the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 136 สูเสี่ยนฉู่อยู่นี่!

คนขับรถอยากจะด่าให้เริ่นเสี่ยวซู่ถอยห่างไปหน่อย ไม่รู้ทำไม แต่พอเขาสบตากับเริ่นเสี่ยวซู่ ก็เกิดอาการหวั่นเกรงขึ้นมา

“อ้อ ขอบคุณนะ” เริ่นเสี่ยวซู่พยักหน้าแล้วมองไปยังย่านคนรวย หมายความว่าในป้อมปราการเองก็มีแบ่งคนรวยจนอย่างนั้นสินะ เหมือนว่าความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจนในป้อมปราการจะชัดเจนมาก

ตอนที่เริ่นเสี่ยวกล่าวขอบคุณคนขับรถที่บอกข้อมูลนั้น เขาก็นิ่งไปเลย เขานึกว่าพวกเริ่นเสี่ยวซู่เป็นสัตว์ร้ายน่ากลัวเสียอีก ไม่คิดเลยว่าเริ่นเสี่ยวซู่จะขอบคุณอย่างสุภาพเช่นนี้

ก่อนที่คนขับรถจะทันได้โต้ตอบอะไร เริ่นเสี่ยวซู่ก็เอ่ยถามอีกครั้ง “รถรางจะขับกลับตอนไหนเหรอ”

คนขับรถพูดอย่างลำบากใจ “ทำไมไม่ขึ้นรถคันหน้าล่ะ เดี๋ยวมาถึงในอีกยี่สิบนาที”

เริ่นเสี่ยวซู่มองกลับไปที่คนขับรถราง “คำแนะนำของคุณดูฟังแปลกๆ นะ”

“…ผู้โดยสารทุกท่าน กรุณานั่งลงบนที่นั่งและจับราวให้มั่น”

ระหว่างขากลับ เริ่นเสี่ยวซู่ลงที่ป้ายรถรางที่อยู่ไม่ไกลจากร้านของพวกเขานักเพราะเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่แห่งหนึ่ง

หลังจากมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครสะกดรอยตาม เขาก็เดินเข้าร้านไปแบบธรรมดาๆ แต่พอเข้าไปปุ๊บ ก็เห็นใบประกาศจับปิดอยู่ตรงกำแพง

เริ่นเสี่ยวซู่เห็นใบประกาศจับแล้วก็ชะงักไป นี่มันภาพสูเสี่ยนฉู่ไม่ใช่เหรอ! เป็นภาพเขาใส่เครื่องแบบของกองกำลังส่วนตัวอย่างสง่างาม น่าจะเป็นภาพถ่ายตอนที่สูเสี่ยนฉู่ยังทำงานอยู่ในป้อมปราการ

“เถ้าแก่ นี่ภาพใครน่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม

“ไม่รู้สิ คนจากกองดูแลความเรียบร้อยของป้อมปราการมาติดวันนี้” เถ้าแก่ร้านเครื่องประดับเอ่ย “เห็นพูดแค่ว่าถ้ามีใครพบเห็นคนผู้นี้ก็ให้รายงานพวกเขาทันที มีรางวัลด้วยนะ”

“ที่อื่นไม่เห็นติดประกาศเลย ทำไมติดแค่ที่ร้านเครื่องประดับล่ะ” เริ่นเสี่ยวซู่เริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว

“ได้ยินว่ามีคนขโมยทองของสมาคมตระกูลชิ่งไป ไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน แต่กองดูแลความสงบเรียบร้อยให้ตรวจสอบทองไม่ทราบที่มาอย่างเคร่งครัดน่ะ ถ้าเกิดเจอทองที่มีอาการออกซิเดชั่น[1] หรือไม่มีตราของสมาคม ก็ต้องรายงานพวกเขาทันที” แล้วเถ้าแก่ร้านเครื่องประดับก็ถาม “ว่าแต่มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

“ไม่มีๆ…” เริ่นเสี่ยวซู่เดินออกมาจากร้านทันที

เริ่นเสี่ยวซู่เซ็งสุดๆ เหมือนสมาคมตระกูลชิ่งจะรู้แล้วว่าเขาเก็บทองคำมาไม่น้อย

ถึงเขาจะทิ้งทองบางส่วนไว้ในห่อเสื้อแจ็กเก็ต แต่พอคนของสมาคมไปดูจำนวนทองที่ตั้งในร้านเครื่องประดับ ก็พบว่าปริมาณไม่ถูกต้อง พอตรวจสอบดีๆ ก็พบว่ามีทองคำจำนวนมากหายไป! ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะจุดที่ทองเคยอยู่นั้นมีฝุ่นเกาะหนาชั้น พอหยิบทองไป ร่องรอยก็เห็นได้ชัดเจนยิ่ง

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่อยากเสี่ยง เขารู้ดีว่าที่ติดประกาศจับเป็นพิเศษแบบนี้ แสดงว่าสมาคมตระกูลชิ่งต้องรู้อะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว คนของสมาคมตั้งใจจะจับเขาโดยสืบเสาะตอนนำทองมาปล่อยนี่เอง

ไม่สิ พวกนั้นน่าจะหาสูเสี่ยนฉู่อยู่ต่างหาก

สูเสี่ยนฉู่มาถึงเมืองนอกป้อมปราการ 111 แล้ว เดินทางมาหลายต่อหลายวันกว่าจะมาถึง ตอนนี้เขาหิวแทบตาย

ระหว่างการเดินทาง ถ้าจิตใจสูเสี่ยนฉู่อยู่ในสภาพดี เขาใช้ร่างแยกเงาวิ่งตลอด ถึงการใช้ร่างแยกเงาแบกตัวเองจะประหยัดพลังงานไปได้มาก แต่การกระดอนตอนขี่หลังร่างแยกเงาเกือบทำให้เขาอ้วกแตกมาแล้ว

ที่สำคัญคือหลังจากแยกกับเริ่นเสี่ยวซู่ เขาก็หาอาหารในแดนรกร้างไม่ได้มากนัก ได้แต่กินผักป่าที่เจอประทังชีวิตไป มีครั้งหนึ่งเขาถึงกับท้องเสียไปทั้งวัน โชคดีที่ตัวเขาเป็นผู้เป็นพลังพิเศษ สมรรถภาพทางกายของเขาตอนนี้ยอดเยี่ยม กินผักป่ามีพิษนิดหน่อยยังฆ่าเขาไม่ได้

ตอนนี้เขาอยากกลับไปสู่อารยธรรมมนุษย์มาก จะได้หาอะไรรับประทานเสียที ตลอดสองวันมานี้ เดินผ่านก้อนหินทีไร ก็นึกว่าเป็นหมั่นโถวก้อนหนึ่งตลอด!

แต่พอมาถึงหน้าทางเข้าเมือง เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคนมากมายจ้องมา

สูเสี่ยนฉู่เดินไปที่กระท่อมหนึ่งแล้วว่า “สวัสดี มีของกินหรือเปล่า ฉันจะจ่ายเงินซื้อ”

พอสูเสี่ยนฉู่เห็นวอโถวก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่…

ผู้ชายของครอบครัวนั้นออกมาสำรวจดูสูเสี่ยนฉู่ “นายไม่ได้เป็นคนของเมืองเรานี่ หน้าตาไม่คุ้นเลย”

สูเสี่ยนฉู่กระแอม “ผ่านทางมาน่ะ” เขาคิดว่าผู้อื่นน่าจะจำเขาไม่ได้หรอก เพราะหน้าเขาสกปรกมากตอนนี้

แต่พอผู้อพยพผู้นั้นตั้งใจมองสูเสี่ยนฉู่ดีๆ เขาก็พลันฉุกคิดอะไรได้ แล้วตะโกนลั่น “สูเสี่ยนฉู่! สูเสี่ยนฉู่อยู่นี่แล้ว ทุกคนรีบจับเขาเร็ว”

สูเสี่ยนฉู่ “???”

ก่อนจะมาถึงป้อมปราการ 111 นั้นสูเสี่ยนฉู่สองจิตสองใจอยู่มาก อย่างไรเสียป้อมปราการ 111 ก็เป็นที่ตั้งกองบัญชาการของสมาคมตระกูลชิ่ง แต่เขารู้สึกว่าแวะเข้าเมืองแค่แป๊บเดียวคงไม่น่ามีปัญหาอะไร

แต่ตอนนี้สูเสี่ยนฉู่ได้รู้แล้วว่าตัวเองคิดผิดไปเสียสนิทเลย!

สมาคมตระกูลชิ่งน่าจะออกคำสั่งตามจับเขาแล้ว ไม่อย่างนั้นพวกผู้อพยพคงไม่พยายามจับเขาเหมือนเป็นทหารเองหรอก

แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรลงไปเลยนะ ตอนที่อยู่ในเขาจิ้งซาน จะทะลวงแนวกั้นที่สมาคมตระกูลชิ่งตั้งไว้ยังฝ่าไปไม่ได้เลย ทำไมต้องเปลืองแรงมาจับเขาด้วยล่ะเนี่ย!

ในใจของสูเสี่ยนสู่ก็อดกังวลแทนเริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นอยู่หน่อยๆ ไม่ได้ เขาที่อยู่แค่แนวรบยังฝ่าไปไม่ได้ยังมีคนตามจับมากขนาดนี้ เขาเห็นภาพเลยว่าคนที่ตามจับหยางเสียวจิ่นกับเริ่นเสี่ยวซู่จะมืดฟ้ามัวดินขนาดไหน…

ในชั่วพริบตานี้ สูเสี่ยนฉู่ก็ไม่เอ้อระเหยต่อ เขาเรียกร่างแยกเงาของตัวเองออกมาเตะผู้อพยพตรงหน้า ส่วนตัวเขาก็พุ่งเข้าไปฉกวอโถวหลายก้อนในกระท่อมมาไว้ในอ้อมแขนแล้วหันหลังวิ่งหนี!

เขาอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ดูเหมือนว่าต้องไปทางอื่น ดีที่สุดคือต้องไปที่ที่ไม่อยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของสมาคมตระกูลชิ่ง!

หลังจากใคร่ครวญอย่างหนัก สูเสี่ยนฉู่ก็คิดว่าป้อมปราการ 109 ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสมาคมตระกูลหลี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด!

ตอนนั้นเอง เสียงรถยนต์ขบวนใหญ่ก็ดังกระหึ่มมา สูเสี่ยนฉู่ขึ้นหลังร่างแยกเงาก่อนที่จะโดนผู้อพยพคว้าตัวได้ จากนั้นร่างแยกเงาก็วิ่งหนีเร็วรี่เข้าลึกไปในแดนรกร้างทันที!

ผู้อพยพเห็นภาพนี้ก็ชะงักฝีเท้า นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นผู้มีพลังพิเศษ!

ขบวนรถที่ขับมาจากแดนรกร้างมาถึงเมืองนั้นค่อยๆ ชะลอตัวลง บนรถเป็นชิ่งเจิ่นที่ฝุ่นคลุกตัว ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนของสมาคมมารับเขาที่ชายเขาจิ้งซานละก็ ไม่รู้เขาจะกลับมาถึงป้อมปราการ 111 ตอนไหน

ชิ่งเจิ่นเห็นความวุ่นวายในเมืองก็ขมวดคิ้ว “สู่หมานไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”

พวกเขามาไม่ทันเห็นว่าเกิดไรขึ้น

สู่หมานลดกระจกลงแล้วถามผู้อพยพคนหนึ่ง “ที่นี่เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

ผู้อพยพผู้นั้นเดินเข้ามาแล้วพูดอย่างนอบน้อม “พวกเราเจอสูเสี่ยนฉู่แล้วครับ”

ชิ่งเจิ่นที่นั่งอยู่เบาะหลังนั่งหลังตรงทันที “สูเสี่ยนฉู่? เขาอยู่ไหนแล้ว”

ผู้อพยพชี้ไปทิศที่สูเสี่ยนฉู่หนี “เขาวิ่งหนีเข้าแดนรกร้างไปแล้ว”

“…ให้คนไปจับตัวเขาซะ” ชิ่งเจิ่นว่า “ส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษออกไป พวกเขามีประสบการณ์ในแดนรกร้างมากกว่าสูเสี่ยนฉู่”

“เจ้านายครับ” สู่หมาน “ท่านกำลังจะถูกกักตัวในที่พักแล้ว”

ชิ่งเจิ่นถาม “…เขาหนีไปทางไหน”

สู่หมานคิด “น่าจะเป็นทางไปป้อมปราการ 109 ครับ”

“โทรหาหลัวหลาน” ชิ่งเจิ่นกัดฟันกรอด “ถ้าสูเสี่ยนฉู่โผล่หน้ามาแถวป้อมปราการ 109 ก็จับเขาซะ!”

[1] ออกซิเดชั่น (Oxidation) ปฏิกิริยาที่ทำให้เครื่องเงินเกิดความดำและหมองลง เกิดจากซัลเฟอร์ (S) ในอากากาศทำปฏิกิริยากับเครื่องเงินแล้วจะเกิดเป็นสารสีดำตัวหนึ่งชื่อ ซิลเวอร์ซัลไฟด์ (Silver sulfide หรือ Ag2S) เคลือบบนเครื่องเงินนั้น

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset