The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 29 เจอเพื่อนของเอลลี่แล้วสิ

ตอนที่29 เจอเพื่อนของเอลลี่แล้วสิ
เหมือนกับที่เข้าไปช่วยเพื่อนในหอพักชาย
เบลซพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วโดยมีเพื่อนตามมาด้วย
เริ่มจากเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยของหอพักเอาพวงกุญแจสำรอง แล้ววิ่งออกไปยังประตูหอพักแล้วล็อคประตูด้านหน้าเพื่อป้องกันหนูกลายพันธ์เข้ามาเพิ่ม
แน่นอนว่าด้วยความที่ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นอาณาเขตของจิ้งจกอสูรเกล็ดเขียวเลยทำให้ที่นี่ไม่มีสัตว์อสูรอยู่เลยดูจากร่องรอยแล้วยังไม่ได้โดนบุกด้วยซ้ำ
“เพื่อนคุณจะโชคดีไปแล้วนะครับคุณชาล็อตเต้” เรย์ลินพูดด้วยเสียงดัดๆ
“อะไรหา? มีปัญหาอะไรมิทราบ?” เอลลี่จ้องเรย์ลินกลับไปด้วยตาคมๆ
“มะ- ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรคร้าบบบบบ” เรย์ลินยกมือขึ้นทั้งสองข้างพูดตะกุกตะกัก
หลังจากขึ้นมาชั้น2ทางเดินยังอยู่สภาพเดิมไม่มีร่องรอยการโจมตีแม้แต่น้อย
“เพื่อนเธออยู่ชั้นไหนหรอเอลลี่” เบลซถาม
“ชั้นสามหนะแล้วก็นั้นมันเป็นห้องของฉันด้วยเพราะฉะนั้นอย่ารื้อของมั่วซั่วเข้าใจไหม” เอลลี่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับๆ เข้าใจแล้วครับ” ผมตอบ
จากนั้นเบลซและพวกก็ขึ้นไปชั้น3 เอลลี่นำทางไปอีกซักพักก็ถึงห้องหมายเลข057
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เอลลี่เคาะประตูแล้วพูดว่า “ทุกคนนี้ฉันเองนะ เข้าไปนะ”
“แอ๊ดดดดดดด” แล้วทุกคนก็เข้าไปในห้อง
~ภายในห้อง~
เบลซนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องของหญิงสาว เขาปิดตาลงอย่างผ่อนคลาย แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งและพักเป็นระยะ แต่การสู้รบกับสัตว์อสูรเขาได้ใช้ความแข็งแกร่งของเขาไปซะส่วนใหญ่และตื่นตัวตลอดเวลาจนเกิดอาการเกร็ง
ตอนนี้อยู่ในหอพักหญิง นอกเหนือไปจากเพื่อนๆและเอลลี่ มีผู้หญิงคนอื่นๆอีก 3 คน สาวๆอยากรู้อยากเห็นมากกำลังมองมาที่เบลซและเจ้าดาบน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆเขา เพราะเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเบลซและซีฟอสสู้กับจิ้งจกอสูรเกล็ดเขียวไม่ปล่อย
ให้พวกมันมีโอกาสเดินเข้าไปยังภายในหอพัก(TL.ถึงจริงๆแม่งจะเฝ้าต้นไม้อยู่) ทำให้เกิดฉากที่จะตราตรึงอยู่ในใจของพวกเธอ
ในเวลานี้กลิ่นหอมละมุนของหญิงสาวลอยมาจางๆ เธอสวมชุดกระโปรงสีแดง เธอเป็นคนตัวเล็กมีผมยาวสลวยเป็นสาวน่ารักแบบเด็กๆหน้าใสๆไร้เดียงสาเดินไปข้างๆ เบลซแล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดว่า
“สวัสดี ฉันชื่อเมิ่งหยิงหยิง แล้วคุณล่ะคะชื่อ อะไรบอกฉันหน่อยได้ไหม?”
เบลซ แร็คน่าร์มองมาที่เมิ่งหยิงหยิงแล้วกล่าวช้าๆว่า “ผมเบลซ แร็คน่าร์ครับ”
เมิ่งหยิงหยิงเป็นผู้มีชื่อเสียงในมหาวิทยาลัย เธอเป็นคนที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสวยหวานสามารถร้องเพลงและเต้นรำและเธอเป็นหนึ่งในความงามของโรงเรียน รอยยิ้มหวานของเธอน่ารักมาก และที่สำคัญเธอเป็นโลลิถูกกฎหมาย*
ผู้หญิงคนนึงมองเบลซด้วยรอยยิ้มแล้วพูดว่า
“ขอบคุณที่มาช่วยพวกเราทุกคนนะ ฉัน อีฟ ลูวลัวดี ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
เบลซตอบเบาๆว่า “ผมยินดีที่จะช่วยคุณ ครับ”
“สวัสดีจ้ะเบลซ ฉันชื่อริน คานารี่” สาวสวยผิวซีดขาวเดินไปแนะนำตัวเองกับเบลซ
หญิงสาวสูงผมสั้นแต่งกายสวยงามน่าดึงดูดมีเสน่ห์ดูสง่าและสวยงามเดินไปในด้านหน้าของเขาด้วยรอยยิ้มหวานแล้วกล่าวว่าแนะนำตัวเองกับเบลซ “สวัสดีค่ะ ฉัน เอมิเลีย ไฮด์ อัลค็อต คุณช่างกล้าหาญจริงๆที่กล้าต่อสู้กับสัตว์ปีศาจเหล่านั้น”
เบลซตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ผมไม่ได้กล้าหาญอะไรนักหรอกแต่สถานการณ์มันบังคับให้ต้องทำแบบนี้”
ถ้าเป็นไปได้เบลซไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับ สัตว์อสูรเลย การต่อสู้กับพวกมันเป็นอันตรายเกินไป สามารถถึงตายได้ทุกเมื่อแถมยังต้องฆ่าเพื่อวิวัฒนาการแข่งกับพวกมันอีก
พูดเสร็จเบลซเปิดกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขา ภายในเป็นช็อกโกแลตและเครื่องดื่ม เขาที่เขาหยิบมาจากร้านสะดวกซื้อเพราะว่าเขาไม่อยากใช้ช่องเก็บของต่อหน้าคนที่ยังไม่ไว้ใจ เขาเอาขวดน้ำออกมาแล้วดื่มอึกใหญ่ หลังจากการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเขาเสียเหงื่อไปเยอะถึงจะพักเอาแรงได้ แต่ร่างกายเขาตอนนี้ต้องการน้ำมาทดแทนส่วนที่ เสียไป
เมื่อเห็นว่าในกระเป๋าเป้สะพายหลังมีทั้งช็อกโกแลตขนมและเครื่องดื่ม 4สาว(รวมเอลลี่)ตาสว่างขึ้นมา ทันที
“น้ำ,ช็อกโกแลต” เอลลี่พูดขึ้นโดยไม่ลังเล
เบลซไม่พูดอะไรมากกว่าโยนกระป๋องโคล่าและช็อกโกแลตแท่งและขนมรวม4ห่อให้เอลลี่
เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งในโลกนี้เธอเป็นคนที่สามารถที่จะต่อสู้กับสัตว์อสูรได้ดี
เอมีเลียขอเบลซตรงๆว่า “เบลซเรากระหายน้ำ คุณให้เราดื่มอะไรหน่อยได้ไหม?”
เบลซแสรงทำลังเลเล็กน้อยจากนั้นเอากระเป๋าเป้สะพาย หลังของเขาออกแล้วหยิบขวดน้ำชาและขนม 4 ห่อ มอบมันให้กับเอมิเลียแล้วกล่าวว่า “พวกคุณทานร่วมกันได้ไหมอาหารที่ผมเตรียมมามันไม่ได้มีเยอะแยะอะไร” ความจริงเขาไม่ค่อยห่วงเรื่องเสบียงเท่าไหร่เพราะเขาตุนไว้ในช่องเก็บของเยอะแต่ว่าในเมื่อเขาไม่สามารถใช้ให้พวกเธอเห็นได้ ก็เลยต้องตบตาซักหน่อย
“ขอบคุณจ๊ะเบลซ” เอมิเลียพูดขอบคุณเบลซอย่างสุภาพแล้วถือขวดน้ำชากับขนมเดินไปหาอีก 3 สาว
“ในความคิดของเขา เอลลี่มีความสำคัญกว่า พวกเราทั้งหมด” เอมิเลียรับประทานขนมพร้อมกับมองไปที่เบลซแล้วคิดเงียบ ๆ
เห็นการกระจายอาหารของเบลซ เอมิเลียเห็นความสำคัญได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับคำนวณระดับความสำคัญของสาวๆในหอพักได้ในทันที
อาหารแคลลอรี่สูงเช่นช็อกโกแลต ขนมเป็นสิ่งที่สาวๆ โดยทั่วไปเหล่านี้กินน้อยมาก แต่ตอนนี้พวกเธอรู้ว่ามันแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่สามารถที่จะกินและดื่มแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์
ในขณะนี้นอกหอพักหญิง หนูกลายพันธ์ได้โจมตีใส่ประตูทำให้เกิดเสียงดัง หอพักทั้งหอพักรู้สึกแรงสั่นสะเทือนเบาๆไม่หยุดหย่อน หนูกลายพันธ์จำนวนมาก รวมตัวกันและเริ่มโจมตีประตูหน้าหอพัก หน้าต่าง ช่องแอร์ ฯลฯ พยายามที่จะบุกเข้าไปในหอพัก
สาวๆทั้ง 4 เริ่มรวมตัวอยู่ด้านหลังเบลซและเจ้าดาบน้อย แม้ว่าประตูหน้าหอพักทำจากเหล็ก แต่มันก็มีความเสี่ยงสูงเมื่อหนูกลายพันธ์เหล่านั้นพยายามจะทุบตีบุกเข้ามา
แม้เอลลี่จะเป็นคนเข้มแข็ง แต่เธอก็ไม่สามารถให้ความรู้สึกของความปลอดภัยเหมือนเบลซและเจ้าดาบน้อย เพราะทั้งระดับ รูปลักษณ์ภายนอกบอบบางน่าปกป้องมากกว่าที่จะมาปกป้องคนอื่น
“พี่เอลลี่เราจะทําอย่างไรดี?” ใบหน้าอ่อนเยาว์เหมือนเด็กของเมิ่งหยิงหยิง มองที่เอลลี่กอดหลังเธอและถามเหนียมๆอย่างหวาดกลัว
เบลซขมวดคิ้วมองไปทางประตูหอพัก มองไกลออกไปนอกหน้าต่าง
เห็นนอกประตูมีหนูกลายพันธ์ไม่น้อยกว่า 50 ตัวเพราะที่นี่นอกจากพวกเขาแล้วยังมีคนอื่นๆที่หนีเข้ามาด้วยและยังรอดกันหมดเพราะก่อนหน้าเป็นอาณาเขตของจิ้งจกอสูรเกล็ดเขียวด้วยอาณาเขตที่กว้างทำให้คนละแวกนี้รอดหมดและยังรวมคนที่วิ่งหนีมาด้วย ตัวเลขนี้ไม่ใช่เล็กๆแน่นอน หนูกลายพันธ์เหล่านั้นกั้นทางออกไว้เต็มพื้นที่จนไม่มีทางหลบหนี การที่จะต่อสู้ในสภาพแวดล้อมนี้เป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
“เบลซนายมีความคิดดีๆไหม?” เอลลี่เปิดประเด็นถามเบลซ
“ข้างนอกมีหนูกลายพันธ์เยอะไป แถมในนั้นเท่าที่เห็นมีตัวที่มีพลังธาตุด้วย2ตัว”
เบลซเงียบไปพักนึงก่อนจะพูดว่า “งั้นติดตามตอนต่อไปก็แล้วกัน”
*โลลิถูกกฎหมาย ก่อนอื่นเราเข้าใจกันว่าโลลิคือเด็กไร้เดียงสาน่ารักซึ่งพวกโลลิค่อนหรือพี่หมีอาการหนักมักโดนตำรวจจับฐานพรากผู้เยาว์เพราะโลลิอายุน้อย แต่ว่าพวกที่อายถึงแล้วแต่ยังดูเหมือนเด็กอยู่เลยเรียกว่า โลลิถูกกฎหมาย

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset