The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 757-758

DND.757 – ขู่คนเขลา
เฉาหยินห่าวถอนหายใจแรง
“เจ้าจะตื่นเต้นเร็วไปหรือไม่?อย่าลืมว่าผู้เฒ่าตำหนักชิงวิญญาณยังไม่ได้ทดสอบสิบคนแรก!”
คำพูดของเขาทำให้ทั้งตระกูลหยวนตัวแข็งทื่อพวกเขาตื่นเต้นจนลืมเรื่องนี้ไป
“ยินดีต้อนรับผู้เฒ่าเหลียว”
เฉาหยินห่าวตะโกนเสียงดังชายวัยกลางคนจมูกแดงเดินไปที่พื้นที่ด้านหลังสนามประลอง
เจ้าตระกูลหยวนตกใจเขาก้าวออกไปและคุกเข่าหนึ่งข้างต้อนรับผู้มาเยือน
ปั่วจินสีหน้าหม่นหมอง
“แย่แล้ว!เรื่องยังไม่จบ ผู้เฒ่าเหลียวมีสัมพันธ์ส่วนตัวกับพันธมิตรปรุงยา แม้จะไม่มีผลกับความยุติธรรมของการประลอง แต่เขาก็ต้องพูดเป็นคนสุดท้าย”
เขาส่ายหน้า
“ถ้าผู้เฒ่าเหลียวคิดว่าเฉาหยินมีพรสวรรค์พวกเราก็จะไม่ชนะ พวกเราจะไม่ได้ตลาด ส่วนพวกมันจะได้ชายแก่ผู้นั้นไป”
คนตระกูลหยวนที่ดีใจอยู่เมื่อครู่อารมณ์เปลี่ยนความยินดีแทบจะหายสิ้น ซือหยูคิดในใจ…ผู้เฒ่าเหลียวรึ? นี่เรื่องบังเอิญหรืออย่างไร?
เมฆพลังอสูรตกจากฟ้าชายแก่สวมผ้าคลุมดำเดินออกมาจากเมฆ เขาคือผู้เฒ่าเหลียวที่ยิ้มจางๆมองผู้คน
“ท่านผู้เฒ่าตำหนักชิงวิญญาณ…”
ยอดฝีมือทั้งหมดพูดพร้อมกันด้วยความนับถือผู้เฒ่าเหลียวยินดีกับการต้อนรับครั้งนี้
เขามองสนามประลองที่มีเฉาหยินที่สลบกับเฉาหยินห่าวที่หน้าซีดเขาเลิกคิ้วและรับรู้ทันทีว่าเกิดเรื่องใดขึ้น
แปลกนัก!พันธมิตรปรุงยาพ่ายแพ้รึ? แม้แต่เฉาหยินก็แพ้? มีคนแข็งแกร่งปรากฏขึ้นในตระกูลหยวนรึ? ผู้เฒ่าเหลียวมองสิ่งรอบข้าง
เขามองไปยังคนตระกูลหยวนเขามองดูแต่ละคนและเห็นชายแก่ผมขาว ผู้เฒ่าเหลียวพลันเบิกตากว้าง ความโลภฉาบใบหน้าทันทีราวกับได้เห็นแก้วพลังนับไม่ถ้วนกองอยู่
ครั้งนั้นซือหยูสวมหมวกไผ่ผู้เฒ่าเหลียวจึงไม่รู้ว่าซือหยูมิได้มีรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มแต่เป็นคนแก่เฒ่า เขามองซือหยูที่แก่เฒ่าจนเกือบจะห้ามตัวเองไม่ให้จับตัวเขาไม่ได้
แต่ซือหยูได้พบกับสายตานั้นเขาเยือกเย็น หนักแน่น และดูมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง เสียงได้แล่นไปถึงหูผู้เฒ่าเหลียว
“ข้าดูดีใช่ไหม?”
ผู้เฒ่าเหลียวที่กำลังมองซือหยูตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อได้ยินเสียงลึกลับความกลัวปะทุจากหัวใจ
“นายท่าน….ข้าหมายถึง…นายน้อย…เสียงท่านรึ?ท่านอยู่ไหน?”
ซือหยูใช้รอยสลักวิญญาณสื่อสารกับเขา
“เจ้ารู้ว่าข้าอยู่ไหน!เจ้าไม่ได้มองข้าอยู่รึไง?”
หา?ข้ามองท่านรึ? ผู้เฒ่าเหลียวสั่นไปทั้งตัว เขามองซือหยูอีกครั้ง เขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าชายแก่มองตรงมายังดวงตาของเขา
“นายท่าน?นั่นท่านจริงๆรึ?”
ผู้เฒ่าเหลียวมองซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตาแต่สุดท้ายเขาก็รู้ความจริงเมื่อเห็นดวงตาอันคุ้นเคยนั้น
“ใช่รูปลักษณ์ของข้าเปลี่ยนไป”
เมื่อยืนยันว่าเขาคือซือหยูผู้เฒ่าเหลียวแทบจะโขกหัวตัวเองกับกำแพงเพื่อปลิดชีพตัวเอง
“นายน้อยเหตุใดท่านไม่บอกข้าให้เร็วกว่านี้เล่า? ข้าตกใจแทบตาย!”
เขาคิดว่าเขาได้พบกับคนร้ายที่ราชาเขตกลางต้องการตัวที่สุดและมีแก้วหลายล้านดวงเป็นรางวัลแต่เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่พบจะเป็นต้นตอแห่งภัยพิบัติ!
เมื่อผู้เฒ่าเหลียวรู้ทุกอย่างแล้วก็มีเสียงแปลกๆถามขึ้น
“ท่านผู้เฒ่าเหลียวเป็นอะไรรึ?”
ผู้เฒ่าเหลียวร่างกระตุกด้วยความตกใจเฉาหยินห่าวงุนงงกับท่าทางแปลกๆของผู้เฒ่า
ซือหยูขมวดคิ้ว
“ไม่ต้องสนใจมันเจ้าจัดการเรื่องที่นี่ก่อนเถอะ”
ผู้เฒ่าเหลียวราวกันได้ยกภูเขาออกจากอกเขาหันไปมองซือหยูที่อยู่ตำแหน่งตระกูลหยวน
“สิบลำดับแรกจงก้าวมาข้างหน้าข้าจะทดสอบทีละคน”
จิตใจคนตระกูลหยวนห่อเหี่ยวเพราะการประลองครั้งนี้ก็เป็นเพียงเครื่องมือแสวงผลประโยชน์ของอีกฝ่าย หากเจ้าตระกูลหยวนไม่หวาดกลัวสถานะอีกฝ่ายก็คงมีปากเสียงไปแล้ว แต่คนในตระกูลก็ได้แค่คิด…ว่าผู้เฒ่าตำหนักชิงวิญญาณจะมาเสียเวลากับเขาหรือ?
เมื่อผู้เฒ่าเหลียวสั่งผู้เข้าร่วมได้กลับมายังลานประลองและต่อแถวตามลำดับ ผู้เฒ่าเหลียวมองลำดับสิบ
สายตาเฉียบคมของเขามองทะลวงทุกสิ่งเมื่อมองผู้ถูกประเมิน
“เจ้าไม่ผ่าน”
คนที่สองเดินตามมาเขาส่ายหน้าเรื่อยไปเช่นเดียวกับคนที่สาม สี่
ผู้มีลำดับไม่ถูกเลือกเหมือนกับอดีต
การประเมินแบบเดิมดำเนินต่อไปถึงคนที่แปดหรือหยวนหวังปี่ที่ได้ลำดับสาม
นางเจ็บใจมากแต่ก็ต้องฝืนใจเย็นแต่นางมีหน้าตาอันงดงาม นางหวังว่ารูปลักษณ์ของนางจะช่วยเพิ่มโอกาสได้
ผู้เฒ่าเหลียวลังเลเล็กน้อยเขาสงสัย…ผู้หญิงคนนี้มาจากตระกูลหยวน…ข้าควรจะช่วยนางไหม?
เขาตัดสินใจว่าคงจะไม่เหมาะสมเพราะถ้าหากนายน้อยอยากให้เขาช่วย นายน้อยก็ควรจะบอกเขาไปแล้ว ผู้เฒ่าเหลียวที่ลังเลทำให้ทุกคนนั่งไม่ติดเก้าอี้
พวกเขาคาดหวังสิ่งที่ผู้เฒ่าเหลียวจะกล่าวต่อไปหยวนหวังปี่รู้สึกว่าหัวใจกำลังจะระเบิด นางรอคอยคำตัดสินเช่นกัน
“เจ้าไม่ผ่าน…”
ผู้เฒ่าเหลียวประกาศเขาเดินผ่านหยวนหวังปี่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทิ้งรอยยิ้มของนางให้หยุดนิ่งดั่งน้ำแข็ง
ต่อไปคือเฉาหยินเจ้าตระกูลหยวนถอนหายใจและเตรียมใจไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้น
เฉาหยินมีฐานพลังที่น่าประทับใจผู้เฒ่าเหลียวคงไม่มองข้ามเป็นแน่ สมเหตุสมผลหากจะถูกเลือก
เฉาหยินห่าวถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองลูกชายสวรรค์ลิขิตเส้นทางนี้ให้กับเฉาหยิน เขาจะได้เกียรติยศและทุกอย่างที่พวกเขาไม่ได้จากชายแก่ แต่ก็ยังคงรักษาตลาดไว้ได้
ถ้าหากเสียตลาดไปหนึ่งแห่งพันธมิตรปรุงยาคงจะพบความสูญเสียครั้งใหญ่ รากฐานสำคัญของพันธมิตรจะสั่นคลอน!
ทุกคนคิดในทิศทางเดียวกันแต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็ทำให้ทุกคนตกใจ พกวเขามองผู้เฒ่าเหลียวที่ไม่สนใจเฉาหยินที่หมดสติโดยสิ้นเชิง เขากลับเดินตรงไปหาหยวนหยิงหยิงที่ยืนเป็นลำดับหนึ่ง
เขายิ้มและชื่นชมนาง
“ไม่เลวสำหรับเด็กสาวเจ้าเอาชนะภูติระดับสองได้ทั้งที่เป็นกึ่งภูติ มีเพียงศิษย์เลื่องนามของตำหนักชิงวิญญาณเท่านั้นที่จะทำได้! เจ้าได้รับการยอมรับจากข้า ถ้าเจ้าฝึกหนักในตำหนักชิงวิญญาณจนได้เป็นภูติ ข้าจะแนะนำเจ้าเป็นศิษย์ใน”
ทุกคนมองตาค้างนอกจากเขาจะไม่สนใจเฉาหยินแล้วยังชื่นชมหยวนหยิงหยิงอีก! แต่ที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้เฒ่าเหลียวคิดจะแนะนำนางให้เป็นศิษย์ใน! เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในก่อนกับทุกสำนักในเทือกเขาคราม!
ลือว่าผู้ที่ได้เป็นศิษย์ในจะประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ฐานพลังจะเพิ่มอย่างน้อยเป็นจ้าวเทวะ แม้ขาดพรสวรรค์ก็จะได้เป็นภูติชั้นสูงโดยง่าย!
ทุกคนที่ได้โอกาสนี้จะกลายเป็นมังกรในหมู่มนุษย์และผู้เฒ่าศิษย์นอกก็มีโอกาสแนะนำเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และผู้เฒ่ามักจะให้โอกาสนี้กับศิษย์ของตนแทนที่จะให้กับคนนอก
แม้แต่พันธมิตรปรุงยาก็ไม่เคยได้สิทธิพิเศษเช่นนี้มาก่อนทุกคนตกตะลึงโดยมิอาจเข้าใจ …ผู้เฒ่าเหลียวแห่งตำหนักชิงวิญญาณเจอผีมาหรือกระไร?
เพราะเขามีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับพันธมิตรปรุงยาและเรื่องนี้ก็ไม่เป็นความลับ แต่เขากลับมองข้ามเฉาหยินในวันนี้ มิเพียงเท่านั้น เขายังมอบโอกาสครั้งใหญ่แก่ตระกูลหยวน! บางคนคิดว่าถูกส่งมาอยู่ในคนละจักรวาล…วันนี้ดวงสุริยาขึ้นทางตะวันตกหรืออย่างไร?
มิใช่เพียงคนรอบข้างที่ตกใจแม้แต่เจ้าตระกูลหยวนเองกับเหล่าผู้เฒ่าก็ยืนนิ่งเป็นขอนไม้ เรื่องราวเกิดขึ้นรวดเร็วจนพวกเขาตั้งตัวไม่ทัน
เจ้าตระกูลหยวนเบิกตาโพลงเขาเริ่มสงสัยว่าผู้เฒ่าเหลียวลืมกินยาก่อนออกจากบ้านหรือไม่!
เฉาหยินห่าวนิ่งสนิทหยุดไม่ได้ที่จะสงสัย…ผู้เฒ่าเหลียวทำอะไรลงไป?
หยวนหวังปี่สับสนไม่ต่างกัน…น้องสาวข้าจะได้เป็นศิษย์ในและทะยานอำนาจฐานะขึ้นมารึ?
เพราะแม้แต่ตระกูลชางก่วนก็มิอาจตีตนเสมอศิษย์ในของตำหนักชิงวิญญาณหยวนหวังปี่รู้สึกราวกับเห็นน้องสาวสะบัดปีกบินสู่ท้องนภา ขณะที่ตัวนางยังคงยืนอยู่บนพื้น เป็นเพียงคนธรรมดา ที่ต้องแหงนหน้ามองนาง
สิ่งที่น้องสาวนางพูดเป็นเรื่องจริงวันที่นางได้มองน้องสาวและอ้อนวอนขอการยอมรับมาถึงแล้ว
หยวนหยิงหยิงหนักแน่นใจเย็นนางได้รับสิ่งดีๆมากมายอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้นางพอใจและปลอดโปร่ง
“ผู้เฒ่าเหลียวขอบคุณที่เลือกข้า ข้าจะไม่มีวันลืมเลย”
หยวนหยิงหยิงโค้งคำนับ
ผู้เฒ่าเหลียวหัวเราะตอบแต่ในใจกำลังคิด…นายน้อย ข้าแสดงพอแล้ว ตระกูลหยวนคงจะได้รับเกียรติพอแล้วกระมัง
แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยอมลดละไปเฉยๆ
“ผู้เฒ่าเหลียวท่านยังไม่ได้ทดสอบลูกข้าเฉาหยินเลย!”
ผู้พูดคือเฉาหยินห่าวเขาเตือนแกมตำหนิ
ผู้เฒ่าเหลียวตัวแข็งทื่อเขาโกรธเพราะน้ำเสียงของอีกฝ่าย เขาโกรธแค้นอยู่ในใจ…ไอ้นี่บัดซบได้เพียงนี้เชียวรึ? จะไม่รักษาหน้าข้าเลยหรือ?
ผู้เฒ่าเหลียวใจแข็งตอบ
“เฉาหยินมันคนไหนรึ?ใช่ขณะที่ข้าเคยได้ยินหรือไม่…คนที่สลบไปเพราะคนที่ฐานพลังต่ำกว่าน่ะ? ตำหนักชิงวิญญาณของข้าไม่กล้ารับคนเช่นนี้หรอก!”
คำพูดของเขาทำให้ทุกคนสับสนพวกเขาต่างคิดว่าตระกูลหยวนติดสินบนจนผู้เฒ่าเหลียวเปลี่ยนข้างหรือไม่ และเมื่อถึงตอนนี้ เฉาหยินห่าวก็ตระหนักแล้วว่าผู้เฒ่าเหลียวยืนฝั่งตระกูลหยวน
เขาอยากจะสะสางแค้นเสียตั้งแต่ตอนนี้แต่ผู้เฒ่าเหลียวหันมามองหน้าเขา เฉาหยินห่าวสังเกตได้ว่าผู้เฒ่าเหลียวแอบมองเขาอย่างลึกซึ่ง ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าเหลียวกำลังหวาดกลัวบางสิ่งบางอย่างอยู่
นั่นทำให้เฉาหยินห่าวเลิกล้มแผนที่จะเผชิญหน้าที่นี่อารมณ์เขายังดีขึ้นมามาก เพราะดูจากแววตาแปลกๆของผู้เฒ่าเหลียวแล้ว ผู้เฒ่าเหลียวน่าจะไม่ได้ย้ายข้างไปที่ตระกูลหยวนจริง
จะต้องมีที่มาของท่าทางแปลกนี้เฉาหยินห่าวถอนหายใจอย่างโล่งอกและจะรอเวลาหาทางรู้รายละเอียดจากผู้เฒ่าเหลียวต่อไป
เจ้าตระกูลหยวนยิ้มถาม
“เฉาหยินห่าวหากจบลงเช่นนี้ เจ้าก็ควรจะทำตามเดิมพันมิใช่รึ?”
เฉาหยินห่าวรู้สึกอัปยศอดสูความเกลียดชังเอ่อล้นในใจ หากเสียตลาดสำคัญไปสักแห่ง ตระกูลหยวนก็จะเข้มแข็งขึ้นอีกมาก ยากที่พันธมิตรปรุงยาจะควบคุมได้อีกแล้ว
แต่ผู้เฒ่าเหลียวนั้นโดยใครบางคนขู่อยู่ในตอนนี้เฉาหยินห่าวรู้ตัวว่ามิอาจช่วยได้ เขาจึงไร้อำนาจต่อรองใดๆในสถานการณ์นี้ทำได้แต่จำทน
“ข้ารักษาคำพูดเสมอรับไปซะ นี่โฉลดตลาดของเจ้า”
เฉาหยินห่าวโยนโฉนดออกไป
เจ้าตระกูลหยวนยิ้มรับเขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดเขาก็ได้พลิกตระกูลกลับหลังจากถูกข่มเหงมาตลอดห้าสิบปี!
“ไปกันได้แล้ว!”
เฉาหยินห่าวที่ไม่พอใจลากคอเสื้อเฉาหยินจากไป
เขามองหยวนหยิงหยิงกับซือหยูอย่างตั้งใจหนึ่งคือยอดฝีมือไร้พ่ายแห่งตระกูลหยวน อีกคนคือผู้ร้ายที่ราชาเขตกลางต้องการตัว เขาคิดได้ในทันทีว่าจะต้องสังหารทั้งสองคนไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใด!
DND.758 – ทิ้งไว้เป็นหนี้แค้น
เจ้าตระกูลหยวนที่เห็นสายตาเฉาหยินห่าวพาหยวนหยิงหยิงออกจากเวทีประลองและชี้แนะ
“นับจากวันนี้ไปหยิงหยิงจะย้ายมาอยู่ใกล้เรือนข้า ท่านผู้เฒ่าทั้งหลายจงปกป้องหยิงหยิงให้ดี เฉาหยินห่าวไม่เลิกราแน่ ทุกวิถีทางใดล้วนทำเพื่อเอาชีวิตนาง”
เพราะอย่างไรก็คงจะน่าฉงนหากพันธมิตรปรุงยาจะอยู่เฉยหลังจากชัยชนะครั้งใหญ่ของตระกูลหยวนพวกเขาจะไม่พยายามชิงตลาดกลับมาเพราะได้มอบโฉนดต่อหน้าสาธารณะชน ดังนั้นคนที่ตกอยู่ในอันตรายก็คือหยวนหยิงหยิง
“เราควรรีบจ้างยอดฝีมือมิเช่นนั้นเราคงจะปกป้องนายหญิงสองไม่ได้แน่”
ปั่วจินกล่าว
เขารู้ว่าพันธมิตรปรุงยามีอำนาจและอิทธิพลลำพังตระกูลหยวนมิอาจเผชิญหน้า มีเพียงการจ้างยอดฝีมือเท่านั้นที่จะรับมือได้
“เช่นนั้นก็จงไปประกาศรับคนเสียอย่าได้ตระหนี่เงินทอง! ไม่ว่าจะโอสถหรือแก้วพลัง จงรับยอดฝีมือทั้งหมดในเมืองมาปกป้องหยวนหยิงหยิงจนกว่าจะพานางไปถึงตำหนักชิงวิญญาณได้สำเร็จ”
เจ้าตระกูลหยวนมักจะอาจหาญและเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
แม้ถ้าเขาไม่ได้รักลูกสาวแค่เพียงเรื่องที่นางเป็นศิษย์นอกแห่งตำหนักชิงวิญญาณก็มากพอที่จะให้เขาสละถึงงครึ่งตระกูลหยวนเพื่อปกป้องนาง ตอนนี้ทั้งตระกูลหยวนรวมใจเป็นหนึ่งในเรื่องครั้งนี้
เมื่อนายหญิงสองได้เข้าสู่ตำหนักชิงวิญญาณนางจะกลายเป็นยอดฝีมือยิ่งใหญ่ และอนาคตก็เป็นไปได้ว่าตระกูลหยวนจะได้ปกครองดินแดนที่กว้างใหญ่กว่าเดิมหากมีนางช่วย เพียงแค่คิดทุกคนก็ฮึกเหิมขึ้นมา
พวกเขามองหยวนหยิงหยิงด้วยความงุนงงแค่เดือนเดียว นางก็เปลี่ยนจากลูกเป็ดน่าเกลียดมาเป็นเด็กสาวอัจฉริยะแห่งเทือกเขาคราม ความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงของนางทำให้พวกเขาคิดว่าอยู่ในฝัน ส่วนตระกูลหยวนนั้นยังคงเชื่อว่าเป็นเพราะผู้อาวุโสจ้าวเทวะเพียงอย่างเดียว
หยวนหยิงหยิงแม้นางจะถูกสนใจจากทุกคน นางก็ยังคงใจเย็นเป็นสุข นางเหลือบมองด้านหลังหวังจะพบซือหยู แต่นางก็เห็นว่าเขาหายไปแล้ว ตอนนี้เขายืนหน้าประตูของพันธมิตรปรุงยา ดวงตาของเขาเยือกเย็น
เหตุใดเฉาหยินถึงต้องการตัวข้าล่ะ?แล้ว…ทำไม…ตั้งแต่ตอนนั้น…ข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจเลย? คำถามเหล่านี้ยังคงพุ่งพล่านในใจ เขาตัดสินว่าจะต้องรู้เรื่องราวทั้งหมดให้ได้!
แต่ตอนนั้นเองสาวงามได้เดินมาหาเขา นางตัวสูงพร้อมใบหน้าสะสวย ดวงตาของนางสดใสดั่งน้ำแข็ง มองเพียงครั้งเดียวก็บอกได้ว่านางเป็นสตรีที่น่าดึงดูด
“นายหญิงหนึ่งเจ้าต้องการอะไร?”
ซือหยูถาม
หยวนหวังปี่ตอบ
“ข้าอยากจะพูดกับท่านแต่ไปพูดที่อื่นจะดีกว่า”
ซือหยูขมวดคิ้วแต่ก็เดินตามนางไปเมื่อมาถึงซอยเปลี่ยวมืด หยวนหวังปี่ได้หันมาหาเขา
“ท่านผู้อาวุโสข้ารู้ว่าท่านช่วยน้องสาวข้า ใช่หรือไม่?”
ซือหยูไม่ยอมรับหรือปฏิเสธแต่เพียงเงียบ
เมื่อไม่ได้รับคำตอบนางพูดต่อ
“การเปลี่ยนแปลงของน้องสาวข้าเกิดขึ้นหลังจากพบท่านทีแรกข้าคิดว่าเพราะจ้าวเทวะช่วยนาง แต่คิดให้ถี่ถ้วนแล้ว จ้าวเทวะเพิ่งจะปรากฏตัวหลังจากท่านพบพวกเรา”
นางหรี่ตามอง
“ข้าไม่คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญก่อนท่านจะมาที่นี่ น้องสาวข้าอ่อนด้อยกว่าข้าในทุกด้าน ฉะนั้นแล้ว…อยู่ดีๆจ้าวเทวะจะปรากฏตัวออกมาแล้วถูกใจนางอย่างนั้นรึ?”
นางส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ
“ข้ารู้ว่าเรื่องนี้มีคำตอบพอได้ดูน้องสาวข้าวันนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าคนที่ช่วยเหลือน้องสาวข้าหาใช่จ้าวเทวะ แต่เป็นท่าน เพราะนางไม่เคยพูดถึงอาจารย์จ้าวเทวะ…นางพูดถึงแต่ท่าน ปู่ซือของนาง!”
นางมองเขาราวกับจะมองทะลวงร่าง
“ดังนั้นจึงมิใช่อาจารย์จ้าวเทวะแต่เป็นท่านที่ช่วยน้องสาวข้า ใช่หรือไม่?”
เมื่อนางจับได้ซือหยูจึงไม่ปิดบังสิ่งใดอีก
“ใช่แต่ยังไงเล่า? เจ้ามาที่นี่เพื่อจะบอกข้า หรือจะมาสังหารข้าระบายความโกรธล่ะ?”
ความยินดีปรากฏในใบหน้าหยวนหวังปี่สิ่งที่นางคิดเป็นเรื่องจริง!
“มิได้แต่…ท่านแข็งแกร่งมากใช่หรือไม่? ท่านบงการผู้เฒ่าเหลียวได้ ข้ารู้ว่าผู้เฒ่าเหลียวมีตำแหน่งสูงในตำหนักชิงวิญญาณ แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจล่วงเกินเขาได้ แต่ท่านกลับทำได้ แล้วคนอย่างข้าจะทำอะไรท่านได้ล่ะ?”
ซือหยูขมวดคิ้ว
“แล้วเจ้าจะมาหาข้าทำไม?”
หยวนหวังปี่ยิ้มอย่างอ่อนหวานเข้าใกล้ซือหยูเมื่อกลิ่นกายโหมเข้าจมูก นางได้ยื่นดัชนีจรดอกของเขา ดัชนีอบอุ่นพร้อมการเคลื่อนไหวดูมีเสน่ห์ยิ่ง
นางดูยั่วยวนเมื่อหายใจช้าๆ
“หากท่านทำให้น้องสาวด้อยความสามารถเป็นยอดฝีมือได้ท่านก็ต้องทำให้ข้าโดดเด่นได้ยิ่งกว่านาง ข้าดีกว่าน้องข้าทุกอย่าง ข้าเชื่อฟังกว่านาง ข้าจะฟังคำสั่งท่านทุกอย่าง”
ขณะพูดร่างกายอ่อนนุ่มเข้ากอดซือหยู อกอวบอิ่มกดแนบลำตัว ซือหยูยิ้มเยาะที่มุมปาก
“นายหญิงเจ้าถึงกับยอมเสนอร่างกายให้กับชายแก่อย่างข้าเชียวรึ?”
“ร่างนี้เป็นเพียงเนื้อหนังมังสาข้าไม่ใส่ใจ ผู้อาวุโสโปรดช่วยข้าเถอะ”
หยวนหวังปี่คล้องแขนขาวเนียนรอบคอซือหยูริมฝีปากแดงดั่งกุหลาบเข้าใกล้หมายจุมพิต
แต่พลังชีวิตมหาศาลได้เอ่อล้นจากร่างซือหยูสลัดตัวนางออกไปแววตาเยือกเย็นของเขามองนางด้วยความหยามเหยียด
“มีเพียงการให้เกียรติตนเองเท่านั้นเจ้าจึงจะได้เกียรติจากคนอื่น! ขออภัย ข้าจะไม่ช่วยเจ้า”
เขาหันหลังจากไปหยวนหวังปี่หน้าแดง
นางทั้งอับอายและเศร้าหมองแต่นางยังคงรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ นางตะโกนไล่หลังไป
“น้องสาวข้ามีดีอะไร?ทำไมถึงช่วยนางไม่ใช่ข้า?”
ซือหยูตอบไม่เหลียวมอง
“นางอ่อนด้อยกว่าเจ้าหลายด้านแต่นางมีจิตใจดีพร้อมทั้งเมตตา เป็นสองสิ่งที่เจ้าไม่มีวันเทียบได้”
ซือหยูไม่รอนางตอบก่อนจะหายตัวไปในความมืด
ความชิงชังปรากฏในแววตาหยวนหวังปี่นางตะโกนสุดเสียง
“ข้าสาบานว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไป!ข้าอัปยศเช่นนี้เพราะเจ้า ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! ข้าจะต้องเอาคืนความอัปยศครั้งนี้ให้ได้!”
ณพันธมิตรปรุงยา
เฉาหยินห่าวสีหน้าเศร้าหมองเขานั่งหน้าเตียงบุตรชาย
“เจ้ารวมคนพร้อมหรือยัง?”
ชายวัยกลางคนจมูกแดงที่นั่งฝั่งตรงข้ามตอบ
“ภูติห้าสิบกึ่งภูติแก้วสามดวงห้าร้อย แลเจ้ากับข้า ย่ำค่ำนี้ลงมือ”
“ตระกูลหยวนเดินไม้ใดอยู่?เลี่ยงไม่ได้หากพวกมันจะรู้ว่าเราเรียกรวมยอดฝีมือจำนวนมาก ใช่หรือไม่?”
เฉาหยินห่าวถาม
ชายจมูกแดงหัวเราะเบาๆอย่างชั่วร้าย
“มันเริ่มลงเงินมหาศาลจ้างยอดฝีมือในเทือกเขาครามตั้งแต่ออกจากสนามประลองข้าส่งหนอนบ่อนไส้ที่เป็นภูติเข้าไปปนกับพวกมัน ถึงเวลาพวกมันคงได้ตกใจ”
สีหน้าเฉาหยินห่าวเศร้าหมองเพลิงแค้นแผดเผาดวงตา
“ตระกูลเฉาสูญเสียเช่นนี้มันจะปลอดภัยดีไม่เสียสละได้รึ? ถึงจะทำลายตระกูลหยวนไม่ได้ แต่เราก็ฆ่านังเด็กนั่นได้!”
ชายจมูกแดงเริ่มลังเล
“เรามิควรแจ้งผู้เฒ่าเหลียวก่อนหรือ?ท่านคิดอ่านอย่างไรเรายังมิอาจรู้ได้”
เฉาหยินห่าวส่ายหน้า
“ไม่ล่ะผู้เฒ่าเหลียวก็มีปัญหาของตัว หากเราสังหารนางเอง ผู้เฒ่าเหลียวก็คงอธิบายกับคนที่บงการเขาอยู่ได้ บอกได้ว่าเขาไม่รู้เรื่อง บอกผู้เฒ่าเหลียวก็รังแต่จะทำให้ท่านมีอันตราย”
“ไม่ว่าจะอย่างไรเด็กนั่นต้องตาย คนมีพรสวรรค์เช่นนี้มิอาจมีชีวิตยืนยาว! แม้นางจะอ่อนแอกว่าเฉาหยิน ต่อให้นางได้ไปตำหนักชิงวิญญาณ ข้าก็ยังพอรับได้ เพราะอย่างไรนางก็จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเฉาและควบคุมได้”
เขาส่ายหน้า
“แต่นางแข็งแกร่งกว่าเฉาหยินนางจะทะยานฟ้าเป็นปัญหาแก่เรา เราค่อยหาภรรยาใหม่ให้เฉาหยินก็ไม่เสียหาย”
ในตอนนั้นเฉาหยินตื่นขึ้นมาพอดี
“ท่านพ่อข้าอยู่ที่ไหน?”
เฉาหยินห่าวดีใจมาก
“หยินเอ๋อดีจริงๆที่เจ้าไม่เป็นอะไร!”
เฉาหยินยังคงมึนหัวผู้เป็นพ่อบอกทุกอย่างที่เกิดขึ้น เมื่อได้ยินว่าเขาเสียโอกาสได้เป็นศิษย์นอกของงตำหนักชิงวิญญาณ เขาก็แทบจะสลบไปอีกครั้ง
“เป็นไปไม่ได้!ข้าฝึกฝนอย่างหนักมาเกินสิบปี…เพื่อวันนี้เท่านั้น! ทั้งหมดจะสูญเปล่างั้นเรอะ?”
“หยินเอ๋อไม่ต้องห่วง คืนนี้เราจะล้างแค้นตระกูลหยวน เราจะฆ่านังโสเภณีหยวนหยิงหยิงที่ทำร้ายเจ้าจนเสียโอกาสวันนี้!”
เฉาหยินห่าวกล่าว
เฉาหยินเกลียดนางเขากำผ้าปูเตียงแน่น
“นังนั่นต้องทุกข์ทนมานยิ่งกว่าตายกล้าดียังไงมาทำลายอนาคตข้า ท่านพ่อ ข้าขอไปกับท่านคืนนี้ ข้าอยากเห็นมันตายด้วยตาตัวเอง!”
เฉาหยินห่าวพยักหน้า
เวลาล่วงเลยแช่มช้าตะวันลับตาผู้คน แสงขอบนภาแดงดั่งโลหิต เหล่าทหารพุ่งเข้ามาเรียงรายเตรียมเดินทาง
“นายท่านผู้เฒ่าเหลียวมาที่นี่ เขาอยากจะให้ท่านสองคนพบเขา เขาขอให้พานายน้อยไปด้วย”
เฉาหยินห่าวดีใจมาก
“ผู้เฒ่าเหลียวกลับมาแล้ว!ไปหาท่านกันเถอะหยินเอ๋อ ตราบเท่าที่ท่านแนะนำเจ้า เจ้าก็ยังมีหวังได้ไปตำหนักชิงวิญญาณ!”
เฉาหยินดีใจขึ้นมาก
“ก่อนจะฆ่านังโสเภณีนั่นไปเจอผู้เฒ่าเหลียวกันก่อนเถอะท่านพ่อ”
ทั้งสามไปยังโถงประชุมเมื่อผู้เฒ่าเหลียวมาหาพวกเขาในอดีต ผู้เฒ่าเหลียวนั้นมักจะใช้ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องบอกว่าผู้เฒ่าเหลียวอยู่ที่ใดเพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้ว
เมื่อประตูหนักเปิดออกทั้งสามชักสีหน้าทันที ทุกครั้งที่ผู้เฒ่าเหลียวมาที่นี่ เขาจะนั่งในเก้าอี้ตำแหน่งสูงสุดราวกับเป็นเจ้าของที่นี่ แต่ครั้งนี้เขายืนด้วยความเคารพอยู่หลังเก้าอี้ตัวเดิม
บนที่นั่งชายแก่ประหลาดได้นั่งอยู่! เขาสวมชุดเรียบง่ายแต่สง่างาม เส้นผมยาวสีขาวได้รับการดูแลอย่างดี เขาดูไม่เหมือนคนธรรมดาเลย
ชายแก่กำลังจิบชาเขาดูสง่าในทุกท่วงท่า เหมือนกับราชาผู้ยิ่งใหญ่

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset