The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 685-686

DND.685 – ทัพศัตรูอันทรงพลัง
เพลิงพิโรธแผดเผาเมืองเปลี่ยนท้องนภาให้เป็นสีแดงฉานด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทัพทมิฬไม่รู้ตัวว่ามีหมอกจางๆค่อยๆพุ่งขึ้นมาจากพื้น หมอกสีขาวที่ลอยออกมาช้าๆเพราะความร้อนสูงปกคลุมทัพทมิฬ
“นี่มันพิษม้าเมฆา!”
ฮงหยูตกตะลึง
เขาไม่คิดเลยว่าศัตรูจะแอบใช้พิษของม้าเมฆากับพวกเขาฮงหยูกลั้นหายใจและกระทืบเท้าทำให้พื้นเกิดรอยแยก
เมื่อเขามองตรงรอยแยกก็พบขนสีขาวจำนวนมากเพียงแค่เห็นก็ทำให้เขาตัวแข็งทื่อด้วยความกลัว!
หยดวารีสีขาวที่อยู่ในเส้นขนค่อยๆระเหยขึ้นมาเพราะความร้อนมันกลาเยป็นหมอกที่ซึมผ่านดินกระจายไปทั่วในอากาศ
“หนีเร็วเราโดนกับดักพวกมันแล้ว”
ฮงหยูผ่านประสบการณ์มามากเขารู้ว่าตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน
ขนที่อยู่ใต้ดินจะต้องถูกฝังตั้งแต่สงครามจะเริ่มขึ้นและตอนนี้พื้นในระยะสามสิบลี้ได้เต็มไปด้วยขนม้าเมฆา!
เขาประเมินเรื่องนี้ได้ก็เพราะว่าระยะโจมตีพวกเขาคือสิบลี้ขณะที่พันธมิตรผู้คุมสวรรค์อยู่ที่สามสิบลี้ พวกเขาคิดว่าจะกวาดล้างพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ในระยะสิบลี้ แต่เขาคิดไม่ถึงว่าจะต้องเจอกับดัก!
และธนูเพลิงที่พวกเขายิงออกมายังเป็นการช่วยเหลือศัตรูโดยไม่รู้ตัว!การแพร่กระจายพิษม้าเมฆาควรจะช้า แต่เพราะความร้อน มันทำให้ความเร็วในการกระจายตัวของพิษสูงขึ้น กองทัพของเขาได้ทำร้ายตัวเองโดยที่ไม่รู้อะไรเลย!
“ฟังคำสั่งข้า!พลโล่แยกออกไปรอบๆ ปกป้องพลหอกกับพลธนู เราต้องหนีขึ้นฟ้า”
ฮงหยูสั่งการอย่างดีแม้จะอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เขายังคงเยือกเย็นอยู่
ทัพระดับสูงอย่างทัพทมิฬบ่งบอกสถานการณ์ได้อย่างชัดเจนพิษของม้าเมฆาเป็นภัยกับพวกเขาแน่นอน แต่ก็ไม่มีใครที่ร้อนรน พวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดราวกับหุ่นเชิด
พลโล่ใช้โล่กลมขนาดใหญ่ปกป้องทหารหกร้อยคนทหารอีกพันคนทะยานขึ้นฟ้าและเลี่ยงพิษของม้าเมฆาที่ลอยออกมาจากพื้น
“ยิงมัน!”
เมื่อพวกเขาเห็นว่าศัตรูหยุดคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ได้ทะยานขึ้นฟ้า
ในตอนนั้นคำสั่งของซือหยูส่งมาถึงพวกเขา พลธนูที่เตรียมพร้อมยิงธนูอยู่แล้วยิงธนูทมิฬนับไม่ถ้วนออกไป มันเปล่งแสงสีดำและเผยให้เห็นแสงสะท้อนสีขาว
แกร๊ง!แกร๊ง! แกร๊ง!
ลูกธนูของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์นั้นเป็นแค่ลูกธนูธรรมดาที่ไม่มีพลังทำลายล้างอะไรดังนั้นเก้าในสิบจึงถูกโล่ป้องกันอย่างง่ายดาย มีแค่หนึ่งในสิบเท่านั้นที่แล่นผ่านช่องว่างของโล่ไปได้ แต่เหล่าพลหอกและพลธนูก็ปัดลูกธนูเหล่านั้นอย่างง่ายดาย
“ทำไมธนูของพวกมันอ่อนแอนัก?”
ฮงหยูขมวดคิ้วและมองลูกธนูที่พลหอกถืออยู่
เขารู้สึกแปลกๆกับเรื่องนี้แต่ไม่นานเขาก็เห็นปลายธนู
“โยนมันทิ้งเร็ว!มีนมีพิษม้าเม….”
ปั้ง!
ปลายธนูระเบิดก่อนที่เขาจะพูดจบ!หมอกขาวแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
หลายคนตอบสนองอย่างรวดเร็วแต่พวกเขามีกันเป็นพันคน มันแน่นหนาจนไม่มีที่ให้หนี!
“อ๊ากก!”
“อ๊ากกก!”
เสียงกรีดร้องดังก้องนภาพิษได้ถูกคนสองคน มันรุกล้ำไปในร่างกายผ่านรูขุมขน ทั้งสองรู้สึกราวกับถูกเผาด้วยอัคคีสวรรค์
ทั้งสองตายโดยไม่เหลือแม้กระทั่งซากศพการตายของทั้งคู่ทำให้ทหารทัพทมิฬที่จิตใจตั้งมั่นเริ่มแตกตื่น พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไป
“ออกมาจากระยะยิงเร็ว!”
ฮงหยูสีหน้าหม่นหมองเขาสั่งพวกทหารด้วยเสียงทุ้มต่ำ
ขุนพลเฒ่าในเมืองตกตะลึง
“วินัยอะไรกัน!”
เขาคิดว่าศัตรูจะแตกตื่นและเปลี่ยนขบวนโล่จนทำให้พวกเขามีที่ว่างเข้าตีและยิงลูกดอกม้าเมฆาเข้าไปอีกแต่ศัตรูยังคงเยือกเย็นแม้จะอยู่ต่อหน้าความตาย แนวป้องกันของมันยังแน่นหนาดังเดิม ขุนพลเฒ่าไม่มีโอกาสจะได้โต้ตอบอะไรเพิ่ม
แม้ธนูมากมายจะผ่านโล่ไปได้แต่พวกศัตรูเริ่มระวังตัวแล้ว พวกทหารจึงโยนลูกธนูทิ้งไป มันทำให้ความเสียหายจากพิษไม่เกิดผล พวกมันเสียทหารไปไม่ถึงสิบคนเท่านั้น
พวกเขาลอบโจมตีมาตั้งแต่ก่อนหน้าทั้งยังล่อทัพพวกมันเข้ามา พวกเขายังเสียกำลังไปหลายร้อยคนและรอให้พิษของม้าเมฆาส่งผลก่อนที่จะให้พลธนูเข้าตี แต่ทั้งหมดนี้ก็ทำให้ฝั่งตรงข้ามตายไม่ถึงสิบคน!
ผลอันน่าผิดหวังทำให้ทุกคนหมดใจ พวกเขาเริ่มสงสัยถึงที่มาของทัพทมิฬ เพราะพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะเทียบกับทัพต่างโลกจริงๆ
คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์เริ่มโศกเศร้าแม้จะใช้กลยุทธ์ทั้งหมด พวกเขาก็ยังแตกต่างกันในด้านพลังและต่อกรไม่ได้ พวกเขามองศัตรูที่เพิ่งจะออกจากระยะธนู จิตใจพวกเขาไม่สู้อีกแล้ว นั่นก็เพราะศัตรูของพวกเขาแข็งแกร่งจนมิอาจต่อกร
หลังจากฮงหยูนำทัพมาในที่ปลอดภัยเขามองรอบๆและถาม
“เราเสียหายไปเท่าใด?”
“ท่านหัวหน้าเราเสียไปสิบคน ไม่มีคนอื่นที่บาดเจ็บ”
หนึ่งในทหารรายงานกับเขา
ฮงหยูสีหน้าหม่นหมองเมื่อได้ยินรายงาน
“เราเสียไปสิบคนเพราะพวกบ้านนอกนี่รึอัปยศยิ่งนัก บอกข้าว่าเจ้าจะชดใช้ยังไง?”
ทหารทัพทมิฬสีหน้าเคร่งขรึมพวกเขาตะโกนเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
“ด้วยเลือดของพวกมัน!”
พวกเขาบินขึ้นฟ้าด้วยแววตาเยือกเย็นราวน้ำแข็งมันน่ากลัวอย่างมาก
“แล้วพวกเจ้ารออะไรอยู่?”
ฮงหยูโกรธแค้นอย่างมากเขาคิดว่าเขาบดขยี้ทัพศัตรูได้ง่ายๆ แต่พวกเขาก็ต้องสูญเสียคนไปสิบคน นั่นเป็นความอัปยศอย่างมากในสายตาเขา
แต่เมื่อเขาพูดจบเสียงเวทนาก็ดังมาจากเบื้องบน
“เจ้าเสียไปแค่สิบคนแต่กลับเจ็บปวดนักรึ?มันยังเร็วไป”
“วงแหวนรวมพลัง!”
เสียงหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ปั้ง!
เมฆาแยกแสงจันทราเผนให้เห็น แต่มิใช่ มันมิใช่แสงจันทร์! มันคือวงแหวนสีทองที่ดูทับซ้อนกับตำแหน่งของดวงจันทร์
“วงแหวนรวมพลัง!พลโล่ ตั้งรับ!”
ฮงหยูชักสีหน้าแต่เขาก็สั่งการได้อย่างดี
พลโล่รีบเปลี่ยนการจัดทัพและบินขึ้นฟ้าไปตั้งแนวรับใหม่ยันต์ตรงอกของพวกเขาเริ่มปล่อยแรงกดดันวิญญาณออกมา
ครืน!
ลำแสงหนาพุ่งออกมาจากวงแหวนรวมพลังมันดูเหมือนกับลำแสงนี้พุ่งตรงมาจากดวงจันทร์!
พลังอันยิ่งใหญ่เป็นที่ตระการตาต่อพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ยิ่งนัก
“นั่นจ้าวพันธมิตรซือ!เขายังมีอุบายอยู่อีก!”
คนที่มองดูอุทานออกมาพวกเขาเริ่มมีใจฮึดสู้อีกครั้ง
ปั้ง!
แต่เมื่อลำแสงไปถึงศัตรูทุกคนต่างตกตะลึง นั่นเพราะเมื่อได้ปะทะกับพลโล่ พลังนั้นก็ไม่ได้ไปไกลขึ้น
“มันอ่อนแอจริงๆ”
ฮงหยูเงยหน้ามองท้องนภา
ดูเหมือนว่าสายตาเขาจะมองทะลวงเมฆาไปได้เขาถอนหายใจแรงและส่ายหน้า เขายิ้มอย่างชั่วร้าย
“เริ่มสวนมันก็แค่เป้าใหญ่เป้าเดียว อย่าให้ข้าผิดหวัง!”
“เราจะไม่ไว้ชีวิตใครหน้าไหนทั้งนั้น”
ทหารทัพทมิฬตะโกนพร้อมกัน
คนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์กำหมัดแน่นพวกเขาคิด…มันจะจบแค่นี้รึ?
แต่ในตอนนั้นวงแหวนรวมพลังได้รวมพลังอีกครั้ง ลำแสงอันน่ากลัวถูกรวมตัวด้วยความเร็วาูง มันเหนือกว่าลำแสงครั้งก่อนเป็นยี่สิบเท่า!
“อะไรกกัน?พวกมันมีภูติหลายคนเลยเรอะ?”
ฮงหยูตกตะลึงความหวาดกลัวฉาบแววตาของเขา
เมื่อครู่เขาเห็นภูติเพียงคนเดียวและกึ่งภูติอีกหลายคน แต่ตอนนี้กลับเห็นว่ามีภูติอยู่อีกมากกว่ายี่สิบคน!
“ข่าวของเราพลาดไปเยอะทัพศัตรูมีภูติมากกว่ายี่สิบคน! ส่งคำสั่งออกไป! เพิ่มกลยุทธ์เป็นระดับกลาง”
ฮงหยูสั่งการทันที
คำสั่งของเขาทำให้ทุกคนหวาดกลัวพวกเขาเพิ่งได้รับรู้ว่าต้องเจอกับกลยุทธ์ระดับต่ำสุดมาโดยตลอด!
ทหารทุกคนหยิบเอาโอสถสีดำออกมาจากขวดหยกของตัวเองและกินมันเข้าไป
เมื่อพวกเขากินมันก็เกิดสิ่งที่น่าตกใจขึ้นฐานพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นจากกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงมาเป็นสามดวง! พลังโดยรวมของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ!
“ตั้งกระบวนรบ”
ฮงหยูตะโกนเสียงทุ้มต่ำ
“พอกันมันแล้วเราจะกระจายกำลังเป็นร้อยคนแล้วฆ่าทุกคนที่ยังต่อสู้ได้ในเมืองพวกมันจากนั้นค่อยไปฆ่าพวกภูติทีหลัง”
เขาสั่งแบบนี้เพราะรู้ว่าการแยกกำลังจะทำให้วงแหวนรวมพลังไม่แสดงประสิทธิภาพได้มากนักเขารู้ว่ากึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงร้อยคนนั้นมากพอที่จะสังหารภูติหนึ่งคนที่มาเผชิญหน้าด้วย
พลโล่ตั้งรับอีกครั้งพวกเขาเกือบจะตั้งรับไม่ทันขณะที่ลำแสงมาถึง
เสียงสั่นสะเทือนดังก้องลำแสงถูกป้องกันอีกครั้ง!
การรวมพลังที่มากพอจะกวาดล้างพวกเขากลับถูกป้องกันอย่างง่ายดาย!มันยากที่จะเชื่อ
“เจ้าพันธมิตรซือทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้? เรากำลังสู้กับใครอยู่กันแน่?”
ผู้เฒ่าเฉินสูดหายใจเข้าลึก
ภูติยี่สิบคนซ่อนตัวตั้งแต่ก่อนหน้าสงครามพวกเขารอโอกาสทองเพื่อที่จะสังหารศัตรู ไม่มีใครคิดเลยว่าศัตรูจะรับมือยากเช่นนี้!
ซือหยูยืนมือไพล่หลังเขาบินไปที่เหล่าภูติ เขาขมวดคิ้วแน่น
วงแหวนรวมพลังนี้เตรียมไว้รับมือกับทัพของห้าศักดิ์สิทธิ์แต่การปรากฏตัวของทัพทมิฬได้ทำให้แผนของเขาไม่ได้ผล ความน่ากลัวของกองทัพยังทำให้ซือหยูตกตะลึง
“ดีข้าดูถูกพวกเจ้าไปจริงๆ ข้ามั่นใจว่าเจ้าคงไม่มีภูติมากเท่านี้! แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าทำอะไรไม่ได้ ต่อให้เป็นภูติระดับกลางก็ทำลายแนวป้องกันนี้ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกเจ้า”
ฮงหยูสั่งอย่างเยือกเย็น
“ฆ่าพวกมันให้หมด…”
ทหารทัพทมิฬกระจายตัวทันทีพวกเขาพุ่งเข้าไปในเมือง มันมิอาจหยุดยั้งได้แล้ว
แต่ในตอนนั้นเองลูกแก้วสี่ลูกหล่นจากฟ้า แต่ละลูกสร้างม่านแสงที่ทรงพลังออกมา ม่านแสงทั้งสี่รวมตัวกันและทับซ้อนอย่างแน่นหนา มันคือลำดับห้าธาตุ
“สมบัติวิเศษรึ?”
ฮงหยูถอนหายใจแรง
“สมบัติของคนเดียวมันไร้ค่าถ้าต้องมาสู้กับคนทั้งหมื่นคนมันจับพวกข้าไม่ได้หรอก ทำลายมันซะ!”
เมื่อเขาสั่งพลธนูหลายร้อยคนยิงธนูไปยังจุดๆเดียว พวกเขาคิดจะทำลายมันในคราเดียว ลำดับห้าธาตุเริ่มสั่นสะเทือน
“ใครบอกว่าข้าเพียงแค่จะจับพวกเจ้า?”
เสียงของซือหยูดังมาจากท้องฟ้าอีกครั้งก่อนที่พวกเขาจะทำลายลำดับห้าธาตุและหนีออกไปได้
DND.686 – โต้กลับไม่คิดชีวิต
ซูม
เสียงอันน่าตกใจดังขึ้น
เอี๊ยด
เสียงบดขยี้ดังอย่างต่อเนื่องราวกับมีอะไรแตกออกมาพร้อมกันนั้นพื้นที่โดยรอบยังถูกอัดแน่นมาอยู่ในที่เดียว
พรึ่บ
เพลิงขนาดเท่าเมล็ดข้าวปรากฏเหนือหัวของพวกเขามันเป็นเพลิงอ่อนๆที่ราวกับเปลวเทียน
เพลิงเริ่มเปล่งแสงด้วยความเร็วสูงแสงของเปลวเพลิงแผ่ขยายไปหนึ่งลี้ เพลิงเริ่มสว่างขึ้นและสว่างขึ้นเรื่อยๆ เหล่าทหารทัพทมิฬรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่ากลัวในดวงวิญญาณ
“นั่นมันอะไร?”
ฮงหยูถามแม้เขาจะผ่านการต่อสู้มาหลายพันครั้ง เขาก็ไม่เคยเห็นเพลิงแปลกๆเช่นนี้ แต่เขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“จัดทัพใหม่!”
ฮงหยูสั่งการอย่างรวดเร็วและถอยไปหลายก้าวเขาจ้องมองลูกไฟตาไม่กระพริบ
ลูกไฟขยายขนาดจากเมล็ดข้าวมาเป็นเท่าชามใจเล็กจากนั้นมันก็ขยายไปเท่าถังไม้ และเมื่อมันเข้าใกล้กองทัพได้สองลี้ พวกเขาก็ได้เห็นมันอย่างชัดเจน มันคือวัตถุทรงกลมที่มีสีครามอำพัน
แรงกดดันนี้ทำให้พวกเขาใจสั่นพวกเขารู้สึกว่าไม่ได้เจอกับลูกกลมขนาดใหญ่ แต่เป็นอุกกาบาตทั้งลูก!
ตู้ม
พลโล่ทั้งสี่ร้อยคนขวางมันในท่าเดียวกับที่ต้านรับวงแหวนรวมพลังแต่เมื่อได้สัมผัสกับลูกแก้วลูกใหญ่นี้ ความเยือกเย็นบนใบหน้าพวกเขาทั้งหมดได้หายไปและแทนที่ด้วยความกลัว
ลูกแก้วตกกระทบโล่ทั้งหลายโดยไม่ช้าลงเลย!คนทั้งสี่ร้อยคนถูกต้านลงมาด้วยความเร็วสูง!
“นั่นมันลูกอะไรกัน?”
ฮงหยูแสดงความกวาดกลัวออกมาเป็นครั้งแรก
ทหารหกร้อยคนที่พลโล่ปกป้องถูกอัดลงมาเช่นเดียวกันพวกเขาอาจจะแยกตัวและหนีไปจากลูกกลมประหลาดนี้
แต่พวกเขาถูกม่านแสงล้อมรอบมันทำให้ที่นี่ถูกปิดตาย ไม่มีทางที่พวกเขาจะหนี ทั้งกองทัพถูกอุกกาบาตกดทับราวกับมดปลวก
ฮงหยูชักสีหน้าอย่างแรงถ้าหากมันยังหล่นลงมาเรื่อยๆก็คงใช้เวลาอีกไม่มากก่อนที่ทั้งกองทัพจะตายหมด ต่อให้ทหารของเขาไม่ถูกน้ำหนักบดขยี้ก็จะถูกพิษของม้าเมฆาที่อยู่เบื้องล่างฆ่าตาย
“พลหอกพลธนู หาจุดอ่อนม่านแสงแล้วหาทางออก หนีไปให้เร็วที่สุด! พลโล่ต้านต่อไป!”
ฮงหยูตะโกนเสียงดัง
คำสั่งพลโล่ให้ต้านต่อไปนั่นหมายถึงการสละพลโล่เพราะพวกเขาจะต้องตายไม่จากน้ำหนักก็เพราะพิษม้าเมฆา ถ้าหากพลธนูและพลหอกหาทางออกไม่ได้ พวกเขาก็หนีไปไม่ได้เช่นกัน
ไม่มีใครคิดเลยว่าพวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้แท้จริงแล้วเมื่อไม่กี่นาทีก่อน พวกเขาได้บดขยี้พันธมิตรผู้คุมสวรรค์อยู่ฝ่ายเดียวจนถึงขั้นที่พวกเขาโต้กลับไม่ได้ แต่จู่ๆทัพทมิฬไร้เทียมทานก็พบว่าตังเองกำลังจะตายกันหมด!
จากนั้นฮงหยูเงยหน้าไปทางเมฆาครึ้ม ตาเขาเป็นประกายเล็กน้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตั้งคำถามว่าเขากำลังต่อสู้อยู่กับอะไรนี่น่ะรึเจ้าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์?
ทัพทมิฬตอบสนองอย่างรวดเร็วทหารร้อยคนสร้างช่องว่างในม่านแสงได้อย่างรวดเร็ว
ปั้ง
ช่องว่างที่กว้างพอสำหรับสามคนได้เกิดขึ้นบนม่านแสงทหารทัพทมิฬรีบพุ่งออกไปราวกับปลาที่กระชากแหจนขาด
“ยิง!”
แต่ทันทีที่พวกเขาออกจากม่านแสงพวกเขาก็ต้องเจอกับห่าธนูที่ยิงเข้ามา!
ดูเหมือนว่าพลธนูที่ตั้งตัวได้จากในเมืองจะออกมาแล้วกำลังเรียงรายในแถวหน้านี้คือพลธนูที่ยิงใส่ศัตรูไม่หยุดหย่อน!
คนกลุ่มแรกที่ออกมาจากลำดับห้าธาตุถูกฆ่าตายหมด!เหล่าทหารที่ไร้พลโล่ป้องกันไม่มีทางต้านทานธนูที่เข้ามาได้! แค่อึดใจเดียวคนที่หนีออกมาเก้าคนก็ติดพิษจนตาย!
ฮงหยูโกรธเกรี้ยวเมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ทุกคนพุ่งออกไปพร้อมกันอย่าเหลือช่องว่าง ออกไปได้แล้วให้ฆ่าพลธนูของพวกมัน!”
ซูม
ทหารทัพทมิฬกรูกันออกมาพวกเขายืนแนบกายเพื่อให้ออกมาได้มากที่สุด แม้พลธนูจะไม่หยุดยิงก็ยังมีช่องว่างให้พวกเขาหนี ดังนั้นจึงมีทหารทัพทมิฬบางคนที่รอดออกมาได้
ด้วยความตายของทหารหกคนจะมีทหารสามคนหนีออกมาได้ คนที่หนีออกมาได้นั้นพุ่งเข้าใส่พลธนูของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทันที
มีเพียงการกำจัดพลธนูเท่านั้นที่จะทำให้ทัพทมิฬหนีออกมาได้เป็นจำนวนมากพวกเขาที่คิดเช่นนี้มั่นใจมากว่ามีพลังพอจะกำจัดพลธนู
ซูม
แต่ก่อนที่ทัพทมิฬจะได้เข้าใกล้พลธนูมีคนยี่สิบคนปรากฏตัวออกมาจากหมู่เมฆา แต่ละคนมีฐานพลังในขอบเขตภูติ! ทหารทัพทมิฬที่ออกจากลำดับห้าธาตุมาได้ถูกสังหารในพริบตาเดียว
“ถ้ามีพวกข้าพวกเจ้าก็ไม่มีโอกาสไปไหนทั้งนั้น!”
กังต้าเหล่ยพูด
เขาหัวเราะเมื่อฆ่าพลหอกด้วยการเตะครั้งเดียวเขากับเหล่าภูติคอยปกป้องพลธนูเป็นอย่างดี
อำนาจสังหารของพลธนูเพียงอย่างเดียวนั้นเทียบได้กับพลังของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ทั้งกองทัพพิษของม้าเมฆาในลูกธนูนั้นมากพอจะสังหารภูติระดับสาม แล้วกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?
เหล่าคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ส่งเสียงกู่ร้องอย่างมีพลังความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในใจของพวกเขา นั่นคือตอนที่ซือหยูสั่งให้พวกเขาเตรียมกลุ่มพลธนู ไม่มีคิดเลยว่าเขาทำไปเพื่ออะไร
แต่ตอนนี้มันสมเหตุสมผลแล้วนี่คือไพ่ตายที่ซือหยูเตรียมเอาไว้!
ซูม
ทหารทัพทมิฬทุกคนไม่ต่างกับแมงเม่าที่บินเข้ากองเพลิงพวกที่ออกมาจากม่านแสงถูกฆ่าไปหกในสิบส่วน
ซึ่งคนที่รอดจากธนูมาได้ก็จะตายเมื่อเจอกับเหล่าภูติที่นำโดยกังต้าเหล่ยถึงจะมีบางคนที่ไปถึงตัวพลธนูและสังหารพลธนูได้บ้าง แต่สุดท้ายพวกมันก็ตายหมด
แม้ทั้งสองฝั่งจะเกิดการสูญเสียแต่จำนวนของทัพทมิฬนั้นตายเยอะกว่ามาก!
ฮงหยูเจ็บปวดเมื่อเห็นสถานการณ์พลิกผัน
“คนที่หนีออกไปได้ให้ถอยไปรวมกลุ่มใหม่!”
แต่ตอนนั้นก็มีคำสั่งจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ออกมาเช่นกัน
“ทุกคนนอกจากพลธนูบุกเข้าไปซะ!ฆ่ามันด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามี!”
คนที่สั่งคือขุนพลเฒ่าความสงสัยในตัวซือหยูที่เคยมีจางหายไปแล้ว เขาทั้งประทับใจและตื่นเต้น เขามิอาจบรรยายสิ่งที่รู้สึกในตอนนี้ได้เลย
พวกเขามีหวังอย่างมากที่จะชนะ!ทั้งหมดเป็นเพราะซือหยู
“ฆ่ามันให้หมด!”
กลุ่มคนกู่ร้องพร้อมกัน
คนนับหมื่นแผ่ขยายเต็มท้องนภาราวกับน้ำไหลหลากพวกเขาพุ่งไปยังทหารทัพทมิฬที่หลบหนี
ฮงหยูตาแดงก่ำเขาตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”
ฮงหยูผละออกจากม่านแสงและทิ้งทหารที่เหลือเอาไว้แต่เขาก็ต้องเจอกับธนูนับร้อยดอกเมื่อออกมา
แม้ฮงหยูจะหยาบคายแต่เขาก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้าต่อพิษม้าเมฆา เขาถอยกลับในทันที
“อาจารย์หลบินทำไมเราสองคนไม่ทำอะไรเสียบ้างเล่า?”
ฉีตงไล่พูดด้วยความกระหาย
เขากระหายที่จะทดลองพลังใหม่ตั้งแต่ที่ได้เป็นภูติและเมื่อนายทัพใหญ่ของศัตรูอยู่ที่นี่ มันก็เป็นโอกาสของเขานั่นเอง
หลินหยุนฮียิ้ม
“ข้ายิ่งกว่ายินดีเสียอีกจะชนะสงครามก็ต้องเด็ดหัวขุนศึก จบสงครามเร็วเท่าใด เราก็ยิ่งเสียหายน้อยเท่านั้น!”
“ฝากที่เหลือกับพวกเจ้าด้วย!”
ฉีตงไล่พูดและหัวเราะเขาจับมือกับหลินหยุนฮีตรงไปยังฮงหยู
ฮงหยูเพียงจะออกมาได้แต่เขาก็ถูกฉีตงไล่กับหลินหยุนฮีล้อมในทันที
“ไสหัวไป!”
ฮงหยูตะโกนเขาลืมความเยือกเย็นของตัวเองไปหมดแล้ว ทัพทมิฬสูญเสียมากถึงเพียงนี้ เขาไม่มีอะไรให้เสียอีก
หลังจากที่ต่อสู้มาครู่เดียวฉีตงไล่กับหลินหยุนฮียังเอาชนะฮงหยูไม่ได้ นั่นก็เพราะทั้งคู่เพิ่งจะได้เป็นภูติและยังไม่ปรับฐานพลังให้มั่นคง
และฮงหยูเองก็เป็นทหารมากฝีมือที่ผ่านสงครามมาหลายครั้งดังนั้นสองผู้เฒ่าจึงมิใช่คู่มือของเขา แต่ทั้งสองก็ยังต้านเขาไม่ให้หนีได้
ตู้ม
แต่ตอนนั้นเองสิ่งที่เหมือนกับอุกกาบาตได้ตกมาถึงพื้นดิน! ฮงหยูประมาทมันเกินไป! พลธนูกับพลหอกไม่มีโอกาสได้หนีอีกแล้ว พวกเขาถูกบดขยี้ตายหมด
มีพลธนูห้าในหกร้อยคนที่หนีออกมาได้ที่เหลืออีกร้อยคนถูกอุกกาบาตนี้บดขยี้ไปพร้อมกับพลโล่
เสียงกรีดร้องทุรนทุรายดังลั่นศพทหารหลายร้อยคนถูกบดขยี้ด้วยน้ำหนักมหาศาลและกลายเป็นก้อนเนื้อบด
มีเพียงไม่กี่คนที่มีชีวิตรอดแต่คนเหล่านั้นก็กลายเป็นฝุ่นผงเมื่อตกลงมาเจอกับพิษของม้าเมฆา พลโล่ทั้งสี่ร้อยคนกับพลธนูร้อยคนและพลหอกถูกฆ่าในทันที!
“ไม่นะ!”
ฮงหยูตะโกนอย่างโกรธแค้นดวงตาของเขาแดงคล้ำ
เขาสลัดจากหลินหยุนฮีและฉีตงไล่หลุดด้วยความยากลำบากเขารีบหนี เขาเร็วอย่างประหลาดจนผู้เฒ่าทั้งสองตามไม่ทัน
ตลอดทางฮงหยูใช้หมัดสังหารคนของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ที่ล้อมทัพทมิฬไปหลายสิบคน แม้ว่าเขาจะช่วยทหารมาได้บ้าง เขาก็ไม่มีหวังจะกอบกู้สถานการณ์อีกแล้ว
เขามองทัพทมิฬที่เหลือแค่ร้อยแปดสิบคนพวกเขาถูกพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ปิดล้อมอย่างแน่นหนา สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ฮงหยูรู้สึกโศกเศร้าจากก้นบึ้งของจิตใจ
ทัพทมิฬไร้เทียมทานที่เพียงได้ยินชื่อก็เรียกความกลัวจนแผ่นดินสะเทือนถูกล้างบ้างเกือบหมดโดยกลุ่มคนจากเฉินหลง!แต่ที่น่ากลัวหาใช่คนนิรนามเหล่านี้ไม่ แต่เป็นแม่ทัพประหลาดที่แฝงกายอยู่ในหมู่เมฆามาจนถึงตอนนี้
แม่ทัพนี้รอบคอบและเจ้าเล่ห์ในทุกย่างก้าวเขาวางกับดักไว้ทุกหนทุกแห่ง!
[
ยิ่งไปกว่านั้นการจู่โจมแต่ละครั้งยังหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า เขามีแม้กระทั่งสมบัติประหลาด ซึ่งเขาใช้ทั้งกลยุทธ์และสมบัติได้อย่างเฉียบขาด บอกได้เลยว่าเขาใช้เพียงมือข้างเดียวในการพลิกสถานการณ์ของสงครามนี้
“ทัพทมิฬจงฟังใช้กลยุทธ์ทุกอย่างที่เจ้ามี ภารกิจครั้งนี้คือการหลบหนี!”
ฮงหยูฝืนตัวเองให้ใจเย็นเมื่อออกคำสั่ง
ทันใดนั้นเหล่าทหารทัพทมิฬได้หยิบขวดหยกออกมา ในขวดหยกนี้มีโอสถสีแดงอยู่ พวกเขากลืนมันอย่างรวดเร็ว
แค่ไม่กี่อึดใจฐานพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง! ทุกคนที่กินเม็ดโอสถเข้าไปได้กลายเป็นภูติระดับหนึ่ง!
อ๊ากกกกกกก
พริบตาเดียวเสียงกรีดร้องจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ดังขึ้น พวกเขากระอักเลือดและตกลงสู่พื้น มีเกือบพันคนที่ตายในชั่วพริบตานั้น!
พลังอันน่ากลัวของภูติมากกว่าร้อยคนบนสนามรบปรากฏขึ้นมา
สีหน้าของเหล่าภูติฝั่งพันธมิตรตึงเครียดตอนนี้อีกฝ่ายมีภูติถึงร้อยสามสิบคน!
พวกเขาแอบสูดหายใจเข้าลึกเพื่อให้ใจเย็นภูติจำนวนมากมายเท่านี้มากเกินพอที่จะสังหารพวกเขาทุกคน!
แต่เหล่าภูติหน้าใหม่จากทัพทมิฬมิได้ไล่ล่าพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พวกมันไปรวมตัวกับฮงหยูและเตรียมหนี!
แม้ทั้งหมดจะเป็นภูติแล้วแต่พวกเขาก็แสดงความเจ็บปวดออกทางสีหน้าหยดโลหิตซึมออกมาทางผิวหนัง
โอสถสีแดงที่พวกเขากินไปนั้นให้พลังมามากแต่ก็ต้องแลกกับความเจ็บปวด ผลข้างเคียงของมันร้ายแรงมาก แม้พวกเขาจะมีโอกาสชนะ พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะหนี
ฮงหยูไม่มองทัพของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์อีกแล้วเขาเอาแต่เงยหน้ามองท้องนภาด้วยความชิงชังตั้งแต่ต้นจนจบ

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset