The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 903 – เสี้ยววิญญาณแห่งเทพไม้

DND.
“ผนึกถูกสร้างมาเพื่อปกป้องเทพไม้จากข้าก่อนที่จะอ่อนแอลงก็จริงที่ข้าเข้าไปในผนึกไม่ได้ แต่การแยกเจ้าออกจากมันไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ข้าก็แค่ต้องใช้ลมหายใจวิญญาณไม้เท่านั้น!”
ควันดำถูกปล่อยออกมาจากใบหน้าสีเงินของหยินมู่
ทั้งร่างของเขามีแสงสีเงินมันขยายตัวเพิ่มทั้งความสูงและความหนา
สิบศอก
ยี่สิบศอก
สามสิบศอก
….
มันขยายไปจนถึงหนึ่งแสนศอก!
พื้นที่เหนือเงาสมุทรเพลิงถูกต้นไม้สีเงินขนาดยักษ์ปกคลุมกีดขวางท้องนภาและดวงตะวันแสงสีเงินนี้ปกคลุมไปทั่วฟ้า
ซือหยูเป็นดั่งเศษฝุ่นต่อหน้าต้นไม้สีเงินแรงกดดันอันแข็งแกร่งและสายลมบ้าคลั่งซัดเข้าใส่ ขณะที่เงาสมุทรเพลิงเบื้องล่างก็เริ่มเดือด มันปล่อยคลื่นเพลิงขนาดยักษ์ไร้สิ้นสุดออกมา
“นี่คือร่างจริงของหยินมู่สินะ?”
ซือหยูตกใจ
ดูจากสภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนไปแล้วจะรู้เลยว่าองครักษ์แสงกระจ่างทั้งห้าไม่มีทางสู้กับต้นไม้สีเงินต้นนี้ได้!นั่นก็เพราะมันน่ากลัวยิ่งกว่าที่ซือหยูคิดไว้
ปั้ง…
เมื่อสายลมพุ่งผ่านโซ่รอบๆเทพไม้เปล่งแสงสีทองปกป้องตัวเอง ซือหยูที่อยู่ในโซ่ก็ได้รับการปกป้องเช่นกัน ไม่มีแรงกดดันทะลวงผ่านโซ่มาเลย
แกรบ!
เสียงไม้หักดังขึ้นลำต้นของหยินมู่หัก ลูกตาสีเงินทะลักออกมา! ซือหยูเห็นว่าลูกตาครึ่งลูกที่ทะลักออกมานั้นดูดุร้ายอย่างมาก
“หลังจากจับเจ้าได้ข้ามีเป็นร้อยวิธีให้เจ้ายอมแพ้”
ดวงตาสีดำเงินของหยินมู่จ้องซือยหูอย่างเยือกเย็นจนซือหยูหนาวสั่นไปทั้งร่าง
ฟึ่บ!
จากนั้นกิ่งไม้กิ่งหนึ่งก็พุ่งออกจากต้นยักษ์ของหยินมู่ มันพุ่งเข้าใส่ผนึกดั่งสายฟ้าสีเงิน มันทำให้โลกใต้ดินปั่นป่วน พลังอันน่ากลัวระดับนี้ทำลายได้แม้กระทั่งกำแพงเมืองเทือกเขาคราม แต่พลังนั้นก็กระเด็นออกเมื่อสัมผัสกับผนึก
ในตอนนั้นแสงสีทองสาดใส่กิ่งไม้จนกิ่งไม้ถูกเผาเป็นเพลิงทองคำ
“อ๊ากก!ไอ้ผนึกบัดซบ!”
หยินมู่หายใจเข้าลึกเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวด
ซือหยูจ้องมองกิ่งไม้อย่างงุนงง
“กิ่งไม้เจ้า…”
กิ่งไม้ของหยินมู่ร่วงโรยกลายเป็นสีเหลืองมันไม่ต่างกับกิ่งไม้ของต้นไม้ปีศาจที่ป่าส่วนนอก!
เมื่อซือหยูมองหมอกควันดำในดวงตาหยินมู่อีกครั้งก็เข้าใจทุกอย่าง…ร่างหยินมู่เองก็ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าครอบงำเหมือนกันสินะ?
“เข้ามา!”
หยินมู่ตะโกนโดยไม่สนใจกิ่งไม้ที่ถูกเผาเมื่อใช้พลังซัดใส่ผนึกยิ่งเข้าใกล้เท่าไหร่เพลิงสีทองที่ลุกไหม้ร่างก็มากขึ้นเท่านั้น หยินมู่ถูกแผดเผาเป็นเถ้าทีละน้อย
หยินมู่ฝืนจับผนึกด้วยกิ่งไม้ทั้งๆที่ต้องอดทนแบกรับความร้อนจากการที่ไฟลุกไหม้ทั้งร่างเพื่อเข้าไปด้านในและรัดตัวซือหยูด้วยความเร็วปานสายฟ้า
ก่อนหน้านี้หยินมู่ทำเช่นนี้ก็เพราะหยุดเหยามู่เต๋าเหริน วันนี้เองก็ไม่ต่างกัน!
“มันจบแล้ว!”
หยินมู่หัวเราะอย่างชั่วร้ายและก่อนที่เพลิงสีทองจะลุกลามมาถึงร่างจริง เขาก็รัดกิ่งไม้รอบตัวลากซือหยูออกมาจากผนึกในพริบตา
ด้วยพลังของอสูรเนรมิตรเด็กภูติจะถูกลากออกมาอย่างง่ายดาย แต่เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าซือหยูไม่ขยับเลยเมื่อออกแรง!
“เจ้าทำอะไรลงไป?”
หยินมู่กระวนกระวายและตกใจ…หรือว่าจะมีกลไกในผนึกที่ข้าไม่รู้?
จากนั้นซือหยูสะบัดแขน มุกกลมขนาดเท่ากำปั้นตกลงมา มันมีสีครึ่งครามครึ่งอำพัน มันมีพลังภูติผีออกมาด้วย
เขาถือมุกเม็ดนี้ไว้ด้วยมือหนึ่งข้างและไม่ว่ากิ่งไม้จะออกแรงลากเท่าไหร่ เขาก็ไม่ขยับเขยื้อน น้ำหนักของมุกบาดาลนั้นสามารถสังหารได้แม้กระทั่งอสูรเนรมิตร ซือหยูรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัยแล้วในตอนนี้
ขณะนั้นเองเพลิงทองคำก็ร้อนขึ้นอย่างมาก มันลุกลามไปจนถึงร่างของหยินมู่ หยินมู่ชักสีหน้า เขาต้องสลัดกิ่งทั้งกิ่งทิ้งไป
พรึ่บ!
กิ่งไม้หักได้ลุกเป็นฝุ่นผงด้วยเพลิงสีทองส่วนที่พันรอบตัวซือหยูก็หายไปด้วย หยินมู่โมโหถึงขีดสุด แววตานั้นดุร้ายราวกับสัตว์ป่า
“เจ้าเด็กมนุษย์เจ้าคิดจะต่อต้านข้าจริงๆน่ะเรอะ?”
“ข้าก็แค่อยากมีชีวิตรอด…”
ซือหยูตอบ
หยินมู่ตอบอย่างเยือกเย็น
“ข้าจะสัญญาว่าเจ้าจะรอดและข้าก็จะปล่อยแม่พันธุ์สองตัวของเจ้าด้วย ส่วนสิ่งอื่นในจิวโจว มันจะเกี่ยวอะไรกับเจ้ากัน?”
“แล้วถ้าข้าไม่ยอมเล่า?”
ซือหยูถือมุกบาดาลด้วยความสุขุมเยือกเย็น
หยินมู่แววตาชั่วร้าย
“เช่นนั้นข้าก็จะปล่อยให้แม่พันธุ์ของเจ้าตายไปก่อน!”
“จะทำอะไรก็แล้วแต่เจ้าต่อให้เสียสองคนนั้นไป ข้าก็หาใหม่ได้…”
ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส
ในสายตาเผ่าไม้มนุษย์นั้นไม่ต่างจากสัตว์ เพราะอย่างนี้ หยินมู่จึงคิดว่าพวกเขารู้จักแค่การสืบพันธุ์ ในฐานะสัตว์ที่ส่วนล่างควบคุมกาย มันก็มีเหตุผลที่ซือหยูไม่กลัวคำขู่
แต่กลับกันถ้าซือหยูเป็นห่วงแม่นางหลิงกับกงซุนหวูซื่อเท่าใด เขาก็ยิ่งทำให้มันเป็นเครื่องต่อรองที่มีค่าต่อหยินมู่มากขึ้น และพวกนางก็จะตายเร็วขึ้น!
แววตาหยินมู่เต็มไปด้วยความแค้นทีแรกเขาตั้งใจจะหาคนที่มาปลดผนึกของเทพไม้ เขาจะได้เป็นเทพไม้ต้นใหม่สมใจ
เขาไม่เคยคิดว่าเด็กมนุษย์นี่จะเจ้าเล่ห์และมีกลมากมายไว้ใช้!หยินมู่ไม่รู้เลยว่าจะจัดการยังไง!
ผนึกนี้ใช้เพื่อป้องกันเทพไม้จากหยินมู่กับเผ่าไม้ที่เหลือโดยเฉพาะสิ่งอื่นที่เข้าไปในผนึกจะไร้อันตราย แต่ถ้าหากเผ่าไม้เข้าใกล้ พวกเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นเถ้าถ่านในไม่นาน
เมื่อสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันดวงตาหยินมู่ก็หันไปทางอื่นราวกับได้รับการติดต่อ ไม่นานความป่าเถื่อนก็แสดงผ่านดวงตาพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“ฮ่าๆๆๆๆอย่าคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้!”
ฟึ่บ!.Aileen-novel.
หยินมู่กลายเป็นผู้เฒ่าหน้าสีเงินอีกครั้งเขาพุ่งออกจากเงาสมุทรเพลิง
ซือหยูรู้สึกถึงลางร้าย…หรือว่าหยินมู่จะเจออะไร?แต่ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็รอความตายอยู่เฉยๆไม่ได้ แก่นเพลิงในหยกแก่นเพลิงมีขีดจำกัด เพราะมันก็มิอาจต้านทานความร้อนของเงาสมุทรเพลิงไปได้ชั่วนิรันดร์
เมื่อแก่นเพลิงถูกใช้จนหมดซือหยูรู้ดีว่าเขาจะต้องตายและมอดไหม้อยู่ในทะเลเพลิง ซือหยูเหลือบมองรอบๆและจ้องมองต้นไม้สีทองด้านหลังไม่วางตา
ซือหยูหรี่ตาเล็กน้อยเขาจ้องมองต้นไม้ทองคำและพูดอย่างใจเย็น
“เทพไม้เจ้าจะแกล้งหลับไปจนถึงเมื่อไหร่? เจ้าพลาดเหยามู่เต๋าเหรินไปแล้ว ถ้าเจ้าพลาดครั้งนี้อีก เจ้าจะสลายไปกับโลกจริงๆแน่!”
น่าแปลกที่ซือหยูพูดกับต้นไม้ที่หลับใหลถึงอย่างนั้น ต้นไม้ทองก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวราวกับอยู่ในห้วงนิทรา
“เหยามู่เต๋าเหรินบอกข้าทุกอย่างแล้วเมื่อก่อน เจ้าเป็นคนที่บอกเขาให้ระดับหยินมู่เอง…”
ซือหยูพูดเหยามู่เต๋าเหรินนั้นถูกบงการอย่างสมบูรณ์โดยหยินมู่ เขาจะไปรู้ความคิดเบื้องลึกของหยินมู่ได้ยังไง?
เทพไม้จึงแอบบอกเหยามู่เต๋าเหรินถึงเรื่องเหล่านั้นตอนที่ฝึงคำโบราณลงในผนึก
“ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นอยู่จนถึงตอนนี้เจ้ากำลังพยายาให้หยินมู่ประมาท…”
ซือหยูกล่าว
ต้นไม้ทองยังคงเงียบซือหยูอดทนรอเงียบๆ
เปรี๊ยะ!
สิบลมหายใจต่อมาเสียงไม้แตกดังจากต้นไม้ทอง ลูกตาสีทองโผล่ออกมา เสียงล้ำลึกแก่เฒ่าดังมาจากภายในต้นไม้ทองคำ
“เจ้ามนุษย์ข้าช่วยเจ้าไม่ได้”
จากนั้นมันก็ถอนหายใจยาวด้วยความเศร้าและสิ้นหวัง
“วิญญาณของข้าอ่อนแอลงเมื่อข้าบาดเจ็บหนักข้าเหลือเสี้ยววิญญาณกับสติเพียงน้อยนิดที่คอยปกป้องข้าจากหยินมู่ ข้าไม่มีหวังจะช่วยเจ้า…”
เทพไม้กล่าว
ซือหยูพูดอย่างไม่ลังเล
“ข้าไม่ได้เรียกเจ้ามาช่วยข้าแต่ข้ากำลังจะช่วยเจ้า!”
ซือหยูรู้เรื่องราวทั้งหมดเพราะเหยามู่เต๋าเหรินก็บันทึกไว้ว่าเทพไม้นั้นบาดเจ็บ
“เจ้าน่ะรึ?”
เทพไม้สงสัย
“ก่อนหน้านี้ข้าทำให้เหยามู่เต๋าเหรินเป็นเซียน แต่เขาก็ช่วยรักษาข้าไม่ได้ แล้วเจ้าจะช่วยข้าได้อย่างไร?”
ซือหยูตอบ
“นั่นมันเขาแต่นี่มันข้า มีโอกาสเดียวเท่านั้น จะรักษาเจ้าได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเสี้ยววิญญาณเจ้า”
ในบันทึกของเหยามู่เต๋าเหรินเทพไม้นั้นถูกหลอกโดยสหายเก่า บาดแผลเองก็ไม่ได้เกิดจากผนึกแต่เป็นพลังเทพมฤตยูปีศาจที่อยู่ในร่างกาย
ซือหยูคิดว่ามันแปลก…ทำไมถึงมีเผ่าไม้ทองแดงตายมากมายในป่าปีศาจร้างและยังถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำ วิญญาณร้ายพวกนั้นมาจากไหน?
ซึ่งแท้จริงวิญญาณชั่วร้ายเหล่านั้นทะลวงออกมาจากพลังเทพมฤตยูปีศาจ ในสถานการณ์ปกตินั้น เผ่าไม้นะเป็นเผ่าที่มีจิตใจดีและรักสงบ มิชอบการสังหารเพื่อสิ่งอันใด
แต่กระนั้นชาวเผ่าไม้ในป่าปีศาจร้างได้กลายเป็นต้นไม้ปีศาจหลังจากสิ้นชีวิต ส่วนที่ยังไม่ตายก็ดุร้ายขึ้นอย่างมาก ซ้ำยังแพร่พันธุ์ด้วยการฝังเมล็ดลงในร่างกายมนุษย์ แม้แต่หยินมู่เองก็ได้รับอิทธิพลจากความชั่วร้ายนี้โดยไม่รู้ตัว ความดุร้ายได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งร่างจนสุดท้ายได้วางอุบายต่อเทพไม้ ทั้งหมดเกิดขึ้นก็เพราะว่าพลังเทพมฤตยูปีศาจที่อยู่ในร่างเทพไม้!
หลังจากครุ่นคิดอยู่นานเสี้ยววิญญาณเทพไม้ก็ถอนหายใจ
“แทบจะไม่มีพลังเหลือแล้วแต่ข้าต้องลองดูสักครั้ง…”
ฟึ่บ!
ข้อความโบราณปรากฏที่ต้นไม้ทองมันมีรูปร่างเป็นหัวใจที่มีจุดตรงกลาง มันคือภาษาโบราณที่เฉียนเคยพูดถึงมาก่อน มันหมายถึง ‘ความตั้งใจ’ แต่ซือหยูรู้ว่าความหมายจริงคือ ‘เส้นทาง’
เสี้ยววิญญาณไม้เทพกล่าว
“เข้ามาข้างในหวังว่าจะมียารักษาที่เจ้าพูดถึง”
ซือหยูพยักหน้าเมื่อใช้ดัชนีสัมผัสข้อความจู่ๆสิ่งรอบข้างก็จมลงสู่ความมืด ร่างซือหยูจมลงสู่เส้นทางมืดมิด
หลังจากก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวท้องนภามืดมิดก็ได้ปรากฏแก่สายตา เมฆาครึ้มทอดยาวท้องนภา แต่มันมิใช่เมฆ แท้จริงคือคลื่นพลังชั่วร้าย!
ใต้เมฆครึ้มมีหญิงสาวเอนกายอยู่กับบัลลังก์ไม้นางหลับตาสนิท ร่างกายนางดูอ่อนโยนสละสลวย ความงดงามมิได้น่าตกใจนัก แต่มันเป็นธรรมชาติและน่ามองเป็นอย่างมาก
นางสวมชุดยาวที่ประดับไปด้วยใบไม้สีเขียวเส้นผมสีดำประดับด้วยบุพผาหลากสี ใบหน้าตอบหลับของนางดูสงบสุขเป็นอย่างมาก ซือหยูรู้สึกสงบใจเมื่อมองนาง ความคิดวุ่นวายในสมองจางหายในทันที
ราวกับว่าเขาได้หลอมรวมไปในโลกของธรรมชาติเขารู้สึกเบาใจและผ่อนคลาย เพียงมองนางครั้งเดียว ซือหยูก็ลดความระวังตัวและรู้สึกนับถือนาง
ซ่า…
แต่ในตอนนั้นเองการสั่นสะเทือนขนามหึมาได้เกิดขึ้นจากหม้อเก้ามังกรพร้อมดึงซือหยูกลับสู่ความเป็นจริง ซือหยูหายใจเข้าลึกในทันที เขาสะบัดหัวและไม่กล้ามองนางอีกครั้ง
เขาตกใจในพลังที่นางมีต่อเขามาก
“นั่นมันอะไรกัน?แค่มองครั้งเดียวก็ทำให้ข้าเสียความเป็นตัวเองไปจนหมดสิ้นเลยรึ?”
ซือหยูมิอาจเข้าใจได้ต่อให้ราชาจิวโจวที่มีพลังขอบเขตเซียนมาอยู่ตรงหน้าเขาก็จะไม่เสียความเยือกเย็นแม้แต่น้อย แต่หญิงสาวตรงหน้าเพียงแค่หลับอยู่ นางมิได้แสดงพลังระดับใดออกมาเลย ซือหยูยังเหม่อลอยไปโดยไม่ตั้งใจต่อหน้านาง! หากนางตื่น เพียงความคิดของนางก็อาจจะทำให้ซือหยูต้องยอมแพ้!
“เห็นร่างเทพของข้าแล้วเจ้ายังสงบอยู่ได้รึ!”
เสี้ยววิญญาณตกใจ
“ไม่มีคนไร้พลังเซียนคนไหนที่ต่อต้านพลังเทพต่อหน้าร่างเทพของข้าได้เจ้าคงมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมหรือไม่ก็ครอบครองสิ่งสืบทอดจากร่างเทพ!”
ซือหยูตอบด้วยเสียงลึกล้ำ
“นี่ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องนั้นรักษาบาดแผลเจ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดีกว่า”
เสี้ยววิญญาณพยักหน้ามันไม่แน่ใจว่ามันทำอะไรลงไปบ้าง แต่พลังชั่วร้ายสีดำได้ออกมาจากท้องของหญิงสาวบนบัลลังก์ มันก่อตัวกลายเป็นหอกยาวทะลวงท้องของนาง

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset