The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 18 สังหารหนูยักษ์วารีได้แล้วสิ

ตอนที่18 สังหารหนูยักษ์วารีได้แล้วสิ
“เอาหละตัดสินใจแล้ว” เบลซตัดสินใจก่อนที่จะพูดในสิ่งที่เขาวางแผนไว้
“รอบๆหนูยักษ์วารีมีหนูกลายพันธ์อีก8ตัวซึ่งถ้าเราจะขึ้นตึกยังไงก็ต้องกำจัดพวกมันทั้งหมอยู่แล้วเพราะฉะนั้น… เจ้าดาบน้อยกับผมจะตีเต็มแรงตั้งแต่แรกคงเคลียร์ไปได้6ตัว อีกสองตัวที่เหลือให้เจ้าดาบน้อยจัดการละกันนะ ส่วนฉันจะจัดการหนูยักษ์วารีเอง ส่วนเอลลี่เพราะว่าเธอยังเป็นคนธรรมดาขี่เจ้าดาบน้อยไปก่อนละกันนะ”
“อื่อ” เอลลี่พยักหน้ารับเธอรู้ว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถช่วยพวกเขาได้เลยทำได้แต่ก้มหน้าจ๋อยๆ
“ฮ่ะฮ่าเอาหละ ไม่ต้องทำหน้าจ๋อยแบบนั้นหรอกเดี๋ยวเธอก็จะแกร่งขึ้นแล้วแต่ก่อนอื่น” เบลซพูดปลอบพลางเอามือลูบหัวเอลลี่อย่างแผ่วเบาแล้วก็หันกลับไปมองที่หนูยักษ์วารีก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เจ้าดาบน้อยลุยยย!!” เบลซให้สัญญาณ
“โกร๊ววววววววว” เจ้าดาบน้อยคำรามเรียกร้องความสนใจจากพวกมันขณะที่พุ่งไปด้วยความเร็วสูง
“เพลิงอัสนี” ง้าวของเบลซลุกท่วมไปด้วยเพลิงอัสนีอีกครั้ง
“ฉัวะ” เบลซตวัดง้าวกรีดนภาไปหนึ่งที่เส้นแสงสีส้มและเหมือนกับสายฟ้าพาดผ่านร่างของหนูกลายพันธ์ทั้งสามตัว
“พุฟฟฟฟฟ” ง้าวตวัดถูกลำตัวเลือดสาดกระจายและมีบางส่วนระเหยจากความร้อน
“ฟูวววววว” ง้าวตวัดไปที่กลางหลังเพลิงลุกไหม้ขนจนลามไปทั่วทั้งตัว
“พุฟฟฟฟฟ” ง้าวเฉี่ยวลำคอไปทำให้มันยังไม่ตายทันทีแต่ว่าบาเจ็บสาหัสและจะตายในอีกไม่ช้า
“จี๊ดดดดดดด”
“จี๊ดดดดดดด”
“จี๊ดดดดดด”
ร่างของหนูกลายพันธ์ทั้งสามกระตุกเนื่องจากโดนไฟฟ้าช็อตและรอบๆบริเวณที่โดนฟันก็มีเพลิงสีส้มลุกไหม้อยู่และเริ่มไหม้ขนของพวกมันลามไปเรื่อยๆ อีกไม่นานพวกมันทั้งสามตัวก็จะเสียชีวิต ก่อนที่เบลซจะกระโดดลงจากหลังเจ้าดาบน้อยแล้วพุ่งไปหาหนูยักษ์วารี
“ฟูวววววว” ทางด้านของซีฟอสเพลิงอเวจีลุกท่วมปากก่อนที่จะพ่นออกมากวาดไปที่หนูกลายพันธ์ทั้งสามตัว เพลิงสีม่วงไหม้พวกมันทั้งตัวและด้วยความร้อนสูงสมองของพวกมันสุกในไม่กี่อึดใจ ก่อนที่จะหันไปที่หนูกลายพันธ์อีก2ตัวที่เหลือ
“จี๊ดดดดดด”
“จี๊ดดดดดด”
หนูกลายพันธ์ทั้งสองตัวตกใจกลัวและวิ่งหนีไปทันทีที่เห็นแสงสีแดงจากตาของซีฟอสอันหน้าสยดสยองและเพลิงอเวจีสีม่วงที่พึ่งย่างสดเผ่าพันธุ์เดียวกันกับพวกมัน
ซีฟอสทำหน้างงๆ ก่อนจะเอากรงเล็บเกาหัวแกรกๆ
“นี่ๆไปช่วยเบลซเค้าสิ” เอลลี่ที่อยู่บนหลังพูด
“กรูวววว” ใช่แล้วต้องไปช่วยป๊าป๋าของมัน ซีฟอสคิดแล้วก็พุ่งไปทางหนูยักษ์กลายพันธ์ด้วย
“จรี๊ดดดดด” หนูยักษ์วารีร้องเสียงแหลมสูงก่อนที่จะฟาดกรงเล็บที่ล้อมรอบไปด้วยน้ำแรงดันสูงไปที่ลำคอของเบลซ
“ฟึบ ฟึบ ฟึบ” เถาโลหิตทั้งสามเถาพุ่งออกมาจากข้อมือของเบลซและรับการโจมตีไว้
“แคร้งงง” กรงเล็บวารีแรงดันสูงไม่สามารถผ่านเถาโลหิตไปได้
“นี่หละนะข้อดีของ Vitality(พละกำลัง) สูง” เบลซยิ้มในใจอย่างมีความสุขเพราะว่าค่าสถานะพื้นฐานของหนูยักษ์วารีสูงกว่าเบลซแล้วยังมีพลังธาตุเหมือนกันอีกต่อให้เขาเอาธาตุสายฟ้าไปใส่ง้าวก่อนที่จะรับการโจมตี มันก็คงแค่ชาอุ้งมือนึดหน่อยแต่ว่าเขาต้องก้าวถอยหลังไปนึดหน่อยแน่เพราะ Strength(แรงกาย) ที่ต่างกัน
แต่ด้วยเถาโลหิตทำให้เขาสามารถรับการโจมตีได้และยังสามารถฟันง้าวสวนฟรีๆได้อีกด้วย
“แต่ว่าแค่นั้นยังไม่พอหรอกนะ” เบลซคิดในใจ
“ขวับ ขวับ ขวับ” เถาโลหิตเคลื่อนที่ไปพันธนาการที่แขนข้างนั้นของหนูยักษ์วารี
“จรี๊ดดดด” หนูยักษ์วารีพยายามแกะเถาโลหิตออกแน่นอนว่าด้วยแรงกายที่มากทำให้แกะออกไปที่ละนึดๆแต่ว่าไม่สามารถทำให้เถาโลหิตเสียหายได้ ส่วนเถาโลหิตเมื่อโดนแกะออกเล็กน้อยก็จะขยับไปพันธนาการที่แขนอีกครั้งไม่จบไม่สิ้น นอกจากนี้หนามสีแดงเล็กๆของเถาโลหิตถึงจะสร้างความเสียหายให้หนูยักษ์วารีไม่ได้แต่ก็ทำให้มันคันยุบๆยิบๆจนรำคาญได้
“จรี๊ดดดดด” หนูยักษ์วารีกรีดร้องด้วยความโมโหก่อนจะเอากรงเล็กอีกข้างใส่พลังธาตุน้ำแล้วตะปบไปที่ศีรษะของเบลซ
“หวืดดด” เบลซควบคุมเถาโลหิตทำพันแขนอยู่ข้างหนึ่งไปข้างๆ
หนูยักษ์วารีเสียการทรงตัวเล็กน้อยจนเซแต่ก็ยังเปลี่ยนทิศทางของกรงเล็บไปยังศีรษะของเบลซ
“วารีอัสนี”
ปลายของง้าวกรีดนภายาวขึ้น ส่วนที่ยาวก็คือพลังธาตุน้ำที่บีบจนคมกริบนี่เอง
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” จากนั้นง้าวก็เคลือบด้วยสายฟ้ากลายเป็นง้าวสีฟ้าวารีที่ล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าเล็กๆแลบไปแลบมา
“ฉึก!” ด้วยการที่เบลซควบคุมเถาวัลย์ให้มันเซนึดหน่อยเลยทำให้ง้าวของเขาถึงตัวของมันก่อนและแทงเข้าไปในร่างของหนูยักษ์วารีจังๆ
ในขณะเดียวกันอยู่ดีๆกรงเล็บวารีก็ขยับเร็วขึ้นจนห่างไม่กี่เซนจากศีรษะของเบลซแล้ว
“แคร้งงงง” ในขณะนั้นเองเถาโลหิตเถาหนึ่งก็ผละออกมาจากการพันธนาการแขนของหนูยักษ์วารีเข้ามาป้องกันได้ทันท่วงที
เบลซเรียกเถาโลหิตกลับมาก่อนที่จะรีบกระโดดถอยหลังเว้นระยะห่างจากหนูวารีทันที
หน้าของเบลซเต็มไปด้วยหยดเหงื่อ “ถ้าเมื่อกี้ช้าไปอีกนึดหละก็ได้ตายแน่”
เบลซคิดทบทวนถึงฉากเมื่อกี้ขณะที่มองไปที่หนูยักษ์วารีอย่างไม่ประมาท
หนูยักวารีหลับตาลงข้างท่าทางแสดงถึงความเจ็บปวดมือข้างหนึ่งของมากุมแผลที่โดนแทงเอาไว้ ตาอีกข้างหนึ่งจ้องไปที่เบลซด้วยจิตสังหาร น้ำเริ่มออกมาจากขนของมันแล้วควบรวมกันกลางอากาศเป็นรูปใบดาบโค้งบางๆที่คมกริบ ทักษะธาตุน้ำ
“ฟิ้วววววว” คมดาบวารีพุ่งไปที่คอของเบลซด้วยความเร็วสูง
“ชิบหายแล้วแม่งมีทักษะซวยจริงๆ” เบลซสบทในใจถึงแม้เขาจะเสียใจแต่ก็ไม่มีเวลาพอให้หลบแล้ว
ฉะนั้นก็ต้องรับตรงๆอย่างเดียว!
“ย้ากกก” เบลซพุ่งไปพร้อมกับง้าวที่เคลือบด้วยวารีอัสนีแล้วหวดเข้าใส่เต็มแรง
“แคร้ง!” ง้าวปะทะกับคมดาบวารีอย่างแรงจนง้าวกระเด็นออกจากมือของเบลซแต่คมดาบวารียังพุ่งมาทางเข้าอยู่
เถาโลหิตทั้งสามพุ่งออกมาขวางคมดาบวารีพร้อมกัน
“ปัก!!!” คมดาบปักเข้าไปที่เถาทั้งสามความแรงของทันทำให้เบลซถอยกรูดไปหลายเมตร
“จรี๊ดดดดด” หนูยักษ์วารีร้องออกมาพร้อมกับเอาอุ้งมือทั้งสองข้างกุมหัวทั้งสองข้าง
“ใช้พลังวิญญาณหมดแล้วสินะ” เบลซคิดเพราะจากการคำนวณ การโจมตีเมื่อตะกี้นี้ใช้พลังจิตวิญญาณไปประมาณ2-3แต้มบวกกับที่เอาธาตุน้ำไปเคลือบกรงเล็บสู้ หนูยักษ์วารีสติปัญญาต่ำค่าSpirituality(จิตวิญญาณ) เลยต่ำเตี้ยเรี่ยดินคิดว่าคงมีไม่เกิน4แต้มแล้วก็คงจะใช้เกือบหมดถึงหมดไปแล้วถึงได้ออกอาการปวดหัวขนาดนี้
“ชิ! เป็นรอยจนได้” เบลซสบทในใจเขาหันมาเช็คสภาพของเถาวัลย์โลหิตทั้งสามเถาพวกมันมีรอยโดนฟันจากอควาคัตเตอร์ลึกประมาณครึ่งเซน แน่นอนว่าเส้นประสาทส่วนหนึ่งของเบลซกับมันเชื่อมกันทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดๆเหมือนโดนมดกัดด้วย
“งั้นฉันจะเอาของนายเลือดมาฟื้นฟูดอกเถาโลหิตของฉัน” เบลซคิดพลันกระโจนใส่หนูยักษ์วารีทันทีทั้งๆที่ไม่มีง้าวอยู่ในมือ
“จรี๊ดดดดด” ถึงหนูยักษ์วารีจะปวดหัวมากแต่มันก็ยังมีสัญชาตญาณที่ดีเมื่อเป็นว่าเบลซบุกเข้ามาตัวเปล่ามันจึงไม่ได้เคลือบพลังธาตุน้ำไว้ที่กรงเล็บเพราะถ้าใช้อีกพลังวิญญาณที่เหลืออันน้อยนึดจะหมดไปและทำให้ปวดหัวจนสลบแน่นอน
แต่ว่ามันไม่สามารถทราบได้เลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะนำมันไปสู่ความตาย
“ฉึก! ฉึก! ฉึก!”

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset