The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 829-830

DND.829 – อันธพาลวิวาท
ลานตำหนักนอกคือสถานที่ที่ศิษย์นอกมักจะมารวมตัวกันนอกจากห้องฝึกมีเพียงแต่พวกเขาจะมาปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูงเท่านั้น ที่นี่ยังมีร้านค้าตลาดมืดที่ขายสินค้าที่มีที่มาน่าสงสัยอย่างโอสถ วิชาบ่มเพาะ สมบัติวิเศษ หรือกระทั่งข่าวสาร
บอกได้ว่าคนที่มาจะได้ทุกอย่างที่นี่เว้นแต่การลอบสังหารปล้น ค้ามนุษย์ หรือเรื่องเทือกนี้ที่ตำหนัหห้าม วันนี้ตลาดมืดยิ่งคึกคักกว่าปกติ
นั่นก็เพราะหนึ่งในตลาดมืดของสำนักใหญ่ได้ทำเรื่องที่โหดร้ายอย่างมากมันคือการกำจัดฐานพลังของศิษย์ที่ติดหนี้และไม่จ่ายคืน
เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมานานแล้วคนที่ยืมคะแนนต้องสาบานผ่านปฏิญาณสัตย์ดวงใจ ถ้าหากไม่จ่ายตามเวลา ฐานพลังจะถูกทำลายตามข้อตกลง
ตำหนักนอกนั้นทำเป็นไม่รู้เห็นและไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวพวกเขาเพียงเตือนคนในระวังเรื่องการกู้ดอกเบี้ยสูงเท่านั้น คนที่ถูกทำลายฐานพลังนั้นจะไม่มีที่ยืนในตำหนักนอก เพราะพวกเขาก็แค่มนุษย์ธรรมดา พวกเขาอาจจะต้องดูแลศิษย์นอกคนอื่นๆ หรือไม่ก็ต้องออกจากตำหนักไป
มีคนที่แย่กว่านั้นถ้าเขามีศัตรูและอนาคตดับวูบ พวกเขาก็จะไม่กล้าออกจากตำหนักเพราะกลัวว่าจะถูกตามล่า!
ชะตากรรมอันหดหู่ได้เตือนทุกคนเป็นอย่างดีด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครกู้เงินอย่างบุ่มบ่าม พวกเขาจะกู้เงินก็ต่อเมื่อมั่นใจมากว่าจะจ่ายคืนได้เท่านั้น
เมื่อเป็นเรื่องแบบนี้ก็เป็นธรรมดาที่หลายคนจะให้ความสนใจโดยเฉพาะเมื่อคนที่กำลังจะถูกทำลายฐานพลังคือคนจากตระกูลชางก่วน ชางก่วนหยุนซื่อ!
ตระกูลชางก่วนเป็นตระกูลใหญ่ลำดับสองแห่งตระกูลทั้งสิบแปดเรื่องที่แม้แต่นายน้อยตระกูลใหญ่ยังเจอผลอันน่ากลัวตามมานั้นทำให้ผู้คนตัวสั่นด้วยความกลัว
ที่ลานมีคนอยู่แน่นมันแน่นซะจนคนล้นไปข้างนอก!
มีห้าสิบคนที่มีฐานพลังสูงพวกเขานำโดยเฉาฉิงเฟิง
ที่อ่อนแอที่สุดนั้นเห็นภูติระดับสามขณะที่แข็งแกร่งสุดเป็นภูติระดับเจ็ด พวกเขาคุ้นเคยกับทุกคนที่นี่เพราะเป็นสมาชิกของตลาดมืดที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง ตอนนี้พวกเขารวมตัวกันอยู่ด้านหลังเฉาฉิงเฟิงราวกับสมาคมผู้ก่อการร้าย
หน้าสุดคนผู้หนึ่งถูกภูติระดับเจ็ดสองคนคุ้มกันเอาไว้ เขาคือชายหนุ่มสวมชุดงดงาม ที่แก้มนั้นม่วงช้ำ มือของเขาถูกมัด ผู้คนกระซิบกระซาบกัน…
“ชางก่วนหยุนซื่อ…ข้ารู้จักเขาเขาเริ่มมาบ่มเพาะที่ตำหนักในแล้ว แต่เขาก็ยังชอบมาเสเพลกับสหายที่ตำหนักนอก ใครจะไปคิดเล่าว่าเขาจะมาถูกกับดักเช่นนี้?”
“ข้าก็คิดเหมือนเจ้าเมื่อก่อนเขาดูดีกว่านี้ ตระกูลมีอำนาจกล้าแกร่ง มีคะแนนใช้ไม่มีวันหมด แต่น่าเสียดายที่เขาไปทำให้ใครโกรธเข้า ถึงตระกูลชางก่วนจะยอดเยี่ยม แต่มันก็ไร้แสงสว่างเมื่อเทียบกับเจ้าตำหนักขวา”
“หึหึตระกูลเขามีค่าเท่านั้นจริงๆรึ? พี่สาวชางก่วนชิงเอ๋อของเขาเป็นศิษย์ของเจ้าตำหนัก แต่เจ้าตำหนักขวากลับกล้าหมายตาน้องชายนางได้ยังไง”
“ก็เจ้าตำหนักไม่สนใจเรื่องภายในตำหนักมาร้อยปีแล้วมีแต่เจ้าตำหนักซ้ายขวาที่จัดการเรื่องราวจนกลายเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง หากนางเป็นศิษย์คนสุดท้ายของม่อเทียนฉวน พวกเขาก็คงจะไม่กล้ายุ่งหรอก”
ศิษย์อย่างไม่เป็นทางการนั้นมักจะเป็นเพียงฉายามันอาจดูยิ่งใหญ่ในสายตาผู้อื่น แต่ก็ไร้อำนาจต่อสายตาผู้มีอำนาจ ชางก่วนชิงเอ๋อถูกนับเป็นหนึ่งในศิษย์อย่างไม่เป็นทางการของม่อเทียนฉวน ขณะแท้จริงแล้วนางได้พบกับม่อเทียนฉวนเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ขณะที่คนอื่นๆพูดคุยกันถึงเรื่องนี้บางคนยินดีกับความโชคร้ายของเขา ขณะที่บางคนถอนหายใจ เฉาฉิงเฟิงรออย่างอดทนขณะแสยะยิ้มที่มุมปาก เขาอยากจะรู้ว่าซือหยูจะมาช่วยชางก่วนหยุนซื่อหรือไม่
มันจะดีที่สุดถ้าเขาหาทางสร้างการปะทะได้จากนั้นจะเกิดความวุ่นวาย เล่าอ๋ายจะจู่โจมซือหยูและเอาชีวิตมาในกระบวนท่าเดียว!
ฟึ่บ!
ความวุ่นวายปรากฏท่ามกลางผู้คนพวกเขาหลีกทางให้กับกลุ่มคน คนที่นำมาดูเหมือนกับกำลังเมาอยู่ มีคนห้าสิบคนตามเขา
“นักเลงหลงกับพรรคพวกมาแล้ว!
บางคนอุทานด้วยความตกตะลึงทุกคนคิด…
คนจากตลาดมืดสำนักขวากำลังจะทำลายฐานพลังของชางก่วนหยุนซื่อนี่เป็นเหตุให้คนสำนักซ้ายมาต่อสู้กันรึ?
ทั้งสองฝ่ายเป็นคนของตลาดมืดแต่ละฝ่ายปกครองตลาดมืดครึ่งส่วน พวกเขาแทบจะไม่ต่อสู้กันเลยเพราะตำหนักนอกมีกฎอันเข้มงวดและห้ามการต่อสู้กลุ่มใหญ่ ดังนั้นการปรากฏตัวของทั้งสองฝ่ายจึงทำให้ทุกคนงุนงง
เฉาฉิงเฟิงตกตะลึงเขาขมวดคิ้วเบาๆ
“พวกเจ้ามาทำไม?”
ซือหยูไม่ได้มาที่นี่แต่ศัตรูกลุ่มใหญ่กลับมา! …นี่มันเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้
นักเลงหลงถาม
“เจ้าสร้างที่นี่มารึไง?ข้าจะมาเมื่อใดก็ย่อมได้! ข้าไม่ต้องมาขอเจ้า!”
นักเลงหลงอ่อนแอกว่าเฉาฉิงเฟิงอย่างมากแต่เขาก็อาศัยคนหมู่มากเพื่อเผชิญหน้ากับเฉาฉิงเฟิง
เฉิงฉิงเฟิงแสยะยิ้มอย่างเย็นชา
“ให้คนที่พูดได้เหมาะสมมาคนอย่างเจ้าไม่สมควรจะพูดกับข้าตรงๆ”
“อย่างนั้นหรือ?เช่นนั้น…ข้าสมควรพูดหรือไม่?”
สตรีที่มีร่างกายทรงเสน่ห์ปรากฏตัวท่ามกลางผู้คนนางทำให้สายตาหลายคนร้อนผ่าว
“จิ้งจอกตำหนักในเสวี่ยฉี!”
มีคนตะโกนขึ้นมานางมีชื่อเสียงอย่างมากแม้แต่ในตำหนักนอก หลายคนรู้จักนาง
“แม้แต่ศิษย์ในก็เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยรึ?น่าตกใจนัก!”
คนใกล้เคียงพูดขึ้นมา
เฉาฉิงเฟิงสีหน้าเป็นกังวล
“เสวี่ยฉี?เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน?”
เสวี่ยฉียิ้มอย่างสดใสและมีเสน่ห์
“หึหึข้าก็มาเพื่อรับตัวนายน้อยชางก่วนน่ะสิ ขออภัยที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อนว่าเขาก็ติดหนี้พวกเราเหมือนกัน จะทำลายฐานพลังเขาก่อนจ่ายคืนพวกเราไม่ได้ เราต้องให้เขาทำงานเอาคะแนนมาคืน”
ผู้คนรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นพวกเขาเริ่มพูดคุยกัน…
“แปลกมาก!ทำไมคนตลาดมืดสำนักซ้ายถึงมาเข้าข้างชางก่วนหยุนซื่อกัน? พวกเขาเคลื่อนตัวคนตลาดมืดทั้งหมดมา กำลังจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่!”
“มีกลิ่นแปลกๆ!ตระกูลชางก่วนไม่น่าจะมีโอกาสทำอะไรให้คนตลาดมืดสิ!”
“ถูกแล้วแม้แต่เสวี่ยฉีก็มีเอี่ยวด้วย นางมีตำแหน่งสูงในสำนักซ้าย เหตุใดต้องมาช่วยชางก่วนหยุนซื่อที่อำนาจเล็กน้อยด้วยล่ะ?”
เฉาฉิงเฟิงสีหน้าหม่นหมอง
“ซือหยูเซี่ยนทำให้เจ้ามายุ่งเกี่ยวได้เช่นนี้…เจ้าประเมินเขาไว้สูงสินะ”
สำนักซ้ายสนใจซือหยูจนเกินกว่าที่เขาคิดแต่เขาก็ยังต้องสังหารซือหยูอยู่ดี
หลังเขาพูดจบทุกคนก็ตกตะลึง..
“อะไรนะ?นางเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เพราะซือหยูเซี่ยนงั้นรึ?”
มีบางคนที่ยังไม่รู้จักซือหยู…
“ใครกัน?”
“เจ้าไม่รู้จักซือหยูเซี่ยนรึ?เขาเป็นอสูรหน้าใหม่คนที่ห้า เขาคือราชาเรือนกลาง! บุรุษน่ากลัวที่ขืนใจปิงหวูชิงตั้งแต่วันแรกที่เข้าร่วมเขาอสูร เขาได้ครอบครองทั้งร่างกายและหัวใจของนาง ได้ยินว่าหลังจากวันนั้น ปิงหวูชิงก็หึงเขาจนต่อสู้กับจ้าวหอเพลิงคลั่งที่ข้างถนน!”
“มีคนเห็นเขาเข้าเรือนจ้าวหอเพลิงคลั่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดเดือนนางคงจะตกเป็นของเขาไปแล้ว!”
“หา!นั่นมันเรอะ!”
หลายคนตกตะลึงพวกเขารู้ว่าอสูรเรือนกลางผู้มาใหม่คนนี้ได้ปรากฏตัวแล้ว แต่ก็ไม่รู้นามจริง
“ถ้าเช่นนั้น…ศิษย์พี่เสวี่ยฉีก็ตกเป็นของอสูรเรือนกลางผู้นี้แล้วรึ?”
มีคนถามขึ้นมาขณะที่สายตาหลายคู่มองเสวี่ยฉีในทันที
เสวี่ยฉีไม่สนใจคำเยาะเย้ยของเฉาฉิงเฟิงนางหัวเราะเบาๆอย่างมีเสน่ห์
“ตราบเท่าที่ซือหยูเซี่ยนพูดข้ายินดีแม้แต่ปีนเขากระบี่หรือจมทะเลเพลิงเพื่อเขา”
“น่ารังเกียจนัก!อสูรเรือนกลางฉวยโอกาสปิงหวูชิงแล้วยังไม่พอ เขายังเอาจ้าวหอเพลิงคลั่งไปด้วย! แล้วตอนนี้ยังได้เสวี่ยฉีไปอีก! ไอ้บัดซบเอ้ย!”
“ใช่!ข้าอยากจะอาเจียน มันเอาโฉมงามแห่งตำหนักโลหิตไปถึงสามคน!”
“อสูรเรือนกลางบัดซบ!ถ้าข้าแข็งแกร่งขึ้นเมื่อไหร่ เจ้าจะเป็นคนแรกที่ข้าตามหา ข้าจะทุบตีจนมันต้องคุกเข่าต่อหน้าข้า”
ซือหยูกลายเป็นศัตรูกับเหล่าชายตำหนักนอกโดยที่ไม่รู้ตัวเลย
“เฉาฉิงเฟิงส่งชางก่วนหยุนซื่อมา ถ้าไม่ ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนเจ้าตำหนักขวา…”
เสวี่ยฉีกล่าว
นักเลงหลงหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“พี่น้องอย่าได้ออมมือ! จัดการทำหมันพวกมันซะ!”
คลื่นเสียงหัวเราะดังกระหน่ำแต่ในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนเหยียดหยามก็ดังมาจากฝั่งคนของเฉาฉิงเฟิง
“ข้าก็อยากจะรู้นักว่าใครจะกล้าทำแบบนั้น!”
เมื่อเสียงตะโกนดังชายผิวเนียนก็เดินออกมา นักเลงหลงและคนอื่นๆกลั้นหายใจ เสียงหัวเราะชั่วร้ายของพวกเขาหยุดลง
เสวี่ยฉีหรี่ตา
“เล่าอ๋ายเจ้าไม่ได้อยู่ตำหนักนอกแต่มาก่อเรื่องที่นี่ เจ้าไม่กลัวเจ้าตำหนักซ้ายเอาผิดเรื่องที่เจ้าทำผิดกฎตลาดมืดรึ?”
เล่าอ๋ายหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“มันก็เหมือนเจ้าไม่ใช่รึไง?”
“เล่าอ๋ายถ้าเจ้าไม่อยากจะก่อเรื่องในตำหนักนอก เจ้าก็ส่งชางก่วนหยุนซื่อมาให้เราเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น ข่าวเรื่องการต่อสู้กลุ่มใหญ่จะไปถึงหูเจ้าตำหนักใน ถึงข้าจะถูกลงโทษ แต่เจ้าก็ต้องถูกลงโทษเหมือนกัน”
เล่าอ๋ายเบิกตากว้างเพราะสิ่งที่เขาไม่อยากจะให้เกิดขึ้นที่สุดก็คือสิ่งที่นางพูดขู่มา
“เจ้าขู่ข้าเรอะ?”
เล่าอ๋ายหรี่ตาถาม
เสวี่ยฉีพูดสุดเสียง
“ใช่!ข้าขู่เจ้า! เจ้าจะส่งตัวเขามาหรือไม่?”
ความเยือกเย็นปรากฏในแววตาเล่าอ๋าย
“ข้าจะส่งตัวเขาให้เจ้าแน่แต่เจ้าต้องรอสักประเดี๋ยว”
เขามองไปยังเฉาฉิงเฟิง
“เห็นทีซือหยูเซี่ยนมันก็แค่คนขี้ขลาดไม่ต้องรออะไรแล้ว ทำลายฐานพลังมันทิ้งเสีย”
เฉาฉิงเฟิงผิดหวังไม่ต่างกับเล่าอ๋ายทั้งคู่พยายามอย่างมากเพื่อจะจัดการเรื่องนี้ แต่ซือหยูก็ยังไม่หลงกล
เฉาฉิงเฟิงที่กำลังเศร้าเดินไปยังชางก่วนหยุนซื่อและตะโกนอย่างเย็นชา
“น้องชายแสนดีของเจ้ามันไร้ยางอาย!มันรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายแต่ก็ไม่กล้าปรากฏตัวออกมา ข้าเสียทีกับเจ้ายิ่งนัก”
เมื่อชางก่วนหยุนซื่อได้ยินว่าซือหยูไม่มามิเพียงแต่เขาจะไม่ผิดหวัง เขายังดูโล่งใจ
“น้องซือเตือนข้าแล้วว่าอย่าเชื่อใจสหายกินนี่เป็นความผิดข้า ข้าโทษใครไม่ได้ แล้วข้าก็ไม่อยากจะลากน้องซือมาเกี่ยวข้องด้วย!”
เขาพูดต่อ
“ถ้าน้องซือไม่มานั่นก็แสดงว่าเขามองแผนเจ้าออก! ข้าสบายใจนัก! หึหึหึ”
เฉาฉิงเฟืองใบหน้ามัวหมอง
“เจ้าต้องตาย!ข้าจะทำลายเจ้าเดี๋ยวนี้!”
DND.830 – ทำลายฐานพลัง
เฉาฉิงเฟิงรวบรวมพลังในฝ่ามือและซัดไปที่จุดกำเนิดพลังของชางก่วนหยุนซื่อหากจุดกำเนิดพลังเสียหายเมื่อใด ชางก่วนหยุนซื่อก็นับว่าพิการ
ในตอนนั้นเองเสียงตะโกนดังมาจากที่ห่างไกล
“หยุด!”
เฉาฉิงเฟิงพบว่าเสียงนี้ค่อนข้างคุ้นหูเขาแสยะยิ้ม
จางนั้นจึงมองชางก่วนหยุนซื่อ
“เห็นทีน้องชายเจ้าจะไม่ได้ฉลาดอย่างที่เจ้าคิดนะ!”
เล่าอ๋ายสีหน้าดีขึ้นความเยือกเย็นสะท้อนในส่วนลึกของดวงตา เขารีบถอนตัวไปปะปนกับผู้คน นั่นก็เพราะเขาวางแผนจะลอบโจมตี!
ถ้าจ้าวเทวะชั้นกลางอย่างเขาโจมตีซือหยูด้วยพลังสูงสุดเขาก็จะสังหารได้ในพริบตา ซือหยูนั้นสัมผัสได้ เขารีบมาถึงที่นี่ทันเวลา เขาหันกลับไปร่อนลงหน้าเสวี่ยฉีอย่างสง่างาม
เพียงพริบตาเดียวสายตาหลายคู่ก็หันมามองซือหยู ทุกคนอยากจะได้เห็นอสูรเรือนกลาง!
เสวี่ยฉีตาเป็นประกายขณะที่เดินไปหาซือหยูนางพูดกับเขาอย่างจริงจัง
“ศิษย์น้องซือจะให้เป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้า เราจะทำตามคำสั่งเจ้า แม้เจ้าอยากจะต่อสู้ครั้งใหญ่ที่นี่ เราก็จะไม่ลังเลเพื่อที่จะช่วยเจ้าช่วยชางก่วนหยุนซื่อ”
ซือหยูรู้สึกขอบคุณนางเป้นอย่างมากถึงเขาจะรู้ว่านางทำไปเพื่อให้เขาติดค้างบุญคุณ แต่นางก็ยังช่วยเขา
“ศิษย์พี่เสวี่ยใจเย็นก่อนไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันที่นี่ นั่นเป็นสิ่งที่พวกมันหวัง ยังไงก็มีหนูซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคน มันก็แค่รอฉวยโอกาสในจังหวะสำคัญเท่านั้น”
ซือหยูแสยะยิ้มและหันไปมองกลุ่มคน
“ใช่ไหมล่ะศิษย์พี่เล่าอ๋าย?”
เขาเห็นตำแหน่งของเล่าอ๋ายตั้งแต่ก่อนจะร่อนลงกับพื้นแล้วเขาเห็นสิ่งที่เล่าอ๋ายทำทั้งหมด ซือหยูจะไม่มีวันประมาทคนที่ชอบลอบโจมตีเช่นนี้!
“หืมเขาหายไปไหนแล้วล่ะ?”
พอถึงตอนนี้เสวี่ยฉีจึงเห็นว่าเล่าอ๋ายหายตัวไปถ้าซือหยูไม่เตือนและเริ่มต่อสู้ เล่าอ๋ายก็คงจะลอบโจมตีทุกคนไปแล้ว!
หลายคนแอบหัวเราะเพราะหลายคนเคยได้ยินสิ่งที่เล่าอ๋ายเคยทำอยู่แล้ว เมื่อครู่ก่อน เล่าอ๋ายยังอยู่ต่อหน้าผู้คน แต่ในพริบตาเดียว เขาก็ไปซ่อนตัวในกลุ่มคนอย่างเชี่ยวชาญ ทุกคนรู้ดีว่าเขาวางแผนอะไร
เล่าอ๋ายชักสีหน้าหากทุกคนมองดูเขา เขาก็ไม่มีทางลอบโจมตีได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ต่อสู้กับซือหยูอย่างตรงไปตรงมาขณะที่แสร้งทำเป็นความผิดพลาด!
“เจ้าหนูเจ้ามาที่นี่ทำไมกัน? เจ้าอยากจะให้ข้าปล่อยชางก่วนหยุนซื่อรึ? เจ้าไม่มีสิทธิ์สั่งให้ข้าทำแบบนั้น…”
เล่าอ๋ายพูดอย่างเยือกเย็นขณะปล่อยพลังออกมา
เขาพร้อมจะต่อสู้ทุกเมื่อและถ้าเขาลงมือ เขาจะใช้พลังทั้งหมดสังหารซือหยู! แม้ว่าทั้งคู่จะอยู่ห่างกันมาก ซือหยูก็สัมผัสจิตสังหารของเล่าอ๋ายได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่แสยะยิ้มในใจ…ไอ้คนหน้าด้านนี่คิดจะฆ่าข้าจริงๆ!
“หึหึข้าไม่ได้จะสั่งให้เจ้าปล่อยเขา ข้าแค่อยากจะหารือ…”
ซือหยูยืนมือไพล่หลัง
น้ำเสียงของเขาสงบนิ่งรูปลักษณ์ของเขา ณ ขณะนี้ดูมีเสน่ห์อย่างมาก เขาดูเหมือนกับชายแก่ที่มีบรรยากาศของความเหนือกว่ารายล้อมตัว
เล่าอ๋ายหรี่ตา
“จะพูดเหลวไหลอะไรกับข้า?อยากจะพูดก็พูดมาเลย”
ซือหยูแสยะยิ้ม
“ข้ามีแค่สองคำถาม…คำถามแรกหากชางก่วนหยุนซื่อเป็นแค่คนค้ำประกันให้คนอื่น ถ้าหากสามคนนั้นกลับมา มิใช่ว่าพวกเจ้าควรจะมองหาทั้งสามแทนชางก่วนหยุนซื่อหรอกรึ?”
เล่าอ๋ายตากระตุกเขามองเฉาฉิงเฟิง อีกฝ่ายส่ายหน้า เมื่อนั้นเล่าอ๋ายจึงใจเย็นลง
“ตามกฎหากตามคนนั้นกลับมา พวกเราก็ต้องไปตามหาและไม่มายุ่งกับคนค้ำประกัน แต่สามคนนั้นไม่กลับมา…”
เล่าอ๋ายตอบ
ซือหยูยังคงยิ้มเยาะ
“อืมข้าจะถามคำถามที่สอง ถ้าข้าพบว่าสามคนนั้นสมคบคิดกับบางคนเพื่อมุ่งร้ายชางก่วนหยุนซื่อ คนเหล่านั้นจะถูกจัดการอย่างไร?”
เล่าอ๋ายกับเฉาฉิงเฟิงตกตะลึงกับคำถามนี้ดวงตาทั้งคูากระตุกเบาๆ เมื่อพวกเขาไม่ตอบในทันที ซือหยูจึงพูด
“พวกเจ้าไม่ตอบสินะศิษย์พี่เสวี่ยโปรดตอบข้าได้หรือไม่?”
เสวี่ยฉีเหลือบตาไปมองนางรู้สึกว่าซือหยูสืบเรื่องจนเจอต้นตอแล้ว นางมองเล่าอ๋ายและเฉาฉิงเฟิงอย่างเยือกเย็น
นางจึงพูด
“ตามกฎของตลาดมืดถ้ามีใครกล้าร่วมมือกันทำร้ายผู้ค้ำประกัน ตลาดมืดสองสำนักจะร่วมมือกำจัดฐานพลังของมันผู้นั้น เราตกลงกันเช่นนี้เพราะถ้าผู้ค้ำประกันไม่มีใครปกป้องก็จะไม่มีใครกล้าค้ำประกันให้กับใคร ถือเป็นผลเสียกับตลาดมืด”
ซือหยูพยักหน้าเขาหันกลับไปมองชายสองคนและถามอย่างใจเย็น
“พวกเจ้าได้ยินหรือไม่?”
เฉาเฉงเฟิงถอนหายใจแรง
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกข้า?ถ้าพวกเจ้าไม่มีหลักฐาน ชางก่วนหยุนซื่อก็ต้องถูกทำให้พิการ!”ไอรีนโนเวล
เล่าอ๋ายพูดต่อ
“เสียเวลามาเกินพอแล้วผู้ค้ำประกัน ชางก่วนหยุนซื่อ มิอาจจ่ายห้าแสนคะแนนคืนได้ ต้องถูกลงโทษ”
เขาพูดพร้อมกับซัดฝ่ามือใส่ชางก่วนหยุนซื่อขณะที่ยังจ้องซือหยูไม่วางตาเขาพยายามจะปลุกอารมณ์ของทุกฝ่ายขึ้นเพื่อหวังจะให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย
แต่ทันทีที่เขากำลังจะซัดฝ่ามือไปนั้นเองเสียงตะโกนดังก็ส่งผ่านมาถึงจากที่ไกลๆ
“ศิษย์พี่เฉาศิษย์พี่เล่า ข้าสังหารสามคนนั้นอย่างที่พวกท่านบอกแล้ว”
เสียงตะโกนมาจากชายตัวสูงร่างกำยำเสียงของเขาดังลั่นราวกับสายฟ้า
ลานที่เสียงเอะอะเงียบลงเหล่าผู้คนตกตะลึงและมองหน้ากันอย่างงงงวย
“พยัคฆ์หยาง!”
ทุกคนจำรู้ทันทีว่าเป็นเขาเพราะพยัคฆ์หยางนั้นมีสถานะเทียบเท่านักเลงหลง
เล่าอ๋ายกับเฉาฉิงเฟิงเลิกลั่กความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้า เล่าอ๋ายมองเฉาฉิงเฟิงอย่างเยือกเย็น
“ลูกน้องเจ้าทุกคนโง่เหมือนกันหมดเลยเรอะ?”
เฉาฉิงเฟิงหน้าแดงก่ำเขาบินขึ้นไปยังพยัคฆ์หยางและดึงแขน
“เจ้าบ้าไปแล้วรึไง?”
แต่พยัคฆ์หยางกลับไม่เงียบลงเขากลับตะโกนเสียงดังราวกับสับสนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“ศิษย์พี่เฉาข้าไม่ได้พูดอะไรผิด! ท่านสั่งให้ข้าสังหารศิษย์น้องสามคนนั่นที่ชางก่วนหยุนซื่อค้ำประกันให้มิใช่รึ? ข้าเอาร่างพวกมันมาด้วยนะ!”
ขณะที่พูดพยัคฆ์หยางก็โบกมือ ร่างไร้วิญญาณสามร่างตกลงมาจากแหวน มันคือร่างของสหายกินสามคนของชางก่วนหยุนซื่อ!
“นั่นไง!ข้าเห็นสามคนนี้กับพยัคฆ์หยาง ตอนนั้นพวกเขาขอให้ชางก่วนหยุนซื่อค้ำประกันเพื่อกู้คะแนน!”
ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้นมา
เมื่อได้เห็นศพของทั้งสามเหล่าคนส่งเสียงโวยวาย สายตาหลายคู่จับจ้องเฉาฉิงเฟิง
“พูดอะไรของเจ้า?ถ้าเจ้ากล้าพูดบ้าๆอีก ข้าจะส่งเจ้าให้ฝ่ายคุมกฎ!”
เฉาฉิงเฟิงตะโกน
เขากระวนกระวายขณะที่คิด…ทำไมพยัคฆ์หยางถึงบอกเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคนกัน?มันแปลกมาก!
แต่เมื่อเฉาฉิงเฟิงมองพยัคฆ์หยางก็พบว่าพยัคฆ์หยางไม่ได้ดูลังเลใจเลย
พยัคฆ์หยางพูดอีกครั้ง
“ศิษย์พี่เฉาเป็นอะไร?ข้าไม่ได้พูดอะไรผิด! ท่านบอกให้ข้าส่งหลี่ซางกับอีกสองคนไปตีสนิทกับชางก่วนหยุนซื่อจนเขาชื่อใจและมาเป็นผู้คำประกันให้ ท่านอยากจะให้สามคนนั้นหลอกชางก่วนหยุนซื่อ ศิษย์พี่ลืมได้ยังไง?”
ผู้คนส่งเสียงโห่ร้องอีกครั้งพยัคฆ์หยางบอกแผนลับออกมาต่อหน้าทุกคนโดยไม่มีใครคาดคิด นึกไม่ถึงจริงๆ!
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ผู้คนก็มั่นใจว่ามันอาจจะจริง เพราะชางก่วนหยุนซื่อนั้นคือแมวอ้วนในสายตาคนตลาดมืด ไม่แปลกที่เฉาฉิงเฟิงจะหมายตา
“เหลวไหล!”
เฉาฉิงเฟิงโกรธจัด
เขาเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติไปจากพยัคฆ์หยางเขาจับไหล่พยัคฆ์หยางพลางเรียกพลังชีวิตเพื่อหยุดกล้ามเนื้อและกระดูกไม่ให้เขาพูดอีกต่อไป
แต่ก่อนที่เขาจะพาตัวพยัคฆ์หยางไปซือหยูก็กระโดดเข้ามาผลักเฉาฉิงเฟิง
“ศิษย์พี่เฉาใยไม่ปล่อยให้พยัคฆ์หยางพูดที่อยากจะพูดเล่า? ทำไมต้องเอาตัวไปด้วย?”
พอถึงตอนนี้เฉาฉิงเฟิงถึงรู้ตัวว่าเป็นซือหยูที่บงการเรื่องนี้!
“ซือหยูเซี่ยนเจ้ากล้าเล่นลูกไม้กับข้าเรอะ!”
เฉาฉิงเฟิงหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
ซือหยูยักไหล่
“ศิษย์พี่เฉาพูดอะไรรึ?ข้าไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย”
“เจ้าอยากตายเรอะ!”
เฉาฉิงเฟิงบินไปจู่โจมซือหยูด้วยความโกรธแค้น
เรื่องนี้เป็นผลเสียอย่างมากต่อตลาดมืดเพราะถ้าหากผู้ปล่อยกู้สมคบคิดกับผู้อื่นเพื่อโดยมุ่งร้ายกับคนค้ำประกัน ถ้าเช่นนี้ก็คงจะไม่มีใครกล้ามากู้ยืมอีก ไม่ต้องพูดถึงการเป็นคนค้ำประกันเลย!
ยิ่งไปกว่านั้นเสวี่ยฉีก็อยู่ที่นี่ โครงสร้างตลาดมืดอาจจะเปลี่ยนไปเลยเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ พอถึงตอนนั้น เจ้าตำหนักขวาคงไม่มีทางอภัยให้เขาแน่!
เขาวางแผนจะใช้โอกาสนี้กำจัดซือหยูแต่ซือหยูกลับใช้จุดอ่อนที่สุดของเขาเป็นเครื่องมือจนทำให้เขามาอยู่ในสถานการณ์นี้! ตอนนี้เขาชิงชังซือหยูจากก้นบึ้งของหัวใจ!
“หึหึศิษย์พี่เฉา คิดจะทำอะไรน่ะ?”
กลิ่นหอมหวานจู่โจมทั้งคู่เมื่อเสวี่ยฉีบินมาป้องกันฝ่ามือของเฉาฉิงเฟิง
หลังจากเฉาฉิงเฟิงถูกนางสลัดออกไปเขาก็ถอยกลับและตะโกนด้วยความแค้น
“กล้าดียังไง!ศิษย์พี่เล่า ทำไมยัง…”
เมื่อเขาหันกลับไปก็หัวใจหยุดเต้นเล่าอ๋ายนั้นหายไปแล้ว!
หัวใจของเขาจมดิ่งสู้ก้นแม่น้ำเล่าอ๋ายคงรู้ตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติและทิ้งเขาไป!
เสวี่ยฉีพอใจอย่างมากตลาดมืดตำหนักนอกนั้นต่อสู้กันมาด้วยวิธีต่างๆหลายครั้งและเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่มีใครได้คว้าชัย แต่ตอนนี้ เสี้ยวความหวังได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของนาง
“เฉาฉิงเฟิงตามกฎของตลาดมืด ใครก็ตามที่กล้าสมคบคิดวางอุบายใส่ผู้คำประกันจะต้องถูกลงโทษ ฐานพลังต้องถูกทำลาย ไม่มีข้อยกเว้นกับใครทั้งนั้น”
เสวี่ยฉีแจ้งเขา  เฉาฉิงเฟิงหน้าซีดเผือดแม้กฎนี้จะถูกตั้งขึ้นจากทั้งสองฝ่าย เขาก็ไม่คิดจะยอมรับ
“พวกมันใส่ร้ายข้าข้าเป็นคนดูแลตลาดมืด อย่ามากล่าวหาข้าลอยๆ ต้องสอบสวนเสียก่อน…”
เฉาฉิงเฟิงพูดอย่างกระวนกระวาย
เขาหันไปตะโกนใส่คนข้างหลัง
“พวกเจ้ายืนอ้ำอึ้งอะไรกันอยู่?”
ทั้งหมดเข้าใจที่เฉาฉิงเฟิงกล่าวพวกเขารีบเข้ามาล้อมเฉาฉิงเฟิงโดยปกป้องเขาไว้ตรงกลาง เพราะเขาเป็นหัวหน้า หากเขาถูกสังหาร อนาคตของพวกเขาก็คงจะดำมืด!
เสวี่ยฉีถอนหายใจแรง
“คนตลาดมืดตำหนักนอกฟังคำสั่ง! เฉาฉิงเฟิงหยามอำนาจตลาดมืด สั่งการใส่ร้ายผู้คำประกัน ฐานพลังต้องถูกทำลาย! แต่ตอนนี้กลับดื้อด้าน พวกเจ้ายินยอมหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเหล่าคนตลาดมืดตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“พวกข้าไม่ยอม!”
“เช่นนั้นแล้วพวกเจ้ารออะไรกันอยู่?”
เสวี่ยฉีถามพลางหัวเราะเบาๆ
นักเลงหลงหัวเราะและพูดด้วยเสียงประหลาดๆ
“พี่น้องบุก! ไล่ไอ้คนชั่วนั้นแล้วเอาเกียรติของตลาดมืดกลับคืนมา”
เมื่อได้ฟังศิษย์นอกหลายคนกลอกตาสงสัย…ตลาดมืดมันเคยมีเกียรติตั้งแต่ตอนไหน?
แต่การกระทำของเฉาฉิงเฟิงนั้นก็ยังคงทำให้พวกเขาไม่พอใจเพราะเขาใส่ร้ายชางก่วนหยุนซื่อและเกือบจะทำลายฐานพลังไป!
เฉาฉิงเฟิงหน้าซีดหากศัตรูมีศิษย์ในอยู่เป็นพวก เขาก็ไม่เห็นทางต่อต้านได้เลย
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่จะเริ่มต่อสู้เสียงตะโกนดังลั่นก็ดังขึ้น เจ้าของเสียงส่งพลังกดดันมหาศาลออกมา ทุกคนหยุดโดยไม่ทันรู้ตัว
เสวี่ยฉึขมวดคิ้ว
“ตาแก่นี่ไม่รู้เวลาเอาซะเลยน่าผิดหวังนัก”

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset