The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 26 ได้สมาชิกเพิ่มแล้วสิ

ตอนที่26 ได้สมาชิกเพิ่มแล้วสิ
อิฟฟราเอาน้ำมาจิบและเดินมาถึงด้านหน้าขอ
เบลซและชี้ไปที่เจ้าดาบน้อยพร้อมกับถาม
“เบลซวิธีการที่คุณได้รับสิ่งนี้คุณสามารถบอกเราได้ไหม?รวมถึงความสามารถด้วย”
“กรูวววววว” เจ้าดาบน้อยคำรามต่ำอย่างไม่พอใจเล็กน้อย “ตัวมันนึกจะเอามาเลี้ยงก็ได้หรือไง ต้องแบบป๊าป๋าตังหาก”
ทั้งสามมองมาที่เบลซสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาใคร่รู้ ในการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันกับโลกใบนี้ทุกคนรู้ว่าเพียงแต่ผู้ที่มีความแข็งแรงถึงจะสามารถอยู่รอดได้
เบลซจ้องมองที่อิฟฟราถามว่า
“คุณได้ยินเสียงที่อ้างว่าเป็นอิกดราซิลไหม?”
“ผมได้ยินมัน!”
“ผมก็ได้ยินมัน”
“ผมก็ได้ยินมัน”
หยุนเฟยและอิโนะกล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกัน
เบลซกล่าวช้าๆว่า
“ยูทาห์แร็พเตอร์นี้ผมสร้างมันขึ้นมาแบบบังเอิญแน่นอนว่ามันวิวัฒนาการมาหลังเกิดเหตุนั้นหลังจากที่ผมฆ่าพวกสัตว์อสูรในร่างกายของพวกมันจะมีคริสตัลสีต่างๆ หลังจากที่ใช้ก็จะได้ความสามารถพิเศษแบบที่คุณเห็นนี้แหละ”
นี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นสลับซับซ้อนอะไรมากมาย ซึ่งเสียงนั้นในหัวก็เคยกล่าวเอา ไว้แต่แรกแล้วหากต้องการแข็งแกร่งจงลุกขึ้นสู้
หลังจากฟังคำพูดของเบลซ แทบจะในทันทีหยุนเฟยรีบถามอย่างกระหายใคร่รู้อย่างรวดเร็ว
“คุณฆ่าพวกนั้นไปตั้งมากมายคุณพอจะมีคริสตัลอะไรนั้นเพิ่มเติมอีกไหม แบ่งให้เราได้สักอันเราจะสามารถช่วยให้คุณฆ่าปีศาจเหล่านั้นได้!”
เบลซพิจารณาก่อนคิดในใจ “เจตนารมณ์มึงชัดเจนมาก ขนาดเพื่อนเรายังมีกันไม่ครบเลย”
“ไม่มี” เบลซเหลือบไปมองหยุนเฟยก่อนที่จะตอบทีนึง
เบลซมองไปที่ทั้งสามแล้วยังคงพูดต่อว่า
“ความจริงถ้าหลังจากใช้คริสตัลใสธรรมดาหลังการฆ่าสัตว์อสูรพอที่จะช่วยให้คุณได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพทางกายภาพขึ้น แม้มันอาจจะไม่ได้พลังพิเศษอะไรก็ตาม!”
แน่นอนว่าเบลซไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรละเอียดมากสำหรับคนพวกนี้ถึงแม้ว่าลึกเขาจะสงสารอิฟฟราก็เถอะนะ
เพราะการจะได้คริสตัลธาตุหรือทักษะจากสัตว์อสูรธาตุเอาแค่เจอก็ต้องอาศัยดวงล้วนๆ
เบลซมองไปที่มือของทั้งสามแล้วถามว่า
“ไม้พลองของพวกคุณอยู่ไหนล่ะ”
จากนั้นอิฟฟราและอิโนะจึงพูดขึ้นอย่างละอายใจ
“โยนมันทิ้งตั้งแต่ตอนที่เราได้หลบหนี”
ทั้งสามคนเกิดความความละอายเพราะไม้พลองยาว 1 เมตรและน้ำเป็นกิโลพวกเขาคิดว่ามันถ่วงพวกเขาจากการหนีพวกหนูกลายพันธ์
เมื่อได้ยินว่าการใช้ไม้พลองฆ่าสัตว์อสูรได้และมีโอกาสสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้ ทั้งสามคนเต็มไปด้วยความเสียใจที่ตัดสินใจทิ้งไม้พลองของพวกเขา
เบลซกล่าวต่อว่า
“ถึงเวลาแล้วพักหายเหนื่อยกันแล้วใช่ไหม?”
ทุกคนพยักหน้า
“เอาหละงั้นไปที่หอพักหญิงกัน…”
หยุนเฟยเปิดปากของเขาและประท้วง
“นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมากเกินไป! ด้านนอกเต็มไปด้วยสัตว์กลายพันธ์ทำไมเราไม่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่ ในขณะที่พวกเรามีทั้งน้ำและอาหาร หนูกลายพันธ์โดยรอบได้รับการจัดการโดยเบลซและพรรคพวกแล้ว ตราบใดที่เราซ่อนที่นี่อย่างไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับน้ำและอาหารในขณะที่พวกเรารอกองทัพที่ทันสมัย พวกมันต้องตายหมดอย่างแน่นอน เราสามารถรออยู่ที่นี่เพื่อที่กองทัพจะมาช่วยเหลือเรา มันจะไม่ดีกว่าออกไปข้างนอกหรอ”
ตอนนั้นเองเอลลี่ปรี๊ดแตกมาก “ฉันจะไปช่วยเพื่อนของฉันอีกอย่างนายมีสิทธิ์อะไรมาออกความเห็นให้พวกเรา”
“ชิ้ง!เจ้าปากเสียบางทีก็สงบปากสงบคำบ้างก็ได้นะ มันน่าหมั่นไส้” เรย์ลินที่ดูสีหน้าแย่ๆมาตั้งแต่แรกก็เหมือนจะถึงขีดจำกัดแล้วเลยยกหอกศิลาหันไปทางหยุนเฟยจนถอยหลังล้มก้นจ่ำเบ้า
ในสายตาของหยุนเฟยแม้ว่าเบลซและพรรคพวกจะแข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่เพียงพอที่จะไม่กลัว สัตว์อสูรใดๆเลยหากเขาเจอตัวอะไรที่ทรงพลังและ ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงหนูกลายพันธ์หยาบพันรอบมหาวิทยาลัย ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่สุดก็ถึงตายได้ หยุนเฟยไม่ต้องการที่จะรับความเสี่ยงขนาดนั้น
อิฟฟราและอิโนะยังคงนิ่งเงียบผู้คนมีความกลัวถ้าให้เลือกที่จะรับความเสี่ยงและเลือกสถานที่ที่ปลอดภัยเพื่อซ่อน ร้านสะดวกซื้อที่มีน้ำและอาหารพร้อมทั้งไม่มีพวกหนูน่ากลัวนั้นรอบๆพวกเค้าเลือก ที่จะรอเงียบๆอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมากกว่าเผชิญ อันตรายด้านนอก
“เอาล่ะ! พวกคุณอยู่ที่นี่แต่ผมจะออกไป พวกเราไปกัน”
เบลซและพรรคพวกโดยเฉพาะเอลลี่และเรย์ลินเหล่ตามองพวกเขาอย่างเย็นชาแล้วเดินออกไปข้างนอกพลางคิดในใจ
“หนูกลายพันธ์โดยรอบถูกจัดการไปหมดแล้วหรอ?แม้แต่ตัวฉันเองยังไม่แน่ใจเลย
แถมพวกมันก็ไปได้ทุกที่ กองทัพ?อาวุธทันสมัย? มันใช่ได้ที่ไหนกันเล่า ขนาดกองทัพเองยังเอาตัวแทบไม่รอดเลยแถมยังมีเจ้าหน้าที่ชั่วๆอีก ข้อมูลในโลกของจางหลงคนธรรมดาหนะแทบจะอยู่ไม่ต่างจากหนอนแมลงที่ต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด!”
แม้ว่าเบลซจะช่วยพวกเขาไว้ แต่เขาไม่ได้มีอำนาจที่จะบอกพวกเขาว่าจะทำอย่างไรได้ ถ้าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะทำหน้าที่ร่วมกันกับเขา เขาก็จะไม่บังคับ
หลังจากเบลซและพรรคพวกเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อในที่สุด คลื่นของความกดดันของพวกเขาทั้งสามก็ได้หายไป แต่ว่าก็มีคนตัดสินใจที่จะวิ่งออกไป
“เฮ่ รอด้วยสิ” อิฟฟรากับอิโนะวิ่งไปตะโกนไปเรียกให้พวกเบลซหยุด พอวิ่งมาถึงก็พูดว่า
“เอาเป็นว่าฉันกับอิโนะขอไปด้วยละกันยังไงพวกเราก็ติดหนี้ครั้งนึงถึงจะช่วยไม่ได้มากยังไงก็ฝากตัวด้วย”
เบลซพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “งั้นก็ยินดีต้อนรับนะมาอยู่ตรงกลางก่อนละกัน”
จากนั้นทั้งสองคนก็เข้าไปอยู่ในทีมอย่างประหม่าๆ แต่เหมือนว่าเพื่อนของเขาก็จากไม่ได้รังเกียจอะไรกับสองคนนี้

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset