The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 864 – รองเจ้าพันธมิตรหลิว

DND.864 – รองเจ้าพันธมิตรหลิว
“เสียใจเรอะ?ฮื่ม! เจ้านั่นแหละที่ต้องเสียใจ เจ้ากล้าโอหังต่อหน้าเจ้าขายร้านเฟยเพราะความโง่เขลาแล้วยังอยากจะอยู่ในเมืองเทียนหยาอีกรึ? จับมัน ทำให้เจ้าของร้านซือผู้ยิ่งใหญ่สนุกซิ!”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างซ่อนมือทั้งสองในชายเสื้อขณะที่มองทุกอย่างจากด้านข้างด้วยความใจเย็น
เมื่อได้ฟังคำสั่งเหล่าทหารไม่ลังเลอีกต่อไป ทุกคนพุ่งเข้าใส่ซือหยู ซือหยูมองเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเยือกเย็น
เขารู้สึกว่าตัวเองอดทนมาเกินพอแล้วหากเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างคิดร้ายต่อเขาเช่นนี้ เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปล่อยไป ซือหยูรวบรวมพลังชีวิตจนอากาศรอบข้างเริ่มหมุนวนด้วยความเร็วสูงและเข้าบีบอัดสิ่งรอบข้าง
อากาศที่อัดกันแน่นก่อตัวเป็นผีเสื้อทมิฬด้วยแรงกดดันพวกมันมีพลังมหาศาล
“อรหันต์แปดอักษร!”
ซือหยูสะบัดมือผีเสื้อทมิฬโบยบินไปรอบๆ
เหล่าทหารที่มาล้อมเขาเป็นแค่ภูติที่มีพลังระดับห้าถึงเจ็ดแม้จะแข็งแกร่ง พวกเขาก็อ่อนแอกว่าอรหันต์แปดอักษร
ดังนั้นเมื่อผีเสื้อทมิฬเข้าจู่โจม เกราะพลังป้องกันของพวกเขาจึงแตกสลายในพริบตา ทั้งหมดกระเด็นลอยออกไปราวกับลูกปิงปอง ทุกคนล้มระเนระนาด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังไม่ขาดสาย
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างที่กำลังชมการแสดงเลิกคิ้ว
“วิชาระดับตำนานชั้นกลางรึ?ไม่เลว”
เขาแปลกใจเล็กน้อยเขาได้ข้อมูลเรื่องซือหยูมาบ้างแล้วและดูเหมือนว่าเขาจะเป็นเพียงศิษย์นอกธรรมดาๆของตำหนัก ตอนนี้เขาเริ่มสงสัย…ศิษย์นอกธรรมดาๆจะมีวิชาระดับตำนานชั้นกลางโดยไม่มีคนหนุนหลังได้อย่างไร?
เขาเผลอคิดเรื่องนี้และเมื่อเงยหน้ามองอีกครั้งก็เห็นว่าลูกน้องของเขาทั้งหมดนอนอยู่กับพื้น!
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเพราะไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็คือหนึ่งในคนที่มีเกียรติที่สุด แม้แต่โฉมงามแห่งดินแดนพรสวรรค์อย่างลู่จือยี่ยังต้องมาหาเขาเพื่อขอให้เขาจัดการธุระให้นาง เขาจะต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียชื่อได้ เขาย่อมไม่ทนปล่อยให้คนของเขาถูกทำร้ายอยู่ที่หน้าประตูเรือนของตนเอง!
“ฮื่ม!เจ้ากล้าทำแบบนี้ที่หน้าประตูบ้านข้าเรอะ?”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสีหน้าเยือกเย็นแรงกดดันวิญญาณอันน่าตกใจเอ่อล้นมาจากตัวเขา
เหล่าทหารที่บาดเจ็บทรมานกับพลังนี้ซือหยูเพียงแค่บินถอยกลับไปยังระยะปลอดภัย เขาชักสีหน้า
“จ้าวเทวะสินะ?”
เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างจะเป็นจ้าวเทวะที่แข็งแกร่งแต่เมื่อคิดสักหน่อยก็มีเหตุผล
หากเขาเป็นหนึ่งในสามคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของพันธมิตรปรุงยาเขาย่อมไม่ใช่คนธรรมดา มิเช่นนั้นเขาก็คงจะถูกกลืนกินทั้งเป็นในเมืองเทียนหยาที่เต็มไปด้วยยอดฝีมือ
ในขณะนี้ซือหยูคิด…ข้าควรจะจัดการกับจ้าวเทวะต่อหน้าทุกคนไหมนะ?
เมื่อซือหยูมองรอบๆก็ขมวดคิ้วบ้านหลังนี้อยู่ในส่วนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของเมืองส่วนใน มีหลายคนเดินพลุกพล่าน
การเผชิญหน้าสั้นๆเมื่อครู่ก่อนก็ทำให้คนสนใจอยู่แล้วยังมีผู้คนเดินมามุงในแถวหน้าอยู่เนืองๆ ซือหยูรู้ว่าถ้าต้องสู้ตอนนี้ เขาอาจจะลงเอยโดยการต้องเผยพลังที่แท้จริงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ…..ไอรีนโนเวล
แต่ในตอนนั้นก็มีสองคนพุ่งออกมจากมุมมืดพวกเขามาที่ข้างกายซือหยูและปกป้องซือหยูไว้ตรงกลาง
“ชายแก่นั่นใคร?เขาถูกจ้าวเทวะสองคนนั่นพาตัวมารึ?”
คนดูรอบๆกล่าว
ผู้คนเริ่มพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติพวกเขาทั้งแปลกใจและตกตะลึง
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างตกใจเช่นกันโดยเฉพาะเมื่อมองชุดที่ทั้งสองคนสวม
“โรงประมูลตำหนักโลหิตหรือ?”
เขาพูดออกมาชุดของทั้งสองนั้นมีสัญลักษณ์ของโรงประมูลตำหนักโลหิตอยู่บนอก!
ทั้งสองเป็นบุรุษและสตรีวัยกลางคนสตรีนั้นเยือกเย็น บุรุษใจเย็นสุขุม
“ถ้าเจ้ารู้ก็ถอยไปซะ!”
บุรุษตรงหน้าซือหยูตะคอกใส่เจ้าบ้านจันทร์กระจ่าง
สตรีพูดต่อ
“จะต้องประมือกับเจ้าก็ไม่เกี่ยงเจ้าลองทำอะไรเขาดูสิ!”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างใจหายเขาตกใจกับความอาฆาตของทั้งสอง เจ้าของร้านเฟยบอกเขาว่าซือหยูเป็นแค่เจ้าของร้านเล็กๆที่ไม่มีค่า…แล้วทำไมจ้าวเทวะสองคนจากโรงประมูลตำหนักโลหิตถึงมาปกป้องเขากัน?
เขารับมือได้กับจ้าวเทวะหนึ่งคนแต่เขามิอาจต่อสู้กับสองคนพร้อมกันได้! เขาส่ายหน้า
“เจ้าคิดจะต่อต้านบ้านจันทร์กระจ่างของข้าเรอะ?”
เพราะพันธมิตรปรุงยานนั้นอยู่เบื้องหลังเขาเขาคุ้นเคยกับนักปรุงยาหลายคนในพันธมิตร เขาไม่กลัวโรงประมูลตำหนักโลหิต
บุรุษจ้าวเทวะสายตาเยือกเย็น
“ถ้าเจ้าอยากจะลองดีพวกเราก็จะทดสอบพลังของบ้านจันทร์กระจ่างต่อหน้าซือหยูเซี่ยน…”
คำพูดของเขาคือการเยาะเย้ยเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างที่กล้าจู่โจมศิษย์อย่างซือหยูเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างไม่พอใจมาก และเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาก็ทำอะไรอีกไม่ได้แล้ว
เขามองตรงไปที่ซือหยู
“เจ้าโชคดีนักแต่ครั้งหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แน่”
เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจ้าวเทวะสองคนนี้อยู่ข้างกายเพื่อปกป้องซือหยูอยู่ตลอดเวลาจะต้องมีเหตุผลในเรื่องนี้แน่ เขาคิดว่าเขาควรจะไปหาเจ้าของร้านเฟยเพื่อปรึกษาเรื่องนี้ในภายหลัง
“ข้าจะรอพบเจ้าครั้งหน้า…”
ซือหยูตอบอย่างใจเย็น
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างโชคดีมากในวันนี้มิเช่นนั้นเทพปีศาจคงได้มื้อค่ำอีกครั้ง!
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองได้หนีชะตาอันน่าขนพองสยองเกล้าเพียงไหนเพราะการมาของจ้าวเทวะทั้งสองยิ่งไปกว่านั้น เมื่อได้เห็นว่าซือหยูหวังพึ่งจ้าวเทวะทั้งสองและไล่เขาไป เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างก็เยาะเย้ยอีกครั้ง
“เจ้าก็แค่ดีแต่ปากอยู่ข้างหลังคนอื่นหึหึ ตัวเจ้ามันไม่มีอะไรเลย! เจ้าหนู อย่าตื่นเต้นให้มากนัก คู่ค้าทุกคนในพันธมิตรปรุงยาของข้าจะไม่ยอมขายโอสถให้เจ้าแน่ หึ…เจ้าได้แต่ซื้อโอสถราคาสูงเสียดฟ้าหรือไม่ก็ไสหัวไปซะ!”
เมื่อซือหยูได้ฟังคำขู่เขาไม่ได้กังวลอะไรเลย ต่อให้ไม่มีใครขายโอสถให้เขา เขาก็แค่ปรุงมันขึ้นมาเอง เพราะซือหยูเป็นนักปรุงยาชั้นกลางอยู่แล้ว เขาสามารถปรุงโอสถระดับสามได้อย่างง่ายดาย!
และถ้าหากสถานการณ์เลวร้ายที่สุดมาถึงเขาก็เพียงขอให้กิเลนน้อยช่วย
เมื่อรวมทักษะด้านปรุงยาเข้าด้วยกันทั้งคู่สามารถสร้างโอสถได้ในปริมาณมหาศาล ปัญหาเดียวก็คือมันจะเปลืองเวลาอันล้ำค่าของเขา
นั่นเป็นเหตุให้ซือหยูต้องมาหานายหน้าค้าโอสถแต่ต่อให้เขาหาไม่ได้ มันก็ทำให้เขามีเรื่องน่ารำคาญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่สามารถไล่เขาออกจากเมืองเทียนหยาได้
“จะทำอย่างไรก็แล้วแต่เจ้า”
ซือหยูยังคงไม่สนใจเขาเพียงแค่หันไปยิ้มให้จ้าวเทวะทั้งสอง
“ผู้อาวุโสขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือข้า”
ซือหยูรู้เป้าหมายของทั้งคู่เพราะทั้งสองควรจะถูกส่งมาจากโรงประมูลตำหนักโลหิตเพื่อปกป้องเขา เพราะซือหยูคือหนทางเดียวในการติดต่อกับยอดฝีมือลึกลับที่สามารถปรุงวารีผงกลั่นดวงใจขึ้นมาได้ ดังนั้น ถ้าซือหยูตาย ทุกอย่างที่เขาพยายามทำมาจะสูญเปล่า
แม้จะเป็นเรื่องดีที่มีการคุ้มกันมันก็สร้างปัญหากับเขาหลายเรื่องด้วยกัน เพราะถ้าหากมีทั้งคู่อยู่ ซือหยูก็มิอาจไปปรุงโอสถที่เขาเพลิงม่วงได้
หากซือหยูไปที่นั่นจ้าวเทวะทั้งสองจะสงสัยเขา เขาต้องหาทางปรุงโอสถใหม่
“ฮื่ม!เจ้าจะอวดดีไปได้ซักกี่น้ำถ้าไม่มีคนขายโอสถให้เจ้า! พอถึงเวลา อย่ามาอ้อนวอนให้ข้าช่วยเจ้าก็แล้วกัน”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างหันหลังเดินกลับไปในบ้าน
ซือหยูกับที่เหลือกำลังจะจากไปตอนนั้นเอง ชายแก่ชุดขาวบินมาจากขอบนภา ผิวทั้งร่างของเขาเป็นสีแดงสด
เมื่อเขาเข้ามาใกล้ซือหยูจึงพบว่าทั้งร่างของเขาปล่อยความร้อนสูงออกมา เขาเหมือนกับมีหม้อปรุงยาซ่อนอยู่ในตัว!
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านหันกลับมามองชายแก่เขาตกใจมาก สีหน้าไม่พอใจหายไป
ตอนนี้เขาดูยินดีและนับถือเขาชักมือออกมาและก้าวไปด้านหน้าประตูเมื่อประสานมือต้อนรับ
“ท่านรองหลิว!”
เขากล่าว
ชายแก่ร่างเพลิงตรงหน้าคือรองเจ้าพันธมิตรปรุงยาเขาคือหนึ่งในนักปรุงยาที่เก่งกาจ เขาสามารถปรุงโอสถระดับหกได้ ระดับของโอสถที่ปรุงได้นั้นแสดงถึงฝีมือในการปรุงยา
ทั้งเมืองเทียนหยามีแค่เจ้าพันธมิตรสองคนและรองเจ้าพันธมิตรอีกสองคนเท่านั้นที่ปรุงโอสถระดับหกได้ นี่เป็นเครื่องบ่งบอกว่าพวกเขาคือนักปรุงยาที่ดีที่สุดในเมืองเทียนหยา
รองหลิวร่อนลงหน้าทางเข้าบ้านเขาขมวดคิ้วเมื่อมองรอบๆ
“ทำไมถึงมีคนมามุงมากเช่นนี้เกิดอะไรขึ้น?”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสีหน้าอ่อนโยน
“มีเจ้าของร้านโง่ๆคนหนึ่งมาวุ่นวายในบ้านข้า แต่เรื่องจบแล้ว”
เขาเชิญรองหลิวเข้าไปด้านใน
“ท่านรองหลิวเป็นเกียรตินักที่ท่านมาที่นี่ด้วยตัวเอง ไปนั่งข้างในบ้านกันเถอะ”
รองเจ้าพันธมิตรนั้นคือตำแหน่งที่สูงมากในพันธมิตรปรุงยาเพราะชายคนนี้ เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างจึงได้เป็นหนึ่งในสามนายหน้าค้าโอสถใหญ่ของพันธมิตรปรุงยา ในสายตาของเขา รองหลิวคือผู้สนับสนุนที่สำคัญที่สุดของเขา!
“ช่างเถอะข้าต้องการปรุงโอสถที่สำคัญ ข้ากำลังยุ่ง”
รองหลิวตอบและส่ายหน้า
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสับสน
“ท่านรองหลิวท่านมาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ?”
รองหลิวพยักหน้า
“ใช่!ข้าจะต้องอธิบายเรื่องบางอย่างกับเจ้า นี่เป็นความปรารถนาของเจ้าพันธมิตรโจว เจ้าจะต้องทำให้ได้ ถ้าเจ้าพันธมิตรโจวไม่พอใจ พ่อค้าคนอื่นจะมาแทนที่เจ้า ถึงตอนนั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว…”
เมื่อได้ยินเรื่องใหญ่ที่จะตามมาเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างเงียบไป
“ท่านรองหลิวโปรดบอกข้าได้เลยแม้แต่เดินเข้ากองเพลิงข้าก็จะทำให้!”
รองหลิวพยักหน้า
“เจ้าไม่ต้องกังวลนักเรื่องนี้ไม่ได้ยากเย็น ข้าจะอธิบาย…เมื่อวาน พวกเราเจอตัวเหล่าหลานสาวของเจ้าพันธมิตรโจวแล้ว”
เมื่อได้ฟังเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างโล่งใจ
“ข่าวนี้ควรค่าแค่การฉลองนัก!พวกเราทุกคนเป็นห่วงนักตอนที่หลานสาวเจ้าพันธมิตรโจวหายตัวไป ดีเหลือเกินที่เจอตัวพวกนางแล้ว!”
สามวันก่อนหลานสาวสามคนของเจ้าพันธมิตรโจวได้ออกจากฐานของพันธมิตร จากนั้นพวกนางก็หายตัวไป มีแค่ไม่กี่คนที่รู้เพราะพันธมิตรปรุงยาจงใจเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
แต่ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ประกาศการหายตัวไปของหลานสาวทั้งสามพวกเขาก็ขอให้นายหน้าค้าโอสถแอบหาข้อมูลโดยหวังว่าจะยืนยันว่ามันคือการลักพาตัวโดยกลุ่มสามสังหาร
และวันต่อมาพวกเขาก็ได้ข่าวว่าทั้งสามถูกกลุ่มสามสังหารลักพาตัวไปจริง กลุ่มสามสังหารถึงกับส่งจดหมายมาถึงพันธมิตร! พวกมันขอโอสถชั้นเยี่ยมสามสิบขวดที่สามารถเพิ่มฐานพลังได้ ถ้าไม่อย่างนั้น พวกมันจะทำร้ายหลานสาวของเจ้าพันธมิตรโจว หรือไม่ก็อาจสังหาร!
แต่เมื่อพวกเขากำลังเจรจาต่อรองเหล่าหลานสาวก็ถูกช่วยโดยไม่มีใครคาดคิด! เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างเดาะลิ้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด
เขาพูดออกมา
“พันธมิตรปรุงยาแข็งแกร่งจริงๆถึงกับช่วยคนที่ถูกจับตัวในฐานของกลุ่มสามสังหารออกมาได้ จะต้องจ้างยอดฝีมือหลายคนช่วยใช่หรือไม่?”
“ไม่พวกนางถูกช่วยโดยคนที่ผ่านทางมา! เจ้าพันธมิตรโจวกำลังยุ่งจนไม่มีเวลาไปขอบคุณด้วยตัวเอง เขาอยากให้เจ้าจัดการเรื่องนี้แทน!”
รองหลิวกล่าว
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างสับสน
“ท่านรองหลิวเหตุใดต้องให้ข้าเป็นคนขอบคุณเล่า?”
“ก็คนที่ช่วยหลานสาวของเจ้าพันธมิตรโจวกำลังดูแลร้านโอสถในเมืองส่วนนอกร้านโอสถนั้นอยู่อาณาเขตของเจ้า เขาถึงอยากให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ พอเจ้าพันธมิตรว่างเมื่อไหร่ เขาจะไปขอบคุณคนผู้นั้นด้วยตัวเอง…”
เขาอธิบาย
เมื่อได้ฟังเจ้าบ้านจันทร์กระจ่างดีใจมาก นี่เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ช่วยเหลือเจ้าพันธมิตรโจว
ตราบเท่าที่เจ้าของร้านโอสถผู้นั้นพอใจคนผู้นั้นก็อาจจะกล่าวชมเขาต่อหน้าเจ้าพันธมิตรโจว มีโอกาสมากนักที่เขาจะประสบความสำเร็จในอนาคต นี่คือโอกาสดีของเขา!
“ท่านรองหลิวขอบคุณท่านมากที่ห่วงใด ข้าจะจดจำเรื่องครั้งนี้ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างรู้สึกขอบคุณอย่างมาก
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารองหลิวอยากจะช่วยเขามิเช่นนั้นเขาก็คงไปบอกนายหน้าค้าโอสถคนอื่นแล้ว
รองหลิวเผยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้าเจ้ารู้เดิมพันเรื่องนี้ก็ดีแล้วข้ามาเพื่อบอกเจ้าด้วยตัวเองเพราะอยากจะจัดการเรื่องนี้ก่อนรองเจ้าพันธมิตรอีกคน! เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังแน่”
เจ้าบ้านจันทร์กระจ่างตื่นเต้นเขาถามอย่างกระตือรือร้น
“ท่านรองหลิวข้าขอถามว่าร้านโอสถนั้นคือร้านใด? แล้ว…ใครกันที่เป็นเจ้าของร้าน?”

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset