The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 717-718

DND.717 – โอสถฟื้นชะตา
  “หยุดนะ!”
  ฟู่กุยตะโกนดังราวกับสายฟ้า
  เซี่ยนเอ๋อเห็นเชือกแห่งความหวังนางจึงไม่คิดจะยอมแพ้ตราบเท่าที่ยังมีโอกาสได้ช่วยซือหยู
  “พี่จิงหยู!รีบพาพี่ซือหยูไปเร…”
  เซี่ยนเอ๋อประทับใจและเช็ดน้ำตาแต่นางก็ต้องหยุดคำพูดไป เพราะเซี่ยจิงหยูมิได้พยายามจะหนี นางหันไปมองเซี่ยนเอ๋อและยิ้มอย่างมีเลศนัย
  “หึหึใครบอกว่าข้าอยากจะช่วยเขาล่ะ?”
  เซี่ยนเอ๋อตกใจมาก
  “พี่จิงหยูอย่างทำแบบนี้เลยศัตรูมันแข็งแกร่งมาก เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้”
  ปั้ง!
  เซี่ยจิงหยูบิดมือบิดไหล่ของเซี่ยนเอ๋อเซี่ยนเอ๋อหมอบลงด้วยความเจ็บปวด
  “พี่จิงหยูจะทำอะไร?”
  เซี่ยนเอ๋อถาม
  เซี่ยจิงหยูมองท้องฟ้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
  “ข้าจะทำอะไรน่ะรึ?หึหึหึ ข้าก็จะแยกเจ้าออกจากเบาน่ะรึ เขาจะต้องเสียใจที่ทำแบบนั้นกับข้า”
  เซี่ยนเอ๋อเงยหน้ามองดวงตาเซี่ยจิงหยูที่เคยอบอุ่นในอดีตตอนนี้กลับกลายเป็นความบ้าคลั่งที่นางไม่เคยได้พบเจอ
  “เซี่ยนเอ๋อสหายเก่าเอ๋ย ทำไมเจ้าไม่ขอให้สามีที่ดีของเจ้าไปอยู่กับคนที่เขารักจริงๆเล่า?”
  เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างซุกซนเมื่อพูดกับนาง
  ดูเหมือนว่านางอยากจะได้เห็นว่าเซี่ยนเอ๋อเศร้าเพียงใดเมื่อได้รู้ว่าคนที่ซือหยูรักไม่ใช่นางนี่เป็นวิธีเดียวที่นางจะทำให้เซี่ยนเอ๋อโศกเศร้า
  แต่เซี่ยนเอ๋อกลับตกใจกับคำพูดของนางและยิ้มเยาะให้กับตัวเองด้วยใบหน้าซีดเซียว
  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่จิงหยูรักพี่ซือหยู”
  คำตอบของนางทำให้รอยยิ้มของเซี่ยจิงหยูหุบลง
  “เจ้ารู้อยู่แล้วรึ?”
  ความบ้าคลั่งในใบหน้าเซี่ยจิงหยูได้แทนที่ด้วยความสับสน
  “เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
  เซี่ยนเอ๋อหัวเราะอย่างขื่นขม
  “ข้ารู้ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าจ้าวยี่หยูคือ…พี่จิงหยู”
  เซี่ยนเอ๋อรู้ความรู้สึกของเซี่ยจิงหยูต่อซือหยูมานานแล้วนางได้เติบโตขึ้นแล้ว นางทั้งอ่อนไหวและไวต่อความรู้สึก และแม้ว่านางจะรับรู้ถึงมัน นางก็ทำเป็นไม่รู้อะไรและอดทนต่อความจริงที่เจ็บปวดโดยไม่พูดกล่าว
  “แล้วพี่ซือหยูก็รักพี่จิงหยูด้วย”
  เซี่ยนเอ๋อพูดและมองดูซือหยู
  “ข้ารู้เพราะพี่ซือหยูมองข้าด้วยสายตาห่างไกลเสมอข้าไม่เคยอยู่ในสายตาของพี่ซือหยูเลย นั่นก็เพราะมีคนอื่นที่อยู่ในใจของเขา และนั่นก็คือพี่…พี่จิงหยู”
  เซี่ยจิงหยูตัวแข็งทื่อนางไม่คิดว่าเซี่ยนเอ๋อจะรู้ทุกสิ่ง นางหวั่นไหวแต่ก็แค่ครู่เดียว นางกลับมามีสีหน้าไร้เยื่อใยตามเดิม
  “ถ้าเจ้าขโมยทุกอย่างจากข้าไปเจ้าก็ควรจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านะ”
  เซี่ยนเอ๋อยิ้มอย่างเบาใจดวงตาสดใสของนางมิได้มีความชิงชังอยู่แม้แต่น้อย นางเพียงแค่มองกลับไปด้วยความสำนึกผิด
  นางพยักหน้าเบาๆ
