the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 99 กลับบ้านโว้ย!

ตอนนี้เริ่นเสี่ยวซู่ได้แต่บอกว่าตัวเองโชคดีชะมัดยาดที่หนีออกมาทัน และก็รู้สึกดีใจมากที่ได้เจอตัวทดลองระหว่างทาง ไม่อย่างนั้นเขาคงหนีออกจากเขตที่ภูเขาไฟระเบิดไม่ทัน

แรงดันภายในภูเขาไฟระเบิดออก ชิ่งเจิ่นมองภาพนั้นจากในเมืองร้างแล้วก็ถอนหายใจออก “น่าเสียดายจริงๆ”

เช่นเคย ไม่มีใครเข้าใจว่าน่าเสียดายของเขาหมายถึงอะไร

คนผู้หนึ่งที่อยู่ข้างชิ่งเจิ่นถาม “เจ้านายครับ พวกเราเอายังไงต่อ”

เพิ่งถามคำถามเสร็จ เสียงคำรามดังลั่นจนปฐพีสั่นไหวก็ดังมาจากปล่องภูเขาไฟ เสียงนี้ดังก้องไปหลายสิบกิโลเมตรภายในชั่วพริบตา!

เริ่นเสี่ยวซู่หันขวับไปมองอย่างตกใจ ที่ปลายปล่องภูเขาไฟ เขาเห็นอุ้งเล็บขนาดมหึมาเกาะอยู่เหนือปล่อง ราวกับว่ามีอะไรกำลังจะปีนขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น!

ในภูเขาไฟมีสิ่งมีชีวิตอยู่อย่างนั้นหรือ ตัวอะไรกันถึงสามารถแหวกว่ายอยู่ในแมกมาได้ แม้แต่สิ่งมีชีวิตน่ากลัวขนาดนี้ก็ปรากฏตัวขึ้น แล้วสิ่งมีชีวิตแสนน่ากลัวที่เขาเจอตอนไปริมแม่น้ำนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่

ชิ่งเจิ่นถอนหายใจ พลางว่า “มีของแบบนั้นอยู่จริงๆ งั้นเหรอ ให้ถอนตัวจากเขาจิ้งซานไปทางตะวันตกเป็นการชั่วคราว ภารกิจล้มเหลวแล้ว”

ลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างชิ่งเจิ่นว่าอย่างตะลึงลาน “ตัวเชี่ยอะไรเนี่ย…”

“เหยียนเทา โทรหาพี่ชายไร้ประโยชน์ให้ฉันหน่อย” ชิ่งเจิ่นว่าขณะจับจ้องไปที่ภูเขาไฟ “ถ้าเจ้าสิ่งนั้นคลานออกมา หรือตัวทดลองจำนวนมหาศาลถูกบีบให้หนีไปทางใต้เพราะการระเบิดของภูเขาไฟละก็ ป้อมปราการ 113 คงไม่ปลอดภัยแล้ว”

คนสนิทนามว่าเหยียนเทาอดสงสัยไม่ได้ ชิ่งเจิ่นจะคิดว่าป้อมปราการจะพังทลายจริงหรือ เขาไปนำโทรศัพท์ดาวเทียมมาทันที ก่อนจะพบว่ามันไม่สามารถโทรออกได้

คลื่นความร้อนที่ส่งออกมาจากการระเบิดของภูเขาไฟกระจายไปทั่วทั้งเทือกเขา และอย่าลืมด้วยว่าในเขาจิ้งซานนั้นไม่ได้มีภูเขาไฟแค่ลูกเดียว เห็นแบบนี้ชิ่งเจิ่นก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ!”

ทะเลเพลิงราวกับจะฝังความลับแห่งเขาจิ้งซานลงไป

สู่หมานและคนอื่นๆ แม้ได้รับคำสั่งให้ล่าถอย ก็ยังยิงปืนไปถอยไปอย่างเป็นระบบระเบียบ แม้จะมีภูเขาไฟระเบิดก็ไม่ทำให้พวกเขาเสียกระบวน ตกอยู่ในสภาวะอันตรายเช่นนี้ พวกเขายิ่งมีสติกว่าเดิม

พวกเขาออกมาจากป่าและมาถึงชายขอบของเมืองได้ในที่สุด คนข้างกายชิ่งเจิ่นกดรีโมตในมือ ในพริบตานั้นก็เกิดเสาไฟสว่างวาบกั้นเมืองไว้ และป่าก็เริ่มลุกโชนด้วยเปลวไฟ

ระเบิดที่สมาคมตระกูลชิ่งฝังไว้แต่เนิ่นๆ ถูกจุดระเบิดขึ้นพร้อมกัน กั้นพวกตัวทดลองไว้ในป่าทางเหนือ แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่หนังเหนียวทรงพลังเช่นตัวทดลอง ก็โดนระเบิดฆ่าหรือทำบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง ส่วนตัวทดลองกลุ่มที่เหลือที่ไม่โดนระเบิด ก็ได้แต่มองพวกสมาคมตระกูลชิ่งล่าถอยไปหลังกำแพงเพลิง

พวกตัวทดลองไม่รออ้อยอิ่ง พวกมันหันหลับเข้าป่า ดูเหมือนว่าพวกมันคิดจะหาทางอื่นอ้อมไป

สู่หมานหอบแฮกๆ เข้ามาหาชิ่งเจิ่น หัวก้มเขาลงต่อ “ขอโทษด้วยครับ ผมพาตัวสูเสี่ยนฉู่กลับมาไม่ได้”

“ไม่เป็นไร” ชิ่งเจิ่นสายหน้า “ขึ้นรถเถอะ พวกเราจะถอยไปทางตะวันตกกัน ที่นั่นน่ะมีเส้นทางที่สามารถพาพวกเรากลับป้อมปราการ 112 ได้” ชิ่งเจิ่นกลับหลังหันเดินจากไป เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นเกิดเป็นกลิ่นอายแห่งความสงบเงียบประการหนึ่ง

รถบรรทุกทหารและรถออฟโรดขบวนใหญ่ รวมไปถึงเครื่องจักรหนักต่างๆ ล้วนจอดไว้อยู่ ณ ริมชายขอบเมือง

สู่หมานไม่ขยับ ชิ่งเจิ่นหันไปมองเขา “อยากถามสินะว่าทำไมถึงผมถึงส่งคนไปช่วยคุณน่ะ ไม่ต้องรู้สึกตื้นตันไปหรอก ระหว่างเราแค่มีข้อตกลงกันอยู่ก็เท่านั้น ผมให้คนไปช่วยพวกคุณ ก็เพราะพวกคุณมีประโยชน์อยู่”

สู่หมานอึกอัก เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

สุดท้ายชิ่งเจิ่นก็หัวเราะ “เก็บคำพูดจะจงรักภักดีอะไรนั่นไว้เถอะ ผมไม่เชื่ออะไรพวกนั้นหรอก”

ตอนนั้นเอง ทหารที่อยู่ข้างหน้าก็ตะโกน “แย่แล้ว! รถพวกเราขับต่อไม่ได้ ลองมาดูสิครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับล้อรถ…”

สู่หมานนิ่งไปครู่หนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น ยางถูกเจาะหรือยังไง เอาเครื่องปะยางมา แล้วก็เติมลมก็เสร็จแล้วนี่”

ทหารนายนั้นทำหน้าขมขื่น “ไม่ใช่แค่ถูกเจาะ แต่ยางถูกกรีดหมดทุกคันเลยครับ…”

สู่หมาน “…”

ชิ่งเจิ่น “…”

รอยยิ้มสงบนิ่งของชิ่งเจิ่นก่อนหน้ากระตุก “…สูเสี่ยนฉู่ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเกิดอยากฆ่าคนจนใจสั่นขนาดนี้ สู่หมาน ไปเอาเครื่องแบบของผมมา…”

ชิ่งเจิ่นและสู่หมานทราบดีว่า ‘สูเสี่ยนฉู่’ หนีไปทางใต้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขามิวายทิ้งทวนแบบนี้ไว้

ที่สู่หมานคิดไว้ คือแค่เจาะยงเจาะยางไปก็พอแล้ว แต่นี่คู่ต่อสู้พวกเขาเล่นกรีดยางทิ้งเลย!

กรีดยางหมดแบบนี้ แสดงว่าคนของสมาคมทุกคนต้องเดินทางออกจากเขาจิ้งซานด้วยเท้าแล้ว อันตรายไม่ค่อยเท่าไรหรอก แต่มันจะทำให้ทุกคนดูน่าสมเพชมากนี่สิ โดยเฉพาะถ้าพวกเขาใส่ชุดสูทสีขาวแล้วด้วย…

สู่หมานกระซิบเสียงค่อยอยู่ข้างหลังชิ่งเจิ่น “ภารกิจล้มเหลวแบบนี้ สมาคมอาจจะลงโทษท่านก็ได้นะครับ”

ชิ่งเจิ่นไม่ยี่หระ “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงพวกจิ้งจอกเฒ่าในสมาคมก็ยังต้องการคนทำงานแทนอยู่ดี คิดซะว่าได้วันลาพักร้อนมาแล้วกัน

“แล้วพวกเราจะจัดการยังไงกับเริ่นเสี่ยวซู่ครับ” สู่หมานว่า

“ถ้าไม่ตายในเขาจิ้งซาน ก็คงหาทางกลับป้อมปราการ 113 ไปได้แล้วละ” ชิ่งเจิ่นคิดสักพัก ก่อนจะพูดต่อ “ถ้าโทรศัพท์ดาวเทียมใช้ได้แล้ว บอกหลัวหลานให้เฝ้าจับตาเขาให้ด้วย ส่วนจะจัดการเขายังไงตอนนี้ยังไม่ทันคิด แล้วก็บอกให้เขารีบๆ ส่งจางจิ่งหลินออกไป คนผู้นั้นห้ามตายภายใต้การดูแลของพวกเราเด็ดขาด เป็นไปได้ว่ามีคนส่งมือสังหารออกมาแล้ว”

เริ่นเสี่ยวซู่เป็นคนไปกรีดยางรถของพวกสมาคมตระกูลชิ่งเอง ตอนนั้นคนของสมาคมกำลังวุ่นวายกับการรับมือตัวทดลอง เขาเลยตัดสินใจลงมือทันที

แล้วก็เริ่นเสี่ยวซู่โดนสมาคมตระกูลชิ่งไล่ล่ามาพักใหญ่แล้ว ไม่ล้างแค้นเสียหน่อยได้อกแตกตายแน่!

ภูเขาไฟยังคงระเบิดออกมาไม่หยุด ดวงจันทร์บนฟ้าโดนควันขี้เถ้าบดบังไปหมดสิ้น แถมยิ่งนานไป การปะทุก็ยิ่งรุนแรงขึ้น

เริ่นเสี่ยวซู่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ตัวอะไรคำรามอยู่ในปล่องภูเขาไฟกัน สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เห็นมันปีนออกมาจากปล่องภูเขาไฟ

ขณะที่เขาเพิ่งออกจากเขตตัวเมือง สมาคมตระกูลชิ่งก็กดระเบิดที่ชายขอบเมือง เริ่นเสี่ยวซู่ได้เห็นความน่าสะพรึงของอาวุธระเบิดของมนุษย์อีกคราแล้ว

เริ่นเสี่ยวซู่ใช้เส้นทางเดิมของขามามุ่งกลับไปทางใต้ต่อ เขาเดาว่าระหว่างทางน่าจะมีตัวทดลองบ้างประปราย แต่ก็ไม่เยอะขนาดมาทั้งรังเหมือนที่เขาไปเผอิญเจอ ว่าตามตรง เริ่นเสี่ยวซู่ไม่กลัวพวกมันอีกต่อไป

ร่างแยกเงามีสุดยอดพละกำลังและความคล่องแคล่ว พร้อมพรักดาบทมิฬเป็นอาวุธ พลังทำลายล้างเหนือประมาณ

สองอย่างรวมกัน ยิ่งเป็นการจับคู่ที่ทรงพลัง นี่ราวดั่งเป็นวิถีที่เริ่นเสี่ยวซู่ต้องเดินทางไปอย่างไรอย่างนั้น ทว่าเส้นทางนี้อาจจะเปี่ยมไปด้วยความคดโค้งบิดงอมากมาย

ระหว่างทางกลับไปป้อมปราการ 113 สิ่งที่อันตรายที่สุดที่ต้องรับมือไม่ใช่พวกตัวทดลองหรอก แต่เป็นแมลงหน้าคนและฝูงหมาป่าต่างหาก

เริ่นเสี่ยวซู่พักผ่อนบนหลังร่างแยกเงาจนพละกำลังฟื้นฟู ร่างเงานี้เคลื่อนไหวรวดเร็วยิ่งราวท่องไปในอากาศ ระหว่างวิ่งไป ขาของมันแทบจะก่อเป็นภาพติดตา

ถึงแบบนี้จะทำให้เริ่นเสี่ยวซู่เหมือนเป็นผู้พิการที่ต้องให้ผู้อื่นคอยช่วยเหลือก็เถอะ แต่เริ่นเสี่ยวซู่ก็มิยั่น…

ระหว่างทางนั้น เขากลับไปที่ถ้ำที่พวกเขาเคยพักคืนหนึ่งด้วย ที่นั่นเขาพบตัวอักษรสลักไว้อย่างงดงามเหนือถ้ำว่า ‘มันอยู่ข้างหลัง’

ก่อนหน้านี้ยังไม่มีตัวอักษรพวกนี้สลักไว้เลย ดูเหมือนมันเพิ่งสลักเสร็จไปหมาดๆ นี่เอง เท่าที่เริ่นเสี่ยวซู่จำได้ ตอนที่เดินทางออกจากที่นี่ เป็นหยางเสียวจิ่นรั้งท้ายขบวน ด้วยเหตุผลบางประการ เขาคิดว่าตัวอักษรที่สลักอย่างงดงามนี่น่าจะเป็นฝีมือของหยางเสียวจิ่นที่คิดหลอกคนอื่นให้กลัวเล่นๆ

“ซนจริงๆ เลยแฮะ” เริ่นเสี่ยวซู่ดูอะไรๆ เสร็จก็มุ่งกลับไปทางใต้ต่อ

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ไฟป่าจากภูเขาไฟระเบิดก็ลามมาถึงทางใต้ ทั้งเทือกเขาจิ้งซานราวกลายเป็นทะเลเพลิงไป เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงสัตว์ป่าวิ่งกระโจนหนีอยู่รางๆ พวกมันน่าจะหนีไปทางหุบเขา แต่ก็เถอะ ไม่ใช่เรื่องที่เริ่นเสี่ยวซู่สนใจอยู่ดี

กว่าจะไปถึงที่นั่นได้ใช้เวลาอย่างนาน แต่ขากลับรู้สึกว่าไวกว่ามาก ใช้ว่าครึ่งวันก็มาถึงหุบเขาอีกครั้งแล้ว เขามองเข้าไปในหุบเขา ก่อนจะเห็นประกายแสงวิบวับอยู่บนผาสูงเสียดฟ้าของหุบเขา เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รีรออะไรอีก

ตราบใดที่ไวมากพอ จะแมลงหน้าคน ฝูงหมาป่า หรือความโดดเดี่ยวก็ตามเขาไม่ทันทั้งนั้น!

ร่างแยกเงาแบกเริ่นเสี่ยวซู่วิ่งผ่านหุบไปราวลมโกรกสายหนึ่ง พวกแมลงหน้าคนที่เกาะอยู่บนยอดผาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์ จึงกรูกันออกมา ทว่าพอพวกมันออกมา เริ่นเสี่ยวซู่ก็ออกไปจากหุบเขาแล้วเช่นกัน!

เจ้าพวกแมลงหน้าคนนิ่งกริบเหนือบนหน้าผาไปนานโข พวกมันใช้หนวดสัมผัสสื่อสารกันเอง “เพิ่งมีมนุษย์ผ่านไปเปล่าวะแก”

“แม่*ไม่น่าใช่มนุษย์แล้วเปล่าวะนั่น!”

เริ่นเสี่ยวซู่ออกจากหุบเขามา ก็เป็นอรุณรุ่งพอดี เหนือท้องฟ้า แสงสีทองผ่องอำไพของดวงอาทิตย์สาดทับหมู่เมฆ เริ่นเสี่ยวซู่เห็นทิวทัศน์เช่นนี้ก็เกิดกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาไม่น้อย มาเขาจิ้งซานรอบนี้ ถึงแม้จะไม่ได้อยู่นานก็ตามที ตนเองก็ได้อะไรกลับไปไม่น้อยเลย

แต่พอกลับมาถึงหุบเขาอีกครั้ง ก็รู้เหมือนว่าตนเองจากไปนานมากเป็นร้อยปี

อดสงสัยไม่ได้ว่าเหยียนลิ่วหยวนและพี่เสี่ยวอวี้ทำอะไรอยู่ที่บ้าน เริ่นเสี่ยวซู่อยากกลับบ้านใจจะขาด

เริ่นเสี่ยวซู่สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวในป่าอยู่เลือนราง เขาชะงักร่าง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าแถบนี้ยังมีฝูงหมาป่าวนเวียนอยู่ อย่างกับมันรอเขากลับมาอย่างนั้นแหละ!

แต่ไม่นานนักฝูงหมาป่าที่นวยนาดเข้ามา ก็ได้แต่มองเริ่นเสี่ยวซู่ที่อยู่บนหลังร่างแยกเงาวิ่งผ่านวูบผ่ากลางฝูงมันไป พวกมันไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ!

ฝูงหมาป่าชะงักกึก มองเริ่นเสี่ยวซู่พุ่งหายไปอย่างอึ้งๆ เขาเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าพวกมันอีก…

ราชาหมาป่านิ่งงันไป นี่พวกมันรอตั้งหลายวันเพื่อไม่ได้อะไรเลยเนี่ยนะ!

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset