The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 22 ต้องหารถแล้วสิ

“เฮ่ พวกนายปลอดภัยไหม?” เบลซวิ่งเข้ามาเขารู้สึกหายใจไปเปราะหนึ่งเพราะว่าเขาเห็นว่าเพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่ทุกคน
“นั้นพ่อหนุ่มเรามาแล้ว” ชินพูดด้วยหน้ายิ้มๆ
“ว่าแต่ถามจริงเถอะมาจากไหนครับ มาได้ยังไง” จางมู่พูดด้วยท่าทางสงสัยสุดขีด
“ก็ขี่เจ้าดาบน้อยมาหนะ”
“เจ้าดาบน้อย? มันคืออะไรอะ”
แล้วเบลซก็ชี้ไปที่เจ้าดาบนี้ที่มาอยู่หน้าประตู
เจ้าดาบน้อยยิงฟันคมๆของมันใส่ที่นึง “แฮร่”
“เหวออออ” เพื่อนๆดูท่าจะตกใจกันยกใหญ่แต่ก็เอาเถอะยุคนี้ยังไงก็ได้แล้วหละ
“แล้วเราจะไปจากที่นี้ยังไงแล้วจะเอาไงกันต่อ?”  ชินถาม
“เอาตรงๆก็พวกนายจำงานพาเหรดได้ไหม?”
“งานพาเหรด? มันมีอะไรหรอ” เรย์ลินถามด้วยความสงสัย
“ก็คือว่านายจำรถรุ่นเก่าในงานพาเหรดได้รึปล่าวหละ”
“รุ่นไหนหละเพื่อน?”
“รถตู้รุ่นที่ประหยัดพลังงานไฟฟ้าหนะ”
ในโลกนี้ยานพาหนะส่วนใหญ่ก็เป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็จริงแต่ว่าเป็นพลังงานไฟฟ้าคุณภาพสูงซึ่งเบลซไม่มีความสามารถพอที่จะชาร์จมัน แต่ว่าถ้าเป็นรถรุ่นเก่าๆที่มีแนวคิดประหยัดพลังงานใช้พลังงานน้อยๆเบาๆหละก็เขาก็พอที่จะชาร์จให้มันวิ่งในระยะสั้นๆได้
“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ว่าพลังงานไฟฟ้ามันใช่ไม่ได้หรอ?” จางมู่แย้ง
“จะว่าไปนนายมีปืนพกเลเซอร์ใช่ไหม?” เบลซถาม
“ใช่ๆ แต่ว่ามันใช้ไม่ได้ก็เลยเก็บไปแล้ว”
“งั้นขอลองหน่อยดิ”
จางมู่มองด้วยความสงสัยก่อนที่เอาหยิบกล่องที่เก็บปืนที่กอยู่ใต้เตียงออกมา
“อะนี่”
“ขอบใจนะ” เบลซถือปืนขึ้นมาก่อนที่จะลองชาร์จพลังธาตุสายสายฟ้าใส่
เบลซรู้สึกว่าค่าSpiritualityของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง เขาเรียกระบบมาดูหลังจากที่มันลดลงเหลือ20แต้มเขาก็หยุดใส่พลังงาน
“อืม มันก็ขึ้นอยู่นะโหลดได้6นัดงั้นหรอ” เบลซมองไปที่ข้างๆตัวปืน  ขีดพลังงานขึ้นมาอย่างชัดเจนแต่ว่าในการชาร์จไฟฟ้าพลังงานสูงแถบพลังงานจะเป็นสีม่วงแต่ว่าตอนนี้แถบไฟฟ้ากลับเป็นสีเหลืองหรือก็คือไฟฟ้าทั่วๆไป
“มันน่าจะมีผลต่อความแรงแต่ว่าลองยิงดูก่อนละกัน” เบลซเล็งปี่ผนังโล่งๆ
“ปิ้วววว” ปืนเลเซอร์ยิงลำแสงสีเหลืองออกไปปะทกับกำแพงเป็นรู
“เบาลงไปเยอะจริงๆด้วยถึงจะแรงแต่ว่าเป็นแค่รูเล็กๆแบบนั้นสัตว์อสูรส่วนใหญ่ตัวใหญ่ต้องยิงกี่นัดถึงจะตายแบบนี้ใช้ยังดีกว่าอีก แต่ก็ดีกว่าไม่มีหละนะอย่างน้อยจางมู่ที่แม่นปืนก็ยังพอใช้ได้ แล้วก็มีประโยชน์มากในการปะทะกับคน”
ตอนนี้เพื่อนๆของเขายืนอึ้งจนค้างไปแล้วยกเว้นจางมู่ที่จะดูตื่นเต้น
“นะ นายทำได้ยังไงกัน?”
“ก็ชาร์จไฟใส่สิมีแค่5นัดนะใช้ระวังๆด้วย” เบลซยืนปืนให้จางมู่แล้วก็ถามชินต่อพร้อมกับพูดว่า
“เอาเถอะเอาเป็นว่าเราไม่สามารถอยู่ที่นี่นานๆได้สรุปว่ารถรุ่นเก่าเก็บอยู่ที่ไหนหรอ”
“ที่โรงรถนั้นแหละ แต่ว่าเราไม่มีกุญแจหนิเพื่อความปลอดภัยกุญแจจะถูกเอาไปเก็บอีกที่” ชินพูด
“แล้วมีใครรู้บ้าง?”
“เออฉันคิดว่าเอมิ น่าจะรู้นะ” เอลลี่พูดขึ้นมา
“เอมิไหน? หมายถึงเอมิเลีย ไฮด์ อัลค็อต หรอครับแต่ว่า ใช่เธอเป็นเลขาสภานักศึกษาน่าจะรู้จริงๆนั้นแหละ” ชินพูด
“ใช่ ใช่ งั้นก็ไปช่วยเธอก่อนเลยสิ” เอลลี่พูดด้วยยิ้มๆทำท่าทางดีใจ
“ก็ได้ แต่ว่าถามจริงเถอะเพื่อนเธอมีกี่คน?” เบลซถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยถ้าเพื่อนของเธอเยอะเกินไปเขาก็ไม่ไหวจริงๆ การที่จะไปถึงรถจำเป็นจะต้องเดินไปเพราะงั้นก็หมายความว่าเขาต้องคุ้มกันคนจำนวนหนึ่งไปขึ้นรถ
“คือว่า….ถ้ารวมฉันด้วยแล้วก็4คน” เอลลี่ทำหน้าจ๋อยๆ
เบลซตบหัวเธอเบาๆสองที่ก่อนที่จะพูดว่า “งั้นก็ได้งั้นก็…” แล้วเบลซก็มองไปที่ยุงลายยักษ์เขาพึ่งจะสังเกตว่ามันยังไม่ได้แค่สลบเฉยๆ
“ไอนี้ฆ่าได้ใช่ไหม” เบลซถาม
“ก็แหงสิจะว่าไปลืมไปเลยว่ามันยังไม่ตาย” เรย์ลินพูดด้วยท่าทางแปลกๆ
“จัดการไปเถอะ” จางมู่พูด
“ได้ๆ” แล้วเบลซก็เรียกเถาโลหิตออกมาจากแขนเถานึงก่อนที่จะแทงเข้าไปในหัวของยุงยักษ์แล้วนำคริสตัลสีเทาที่ภายในวนเป็นขีดๆเหมือนสายลมออกมา
“ยุงถลาวายุ(ขาว)ระดับ6 ถูกสังหารได้รับเหรียญชีวิตx6”
“ฉันบอกได้เลยว่าพวกนายโชคดีมากที่รอดมาได้”
“เบลซฉันถามจริงเถอะแกยังเป็นคนอยู่รึปล่าว” เรย์ลินโวยวาย
“ระบบ!”
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต66เหรียญ
ระดับ9
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว(5/100) พลังธาตุ
อาชีพ ไม่มี
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
ฉายา นายแห่งอสูรอเวจี (+5ทุกค่าสถานะ เพิ่มความแรงธาตุไฟ และ เพิ่มอัมพาตธาตุสายฟ้า 50%)
Strength(แรงกาย) : 15+8
Agility(ความว่องไว) : 13+8
Vitality(พละกำลัง) : 9+8
Stamina(ความทรหด) : 18/12+8
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 21/20+8
ทักษะ
ใช้พลังธาตุน้ำควบแน่นเป็นคมดาบแล้วซัดใส่ศัตรูใช่พลังจิตวิญญาณ(Spirituality) 1-4 แต้มตามขนาดและความแรงของทักษะ
สัตว์อสูรสงคราม
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ8
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 20
Agility(ความว่องไว) : 23
Vitality(พละกำลัง) : 36
Stamina(ความทรหด) : 21/22
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 5/7
ทักษะ
ด้วยสายเลือดแห่งนรกอเวจีทำให้ใช้เพลิงที่จากนรกได้(เพลิงแรงขึ้น75%)
พืชปรสิตดอกเถาโลหิต ระดับ5
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
พลังธาตุ พืช โลหิต ระดับขาว
Strength(แรงกาย) : 1
Agility(ความว่องไว) : 1
Vitality(พละกำลัง) : 42
Stamina(ความทรหด) : 1
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1
ทักษะ
+3ทุกสถานะของโฮสต์ และ โฮสต์สามารถเรียกเถาออกมาช่วยโจมตีหรือป้องกันได้โดยจะมีค่าสถานะทุกอย่างเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality ในขณะเดียวกัน เถาโลหิตต้องได้รับพลังงานทุกวันจากโฮสต์
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง
“ด้วยการลาสช็อตเมื่อกี้ทำให้ระดับขึ้นอีกแล้วสิ จากการกวาดชั้นสองเมื่อกี้เจ้าดาบน้อยก็ระดับเพิ่มขึ้นเหมือนกัน” เบลซพูดด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะยื่นคริสตัลธาตุดินที่มีทักษะให้ชินและคริสตัลธาตุลมให้เอลลี่
“เอาหละพวกนายกำมันไว้นะ จินตนาการว่าในคริสตัลมีพลังงานอยู่แล้วพวกนายก็คิดที่จะดูดพลังงานนั้นเข้ามาในด้วย เมื่อนึกภาพในหัวได้ชัดเจนแล้วก็พูดว่า [ดูดซับ!]”

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset