The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 711-712

DND.711 – ต่อสู้เพียงลำพัง
  ซือหยูหายใจเข้าลึกพลังวิญญาณในโลกหมุนเป็นเกลียวเข้ามาเป็นวายุ อากาศโดยรอบถูกดึงเข้าหาซือหยู เพียงพริบตาเดียว พื้นที่ในระยะห้าลี้จากซือหยูก็ได้กลายเป็นสุญญากาศ มันเริ่มที่จะมืดสนิท
  ถ้าหากสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นก็จะพบว่าอากาศที่ถูกดึงเข้าหาซือหยูได้ถูกบีบอัดจากเบาจนกลายเป็นก้อนพลังดำสนิทมันดูเหมือนกับผีเสื้อทมิฬที่โบยบินไปมาในฝ่ามือของเขา
  “อรหันต์แปดอักษร!”
  ซือหยูตะโกนคลื่นพลังทมิฬรอบข้างปะทุออกมา มันกลายเป็นหมอกทมิฬจำนวนมาก
  หมอกเหล่านี้ได้กระจายไปยังพื้นที่โดยรอบและฉีกกระชากทุกสิ่งบนเส้นทางมันทำให้มิติโดยรอบดำสนิทจากพลังมหาศษล แม้แต่คลื่นเสียงจากกู้ไทซูเองก็แหลกสลายไป
  “วิชาคลื่นเสียงระดับตำนานขั้นกลาง?”
  กู้ไทซูตกตะลึงเขามิอาจมองเด็กหนุ่มตรงหน้าได้อย่างปะลุปรุโปร่ง…
  เขามีระดับปัญญาที่น่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไง?เขายังเชี่ยวชาญวิชาระดับตำนานด้วย!
  ในวิชามากมายนับไม่ถ้วนวิชาคลื่นเสี่ยงคือวิชาที่บ่มเพาะได้ยากที่สุด แต่ซือหยูก็บ่มเพาะมันได้ในระดับที่เหนือกว่าคนทั่วๆไป คลื่นทมิฬได้มาถึงตัวเขาขณะที่ตกใจ
  กู้ไทซูถอนหายใจเบาและรีบถอยไปห้าลี้คนในก้นบึ้งมังกรตัวแข็งทื่อ ภูติระดับเก้าได้ถูกซือหยูไล่เหยียบย่ำอย่างไม่น่าเชื่อ และดูเหมือนว่าจ้าวศักดิ์สิทธิ์จะทำอะไรซือหยูไม่ได้! พวกเขายังคิดว่าซือหยูอาจจะฆ่ากู้ไทซูได้ด้วยซ้ำ!
  “กู้ไทซูใช้พลังจริงๆของเจ้ามาสิ”
  ซือหยูโบกมือขจัดคลื่นอากาศทมิฬทิ้งไป
  “จ้าวเทวะอย่างเจ้าไม่ควรจะน่าเวทนาเช่นนี้นะ”
  เพราะกู้ไทซูคือยอดฝีมือลำดับหนึ่งแห่งดินแดนพรสวรรค์ทั้งสิบแปดที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากตำหนักเมฆาม่วง!พลังของเขาคงจะไม่ได้มีแค่ที่เขาใช้ออกมาแน่
  ไม่ว่าจะด้วยวิชาบ่มเพาะอาวุธ และฐานพลัง ทั้งหมดมันสามัญเกินไป เขาดูไม่เหมือนภูติขั้นสูงจริงๆ ซือหยูสงสัยว่าเขาไม่ใช่กู้ไทซูตัวจริงด้วยซ้ำ!
  ฟึ่บ!ฟึ่บ!
  เสียงผู้คนบินดังก้องภูติสามสิบเอ็ดคนบินกลับมา
  ซือหยูสีหน้าหม่นหมองเมื่อครูก่อน เขาเพียงแค่ต้องรับมือกับกู้ไทซูเพียงคนเดียว แต่ตอนนี้เขาต้องเจอกับภูติระดับสูงอีกสามสิบคน! ซือหยูรู้ดีว่ายากที่เขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มภูติจำนวนมากเช่นนี้
  “รีบฆ่ามันให้ตายอย่าปล่อยให้มันมีโอกาสใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์อีก”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและเป็นฝ่ายเริ่มจู่โจมซือหยูด้วยพลังทั้งหมดที่มี
  คนอื่นตามเขาเข้าไปรุมซือหยูดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะกำจัดซือหยูในกระบวนท่าเดียว ลำแสงหลากสีหลายสิบกระบวนท่าพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกัน
  ซือหยูถอยและไม่เผชิญหน้าตรงๆแต่เมื่อเขาถอย รอยแยกของมิติก็ได้ปรากฏที่ด้านหลัง
  เขารีบใช้สัมผัสตรวจสอบมันและพบว่ามันคือคลื่นเสียงที่น่ากลัวมันคือวิชาของกู้ไทซู!
  “ลอบโจมตีงั้นรึ?”
  ซือหยูมองกู้ไทซูที่ปรากฏตัวข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อใดมิอาจทราบ
  ซือหยูคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนหยิ่งผยองอย่างกู้ไทซูจะลอบโจมตีใคร
  “เจ้าคือกู้ไทซูจริงๆรึ?”
  ซือหยูส่ายหน้าแววตาของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
  เมื่อต่อสู้กันมาครู่หนึ่งซือหยูบอกได้เลยว่ามีสิ่งที่แปลกมากจากกู้ไทซู เขาเริ่มคิดแล้วว่าคนที่สู้ด้วยไม่ใช่กู้ไทซูตัวจริง!
  “ข้าก็ไม่เคยพูดว่าข้าคือกู้ไทซู”
  กู้ไทซูเย้ยหยัน
  ซือหยูแววตาเยือกเย็น
  “ใครสนกันเล่าว่าเจ้าเป็นใคร?ถ้าเจ้าแสดงตัวออกมาวันนี้ก็อย่าคิดว่าจะรอดไปได้”
  ขณะที่คลื่นเสียงพุ่งเข้าใส่เขาจากด้านหลังและภูติระดับสูงอีกสามสิบคนล้อมเขาเอาไว้ซือหยูมิได้แสดงความตื่นตระหนกออกมา เขากลับใจเย็นยิ่งกว่าเดิม
  ไม้หกทิศปรากฏรอบตัวซือหยูมันคือสมบัติวิเศษที่มีพลังทำนายอนาคตและเข้าขวางกระบวนท่าของศัตรูได้ล่วงหน้า
  ในขณะเดียวกันแสงจันทร์ได้ก่อตัวที่ฝ่ามือซ้ายของซือหยู มือขวาของเขากำลังรวบรวมคลื่นลมจากรอบข้าง เขาคิดจะใช้ฝ่ามือเทพดับสวรรค์กับอรหันต์แปดอักษรพร้อมกัน
  กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์สีหน้าหม่นหมอง
  “ขวางมัน!อย่าให้มันใช้วิชาได้!”
  กู้ไทซูตะโกนเสียงดังขณะที่พุ่งเข้าใส่ซือหยู
  สองศักดิ์สิทธิ์รับรู้แล้วว่าเด็กหนุ่มผมสีเงินผู้นี้อันตรายเพียงใดเขาเลิกล้มความคิดที่จะจู่โจมระยะไกลไปในทันที เขาพุ่งไปหาซือหยู พลังสองภูติระดับเก้าสองคนนั้นน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
  “เจ้าจะตายก่อนได้ใช้วิชา…”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและพุ่งเข้าไปข้างหน้า
  ซือหยูหัวเราะชอบใจและมองคนทั้งสองที่พุ่งเข้าใส่เขาตอบกลับด้วยความมั่นใจ
  “ดูเหมือนเจ้าสองคนจะตายก่อนข้านะ”
  สายฟ้าฉาบรอบตัวซือหยูเขาใช้เลี่ยงสายฟ้าและยักย้ายตัวเองออกไป เขาปรากฏตัวอีกครั้งที่ระยะครึ่งลี้เหนือหัวพวกเขา
  แสงจันทร์อันตระการตาปรากฏในมือซ้ายขณะที่ทั้งร่างของเขาปกคลุมไปด้วยคลื่นลมทมิฬรัศมีสีดำทำให้เขาดูชั่วร้ายเป็นอย่างมาก
  “ตายไปซะ!”
  ซือหยูซัดมือซ้ายไปยังกู้ไทซูขณะที่ซัดมือขวาไปยังฝั่งของกลุ่มภูติสามสิบคน
  พลังมหาศาลสองพลังพุ่งเข้าใส่ศัตรูเสียงดังลั่นจนหูหนวกดังขึ้น พลังทำลายล้างทำให้ทุกคนตกตะลึง
  เมื่อความโกลาหลจบลงพวกเขาพบว่ากู้ไทซูกระเด็นไปครึ่งลี้ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากของเขา ส่วนภูติระดับสูงอีกสามสิบเอ็ดคนหกเว้นสองศักดิ์สิทธิ์ที่ยังอยู่ดี ภูติสองคนที่รับพลังข้างหน้านั้นร่างแหลกสลายไปก่อนที่จะตาย
  เหล่าผู้คนในก้นบึ้งมังกรตื่นเต้นจนกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวซือหยูเพิ่งจะต่อสู้กับคนสามสิบสองคนด้วยตัวคนเดียว! และทั้งหมดยังเป็นภูติระดับสูงอีกด้วย! พลังการต่อสู้ที่น่ากลัวได้ทำให้พวกเขาตกตะลึงและหวาดกลัว!
  พวกเขารู้ว่าฐานะหมายเลขหนึ่งแห่งเฉินหลงเป็นของซือหยูแต่ก็ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้! แม้ว่าคนทั้งทวีปจะร่วมมือกันฆ่าเขา พวกเขาก็อาจจะเอาชนะซือหยูไม่ได้!
  แต่แม้กระนั้นผู้เฒ่าจิวก็ยิ่งสีหน้าหม่นหมอง หวูอู๋ยี่ที่อยู่ข้างๆอุ้มเซี่ยจิงหยูด้วยความกังวลในแววตา
  “ผู้เฒ่าจิวท่านมีวิธีช่วยเขาหรือไม่? ถึงนายน้อยจะชนะได้ แต่แก้วพลังของนายน้อยแตกสลายไปแล้วหนึ่งดวง เกรงว่าพลังชีวิตเขาจะเหลือไม่มากพอ”
  หวูอู๋ยี่รู้สภาพของซือหยูดีที่สุด
  นั่นก็เพราะความแตกต่างมหาศาลในด้านฐานพลังเขายังใช้วิชาระดับสูงอย่างต่อเนื่อง แต่วิชาเหล่านั้นเรียกพลังชีวิตของเขาไปมหาศาล แม้ซือหยูจะดูเยบือกเย็น แต่เขาก็กำลังจะถึงขีดกำจัดแล้ว
  ผู้เฒ่าจิวเป็นห่วงอย่างมากเขาสลดใจเมื่อได้ฟังความกลัวของนาง
  “การต่อสู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้เราเป็นได้แค่ตัวถ่วงเท่านั้น”
  เขาพูดต่อ
  “แต่ข้าไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงไม่มาซ่อนในก้นบึ้งมังกรกับพวกเราเป็นไปไม่ได้ที่จ้าวเทวะจะทะลวงผ่านใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์มากเท่านี้ ทำไมเขาต้องเลือกการต่อสู้ที่สิ้นหวังที่จะต้องตายด้วยเลบ่า?”
  เขารู้ว่าซือหยูมิใช่คนบ้าบิ่นที่จะเสี่ยงตัวเองโดยไร้เหตุผลที่ดีและเขาเพิ่งจะแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อ ผู้เฒ่าจิวคิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้
  หวูอู๋ยี่เองก็สั่นไปทั้งตัวเมื่อพบว่านางมิอาจหยั่งรู้ได้ว่ามีเบื้องหลังใดอยู่ในการกระทำของซือหยูแต่นางก็ยังคงคิดว่าซือหยูกำลังพยายามจะส่งตัวเองไปตาย
  เซี่ยนเอ๋อที่อยู่ในอ้อมแขนของนางขมวดคิ้วตื่นขึ้นมานางตื่นขึ้นเพราะความเจ็บปวดจากตำแหน่งที่ถูกซือหยูทำให้สลบ
  “พี่ซือหยู…”
  นางร้องออกมาด้วยความตกใจนางหันไปรอบๆเพื่อมองหาซือหยู
  หวูอู๋ยี่พยายามทำให้นางใจเย็น
  “นายน้อยยังปลอดภัยดีแต่เขายังต่อสู้กับพวกศัตรูอยู่ เจ้าใจเย็นลงก่อน”
  เซี่ยนเอ๋อมองตามสายตาของคนในก้นบึ้งมังกรไปดูที่ภายนอกภาพซือหยูที่ลอยอยู่บนฟ้าและผมสีเงินที่พัดไปมาได้สะท้อนเข้าตานาง
  ดวงตาของเขาเด็ดเดี่ยวและเยือกเย็นนางจำได้ว่าสายตานี้คือสายตาขณะที่เขากำลังเจอกับศัตรู แต่มันก็ดูแตกต่างกว่าปกติ เพราะตอนนี้ซือหยูดูหน้าซีด
  “พี่ซือหยูต้านไม่ไหวอีกแล้วข้าจะต้องไปช่วยเขา”
  เซี่ยนเอ๋อแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อเห็นสถานการณ์นางพยายามจะดิ้นออกจากหวูอู๋ยี่
  แต่หวูอู๋ยี่ก็จับนางไว้แน่นขึ้น
  “แม่นางเซี่ยนอย่าผลีผลามนัก เจ้าอ่อนแอเกินไป เจ้าไปตอนนี้ก็เป็นตัวถ่วงเขาเท่านั้น”
  เซี่ยนเอ๋อเห็นแค่เพียงซือหยูในสายตานางไม่ฟังคำหวูอู๋ยี่เลย
  “ปล่อยข้านะ!ข้าเคยเสียพี่ซือหยูไปแล้วครั้งหนึ่ง ข้าจะไม่ทิ้งเขาไปอีกแล้ว ต่อให้ข้าตายกับเขาก็ไม่เป็นไร”
  หวูอู๋ยี่ไม่ปล่อยนางนางจับเซี่ยนเอ๋อแน่นยิ่งกว่าเดิมและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
  “หุบปาก!”
  เซี่ยนเอ๋อตกใจเสียงตะโกนของนางเซี่ยนเอ๋อนับถือหวูอู๋ยี่มาเสมอ แต่นางไม่คิดว่าหวูอู๋ยี่จะกล้าขึ้นเสียงกับนาง!
  เซี่ยนเอ๋อมองนางและพบว่าในดวงตาหวูอู๋ยี่นั้นเต็มไปด้วยน้ำตานางดูหน้าแดง ดวงตาของนางมีความโกรธที่เซี่ยนเอ๋อไม่เข้าใจ
  “นายน้อยของข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อเจ้าไม่รู้กี่ครั้งเขาเกือบจะตายทุกครั้ง มันยังไม่พอสำหรับเจ้าอีกรึ? เจ้าไม่เข้าใจรึว่าทำไมนายน้อยต้องทำทุกอย่างแบบนี้?”
  หวูอู๋ยี่ระเบิดความโกรธและตะโกนสุดเสียง
  “ที่หุบเขาเฟิงหวงบนเกาะเฉินยี่เขาสู้กับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อเจ้า ตอนงานแต่งงานของเจ้าในสำนักหลิวเซี่ยน เขาต่อสู้กับผู้เฒ่าขอบเขตมังกรเพื่อเจ้า พอไปที่คณะวิหคเพลิง เขาก็สู้กับเฉินคงเพื่อเจ้า! เขาไม่ได้เกือบตายเพราะการต่อสู้เหล่านั้นหรอกรึ? เขาทำทั้งหมดเพื่อเจ้า! ก็เพราะว่าเจ้ามันอ่อนแอเกินไปจนเขาต้องเป็นห่วงและเสี่ยงชีวิตให้…แต่เจ้าทำอะไรให้เขากัน? เจ้าก็รังแต่จะสร้างปัญหา!”
  หวูอู๋ยี่ยกทุกสิ่งออกมาจากอก
  “ตอนนี้ถ้าเจ้าออกไป เขาก็จะเสียสมาธิ เขาต้องปกป้องเจ้าเพราะความอ่อนแอและไร้ประโยชน์ของเจ้า สุดท้ายเขาก็อาจจะถูกฆ่าตาย ต้องเป็นอย่างนั้นเจ้าถึงจะพอใจใช่ไหม?”
  น้ำตาจากความโกรธไหลอาบแก้มหวูอู๋ยี่
  นางกำลังด่าทอเซี่ยนเอ๋อแต่ทุกคนรู้สึกได้ว่านางกำลังด่าทอตนเอง เพราะนางก็ไร้ค่าและอ่อนแอเช่นกัน เซี่ยนเอ๋อสับสนจากท่าทีของนาง นางก้มหน้าและจมอยู่ในความคิด
  เซี่ยนเอ๋อรู้สึกว่านางเอาแต่สร้างปัญหาให้กับซือหยูมาโดยตลอดและนาางก็ททำให้เขาเสี่ยงชีวิตหลายครั้งเพื่อช่วยชีวิตนาง และสิ่งที่นางทำให้เขาอย่างเดียวก็คือการเก็บรวบรวมเหล่าทรัพยากรที่ไร้ค่าในการบ่มเพาะพลังให้เขา
  ถ้านางจะผลีผลามพุ่งออกไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตรายนางอาจจะทำให้เขาตายก็ได้!
  ทั้งหมดก็เพราะนางอ่อนแอและไร้ประโยชน์เกินไปนางเอาแต่เอาตัวเข้าไปอยู่ในปัญหา นางกำหมัดแน่นจนไหล่น้อยๆสั่นเครือ นางแตะกระเป๋าที่มีขวดหยกโดยไม่รู้ตัว
DND.712 – ทำนายอนาคต
  นอกก้นบึ้งมังกร
  กู้ไทซูถูกซัดด้วยฝ่ามือจันทราที่ทำให้บาดเจ็บอยู่บ้างแต่เขาก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าที่ซีดไปของซือหยู
  “ฮ่าๆๆๆ…พลังชีวิตของเจ้ายังเทียบไม่ได้กับกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงเลยสินะ!คงฝืนตัวเองอยู่ล่ะสิ!”
  คำพูดของเขาทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือมีความกล้าแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ แต่หากมองดูสถานการณ์ดีๆแล้วจะพบว่าพวกเขาโล่งใจ แม้ว่าซือหยูจะแข็งแกร่ง แต่ฐานพลังของเขาก็ไม่มากพอที่จะเติมเต็มช่องว่างระหว่างพลัง
  “โจมตีมันพร้อมกันเลยไม่นานเราก็จะชนะ!”
  กู้ไทซูพูดและแสยะยิ้มออกมา
  “เจ้าจะใช้วิชาระดับสูงได้ซักกี่ครั้งกัน!”
  กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองกันทั้งคู่เริ่มจู่โจมซือหยู! ทั้งสองเข้าล้อมซือหยูและเตรียมจะส่งเขาไปยมโลก
  ซือหยูถอนหายใจอย่างสิ้นหวังถ้าเขาเจอกับกู้ไทซูคนเดียนวก็ยังพอจะมั่นใจว่าเอาชนะได้ก่อนพลังชีวิตจะหมดไป แต่ตอนนี้กู้ไทซูมีการช่วยเหลือจากสองศักดิ์สิทธิ์และคนที่เหลือ พวกเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าซือหยูเป็นอย่างมาก
  เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะมาจบชีวิตของเขาเขาหลับตาลงช้าๆ ดวงตาของเขามีความเยือกเย็นดังเดิมเมื่อลืมตาอีกครั้ง
  “ช่างเถอะข้าจะฆ่าพวกเจ้าพร้อมกัน!”
  ซือหยูหัวเราะเสียงดังด้วยสายตาเยือกเย็น
  เสียงดังของเขาทำให้กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์ช้าลงพวกเขาเริ่มที่จะรู้สึกไม่มั่นใจ
  “ฮื่มมันก็แค่หมาจนตรอก เข้าไปพร้อมกันเลย!”
  กู้ไทซูข่มความอึดอัดใจและตะโกนอยช่างโกรธเกรี้ยวเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยูต่อไป
  แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สังหารซือหยูก็มีสตรีคนหนึ่งปรากฏตัวท่ามกลางเมฆขาวนางเข้ามาขวางซือหยูและกลุ่มคนที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขา
  นางมีรูปลักษณ์งดงามและท่วงท่าอันสง่างามนางเหยียบเมฆขาวราวกับนางไม้ที่ลงมาจากสวรรค์ สีสันของทั้งโลกหม่นหมองลงไป มีเพียงนางงามราวกับนางไม้ผู้นี้ที่เด่นชัด
  “คนมากขนาดนี้สู้กับคนๆเดียว…มันไม่ยุติธรรมไม่ใช่รึ?ให้ข้าสนุกด้วยสิ!”
  เสียงสดใสดังออกมาจากนาง
  ซือหยูหันไปมองแผ่นหลังอันคุ้นเคยและอ้าปากค้าง
  “จิงหยู…”
  เขาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเงียบเชียบความรู้สึกอันมิอาจอธิบายเอ่อล้นออกมาจากหัวใจในพริบตา
  ก่อนงานวิวาห์ใหญ่ของเขาเซี่ยจิงหยูได้ตัดการติดต่อกับเขาทุกช่องทาง นางยังเตือนซือหยูอีกว่าเขาจะต้องเสียใจ
  หลังจากนั้นนางก็ได้หายตัวไปแต่นางกลับปรากฏตัวอีกครั้งในตอนที่ซือหยูตกอยู่ในอันตราย
  “พี่จิงหยู!”
  ในก้นบึ้งมังกรใบหน้าฉินเซี่ยนเอ๋อยินดีเป็นอย่างมาก
  “ถ้านางมาข้าก็จะไม่อยู่เฉยๆแล้ว!”
  ในตอนนั้นจิงหยูหยิบเอาขวดหยกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่เอว นางดื่มโอสถทั้งหมดภายในนั้น
  จากนั้นนางก็นั่งลงผ่านไปไม่นาน คนรอบข้างเห็นได้เลยว่าพลังในร่างกายนางเปลี่ยนไปอย่างมาก
  หวูอู๋ยี่ตกใจมาก
  “ทะลวงพลังรึ?นั่นมันโอสถอะไรกัน? นางทะลวงพลังได้โดยตรงโดยไม่ต้องเจอกับวิบัติสวรรค์!”
  ผู้เฒ่าจิวหรี่ตามอง
  “มันคือโอสถภูติที่เป็นโอสถที่ถูกลืมไปตั้งแต่โบราณกาล!เด็กสาวอย่างนางจะมีโอสถแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร? น่าตกใจยิ่งนัก!”
  หวูอู๋ยี่มองไปทางซือหยูโดยไม่รู้ตัวนางยิ้มอย่างขมขื่น
  “ท่านเตรียมการทั้งหมดนี้ก็เพื่อฉินเซี่ยนเอ๋อ…นายน้อยท่านมั่นใจจริงๆว่าจะต้องตายงั้นรึ?”
  ความรู้สึกไม่พอใจกัดกินนางนางมองร่างของซือหยูด้วยความใจหาย นางรู้สึกราวกับเรื่องร้ายๆกำลังจะเกิดขึ้นกับซือหยู
  นอกก้นบึ้งมังกร
  หญิงสาวผู้งดงามที่ปรากฏตัวออกมาทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือเสียสมาธิความงามของนางเทียบได้กับนางไม้ ดังนั้นนางจึงสมควรที่จะได้รับขนานนามว่าสตรีเทวะ
  “เจ้าอยากตายงั้นรึ?”
  กู้ไทซูถามอย่างเยือกเย็น
  เซี่ยจิงหยูไม่มองเขาแม้เสี้ยวลมหายใจนางมองไปยังสองศักดิ์สิทธิ์และคนที่เหลือ
  “อย่างไรพวกเจ้าก็อยากจะล้างบางเฉินหลงอยู่แล้วจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ต่างกันไม่ใช่รึ?”
  นางพูดจบและหันไปมองซือหยูใบหน้างดงามของนางไร้ซึ่งความรู้สึก
  “เจ้าสู้กับกู้ไทซูไปก็พอข้าจะจัดการที่เหลือเอง”
  ซือหยูตกใจ
  “เจ้าน่ะรึ?จิงหยู เจ้าต้องไปที่ก้นบึ้งมังกรเดี๋ยวนี้ เจ้าจะปลอดภัยที่นั่น อย่าสละชีวิตให้เสียเปล่าเลย”
  แต่คาดไม่ถึงว่าเซี่ยจิงหยูนั้นได้ยิ้มขึ้นมารอยยิ้มของนางดูแปลกประหลาดอย่างมาก มันมีบางสิ่งที่ซือหยูมิอาจเข้าใจได้
  “อย่างนั้นรึ?”
  นางเลิกคิ้วถามเมื่อพูดจบ นางเคลื่อนไหวอย่างสง่างามไปยังสองศักดิ์สิทธิ์และเหล่าภูติที่เหลือ
  “ฮื่มนางยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร! ฆ่านางก่อน!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและซัดเซี่ยจิงหยูด้วยมือ
  พลังชีวิตมหาศาลในฝ่ามือนั้นมากพอที่จะสังหารกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงแต่ทันทีที่ฝ่ามือเขายื่นออกไป เซี่ยจิงหยูก็ก้าวเก้าครั้งไปด้านซ้าย พร้อมกันนั้นฝ่ามือของสองศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แล่นผ่านไปโดยไม่โดนนางแม้แต่นิดเดียว
  แม้มันจะดูไม่แปลกจากคนที่มองดูแต่สองศักดิ์สิทธิ์ก็บอกได้ว่าเซี่ยจิงหยูรู้ทิศทางในการโจมตีของเขาล่วงหน้า นางจึงหลบได้อย่างง่ายดาย!
  สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ
  “นางน่าสงสัยช่วยข้าโค่นนางด้วย!”
  ภูติทั้งสามสิบเอ็ดคนเคลื่อนไหวพร้อมกันแสงหลากสีของกระบวนท่าต่างๆหลอมรวมกักขังเซี่ยจิงหยูไว้ภายใน ถ้านางสัมผัสกับคลื่นพลังชีวิตใดแม้สักครั้ง นางก็จะถูกสังหารในทันที!
  แต่ภาพที่น่าตกตะลึงได้ปรากฏต่อสองศักดิ์สิทธิ์เขาอ้าปากค้าง เซี่ยจิงหยูนั้นก้าวสามก้าวไปที่ด้านขวาก่อนจะเดินไปข้างหลัง จากนั้นนางก็ไปด้านขวา และเดินไปข้างหลังอีก…
  จากนั้นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ได้ปรากฏขึ้นมาเพราะจุดที่นางหลบนั้นล้วนเป็นจุดที่พลังได้ซัดเข้าไป! หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทันทีที่ใช้วิชาใส่นาง นางก็รู้แล้วว่าวิชาเหล่านั้นจะตกตรงจุดไหน!
  “เจ้าเห็นอนาคต!”
  สองศักดิ์สิทธิ์เสียงสั่นเขาหวาดกลัวอย่างมาก
  เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างประหลาด
  “เห็นอนาคตรึ?ไม่ใช่หรอก…”
  ระหว่างที่นางพูดนางหยิบเอากระบี่มรกตเล่มเล็กๆและกระบี่ขาวออกมาขว้างไปยังกลุ่มภูติ นางพูดอย่างเบิกบานใจ
  “เจ้าหนึ่งคนจะถูกฆ่าด้วยกระบี่เล่มนี้มันจะทะลวงหัวใจของเจ้า”
  กลุ่มภูติระดับสูงมองหน้ากันด้วยแววตาว่างเปล่านั่นก็เพราะกระบี่ขาวนั้นเป็นแค่สมบัติเทพระดับกลางที่ธรรมดาเป็นอย่างมาก และมันก็ไม่มีพิษที่เคลือบกระบี่เอาไว้ด้วย มันไม่มีพลังลี้ลับอื่นอยู่เลย
  และท่าทางที่นางขว้างกระบี่ก็ไม่ได้แสดงถึงภัยหากประเมินด้วยตา กระบี่นี้สังหารราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องภูติถึงกลุ่มภูติเลย!
  “ถอยออกไป!”
  สองศักดิ์สิทธิ์สั่งทุกคนให้ถอยด้วยความระมัดระวังเขาคิดว่าถึงเรื่องการป้องกันกระบี่และไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด
  ดังนั้นกระบี่ขาวจึงแค่ผ่านกลุ่มผู้คนไปก่อนที่จะสิ้นแรงและร่วงหล่นสู่เบื้องล่างในทางที่มันตก มันได้ถูกเศษรอยแยกมิติที่เกิดจากการปะทะกันของซือหยุกับกู้ไทซูปกคลุมโดยบังเอิญ
  ด้วยการแทรกแทรงไปในรอยแยกมิติกระบี่จะถูกบดขยี้เป็นเสี่ยงๆทันทีที่มันเข้าไปในรอยแยกนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ กระบี่เล่มเล็กนี้มิได้สร้างความเสียหายใด ดังนั้นสองศักดิ์สิทธิ์จึงสงสัยว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงลูกไม้ของหญิงสาวที่หลอกพวกเขา
  “ทำบ้าอะไรของเจ้า?ข้าไม่สนใจแล้วว่าเจ้าจะเล่นอะไร ทุกอย่างมันไร้ประโยชน์ ไป…ฆ่านาง!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ให้สัญญาณภูติทั้งสามสิบเอ็ดคนให้พุ่งเข้าใส่เซี่ยจิงหยู
  แต่จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากกลุ่มภูติ!สองศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรงและหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง
  เขาเห็นสิ่งเดียวบนอกของภูติขั้นสูงที่กรีดร้องมันถูกเฉือนออก อกของเขาราวกับได้หายไปจากร่างกาย!
  คนอื่นยๆเห็นรอยแยกมิติทมิฬด้านหลังภูติคนที่เพิ่งถูกสังหารมันเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวก่อนจะหายไป
  ในรอยแยกนั้นมีเศษเหล็กที่เหลือจากการบดขยี้กระบี่และกลิ่นของโลหิตจากนั้นมันก็หายไปจากคลื่นมิติ
  สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึงภูติขั้นสูงเพิ่งถูกสังหารไปด้วยกระบี่ที่ธรรมดาเล่มเล็กๆ! พวกเขาหันไปมองหญิงสาวผู้งดงามตรงหน้า สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือตัวแข็งทื่อ
  “จะ…เจ้ามองเห็นอนาคต!”
  สองศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรงนี่ไม่ใช่พลังที่สัมผัสอนาคต แต่มันคือพลังที่คาดเดาอนาคตข้างหน้าได้!
  พลังสัมผัสที่แม่นยำจะทำให้คนที่มีสัมผัสตอบสนองต่อบางสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันทีแต่นางผู้นี้กลับทำนายในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว! มันดูราวกับนางเห็นอนาคตได้จริงๆ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นตรงตามที่นางทำนายไม่ผิดเพี้ยน!
  “เห็นอนาคตรึ?”
  เซี่ยจิงหยูยิ้ม
  “ก็ไม่เชิงนักหรอกแต่ข้าชอบเรียกมันว่าวิถีมากกว่า!”
  วิถีรึ?ซือหยูตกใจกับการใช้คำของนาง
  วิถีที่นางพูดถึงนั้นคือสมบัติฎีกาสวรรค์ที่เทียนจี่จื้อทิ้งเอาไว้นางได้สำเร็จฎีกาสวรรค์ของเทียนจี่จื้อแล้ว!
  วิถีเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามห้วงมิติเวลาที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ถ้าหากมีผู้ใดเห็นวิถีล่วงหน้า นั่นก็หมายความว่าคนนั้นจะรู้ว่าเมื่อไหร่ สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ
  เซี่ยจิงหยูพูดว่ากระบี่นั้นจะสังหารหนึ่งคนเพราะนางเห็นวิธีของกระบี่นางรู้ว่าในบางตำแหน่งของเวลา มันจะสังหารภูติระดับสูง และท้ายสุด กระบี่ก็ได้ติดตามวิถีไปสังหารภูติจริงๆ!
  สำหรับคนอื่นพวกเขาจะมองเห็นว่ามันคือพลังการทำนายอนาคต มีเพียงเซี่ยจิงหยูเท่านั้นที่รู้จริงๆว่านางได้รับรู้วิถีของมันอย่างหมดเปลือก!
  นั่นทำให้นางมีพลังหยั่งรู้ได้ว่าเมื่อใดที่ใครจะตายจากความแก่เฒ่าหรือความเจ็บป่วยฎีกาสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับภูตขิที่เหลือตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขาไม่กล้าขยับไปไหน
  “พวกเจ้าอยากจะรู้วิถีของตัวเองไหมล่ะ?”
  เซี่ยจิงหยูหัวเราะชอบใจเมื่อมองเหล่าภูติ
  แค่การเหลือบมองจากนางเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาตัวสั่นราวกับว่าพวกเขาได้ถูกคนอื่นมองออกอย่างสิ้นเชิง
  “พวกเจ้าทั้งหมดจะตายในวันนี้ไม่มีใครรอดไปได้…”
  เซี่ยจิงหยูหัวเราะเสียงหัวเราะของนางทะลวงไปยังเมฆา เหล่าภูติหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง
  สองศักดิ์สิทธิ์หัวใจเต้นแรงเขาหน้าซีดเผือด…
  พวกเราจะตายที่นี่กันหมดรึ?มันจะเป็นไปได้รึ?
  เขาหายใจเข้าลึกสองศักดิ์สิทธิ์ฝืนใจเย็นลง
  “อย่าไปเชื่อคำลวงของนางรีบฆ่านางซะ!”
  แม้ว่าเหล่าภูติจะหวาดกลัวพวกเขาก็ทำตามคำสั่งสองศักดิ์สิทธิ์และไปล้อมเซี่ยจิงหยู แต่เซี่ยจิงหยูก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางดูราวกับผีเสื้อที่กรีดกรายอย่างสง่างามท่ามกลางเหล่าภูติ
  “ถึงนางจะประหลาดแต่นางก็มีฐานพลังน้อยนิด ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
  สองศักดิ์สิทธิ์รีบพูดจูงใจเหล่าภูติ
  คนอื่นๆรู้สึกแบบเดียวกันและผ่อนคลายใจมากขึ้นเพราะฐานพลังของนางมิได้มากนัก นางเป็นแค่มดปลวกสำหรับพวกเขา
  และนางก็ไม่เคยมีวิชาบ่มเพาะที่แข็งแกร่งดังนั้นพลังต่อสู้ของนางจึงด้อยกว่าซือหยู แม้นางจะยื้อเวลาให้ซือหยูได้บ้าง แต่นางก็มิอาจสังหารพวกเขาด้วยตัวเองได้
  “หึหึใครบอกว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้ากันล่ะ?”
  เซี่ยจิงหยูดูแปลกอย่างมากนางเหลือบมองเหล่าภูติด้วยความเวทนา

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset