The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 675-676

DND.675 – เตรียมทำสงคราม
คำพูดของเขาทำให้หลายๆคนสีหน้าหม่นหมองในทันทีจ้าวหนึ่งนั้นเข้มงวดและโหดร้ายอยู่เสมอ
แม้เขาจะให้รางวัลแก่คนที่รับใช้อย่างเหมาะสมเขาก็ลงโทษคนที่ทำผิดพลาดด้วยเช่นกัน การลงโทษของเขาคือการบังคับให้ผู้เฒ่าขาวดำทั้งสองถอนตัวจากการบ่มเพาะพลังและออกจากตำหนักเจ็ดจ้าว
“ท่านจ้าวหนึ่งโปรดอภัยให้พวกข้าด้วยเถอะพวกข้ารู้แล้วว่าทำผิดพลาด พวกข้าไม่รู้เลยว่าจดหมายฉบับนี้จะสำคัญมาก”
ผู้เฒ่าขาวดำรีบคุกเข่าโค้งตัวต่อไปน้ำตาไหลอาบแก้มที่แก่เฒ่า
การลงโทษเช่นนี้รุนแรงเป็นอย่างมากพวกเขาเริ่มเสียใจแล้วที่เมินซือหยูเมื่อเขามาถึง
จ้าวหนึ่งพูดอย่างใจเย็น
“ข้ามิได้ลงโทษเจ้าแค่เรื่องจดหมายมันยังเป็นโทษที่เจ้าไม่คิดจะต้อนรับเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ด้วย ถ้าข้าจำไม่ผิด นามของเขาคือซือหยู เขาเป็นคนที่ท่านราชาหมายตาเอาไว้ เจ้าควรจะรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร”
ราชาหมายตาเอาไว้รึ?ทุกคนสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สมาชิกระดับสูงทุกคนในอาณาจักรทมิฬรู้ดีว่ามันหมายถึงการที่ซือหยูจะได้กลายเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดของอาณาจักรทมิฬ
“มิใช่เพราะข้าอยากจะลงโทษพวกเจ้าแต่เป็นเพราะพวกเจ้าสร้างปัญหาใหญ่ต่างหาก”
จ้าวหนึ่งโบกมือพัดทั้งคู่ออกไป
ข่าวเรื่องที่ซือหยูถูกราชาแห่งความมืดหมายตาให้เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดนั้นทำให้หลายคนตกตะลึง
“ข้าจะส่งจดหมายให้กับท่านราชาเจ้าไปได้แล้ว”
จ้าวหนึ่งโบกมือให้สลายการประชุม
“เดี๋ยวก่อน…”
ดวงตาจ้าวหอวารีสวรรค์สั่นด้วยความตกใจ
“ท่านปู่ไม่คิดถึงเรื่องที่ซือหยูมาขอกำลังเสริมหน่อยรึ?”
จ้าวหนึ่งดูอ่อนโยนและอบอุ่นขึ้นมา
“ไม่จำเป็นหรอกเราควรจะใช้สงครามครั้งนี้มองดูพลังของเขา ถ้าเขาชนะ เขาก็จะได้รับการยอมรับจากทั้งทวีปและครองบัลลังก์ของราชาแห่งความมืดได้โดยง่าย ถ้าเขาตาย นั่นก็แค่หมายความว่าเขาไม่ดีพอ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาไม่ควรค่าแก่การสนใจ”
จ้าวหอวารีสวรรค์ตกตะลึง
“ท่านปู่แน่ใจแล้วรึ?ตามข่าวที่ข้าได้มา ห้าศักดิ์สิทธิ์จะนำทัพกึ่งภูติพันคนออกมา สงครามแรกคือที่ทวีปเหนือ เพราะเรื่องนี้ซือหยูจึงมาขอกำลังเสริม ต่อให้เขาแข็งแกร่งกว่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือกับกองทัพพันคนโดยไร้กำลังเสริม”
จ้าวหนึ่งเพียงแค่ยิ้มและไม่ตอบอะไร
“พอแล้วหลานเอ๋ยมองดูสงครามครั้งนี้ให้ดี แล้วเจ้าจะรู้ว่าซือหยูผู้นี้คือมังกรหรือเพียงหนอนแมลง”
หลังจากที่จ้าวหอวารีสวรรค์เดินออกไปเขาพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ดูจากเวลาที่ผ่านไปมันควรจะถึงเวลาที่หัวหน้าหน่วยข่าวกรองเสร็จภารกิจที่ก้นบึ้งมังกรแล้ว ขึ้นอยู่กับคนเฒ่าอย่างพวกเราแล้วว่าจะมอบสันติสุขให้กับทวีปได้หรือไม่ พวกเจ้าจงเตรียมตัวให้ดี”
หลังจากที่ตำหนักเจ็ดจ้าวปิดอีกครั้งอาณาจักรทมิฬได้กลับมาเงียบสงบดังเดิม แต่ข่าวที่บอกว่าอีกไม่นานกองทัพจากต่างโลกจะมาโจมตีก็ไปถึงทุกคนในทวีปเหนือ…
“ผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดกับทัพกึ่งภูติพันคนจะมาถึงในอีกไม่นานแล้ว!”
“ต่อให้เจ้าพันธมิตรซือปกป้องวเราพวกเขาก็อาจจะขวางกองทัพนั้นไม่ได้”
ความกลัวและความวิตกปกคลุมผู้คนพวกเขาล้วนกังวลกับศึกใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในทวีปเหนือ พวกเขาล้วนคิด…
เจ้าพันธมิตรซือผู้เลื่องชื่อจะรับมือกับสงครามนี้ได้หรือไม่?
ทวีปเหนือได้กลายมาเป็นศูนย์กลางของทวีปโดยไม่มีใครรู้ตัวเมื่อซือหยูกลับมา เขาได้เห็นคนมากมายที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด
ภาพที่ได้เห็นทำให้เขาหนักใจ…
จะมีสักกี่คนที่เต็มใจสละตัวต่อสู้เพื่อคนหมู่มากเพื่อสามัญชน ทั้งที่ต้องเจอกับสงครามครั้งใหญ่เช่นนี้กัน?
ซือหยูไม่ขวางคนที่หลบหนีเขากลับไปยังตำหนักรองของอาณาจักรทมิฬที่ตอนนี้กลายเป็นสถานที่หลักของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์
มาฆ่าพวกมันกันเถอะ!
ก่อนที่เขาจะถึงเมืองเขาได้ยินเสียงกรีดร้องที่สั่นสะเทือน
“มีการต่อสู้แล้วรึ?”
ซือหยูอึดอัดใจเขารีบตามต้นเสียงไป
เขาเห็นว่าสมาชิกของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำลังฝึกฝนและต่อสู้กันซือหยูเห็นว่าพวกเขากำลังฝึกฝนการต่อสู้ระยะประชิด
แต่ในท้องนภาห่างไกลมีวงแหวนวงยักษ์ลอยอยู่ มีคนมากกว่าร้อยคนอัดพลังชีวิตลงไป พวกเขากำลังฝึกใช้วงแหวนอัดพลังเพื่อเตรียมตัวทำสงครามที่จะมาถึงในอีกไม่นาน
ไม่ว่าเขาจะมองไปทางใดก็จะเห็นคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ฝึกฝนและบ่มเพาะพลังเต็มไปหมดไม่มีใครหนีหรือตัดพ้อ พวกเขาต่างตั้งมั่นที่จะเผชิญหน้ากับความตาย
ซือหยูรู้สึกขอบคุณกับผู้คนเหล่านี้เขาภูมิใจที่ได้เห็นคนเหล่านี้ยินดีต่อสู้
“นายน้อย”
แปดศักดิ์สิทธิ์วู่เหิงบินมาที่ซือหยูทันทีที่เห็นว่าเขามาถึง
“เจ้าทำให้พวกเขาเริ่มฝึกงั้นรึ?”
ซือหยูยิ้มเล็กน้อยเมื่อถามเขาเห็นว่าการฝึกฝนนี้คล้ายกับการฝึกทหาร และมีเพียงคนจากกองทัพอย่างวู่เหิงวเท่านั้นที่จะจัดการเรื่องแบบนี้ได้
แปดศักดิ์สิทธิ์ตอบอย่างกระวนกระวายใจ
“โปรดอภัยที่ข้าทำไปโดยไม่รอฟังคำสั่งท่านข้าเพียงรู้ว่าสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่นาน เป็นความร้อนรนของข้าที่มิอาจรอให้ท่านกลับมาได้”
“หึหึเจ้าไม่ต้องพูดต่อแล้ว ข้าไม่สนใจต้นตอความคิดในคนของข้า ถึงเจ้าจะเคยเป็นศัตรู ข้าก็ได้เห็นตอนที่เจ้าสู้กับเซี่ยหวู่”
ซือหยูพยักหน้าให้วู่เหิงเป็นเชิงยอมรับ
“หลังจากสงครามเฉินหลงจบลงข้าจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ”
อะไรนะ?แปดศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรง เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าเขาจะมีหวังได้เป็นอิสระอีกครั้ง!
“ข้าจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน”
เขาเข้าใจว่าถ้าอยากเป็นอิสระจากซือหยูเขาจะต้องทำงานให้ดี
“ตอนนี้เจ้าไปเรียกคนระดับสูงของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ ข้ามีเรื่องสำคัญต้องประกาศ…”
เรื่องสำคัญรึ?เขาได้กำลังเสริมมาแล้วสินะ? วู่เหิงดีใจมากกับข่าวดี เขารีบไปแจ้งเหล่าผู้เฒ่าในลานฝึก
ซือหยูบินไปที่ตำหนักและร่อนลงเบาๆที่หน้าห้องเซี่ยนเอ๋อเขาเห็นว่านางยังบ่มเพาะพลังอยู่ ร่างของนางมีพลังลึกลับอ่อนๆห่มเอาไว้ ฐานพลังของนางในตอนนี้ทำให้ซือหยูตกใจมาก
เขาแค่จากนางไปไม่กี่วันแต่นางก็ก้าวขึ้นมาเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงแล้ว! ตอนที่เขาออกไป นางมีแก้วพลังชีวิตแค่ดวงเดียวเท่านั้น!
“ราชาภูติงั้นรึของที่นางได้มาช่างน่าอัศจรรย์นัก”
ซือหยูรู้สึกทึ่ง
ในตอนนั้นเขาคิดถึงเรื่องราวของราชาภูติอีกครั้ง วิชาที่ฟื้นฟูจุดกำเนิดพลังที่ถูกทำลายไปแล้วได้นั้นเหมือนกับปาฏิหาริย์ ซือหยูทำได้แค่ยินดีไปกับนาง เพราะนางบังเอิญได้รับสิ่งที่ดีมาแล้ว
“เซี่ยนเอ๋อถ้าข้ารอดจากสงคราม ข้าจะแต่งงานกับเจ้าแน่นอน…”
ซือหยูพูดเบาๆไม่ให้นางได้ยินเขารีบออกไป
ที่โถงตำหนัก
“ผู้เฒ่าจิวไปไหนล่ะ?”
ซือหยูถามเมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าจิวกับอีกสองคนที่ควรจะอยู่ได้หายตัวไปเหลือแค่เพียงผู้เฒ่าฉิวกับเซี่ยจิงหยูที่ยังไม่ได้สติเท่านั้น
“ท่านเจ้าพันธมิตรผู้เฒ่าฉิวออกไปเมื่อคืน ข้าไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด”
ทหารคนหนึ่งที่เฝ้ายามได้ตอบ
เขาออกไปรึ?ซือหยูสับสนเพราะผู้เฒ่าจิวยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่จากอาการบาดเจ็บ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมผู้เฒ่าจิวต้องหายตัวไปในตอนนี้
แต่ด้วยพลังของผู้เฒ่าจิวมีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะเป็นภัยต่อเขา ซือหยูไม่เป็นกังวลมากนัก
“อืม…หาให้ทั่วรายงานข้าทันทีถ้าได้ข่าวท่านผู้เฒ่าจิว”
ซือหยูสั่งและมองไปยังผู้เฒ่าฉิวกับเซี่ยจิงหยู
ฟึ่บ!
มีกล่องหยกสองใบปรากฏในมือนั่นคือกล่องโอสถหางวิหคเพลิงม่วงกับโอสถจันทร์ลับอดุลที่จะช่วยชีวิตผู้เฒ่าฉิว
เขาหยิบมันขึ้นมาวางใส่ปากของนางเขาอัดพลังชีวิตช่วยให้นางกลืนโอสถเข้าไป
ซือหยูสัมผัสได้ว่าพลังของโอสถกำลังทำงานอยู่ในท้องของผู้เฒ่าฉิวท้องของนางเป็นส่วนที่บาดเจ็บมากที่สุด ยังมีรอยฝ่ามืออยู่ตรงนั้น มันปล่อยพลังที่อันตรายออกมา
ฝ่ามือที่ควรจะเอาชีวิตนางไปแต่นางกลับรอดด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครรู้ รอยฝ่ามือที่ไม่เคยฟื้นฟูแม้จะผ่านมาครึ่งเดือนได้จางลงไปเมื่อมีพลังของโอสถเข้าช่วย
“นางรอดแล้วเพียงแค่ต้องรอให้นางลืมตาขึ้นมาเท่านั้น”
ซือหยูถอนหายใจยาว
ผู้เฒ่าฉิวเคยช่วยเขาหนึ่งครั้งและเขายังต้องการความช่วยเหลือจากนางให้สร้างเนตรเงินล้างอสูร นางตื่นขึ้นมาเมื่อใดก็คงจะเป็นลางดี
ซือหยูเดินหลายก้าวไปที่เตียงเซี่ยจิงหยูเขานั่งข้างนางและจับมืออันอ่อนนุ่มที่เย็นอยู่บ้างเอาไว้ เขารู้สึกเจ็บแปลบในใจ
เซี่ยจิงหยูต้องบาดเจ็บถึงเพียงนี้ก็เพราะว่านางอยากจะส่งข่าวเรื่องสงครามเฉินหลงให้กับเขาซือหยูมิอาจจำได้อีกแล้วว่าเขาติดหนี้นางกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง และก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตอบแทนนางอย่างเหมาะสมแม้จะพยายามไปทั้งชีวิต และเขาก็ยังมีความเสียใจสูงสุดที่มิอาจให้คำตอบกับคำสารภาพความรู้สึกจากนาง
“จิงหยู…”
ดวงตาของซือหยูมีเพียงความโศกเศร้าเขายอมรับฉินเซี่ยนเอ๋อไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรับเซี่ยจิงหยูไว้อีกคน นั่นหมายความว่าเขาจะติดหนี้นางมากยิ่งขึ้นไปอีก
ความรู้สึกมากมายเอ่อล้นอยู่ในใจซือหยูมองดูสภาพร่างกายของนางอีกครั้ง เขาเห็นว่าบาดแผลที่นางได้รับฟื้นฟูเต็มที่แล้ว แต่น่าสับสนอย่างมากที่นางยังไม่ได้สติกลับมา
“หวังว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมาก่อนการแต่งงานของข้ากับเซี่ยนเอ๋อนะ…”
ซือหยูจับมือนางและพูดเบาๆอย่างเหม่อลอย
ฟึ่บ!
“นายน้อยคนระดับสูงของพันธมิตรมากันครบแล้วที่โถงหลัก”
วู่เหิงยืนหน้าประตูและมองซือหยูที่มองเซี่ยจิงหยูด้วยความรัก
เมื่อซือหยูกลับมาได้สติเขาวางมือของเซี่ยจิงหยูและยืนขึ้นช้าๆ
“ไปกันเถอะ”
แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาออกไปนิ้วก้อยของเซี่ยจิงหยูที่หลับใหลมานานได้กระตุกเบาๆเมื่อแสงอาทิตย์อันอบอุ่นส่องผ่าน
ที่โถงหลัก
ผู้เฒ่าเฉินหน่วยกวาดล้าง และผู้เฒ่าอีกหลายคนกำลังรออย่างเงียบเชียบอยู่ที่โถงหลัก ทุกคนก้มหน้าด้วยความนับถือเมื่อซือหยูมาถึง
“ทุกท่านข้าจะพูดให้ยาวนัก สงครามครั้งใหญ่กำลังจะมา ทุกท่านควรจะรู้อยู่แล้ว ข้าคงไม่ต้องพูดอะไรอีก…”
ซือหยูเริ่มประกาศ
ซือหยูที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นดูสง่างามตัวตนของเขาสูงส่งราวกับราชาผู้ยิ่งใหญ่
“ยินดีร้อนรับกลับท่านเจ้าพันธมิตร”
ทุกคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน
ซือหยูโบกมือปฏิเสธ
“จากนี้ไปไม่ต้องทำตัวเป็นทางการกับข้านักเรามีเวลาไม่มาก ข้าจะมอบหมายภาระให้พวกเจ้าทันที”
ทุกคนเริ่มมีใจสู้ขึ้นมาเมื่อได้ฟังซือหยูพวกเขาคิดว่าซือหยูน่าจะได้กำลังเสริมมาจากอาณาจักรทมิฬ
“อย่างแรกข้าจะบอกเรื่องผลที่ข้าไปอาณาจักรทมิฬ”
ซือหยูสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อมองคนรอบๆ
“น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้กำลังเสริมอย่างที่พวกเจ้าหวังข้าไม่ได้ทหารมาเลยแม้แต่คนเดียว”
ทุกคนใบหน้าตึงเครียดเมื่อได้ฟังความหวาดกลัวเริ่มกัดกิดจิตใจ พวกเขารู้ว่ากองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดกำลังจะมาในอีกไม่นาน การต่อสู้กับคนเหล่านี้ด้วยคนเพียงหมื่นคนนั้นไม่ต่างกับการคิดทำลายก้อนศิลาด้วยไข่หนึ่งฟอง!
“เจ้าเลิกคิดถึงความตายของตัวพวกเจ้าเองไปแล้วเจ้าจะต้องกังวลสิ่งใดอีกเล่า? ถึงเราจะไม่ได้กำลังเสริม เราก็ยังมีพวกเราอยู่ไม่ใช่รึ?”
แววตาเยือกเย็นของซือหยูเปล่งประกาย
ผู้คนที่ได้ฟังยิ้มอย่างขมขื่นพวกเขาหยุดคิดเรื่องความเป็นความตายของตัวเองไปแล้ว ซือหยูพูดถูก
“นี่คือเรื่องแรกที่ข้าอยากบอกพวกเจ้าเรื่องต่อไปคือเรื่องการบ่มเพาะพลังของพวกเจ้า พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้าต้องการพื้นที่โล่ง”
ซือหยูชายตามองคนรอบๆ
ผู้เฒ่าเฉินกับคนอื่นงุนงงพวกเขาถอยเว้นพื้นที่ให้ซือหยูแม้จะยังสับสน
“ยังไม่พอ…พวกเจ้าถอยไปอีก…”
ซือหยูพูดหลังจากประมานพื้นที่ที่ต้องใช้
ผู้เฒ่าเฉินกับคนที่เหลือสับสนพวกเขาจึงเดินออกจากโถงผลักและทิ้งทั้งโถงให้กับซือหยูคนเดียว
DND.676 – ความยากลำบากของผู้เฒ่าจิว
“ที่ยังเล็กเกินไปแต่มันคนกว้างพอที่จะวางอะไรบ้างแล้วล่ะ”
กิเลนน้อยกระโดดออกมาเมื่อมีหมอกสีชมพูปรากฏเหนือไหล่ซือหยู
ซือหยูบอกให้มันอ้าปากเล็กๆปากที่ดูเล็กนั้นปล่อยพลังมิติที่น่าตกตะลึงออกมา ภูเขาลูกเล็กที่ดูเหมือนแผ่นหญ้าไหลออกมาจากปากของมัน แผ่นหญ้าเหล่านี้ขยายขนาดจนเต็มโถง
พร้อมกันนั้นยังมีพลังวิญญาณกระจายออกมาเต็มไปหมดมันหนาจนเกือบจะเห็นเป็นเมฆที่ควบแน่นเป็นของเหลว เพียงครู่เดียวตำหนักนี้ก็เหมือนกับดินแดนในเทพนิยาย
“พลังวิญญาณหนาแน่นมาก!”
วู่เหิงตกใจเมื่อมองดูตำหนัก
พลังวิญญาณแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วไม่นานทุกคนรอบตำหนักก็สัมผัสได้ เพียงครู่เดียว พลังวิญญาณรอบๆได้เพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว
“โว้ว!นั่นมันอะไรกัน? มันคือสมุนไพรเทพทั้งนั้นเลยรึ?”
“ดูนั่น!สมุนไพรในแผ่นหญ้าพวกนั้นใช้บ่มเพาะพลังได้! แล้วก็…ดูนั่น! โสมวิญญาณเก้าข้อกับหนอนดูดวิญญาณ มันจะสร้างเป็นโอสถบริสุทธิ์ได้! ถึงพวกเขาจะเป็นกึ่งภูติมันก็ใช้เพิ่มพลังได้อีก!”
หลายคนตกตะลึงพวกเขามองผืนหญ้าราวกับอยู่ในฝัน พวกเขามิอาจเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
“ทำไมถึงมีทรัพยากรมากมายเท่านี้?”
วู่เหิงถามด้วยความแปลกใจ
“หรือว่านายน้อยไปที่กระโจมเทพสวรรค์อีกรอบรึ?”
ซือหยูหัวเราะโดยไม่ตอบคำถามของเขา
“ภารกิจของเจ้าคือเลือกทหารที่ดีที่สุดของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์จากนั้นก็มอบทรัพยากรไปให้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ!”
ลั่วซวงกลืนน้ำลาย
“ทรัพยากรมากมายเช่นนี้ไม่ต่างจากที่เราเคยเสียไปแล้วถ้าเราใช้มันดีๆ มันจะมากพอที่จะทำให้หน่วยกวาดล้างเป็นกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงทุกคน!”
เหล่าผู้เฒ่ารวมถึงผู้เฒ่าเฉินเริ่มกังวล
“รุ่นพวกข้าบ่มเพาะมาแล้วหลายปีพวกเราล้วนเข้าใกล้ที่จะทะลวงพลังขึั้นต่อไป เราควรจะได้ทรัพยากรมาก่อน…”
บางคนตะโกน
มีอยู่สองฝ่ายที่เป็นทหารชั้นดีที่ซือหยูพูดถึงนี่เป็นโอกาสทองที่พวกเขาจะได้แก้วดวงที่สาม ทั้งสองฝั่งตั้งใจจะต่อสู้แย่งชิงด้วยพลังทั้งหมดที่มี
“ของพวกนี้มีไว้ให้สมาชิกพันธมิตรคนอื่นทำไมเจ้าถึงคิดว่าจะเสียมันไปเล่า?”
ซือหยูถอนหายใจเบาๆฃ
“ข้ายังมีมากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่ามันมากพอให้ทุกคนได้ใช้บ่มเพาะพลัง รีบจัดการเตรียมให้กับคนที่ต่อสู้สงครามที่แล้วได้ดีก่อนได้แล้ว”
วู่เหิงตัวแข็งทื่อเขาหายใจเข้าลึกเมื่อได้สติ
ทรัพยากรมหาศาลเท่านี้มันเหนือกว่าที่ใดในเฉินหลง!เขาต้องสงสัยว่าซือหยูปล้นอาณาจักรทมิฬมาหรือไม่
ในตอนนั้นทั้งผู้เฒ่าเฉินและลั่วซวงดีใจมาก เพราะโอกาสที่พวกเขาจะได้มีแก้วสามดวงมาอยู่ตรงหน้าแล้ว!
ไม่นานทุกคนในพันธมิตรก็ถูกเรียกตัวเข้ามาไม่นานทรัพยากรมหาศาลก็ถูก
ส่งให้กับยอดฝีมือ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนหลายพันคนสนใจ พวกเขาส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ทรัพยากรมากมายเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาได้แต่ฝันหา
โดยเฉพาะพวกที่ยังไม่ได้เป็นกึ่งภูติพวกเขาติดอยู่ในขอบเขตพลังมาเนิ่นนาน นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญ!
“เจ้าพันธมิตรซือจงเจริญ!”
บางคนตะโกนเสียงดังขึ้นมา
ทุกคนเริ่มที่จะตะโกนคำเดียวกับเขาเสียงของพวกเขามีความขอบคุณ ความนับถือ และความมั่นใจที่ไม่เคยสัมผัส การแจกจ่ายทรัพยากรดำเนินต่อไปเกือบครึ่งวัน
ในตำหนักคนอย่างผู้เฒ่าเฉินล้วนเหนื่อยหอบ แต่ทุกคนก็มีสีหน้ายินดี
“ถ้าคนพวกนี้ใช้ทรัพยากรได้ดีถึงเราจะเอาชนะมันไม่ได้ มันก็ต้องเอาจริงถ้าคิดจะกำจัดเรา!”
ลั่วซวงร้องด้วยความตื่นเต้น
ผู้เฒ่าเฉินครุ่นคิด
“ตามที่ข้าคิดทรัพยากรมากมายเท่านี้มากพอจะสร้างกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงร้อยคน เราจะต่อสู้กับพวกมันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และถ้าของพวกนี้ดีอย่างที่ท่านเจ้าพันธมิตรบอก เราอาจจะได้กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมาสามร้อยคน มันจะทำให้เรามีโอกาสชนะมากกว่าเดิม!”
ซือหยูพยักหน้า
“ข้ายังเหลืออีกเยอะบางคนที่มีแก้วสองดวงจะได้มีแก้วสามดวงก็ได้ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีแต่คนมากพรสวรรค์ อย่าประเมินพรสวรรค์ของพวกเขาต่ำไป”
คำพูดของซือหยูทำให้พวกเขายิ้มออก
ซือหยูพูดต่อ
“จริงๆแล้วข้าหวังกับพวกคนที่มีแก้วสองดวงอยู่แล้วมากกว่า”
ซือหยูหยิบเอาทรัพยากรอีกชุดออกมาเขาดูจริงจังอย่างมาก
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะฝึกหนักขึ้นในอีกครึ่งเดือนข้าจะเตรียมทรัพยากรให้พวกเจ้าอย่างไม่จำกัดเพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีแก้วสามดวง พอถึงตอนนี้ ข้าจะมีอีกหนึ่งเรื่องที่พวกเจ้าจะต้องตกใจ!”
เรื่องตกใจรึ?วู่เหิงสงสัยว่าซือหยูกำลังพูดถึงสิ่งใด หรือว่าเขาจะมอบสมบัติให้กับคนที่มีแก้วสามดวง?
ซือหยูไม่ทิ้งช่วงให้คนที่ได้ฟังตั้งคำถามอีกเขาพูดต่อ
“นอกจากเรื่องนั้นตอนนี้ข้าอยากให้พวกเจาเลือกร้อยคนจากพันธมิตรที่ยิงธนูได้ดี ฝึกพวกเขาให้เป็นยอดนักธนูในอีกหนึ่งเดือน”
ยิงธนูรึ?ผู้เฒ่าเฉินดูสับสน
“ท่านเจ้าพันธมิตรถึงการใช้ธนูในสงครามใหญ่จะมีประโยชน์ แต่ทักษะเช่นนั้นคงไม่เหมาะถ้าขาดธนูและลูกดอกที่เหมาะสม ทวีปเฉินหลงของเรามีแค่พลังวิญญาณที่หนาแน่น แต่เรื่องสมบัติเราแข่งกับข้าศึกไม่ได้หรอก ธนูของพวกเราล้วนมีคุณภาพต่ำ ข้าเกรงว่าคงจะต่อกรกับพวกมันไม่ได้”
ซือหยูเพียงยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าแค่ฝึกร้อยคนนี้ให้ดีก็พอข้ามีเหตุผลที่ต้องใช้พลธนูอยู่แล้ว!”
ลั่วซวงยังมีคำถามอยู่อีกแต่ตอนนั้น จู่ๆขอบนภาก็มืดครึ้ม คลื่นพลังเริ่มส่งเสียงปะทุมาจากสวรรค์
หากมองให้ดีจะพบว่าพลังเหล่านั้นคือสายฟ้าสายฟ้าสีม่วงและขาวเปล่งประกายจากท้องนภาที่โลกอีกฝั่ง เสียงของสายฟ้าดังตามมา พวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากมันส่งให้กับยอดฝีมือ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนหลายพันคนสนใจ พวกเขาส่งเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ทรัพยากรมากมายเช่นนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาได้แต่ฝันหา
โดยเฉพาะพวกที่ยังไม่ได้เป็นกึ่งภูติพวกเขาติดอยู่ในขอบเขตพลังมาเนิ่นนาน นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญ!
“เจ้าพันธมิตรซือจงเจริญ!”
บางคนตะโกนเสียงดังขึ้นมา
ทุกคนเริ่มที่จะตะโกนคำเดียวกับเขาเสียงของพวกเขามีความขอบคุณ ความนับถือ และความมั่นใจที่ไม่เคยสัมผัส การแจกจ่ายทรัพยากรดำเนินต่อไปเกือบครึ่งวัน
ในตำหนักคนอย่างผู้เฒ่าเฉินล้วนเหนื่อยหอบ แต่ทุกคนก็มีสีหน้ายินดี
“ถ้าคนพวกนี้ใช้ทรัพยากรได้ดีถึงเราจะเอาชนะมันไม่ได้ มันก็ต้องเอาจริงถ้าคิดจะกำจัดเรา!”
ลั่วซวงร้องด้วยความตื่นเต้น
ผู้เฒ่าเฉินครุ่นคิด
“ตามที่ข้าคิดทรัพยากรมากมายเท่านี้มากพอจะสร้างกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงร้อยคน เราจะต่อสู้กับพวกมันได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และถ้าของพวกนี้ดีอย่างที่ท่านเจ้าพันธมิตรบอก เราอาจจะได้กึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมาสามร้อยคน มันจะทำให้เรามีโอกาสชนะมากกว่าเดิม!”
ซือหยูพยักหน้า
“ข้ายังเหลืออีกเยอะบางคนที่มีแก้วสองดวงจะได้มีแก้วสามดวงก็ได้ พันธมิตรผู้คุมสวรรค์มีแต่คนมากพรสวรรค์ อย่าประเมินพรสวรรค์ของพวกเขาต่ำไป”
คำพูดของซือหยูทำให้พวกเขายิ้มออก
ซือหยูพูดต่อ
“จริงๆแล้วข้าหวังกับพวกคนที่มีแก้วสองดวงอยู่แล้วมากกว่า”
ซือหยูหยิบเอาทรัพยากรอีกชุดออกมาเขาดูจริงจังอย่างมาก
“ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะฝึกหนักขึ้นในอีกครึ่งเดือนข้าจะเตรียมทรัพยากรให้พวกเจ้าอย่างไม่จำกัดเพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีแก้วสามดวง พอถึงตอนนี้ ข้าจะมีอีกหนึ่งเรื่องที่พวกเจ้าจะต้องตกใจ!”
เรื่องตกใจรึ?วู่เหิงสงสัยว่าซือหยูกำลังพูดถึงสิ่งใด หรือว่าเขาจะมอบสมบัติให้กับคนที่มีแก้วสามดวง?
ซือหยูไม่ทิ้งช่วงให้คนที่ได้ฟังตั้งคำถามอีกเขาพูดต่อ
“นอกจากเรื่องนั้นตอนนี้ข้าอยากให้พวกเจาเลือกร้อยคนจากพันธมิตรที่ยิงธนูได้ดี ฝึกพวกเขาให้เป็นยอดนักธนูในอีกหนึ่งเดือน”
ยิงธนูรึ?ผู้เฒ่าเฉินดูสับสน
“ท่านเจ้าพันธมิตรถึงการใช้ธนูในสงครามใหญ่จะมีประโยชน์ แต่ทักษะเช่นนั้นคงไม่เหมาะถ้าขาดธนูและลูกดอกที่เหมาะสม ทวีปเฉินหลงของเรามีแค่พลังวิญญาณที่หนาแน่น แต่เรื่องสมบัติเราแข่งกับข้าศึกไม่ได้หรอก ธนูของพวกเราล้วนมีคุณภาพต่ำ ข้าเกรงว่าคงจะต่อกรกับพวกมันไม่ได้”
ซือหยูเพียงยิ้มอย่างมีเลศนัย
“เจ้าแค่ฝึกร้อยคนนี้ให้ดีก็พอข้ามีเหตุผลที่ต้องใช้พลธนูอยู่แล้ว!”
ลั่วซวงยังมีคำถามอยู่อีกแต่ตอนนั้น จู่ๆขอบนภาก็มืดครึ้ม คลื่นพลังเริ่มส่งเสียงปะทุมาจากสวรรค์
หากมองให้ดีจะพบว่าพลังเหล่านั้นคือสายฟ้าสายฟ้าสีม่วงและขาวเปล่งประกายจากท้องนภาที่โลกอีกฝั่ง เสียงของสายฟ้าดังตามมา พวกเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจากมัน  “เกิดอะไรขึ้น?พวกเจ้าเคยเห็นสายฟ้าแบบนี้หรือไม่?”
ผู้คนเริ่มแตกตื่น
หลายคนไม่เคยเห็นสายฟ้าประหลาดที่ดุร้ายแบบนี้
วู่เหิงหรี่ตามองด้วยความแปลกใจ
“มันคือวิบัติอัสนี!มีคนกำลังจะทะลวงพลัง! นายน้อย นั่นเป็นมิตรหรือศัตรู…?”
วู่เหิงเป็นกังวลอย่างมากแต่เมื่อเขาหันไปถาม…ซือหยูก็หายตัวไปเสียแล้ว!
ที่หลายพันลี้ไกลออกไปในป่าทึบ
สายลมรุนแรงพัดปลิวพร้อมสายฟ้าต้นไม้หลายต้นปลิวขึ้นมาตามแรงวายุหมุนวนอยู่กลางอากาศ
ชายแก่นั่งสมาธิอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่างของเขาผอมบางราวกับเพิ่งจะฟื้นตัวจากบาดแผล
จากนั้นมือของเขาโบกสะบัดไปมาอยู่ใต้ต้นไม้ เขาดูราวกับรูปปั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสายฟ้า
ตู้ม
สายฟ้าสีขาวพุ่งลงมาเสียงนั้นดังก้อง แสงจากสายฟ้าปกคลุมทั่วทั้งโลกและน่ากลัวเกินกว่าจะมองดู
ชายแก่นั่งอย่างเยือกเย็นเขาหยิบเอาชุดเกราะหลากสีออกมาจากอกและเริ่มสวมมัน
ตู้ม
ในตอนนั้นสายฟ้าซัดใส่ชายแก่อย่างแม่นยำ ในเวลาเดียวกัน สายฟ้าทำลายล้างดูเหมือนจะซัดใส่หลุมไร้ก้นบึ้ง มันหายไปเสียดื้อ
ชุดเกราะหลากสีของชายแก่ดูมืดหมองลงไปนอกจากนั้นก็ไม่มีผลอะไรเลย ชายแก่ยิ้มเล็กน้อย
แต่สายฟ้าที่เหลือดูจะโกรธเกรี้ยวสายฟ้าสีม่วงเริ่มที่จะส่งเสียงคำรามตามมา
สายฟ้าครั้งใหม่แข็งแกร่งกว่าสายฟ้าสีขาวหลายเท่า!กลิ่นเหม็นไหม้คละคลุ้งในอากาศก่อนที่มันจะมาถึงพื้นเสียอีก ชายแก่ปล่อยชั้นพลังชีวิตออกมาปกป้องตัว
ตู้ม
จากนั้นสายฟ้าได้ซัดใส่เขา เกิดประกายสายฟ้าระเบิดออกไปรอบๆ
ปั้ง
ครั้งนี้ชายแก่รู้สึกราวกับถูกภูเขาทุ่มใส่ ทั้งร่างของเขากระเด็นไปอีกฝั่งในทันที
เมื่อจ้องมองชุดเกราะหลากสีของตัวเองก็พบว่ามันไหม้อย่างรุนแรง!แต่น่าแปลกที่สายฟ้าที่น่ากลัวดูเหมือนจะหายไปหมด
ชายแก่เริ่มปล่อยนพลังชีวิตออกมาอีกครั้งและกลืนโลหิตในลำคอเขาดูมั่นใจมาก
“ยังเหลืออีกรอบ!”
เขาตะโกน
สายฟ้าสุดท้ายเป็นสีแดงมันคือสีของโลหิตที่ทำให้เขาไม่สบายใจ สายฟ้านี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าสายฟ้าขาวและม่วงรวมกัน! แต่มันก็คือสายฟ้าสุดท้ายแล้ว!
“สมุนไพรสายฟ้าฝากเจ้าด้วย!”
ชายแก่ตะโกนเบาๆนี่เป็นสายฟ้าสุดท้ายที่เขาต้องเผชิญ
ตู้ม
สายฟ้าที่สามพุ่งลงมาจนพื้นสั่นไม่หยุดทะเลเพลิงปรากฏบนท้องฟ้าไม่ว่าสายฟ้าจะผ่านไปยังทิศทางใด ทุกอย่างไหม้เกรียม
เมื่อเข้าใกล้ขึ้นมันดูเหมือนกับสายฟ้าได้หลอมรวมมาด้วยเพลิง มันมาจากฟากฟ้าเพื่อที่จะทำลายทุกสิ่งบนโลก!
ตู้ม
ทะเลเพลิงไร้ขอบเขตส่งเสียงคำราม
ตอนนั้นร่างกายผอมบางที่อ่อนแอของชายแก่ดูเหมือนกับแมงเม่าที่กำลังจมลงในกองเพลิง ชุดเกราะหลากสีของเขาระเบิดเป็นเสี่ยงๆ!
เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากใบหน้านั้นซีดเผือด อกของเขาไหม้เกรียม เขาเกือบจะตายอยู่แล้ว!
ชายแก่กระอักเลือดออกมาอีกแต่ใบหน้าของเขาดูยินดี
“ฮ่าๆๆๆข้าผ่านวิบัติอัสนีได้แล้ว!”
ครั้งแรกที่เขาพยายามจะก้าวข้ามมันเขาบาดเจ็บหนักจากห้าศักดิ์สิทธิ์มาก่อนและมิอาจทำได้สำเร็จ และตอนนี้เขาฟื้นตัวแล้ว สุดท้ายเขาก็ผ่านมันมาได้!
เมฆาครึ้มสลายไปมากพร้อมกับลำแสงที่เต็มไปด้วยพลังชีวิตที่สลายไปบ่งบอกว่าเขาก้าวข้ามวิบัติอัสนีมาได้สำเร็จและทะลวงพลังไปอีกขั้น
เมื่อเขาได้รับพลังชีวิตจากแสงนี้พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างมาก มันทำให้เขายิ่งใหญ่กว่าเดิม! แต่จากนั้นเมฆาครึ้มที่สลายตัวก็หยุดเคลื่อนไหว ขณะที่มือหนึ่งบดบังแสงตะวันเบื้องบน
เมฆาทมิฬที่เคยสลายไปกลับมาก่อตัวอีกครั้ง!พลังอันน่ากลัวถูกส่งออกมาจากเมฆเหล่านั้น สายฟ้าสีทองพุ่งตรงมาที่เขา!
ชายแก่ชักสีหน้าเขามองนภาและตะโกนเสียงดัง
“ฝีมือใครกัน?”
เขาตกใจที่มีคนควบคุมท้องฟ้าและสร้างสายฟ้าอีกครั้งเขาผ่านวิบัติอัสนีมาแล้ว แต่ก็มีคนจงใจทำให้มันรุนแรงไปมากกว่าเดิม!
มือใหญ่ที่มองดูยากนั้นอยู่คือตัวการที่ทำเรื่องนี้!แม้เขาจะตะโกนสุดเสียงก็ไม่มีใครให้คำตอบ คำตอบเดียวคือสายฟ้าประหลาดสีทองที่พุ่งลงมา!
สายฟ้าสีทองทำให้ชายแก่ใจเต้นระรัวเขารู้สึกว่าพร้อมจะถูกสังหารทุกเมื่อ
สายฟ้าแสนอันตรายนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่าสายฟ้าใดที่ผ่านมา!ถ้าเขาโดนสายฟ้านี้ เขาจะต้องกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าเป็นใคร?”
ชายแก่ถามอย่างโกรธแค้นเขารู้สึกสิ้นหวังเมื่อมองสายฟ้าทองคำ มีเพียงแต่ความโกรธเกรี้ยวเมื่อมองนภา
ฝีมือใครกันที่ทำข้า?
ตู้ม
ท้องนภาเงียบลงสิ่งเดียวที่ตอบคำถามของสายฟ้าคือเสียงสายฟ้าฟาด!

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset