยที่ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ร่างอันโดดเดี่ยวนี้ก็ยังคงแกว่งไปมาอยู่เหมือนเดิม เขาจะลืมตาขึ้นเป็นครั้งคราวเพื่อดูโลกนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามเวลาส่วนใหญ่ของเขายังคงใช้กับการนอนหลับใหล

 

กู่หยูไม่รู้ว่าทำไมแต่เขารู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วในความว่างเปล่านี้ เขาไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานหลายร้อยปี พันปี หรือแม้กระทั่งหมื่นปี ก่อนที่แสงจากฟากฟ้าจะปรากฏขึ้นในโลกที่มีสีเลือดนี้

 

พร้อมกับการปรากฏตัวของแสง คลื่นขนาดยักษ์ก็ก่อตัวสูงขึ้นในทะเลือด โลกทั้งโลกเริ่มสั่นสะเทือนเมื่อมันทรุดตัวลงและหดลงก่อนที่คลื่นจะซัดเข้าใส่ร่างกายเล็กๆของเด็กทารก

 

แสงเริ่มสว่างขึ้น ในท้ายที่สุดโลกสีเลือดนี้ก็ถูกดูดกลืนโดยเด็กทารกนี้ และสภาพแวดล้อมก็กลายเป็นว่างเปล่า

 

เด็กทารกที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงในที่สุดก็เปิดตาของเขาขึ้นช้าๆ

 

“แว๊” เขาร้องออกมาเป็นครั้งแรกในโลกใหม่นี้

 

“ทำไมจึงเป็นสีแดง?” เสียงเต็มไปด้วยความสันสบในการถาม

 

คราวนี้วังมโหฬารปรากฏต่อหน้ากู่หยู

 

ยักษ์ใหญ่สามตัวล้อมรอบแท่นบูชา พวกเขามองเด็กน้อยที่ร้องไห้บนแท่นด้วยความสับสน

 

“แดงเลือด! ภัยพิบัติ! ลางร้าย!”

 

“ทิ้งเด็กนี้ซะ เด็กคนนี้เกิดมาเต็มไปด้วยพลังของเลือด ข้ากลัวว่าเขาจะนำโชคชาตาที่ไม่รู้จักมาสู่กลุ่มของเรา!”

 

นักบวชสามคนในตระกูลมองไปที่เด็กชายตัวเล็กสีเลือดและพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองต่อราชาแห่งยักษ์ซึ่งอยู่ในชุดเกราะหนา

 

“ไม่ เขาเป็นลูกของข้า ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ราชาแห่งยักษ์อุ้มเด็กจากแท่นบูชาและวางเขาไว้ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นเขาสัมผัสใบหน้าเด็กเลือดอย่างอ่อนโยนด้วยมือของเขา โดยแสดงรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

 

ในขณะนี้เด็กเลือดเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นหัวเราะ

 

เมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้าตระกูลเดินจากไป นักบวชทั้งสามคนทำได้แค่ถอนหายใจโดยพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้

 

เมื่อเวลาผ่านไป เด็กเลือดก็เริ่มเติบโต

 

ไม่เหมือนกับเด็กคนอื่นในตระกูล เขามีความสูงเพียงหนึ่งเมตรเมื่อเด็กคนอื่นมีความสูงกว่าสามเมตร เขาถูกเลือกปฏิบัติโดยสมาชิกกลุ่มเพื่อนของเขาเนื่องจากเขาเป็นเหมือนสิ่งแปลกในกลุ่ม

 

อย่างไรก็ตามเด็กเลือดไม่ได้อารมณ์เสียเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเพราะเขามีพ่อแม่ที่รักเขามาก

 

หนึ่งคือหัวหน้าตระกูล ในขณะอีกคนเป็นนักบวชที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ภายใต้การคุ้มครองของพ่อแม่เขารู้สึกมีความสุขมาก

 

มันเป็นช่วงเวลานี้ที่ฉากเริ่มเปลี่ยนในด้านหน้ากู่หยู

 

เมื่อฉากนั้นชัดเจนอีกครั้ง โลกข้างหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

 

บนท้องฟ้าเหนือเมืองยักษ์ มีโลกศพจำนวนมากลุกไปด้วยเปลวเพลิงบินข้ามตกใส่เมือง เมืองยักษ์ทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง

 

และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือซอมบี้ที่ดุร้ายที่ออกมาจากโลงศพที่ตกลงสู่พื้น

 

The Boss Behind The Game

The Boss Behind The Game

Type: Author:
อ่านนิยาย The Boss Behind The Game เรื่องย่อ ลู่หวู่ผู้พัฒนาเกมที่ไร้จุดหมายรู้สึกลำบากใจเนื่องจากเขาพบว่า เขาได้เป็นทายาทสายตรงของราชาอันเดอร์เวิลด์ นอกจากชื่อยศถาบรรดาศักดิ์ก็ไม่มีสิ่งใดที่บรรพบุรุษทิ้งให้เขาเลย ยิ่งไปกว่านั้นพวกลูกน้องทั้งหมดของบรรพบุรุษยังได้ก่อกบฏและแย่งชิงอาณาเขตที่เป็นของสืบทอดของเขา ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ทำให้ลู่หวู่สร้างเซิฟเวอร์เกมต่อสู้ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนลึกลับคนใหม่ของเขาและส่งนักเล่นเกมจากโลกจริงไปยังอันเดอร์เวิลด์โดยใช้ความเป็นจริงเสมือน จากนั้นเขาได้สร้างเควสหลัก อาชีพของตัวละคร ดันเจี้ยน เควสเนื้อเรื่องและตัวละครเอ็นพีซีสำหรับเกม จากการใช้จุดแข็งของเหล่านักเล่นเกมเหล่านี้ทำให้ลู่หวู่เริ่มการเดินทางเพื่อเรียกคืนมรดกที่ถูกต้องของเขา จะมีอะไรผิดพลาดไหม?

Options

not work with dark mode
Reset