  “ข้ารู้ข้าเตรียมใจไว้ก่อนแล้วว่าจะคืนพี่ซือหยูให้พี่ ข้าได้แต่งงานกับพี่ซือหยูแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ข้าต้องเสียใจอีก และข้าก็จะได้ฝากพี่ซือหยูให้พี่จิงหยูก่อนที่ข้าจะตาย”
  “พี่จิงหยูข้าขอโทษ ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกพี่รักกัน แต่ข้าก็เข้าไปแทรกระหว่างพวกพี่ ข้าเป็นคนเห็นแก่ตัวจริงๆ แต่ข้าทำไปก็เพราะข้ารักพี่ซือหยู”
  น้ำตาเอ่อล้นเต็มดวงตาของนางขณะที่พูด
  “ข้ารักวิธีที่พี่ซือหยูเขากอดข้าตอนที่ลูบหัวข้า และตอนที่เอาใจข้า ข้าหลงรักรอยยิ้มและคำพูดของเขา ข้ารักทุกสิ่งที่เป็นพี่ซือหยู โปรดอภัยที่ข้าเห็นแก่ได้ ตอนนี้พี่เอาพี่ซือหยูคืนไปได้เลย เขาเป็นของพี่”
  ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาหมอกทมิฬปรากฏรอบตัวและก่อตัวเป็นวิหคเพลิง วิหคเพลิงสะบัดปีกออกจากร่างเซี่ยนเอ๋อทะยานขึ้นฟ้า
  ฟู่กุยบินเข้ามาด้วยความตกใจ
  “นี่มันอะไรกัน?”
  ผู้เฒ่าจิวที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรแปลกใจเช่นกัน
  “วิหคเพลิงแห่งความตายจะกลับยมโลกรึ?เคยได้ยินว่าถ้าผู้ที่ไม่ได้มีสายเลือดบริสุทธิ์ปลุกพลังสายโลหิตขึ้นมา คนผู้นั้นก็จะเหี่ยวเฉาและตาย”
  เขาพูดต่อ
  “ก่อนเซี่ยนเอ๋อจะเป็นภูติพอถึงตอนนั้นสายโลหิตของนางจะไม่ตื่นขึ้นมา เมื่อเป็นภูติเท่านั้นถึงนางจะปลุกสายโลหิตขึ้นมาได้”
  คำพูดของเขาเป็นดั่งค้อนที่ทุบหูทุกคนพวกเขารู้ว่าเซี่ยนเอ๋อไม่ก้าวข้ามมาเป็นภูติตลอดครึ่งปีแม้ว่านางจะกินม้าเมฆาเข้าไป พวกเขาคิดว่ามันยากที่นางจะเลื่อนระดับพลังเพราะร่างกายพิเศษของนาง แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดคือเซี่ยนเอ๋อรู้ว่านางจะตายอย่างแน่นอนเมื่อได้เป็นภูติ
  เพราะเรื่องนี้นางจึงแสร้งทำเป็นว่ามิอาจเป็นภูติได้ แต่นางไม่อยากจะเป็นภูติก็เพราะนางอยากจะอยู่ข้างกายซือหยูนานขึ้นอีกสักหน่อย แม้จะแค่เพียงวันเดียวก็ตาม
  แต่ช่วงเวลานั้นช่างสั้นนักเซี่ยนเอ๋อใช้ก้าวสุดท้ายใช้พลังของสายโลหิตเมื่อซือหยูอยู่ในอันตราย แม้นางจะรู้ว่านางจะต้องตายในวันเดียวกัน
  คำพูดของนางทำให้เซี่ยจิงหยูตกตะลึงอย่างมากแม้แต่สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
  เซี่ยนเอ๋อเตรียมใจที่จะตายมาแล้วและแม้ว่าเรื่องวันนี้จะไม่เกิดขึ้น นางก็รู้ว่านางจะต้องปล่อยให้ซือหยูกลับไปหาจิงหยู เรื่องวันนี้เป็นเพียงการทำให้สิ่งที่นางคิดเกิดขึ้นเร็วขึ้น
  เซี่ยจิงหยูคลายมือและถอยหลังกลับในหัวของนางมีแต่ความว่างเปล่า ซือหยูที่ปางตายก็ได้ยินเรื่องนี้ มันทำให้เขาตกใจเช่นกัน จิตและสติที่เกือบจะแตกสลายได้กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง
  ในตอนนั้นเขาได้เห็นหญิงสาวที่งดงามอย่างเลือนราง สิ่งที่ได้เห็นทำให้วิญญาณของเขาสั่นคลอนอย่างหนัก เขาทำให้นางโศกเศร้าอย่างแท้จริง กลายเป็นว่าเรื่องที่นางไม่อยากจะกลายเป็นภูติก็เพราะนางอยากจะอยู่ข้างกายเขานานขึ้น แต่เขาก็ทำเรื่องน่าขันอย่างการให้โอสถภูติกับนาง!
  ใครกันจะโง่เขลาได้เท่าข้าข้าไม่รู้ความรู้สึกของนางเลยได้ยังไง? เขาคิดด้วยความโศกเศร้า
  เซี่ยนเอ๋อเดียวดายอยู่เสมอแม้ว่านางจะรู้ว่าซือหยูรักคนอื่น นางก็แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไร นางเดียวดายมาโดยตลอดและต้องพึ่งตัวเองตั้งแต่ที่ตำหนักเซี่ยนหยูถูกทำลาย
  นางยังรักซือหยูแม้ต้องทนรับความเจ็บปวดนางแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา จนถึงตอนนี้นางก็เสแสร้งต่อไป
  ซือหยูที่อยู่กับนางคิดว่าเขาได้มอบความอบอุ่นให้แต่เขาไม่รู้ตัวเลยว่านางรู้สึกอ้างว้างเดียวดายตลอดมา
  นางทำเป็นไร้เดียงสาเพื่อให้ซือหยูสบายใจและชี้นำให้เขาคิดว่านางมีความสุขอยู่ตลอดแต่แท้จริง ผู้ที่
  ถูกปกป้องความรู้สึกมิใช่นางแต่เป็นซือหยู!
  จิตใจของซือหยูเจ็บปวดอย่างหนักเมื่อได้รู้เรื่องนี้และเป็นครั้งแรกที่ภาพของเซี่ยนเอ๋อได้ปรากฏในหัวใจของเขาอย่างชัดเจน นางคือองค์หญิงน้อยแห่งเซี่ยนหยู เด็กสาวที่เก็บสะสมเหล่าโอสถให้เขาขณะที่อยู่ในหุบเขาเฟิงหวง นางยังเป็นคนที่เก็บแม้แต่ผลก้นบึ้งมังกรแสนล้ำค่าให้กับเขา นางยังเป็นภรรยาของเขาได้ไม่นาน แต่นางก็กำลังจะสละชีวิตเพื่อเขา
  ความทรงจำทั้งหมดที่ได้หายไปในกลีบเมฆได้หวนคืนกลับมาอีกครั้งความทรงจำเหล่านั้นเป็นดั่งดวงดาวที่ส่องแสงให้กับโลกของเขา แต่กลับกัน มันยังเป็นแพอ่อนแอที่ล่องตามวารีอย่างเดียวดาย
  เขารู้สึกผิดและเจ็บปวดอย่างหนักหนาสาหัสความรู้สึกนับไม่อ้วนเอ่อล้นออกมาจากใจ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีสตรีเช่นนี้ในชีวิต แต่หลังจากวิหคเพลิงแห่งความตายออกจากร่างของนางไป ชีวิตนางก็จะดับมอดดั่งคบเพลิงกลางสายพิรุณ
  “พี่ซือหยูข้าจะรักพี่ตลอดไป”
  ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแววตาของนางของนางหม่นแสงลงไปเรื่อยๆขณะที่วิหคเพลิงกำลังออกจากร่าง แต่แม้จะเป็นเวลาที่เศร้าโศก นางก็ยิ้มออกมาอย่างยินดี นั่นก็เพราะคนที่นางได้มองดูก่อนตายก็คือซือหยูผู้เป็นที่รัก
  “เซี่ยนเอ๋อ!”
  ความรู้สึกมากมายกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของเขา
  ความโศกเศร้าที่มิอาจอธิบายทำให้เขามือสั่นเครือเขาลูบมุกวิญญาณเก้าหยก ในตอนนั้นเอง กระโจมหยกเล็กๆได้ปรากฏในมือของเขา มันมีเม็ดโอสถหลากสีอยู่ภายใน
  เมื่อกระโจมหยกปรากฏออกมาก็ดูเหมือนว่าพลังชีวิตจากทั้งโลกจะหนาแน่นขึ้นความหนาแน่นของพลังชีวิตรอบตัวซือหยูนั้นสูงซะจนถ้ามีคนมาดูดซับเข้าไป ร่างของคนผู้นั้นก็จะระเบิด มันคือพิษร้ายแรงที่สุดของโลกใบนี้
  เมื่อพลังชีวิตล้อมรอบเขามันเริ่มฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาที่หายไป ร่างกายที่เขาที่แหลกสลายเริ่มฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่ได้เห็นร่างกายของซือหยูต่างตกตะลึง เขาฟื้นจากสภาพเกือบตายอย่างง่ายดายเพียงได้กลิ่นจากโอสถนี้ บาดแผลของเขายังถูกรักษาอีกด้วย!
  “นั่นมันโอสถอะไร?”
  ฟู่กุยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
  คนในก้นบึ้งมังกรรู้สึกไม่ต่างจากเขาพวกเขาคิดว่าโอสถยอดเยี่ยมที่รักษาคนกำลังจะตายที่มีอยู่บนโลกใบนี้นั้นจะยอดเยี่ยมเพียงใด
  ซือหยูถือกระโจมหยกในมือและค่อยๆยืนขึ้นเขาหันไปพูดกับเซี่ยจิงหยู
  “จิงหยูขออภัยด้วย ข้าอยากจะตายเพื่อชดใช้ให้แก่เจ้า แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะต้องไม่ตาย ข้าจะต้องอยู่ต่อเพื่อเซี่ยนเอ๋อ”
  ซือหยูเข้าไปอุ้มร่างไร้วิญญาณของนางที่ค่อยๆเย็นตัวลงและไร้ซึ่งพลังชีวิตซือหยูรู้ว่าโอสถฟื้นชะตานี้สามารถชุบชีวิตคนตายได้
  ซือหยูอุ้มร่างนางด้วยความรักเขานึกถึงครั้งที่ยังอยู่ในเซี่ยนหยู ในที่ที่เขาได้อุ้มองค์หญิงน้อยคนนี้
  “เซี่ยนเอ๋อขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องห่างจากข้า ข้าจะพาเจ้ากลับมา!”
  เขาหยิบโอสถออกจากกระโจมหยกที่มีพลังมหาศาลพลังชีวิตที่มีนั้นเทียบเท่ากับพลังของทั้งโลกรวมกัน!
  ในตอนนั้นเองกลิ่นหอมหวานได้พัดเข้ามาเมื่อมีสตรีน่ารักเข้ามาดึงเซี่ยนเอ๋อไปจากเขา นั่นทำให้เขาไม่ได้ป้อนโอสถให้นางได้สำเร็จ
  “จิงหยูทำอะไรของเจ้า?”
  ซือหยูตกใจที่เซี่ยจิงหยูชิงตัวเซี่ยนเอ๋อไปจากเขา
  เซี่ยจิงหยูแววตาเยือกเย็นเป็นอย่างมาก
  “ถ้าหากนางตายไปแล้วเจ้าจะชุบชีวิตนางขึ้นมาทำไมอีก? ทำไมไม่ให้โอสถฟื้นชะตากับข้าแทนที่จะเสียมันไปเพราะนางเล่า? เท่านี้ก็เพียงพอที่จะชดใช้สิ่งที่เจ้าทำกับข้าแล้ว”
DND.718 – เสี้ยววิญญาณของฮงหลวน
  คนในก้นบึ้งมังกรไม่พอใจมากที่เซี่ยจิงหยูกล้ามาแทรกระหว่างการชุบชีวิตฉินเซี่ยนเอ๋อ!เพราะไม่มีใครนรู้ว่าโอสถฟื้นชะตาจะยังส่งผลอยู่หรือไม่ถ้าหากทิ้งระยะให้นางตายนานขึ้น
  หลายคนหวาดกลัวว่าถ้าหากชักช้าผลของโอสถก็จะใช้กับนางไม่ได้อีกแล้ว และฉินเซี่ยนเอ๋อก็จะตายไปตลอดกาล!
  “เซี่ยจิงหยู!”
  ซือหยูตะโกน
  “เจ้าเกลียดข้าได้แต่ทำไมเจ้าต้องทำร้ายเซี่ยนเอ๋อด้วยเล่า? นางบริสุทธิ์นะ!”
  เซี่ยจิงหยูมองกลับมาอย่างเยือกเย็น
  “บริสุทธิ์รึ?เจ้าก็ได้รู้ว่านางรู้เรื่องที่เรารักกัน แต่นางก็ยังชิงเจ้าไปจากข้า! ความตายของคนเห็นแก่ตัวเช่นนี้มิควรค่าแก่ความเศร้าของใครด้วยซ้ำ”
  เซี่ยจิงหยูรู้สึกว่าซือหยูแปลกไปราวกับว่าชายที่ยืนอยู่หน้านางนั้นเป็นคนละคนกับที่นางเคยรู้จัก
  “ข้าจะพูดอีกครั้ง…ความตายของนางมิคู่ควรแก่ความเสียใจและส่วนเจ้า เจ้าก็อย่าหวังว่าจะอยู่รอดพ้นวันนี้เลย! วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้หมด!”
  เซี่ยจิงหยูตะโกน
  นางยกมือขึ้นอาวุธเทพปรากฏขึ้นมา นางแทงมันเข้าไปที่อกของซือหยู! ซือหยูตกใจมาก เขาพยายามจะเรียกพลังชีวิตออกมาป้องกัน แต่เขาก็ต้องใจสั่นเมื่อพบว่าเขาไม่มีพลังชีวิตเหลืออยู่เลย!
  เมื่อตระหนักถึงร่างกายตัวเองเขาก็ตัวแข็งทื่อ จุดกำเนิดพลังของเขาถูกพลังของกระบี่ปราบมังกรทะลวงเข้าไป และแก้วพลังชีวิตที่เหลืออยู่สองดวงของเขาก็แตกสลายไปแล้ว! เขาเสียแก้วพลังทั้งหมดและฐานพลังไปด้วย
  เซี่ยจิงหยูแทงอาวุธด้วยจิตสังหารไปยังจุดตายของเขาอย่างแม่นยำและหวูอู๋ยี่ที่จะมาเตือนเขาก็ยังอยู่ห่างออกไปสามสิบลี้ ไม่มีทางที่นางจะมาช่วยซือหยูได้ทัน! เรื่องกลับกลายเป็นว่าซือหยูจะถูกเซี่ยจิงหยูฆ่าตายโดยไม่มีใครคาดคิด!
  แกร๊ง!
  แต่ก็มีคนเข้ามาขวางนางได้พอดิบพอดีพลังของคนผู้นั้นสะท้อนอาวุธของเซี่ยจิงหยูไปอย่างง่ายดาย เขาเป็นชายสวมผ้าคลุมอายุราวสามสิบปี เขาเข้ามาขวางหน้าซือหยูเอาไว้ เขามีใบหน้าที่อ่อนโยนและหล่อเหลาที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้น แววตาของเขาดูเฉลียวฉลาดราวกับนักปราชญ์
  “วู่เหิง?”
  เหล่าคนที่มองดูเหตุการณ์จำเขาได้ในทันทีทุกคนในก้นบึ้งมังกรกลั้นหายใจ พวกเขาตกใจเมื่อเห็นวู่เหิงอย่างชัดเจน
  เพราะหลังจากที่วู่เหิงได้กลายเป็นภูติระดับสามจากความช่วยเหลือของซือหยูเขาได้ทำร้ายหวูอู๋ยี่ ทรยศต่อเขา และหนีออกมา ไม่มีใครพบเจอเขาจนถึงตอนนี้ ไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะปรากฏตัวออกมาในสถานการณ์ที่สิ้นหวังที่สุดของซือหยูเพื่อช่วยเขา!
  “นายน้อยข้ามาสาย…โปรดลงโทษแก่ความเชื่องช้าของข้าผู้นี้ด้วย”
  วู่เหิงหันไปโค้งคำนับต่อซือหยูด้วยความนับถือ
  ซือหยูยังคงจ้องมองเซี่ยจิงหยูมาโดยตลอดเขาจ้องมองนางจนสายตาเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
  “เซี่ยจิงหยูเจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
  “ฮึ่ย!ไอ้ตัวยุ่ง!”
  เซี่ยจิงหยูมองวู่เหิงอย่างไม่พอใจ
  นางรำคาญที่เขาเข้ามายุ่งนางตะโกนอย่างเย็นชา
  “ข้าต้องการอะไรน่ะรึ?อย่างแรก ข้าจะเอาร่างเซี่ยนเอ๋อให้กับฟู่กุยให้เขาได้พลังสายโลหิตของนาง และข้าก็จะเอาหัวของเจ้าไปเป็นของขวัญแก่ราชาเขตกลาง!”
  นางจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ
  “นี่เป็นทางเดียวที่ข้าจะได้มีโอกาสเลือกเส้นทางของข้าและข้าก็จะได้เป็นสนมของราชาเขตกลาง”
  เซี่ยจิงหยูพูดกับซือหยูอย่างเยือกเย็นต่อไป
  “ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆที่แสดงให้ข้าเห็นว่าทุกคนมันเห็นแก่ได้พอได้คิดเรื่องที่ข้าต้องทนทุกข์เพื่อเจ้า ข้าก็ได้รู้แล้วว่าข้ามันน่าขันและโง่เขลานัก!”
  “ตอนนี้ข้ารู้ความจริงแล้วชะตาของข้าคือการได้เป็นสนมของราชาเขตกลาง ข้าจะใช้อำนาจของเขาไล่ตามเส้นทางการบ่มเพาะพลังต่อไป!”
  ซือหยูตกตะลึงเมือ่ได้ยินว่าเซี่ยจิงหยูอยากจะเป็นสนมของราชาเขตกลางซือหยูนิ่งราวกับท่อนไม้ไปนาน สีหน้าของเขาเศร้าหมอง ไม่ว่าคำพูดจากนางจะเป็นการระบายความโกรธแค้นหรือแผนที่แท้จริงของนาง ซือหยูก็มิอาจตอบกลับได้
  “จิงหยูรีบคืนเซี่ยนเอ๋อให้ข้าก่อนเจ้าจะทำความผิดพลาดที่จะต้องเสียใจเถอะ ข้ายินดีจะแลกชีวิตกับนางด้วยซ้ำ…”
  ซือหยูพูด
  เซี่ยจิงหยูถอนหายใจแรง
  “ฝันไปเถอะ!เจ้าไม่อะไรเหลืออีกแล้วแม้แต่ฐานพลัง เจ้ามันก็แค่คนพิการ! เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า?”
  นางหันไปมองฟู่กุย
  “ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากจะฆ่าซือหยูเพื่อชดใช้ความผิดต่อกู้ไทซูหรอกรึ?”
  เพราะเขาใช้ร่างเงาของกู้ไทซูมาเป็นเกราะมนุษย์ถ้าเขาไม่ฆ่าซือหยู กู้ไทซูก็คงไม่มีเหตุผลในการอภัยเขาแน่
  “เจ้าไม่ต้องพูดข้าก็รู้!”
  ฟู่กุยตกใจกับคำพูดของนางจิตสังหารของเขาพวยพุ่งขึ้นมา แม้เซี่ยจิงหยูจะเป็นหนึ่งในคนที่เขาต้องสังหาร แต่ซือหยูก็เป็นเป้าหมายหลัก!
  “แย่แล้ว!นายน้อยต้องหนี! เร็วเข้า!”
  วู่เหิงตกใจเมื่อเห็นว่าจ้าวเทวะกำลังจะจูาโจมเขาไม่กล้าจะรีรอ
  เขาคว้าตัวซือหยูอย่างมั่นคงและรีบหันหนีไป
  “นายน้อยตราบเท่าที่ท่านยังมีชีวิตก็ยังมีหวัง ท่านเสียฐานพลังไปแล้ว ท่านทำอะไรเขาไม่ได้ในตอนนี้ แต่ถ้านายน้อยตายที่นี่ก็จะไม่มีใครไปชิงร่างแม่นางฉินกลับมา โปรดท่านจงทนเอาไว้ก่อน”
  เขาบอกได้เลยว่าจิตสังหารกำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจของซือหยูจนทำให้เขาลืมเหตุลืมผลซือหยูมิอาจขัดขืนเมื่อได้ฟังคำพูดของวู่เหิงแม้ว่าในใจจะร้อนแรงดั่งเพลิง ในหัวของเขามีแต่จิตสังหารที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
  แม้ว่าเขาจะสูญเสียความเยือกเย็นไปจนหมดแต่เหตุผลเดียวที่ยังเหลืออยู่ก็คือการที่เขาจะไม่มีทางได้ฉินเซี่ยนเอ๋อกลับมาถ้าหากทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด
  ในตอนนั้นหวูอู๋ยี่ได้มาถึงพอดี นางมองเซี่ยจิงหยูด้วยความเกลียดแค้น
  “เจ้ามันก็แค่ผู้หญิงโง่อวดดีเท่านั้น!”
  ซือหยูมีลางร้ายว่าเขาจะต้องเจอกับภัยร้ายครั้งใหญ่เขาจึงมอบหมายแก่วู่เหิงล่วงหน้าให้เขาช่วยเซี่ยจิงหยู แค่การกระทำนี้เพียงอย่างเดียวก็เห็นได้เลยว่าเซี่ยจิงหยูได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญในหัวใจของเขา
  แต่ท้ายสุดเซี่ยจิงหยูกับหักหลังเขาอย่างไร้เยื่อใยและยังอยากจะเอาชีวิตเขาเข้าไปต่อรองเพื่อความมั่งคั่งในอนาคต! นางทำให้เขาผิดหวังอย่างร้ายแรง
  “คิดจะหนีรึ?”
  เซี่ยจิงหยูพูดอย่างเยือกเย็นนางกำกระบี่แน่นและไล่ตามพวกเขา
  ฟู่กุยเข้าใกล้ซือหยูอย่างรวดเร็วด้วยเขาเร็วจนแทบจะมองตามไม่ทัน!
  ในตอนนั้นแววตาซือหยูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง เขาพูดเบาๆ
  “กิเลนน้อยกระบี่นั่น!”
  ในตอนนั้นแสงสีชมพูปรากฏขึ้นบนใหญ่ของซือหยู มันคายกระบี่ปราบมังกรในปาก ซือหยูยื่นมือคว้ากระบี่เอาไว้ ถึงเขาจะไร้ซึ่งฐานพลัง กายามังกรของเขาก็ยังคงใช้การได้
  เมื่อถือกระบี่ภูติในมือก็สัมผัสได้ว่ามันหนักอย่างมากแต่เขายังคงกำมัดเอาไว้
  “กระบี่ปราบมังกรจัดการมัน!”
  ซือหยูแกว่งกระบี่ออกไป
  แม้ว่าเขาจะไม่ใช้พลังเลยกระบี่ก็มีพลังที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง เพียงวิถีกระบี่ก็ทรงพลังอย่างมากแล้ว พลังกระบี่สีแดงฉานได้พุ่งเข้าใส่ฟู่กุยที่พุ่งเข้ามา
  “บัดซบ!”
  แม้แต่คนอย่างฟู่กุยก็ไม่กล้าจะเผชิญหน้ากับกระบี่ตรงๆเขาสบถและรีบถอยกลับ
  ในตอนนั้นแสงจางๆได้ปรากฏเหนือศีรษะของเซี่ยจิงหยู มีเงาคนร่างโปร่งใสเล็กๆปรากฏขึ้นมา คนตัวเล็กนั้นเป็นสตรีที่น่ามอง นางมองซือหยูด้วยความเคียดแค้น
  นางพุ่งเข้าไปขวางพลังกระบี่และสะท้อนมันออกไปซือหยูตกใจมากเมื่อได้เห็นนาง
  เขาตะโกน
  “ฮงหลวน!นี่เจ้า!”
  นางคือฮงหลวนหนึ่งในสามอสูรเนรมิตรแห่งดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด! ร่างเงาของนางเคยสิงซื่อเหลียนอยู่หนึ่งครั้ง และครั้งสุดท้ายที่นางปรากฏตัวก็คือตอนที่เขาอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์
  แต่ในครั้งนั้นนางถูกซือหยูร่างมืดสังหารไป! แต่ดูเหมือนว่าจะมีเสี้ยววิญญาณของนางที่หนีมาได้อย่างคาดไม่ถึง และตลอดมา นางก็ได้สิงร่างของเซี่ยจิงหยูและควบคุมนาง!
  “เจ้าหนูจงเจ็บปวดจนตายไปซะ กล้าดียังไงมาทำลายวิญญาณของข้า!”
  ดวงตาฮงหลวนมีแต่ความเคียดแค้น
  นางต้องการจะไล่ล่าและสังหารซือหยูแต่กระบี่ปราบมังกรได้ขวางทางนางเอาไว้ และตอนนี้ซือหยูก็ถูกวู่เหิงกับหวูอู๋ยี่พากลับมายังก้นบึ้งมังกรแล้ว!
  ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาสูดหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นเสี้ยววิญญาณเหนือหัวเซี่ยจิงหยู
  “ฮง…ผู้เฒ่าฮงหลวน!”
  เขาอุทานออกมาฟู่กุยตกใจมากจนแสดงออกทางสีหน้า
  ฮงหลวนมองไปที่ฟู่กุยนางมิได้แสดงความรู้สึกหรือความอวดดีใดๆออกมา ตอนนี้นางเป็นแค่เสี้ยววิญญาณที่มิอาจโอหัง นางต้องเจียมตัวเอาไว้
  “ฟู่กุยเรียกองครักษ์แสงกระจ่างมาที่นี่ ข้าจะต้องทำลายผนึกและฆ่าไอ้เด็กนั่น”
  ฮงหลวนสั่งเขาและโบกมือเรียกหอคอยจักรพรรดิมาขว้างให้กับเขา
  ฟู่กุยรู้สึกกระอักกระอ่วน
  “นี่มัน…”
  แม้ฮงหลวนจะมาจากเขตกลางเหมือนกับเขานางก็ไม่มีอำนาจจะเข้าแทรกแทรงเรื่องของเฉินหลง ดังนั้นนางจึงไม่มีสิทธิ์มาสั่งเขา
  “เจ้าจะลังเลอะไรอยู่?เจ้าไม่คิดรึว่าการฆ่าไอ้เด็กนี่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย?”
  ดูเหมือนว่าฮงหลวนจะอ่านใจเขาได้
  นางพูดกับเขาอย่างเยือกเย็น
  “ร่างวิญญาณของข้าถูกไอ้เด็กนี่ทำลายไปถ้าเจ้าไม่รีบฆ่ามันก็อย่าหวังจะได้หาเฉินอี้เจิงอย่างสงบเลย!”
  อะไรนะ?ฟู่กุยตกตะลึง ร่างวิญญาณของฮงหลวนถูกซือหยูทำลายไปงั้นรึ? ร่างวิญญาณของฮงหลวนควรจะมีพลังอย่างน้อยที่จ้าวเทวะ แต่นางก็ถูกทำลายด้วยมือของเด็กคนนี้เนี่ยนะ?
  เขาย้อนกลับไปคิดถึงพลังปีศาจที่เกือบจะเอาชีวิตเขาไปฟู่กุยจ้องมองซือหยูที่กำลังจะตายพลางคิด…ข้าจะไว้ชีวิตไอ้เด็กนี่ไม่ได้!
  เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ฆ่าซือหยูเขาก็ไม่อาจจะหาเฉินอี้เจิงได้ง่ายๆ! และเขาก็ไม่มั่นใจว่าเขาจะทำเรื่องนี้ได้คนเดียว และร่างวิญญาณของฮงหลวนก็สั่งให้เขาเรียกองครักษ์แสงกระจ่างมาด้วย
  “ก็ได้ข้าจะทำ แต่การเรียกหนึ่งในองครักษ์แสงกระจ่างทั้งสิบจะต้องใช้พลังของหอคอยจักรพรรดิไปมากกว่าครึ่ง มันจะเหลือพลังแค่สี่ส่วนเท่านั้น เราควรจะเรียกจ้าวเทวะคนอื่นมาด้วย”
  ฟู่กุยแนะนำ
  ฮงหลวนเลิกคิ้ว
  “นั่นคงจะไม่เหมาะคงจะดีกว่าถ้าให้จักรพรรดิโลหิตมาจัดการกับเรื่องนี้”
  จักรพรรดิโลหิตรึ?ฟู่กุยอับอายอย่างมาก
  “จักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บเขาปิดประตูฝึกตนไปเมื่อไม่นานนี้ ถึงเขาจะรู้เรื่อง เขาก็คงไม่มาที่นี่หรอก”
  ฮงหลวนตกใจมากนางถาม
  “จักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บรึ?ฝีมือใครกัน? มีอสูรเนรมิตรคนอื่นในดินแดนพรสวรรค์ด้วยรึ?”
  “ข้าก็คิดว่ามันเป็นฝีมือของอสูรเนรมิตร…”
  ฟู่กุยตอบดูเหมือนว่าจะไม่มีใครรู้ว่าจักรพรรดิโลหิตบาดเจ็บเพราะซือหยู
  “โลกจิวโจวมียอดฝีมือมากมายนักเป็นไปได้ที่จักรพรรดิโลหิตจะบาดเจ็บ แต่เจ้าก็ควรจะต้องบอกเขา ถึงตอนนั้นก็อยู่ที่ว่าเขาจะมาหรือไม่…”
  ฮงหลวนวิเคราะห์ต่อ
  ฟู่กุยพยักหน้าเขามองร่างไร้วิญญาณของฉินเซี่ยนเอ๋อด้วยความลังเล
  “เลิกคิดเรื่องนางจะดีกว่าข้าต้องเอาร่างนางไปตรวจสอบ…”
  ฮงหลวนกล่าว
  ฟู่กุยไม่พอใจอย่างมากแต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไรเขาถอยไปทำตามคำสั่งของนาง
  ฮงหลวนกันไปมองเซี่ยจิงหยูขณะที่ยิ้มเบาๆ
  “คนอื่นคงคิดว่าเจ้าหักหลังซือหยูเพราะถูกข้าควบคุมใครจะไปรู้เล่าว่าเจ้าทำทุกอย่างด้วยตัวเองโดยที่ไม่เกี่ยวกับข้า?”
  ใบหน้าที่งดงามของเซี่ยจิงหยูมิได้แสดงความรู้สึกใดออกมา
  “มันไม่สำคัญหรอกเขาทำร้ายข้ามาขนาดนี้! ถ้าความรู้สึกพวกนี้ไม่หายไปจากข้า ข้าก็จะตกต่ำไปมากกว่านี้ ข้าต้องทิ้งคนพวกนั้นแล้วเริ่มเดินตามทางของตัวเอง!”  ฮงหลวนหัวเราะเบาๆ
  “เจ้านี่มันร้ายนัก!”

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset