The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 42 ขนของเสร็จแล้วสิ

div class=”_2cuy _3dgx _2vxa”>ตอนที่42 ขนของเสร็จแล้วสิ
เห็นเจ้าดาบน้อยข้างเบลซ อิฟฟรา อิโนะและกลัวที่จะพูดอะไร ได้แต่หวังว่าเบลซจะเมตตาปล่อยไป เพราะพวกเขาก็รู้ดีว่าไม่สามารถพูดมากเรื่องนี้ได้หยุนเฟยทำตัวเองล้วนๆ
“ชินนายดูพวกเขา ฉันจะไปดูรอบๆกับเจ้าดาบน้อย เรย์ลินก็ขี่สเกียตามมาด้วยละกันบอกพวกเขาที่ขนย้ายของให้ขนขึ้นเร็วขึ้นอีกเราไม่ได้มีเวลามากนัก”
ยังไม่ทันจะไปเจ้าดาบน้อยเดินมาข้างๆเบลซแล้วทำสัญลักษณ์บางอย่างแน่นอนว่าถ้าแค่นี้เบลซไม่เข้าใจแต่ว่ารวมกับสายสัมพันธ์จิตวิญญาณเบลซเข้าใจว่ามันจะสื่ออะไร สเกียก็บอกเรย์ลินเช่นกันเร็วกว่าเจ้าดาบน้อยอีก เบลซสีหน้าเปลี่ยนก่อนที่จะบอกทุกคน
“ฝูงของหนูกลายพันธ์จากกําลังมุ่งหน้ามาจากหน้า มหาวิทยาลัยโดยเสียงของเครื่องยนต์รถบัสที่พวกเขาได้ขับมาพวกมันจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ”
เบลซขี่เจ้าดาบน้อยแล้วบอกกับเรย์ลินว่า
“นายต้องล่อมันออกไปจากสถานที่นี้กับฉันระวังตัวด้วยนะ แล้วก็จางมู่มาซ้อนหลังฉัน”
หลังจากนั้นเบลซ จางมู่และซีฟอส เรย์ลินและสเกียรีบวิ่งออกจากพื้นที่มุ่งไปทางฝูงหนูกลายพันธ์
ไม่นานเบลซและเรย์ลินก็เจอกับฝูงหนูกลายพันธ์โขยงหนึ่ง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในเมืองจะมีหนูเยอะขนาดนี้” เรย์ลินอดไม่ได้ที่จะสบท
“นั้นสิ” เบลซก็คิดแบบเดียวกันถ้าก่อนหน้าที่จะเกิดวันแห่งหานะรัฐบาลควบคุมพวกสัตว์เหล่านี้ให้ดีพวกมันคงจะไม่เยอะขนาดนี้ พวกมันคงอยู่ตามกองขยะและท่อระบายน้ำอีกเยอะคอยกินเศษอาหารในเมือง พอวิวัฒนาการมาเยอะแบบนี้มันหายนะชัดๆ
หลังจากที่ชาร์จเข้าไปในฝูงหนูกลายพันธ์เบลซที่ขี่เจ้าดาบน้อยและเรย์ลินที่ขี่สเกียเป็นเหมือนอัศวินที่ขี่สัตว์อสูรที่มีอาวุธหนักในมือจัดการหนูกลายพันธ์ตัวหนึ่งแล้วพุ่งใส่อีกตัวหนึ่ง
เบลซควงง้าวกรีดนภาฆ่าพวกมันเหมือนกับว่าเขากำลังเกี่ยวผักที่ขึ้นมาไม่จำกัด
“นั้นมันหนูขนเพลิง” จางมู่ที่สายตาดีบอกเบลซและเรย์ลินเขาชี้หนูที่ขนสีส้มแดงเหมือนมีไฟลุกอย่างชัดเจน
“ไปทางนั้น” เบลซบอกเจ้าดาบน้อย
“แอ๊ด” เสียงน้าวสายธนูเบาๆดังขึ้นนิ้วของจางมู่ไม่มีลูกธนูแต่เป็นพลังงานสีฟ้าอ่อนถึงขาวรวมกันเป็นลูกธนู
ศรปราณ!
แล้วศรปราณก็เริ่มเปลี่ยนสีเป็นที่เขียวใช่มันเหมือนกันศรที่เบลซเคยสู้กับแมลงสาบพิษวาโย
ศรพิษ!
“ฟิววววว” เสียงลูกศรเสียดสีกับอากาศ ศรสีเขียวพุ่งไปที่หนูขนเพลิงทันที
“จี๊ดดดดด” หนูขนเพลิงถูกยิงก่อนที่จะอ่อนแรงอย่างมากและกระตุกนึดหน่อยแน่นอนว่ามันติดพิษเรียบร้อยแล้ว
“ฉึก” โดยไม่ปล่อยโอกาสทองเบลซควบคุมเถาโลหิตไปตามดินและแทงทะลุหัวของหนูขนเพลิงพร้อมกับเก็บคริสตัลธาตุไฟมาทันที
“ฉันว่ามันเยอะมากแล้วนะแต่ว่ากลับเจอสัตว์อสูรธาตุแค่ตัวเดียวมันผิดปกติ” จางมู่พูด
“เปล่าหรอกมันปกติแล้วที่ก่อนหน้าเราเจอมันค่อนข้างบ่อยถึงแม้จะบอกว่าน้อยอยู่ก็ตาม ที่เราเจอบ่อยเพราะว่าตรงนั้นมันคนเยอะดึงดูดพวกสัตว์อสูรมากกว่า” เบลซพูดเพราะเอาจริงๆหนูกลายพันธ์300-500ตัวจะมีวิวัฒนาการมีตัวที่มีธาตุจะมีแค่ตัวเดียวแค่นั้นแหละไอก่อนหน้าที่50-100ตัวเจอทีนั้นมันเพราะคนเยอะกับเป็นช่วงแรกๆของวันแห่งหายนะ เพราะเบลซมีข้อมูลอ้างอิงจากชิพเขาเลยไม่เอาใจอะไร
“แต่ว่านะจุดประสงค์หลักของเราคือล่อพวกมันไปที่อื่นฉันจะล่อไปทางซ้าย เรย์ลินนายล่อไปทางขวาแล้วมาเจอกันที่รถบัสหละ” เบลซพูด
“เค” เรย์ลินตอบสั้นๆ
“ฟูว เปรี๊ยะ ตูมม” เบลซตวัดง้าวเพลิงอัสนีอย่างรุนแรงก่อนจะเบี้ยงไปทางด้านซ้าย
“บรูวววว” สเกียหอนออกมาพลังงานความมือเย็นเฉียบกระจายไปรอบๆจนหนูกลายพันธ์เกิดอาการหลอนและเป็นจุดสนใจทันทีไม่นานหนูกลายพันธ์อีกกลุ่มก็ไปทางขวา
“ครึกๆ ครึกๆ ครึกๆ” เบลซขี้เจ้าดาบน้อยล่อหนูกลายพันธ์กลุ่มหนึ่งไปทางซ้ายด้วยความเร็วของพวกเขาในระดับนี้ไม่นานก็ทิ้งห่างพวกหนูกลายพันธ์ก่อนจะกลับไปหาเพื่อนๆที่รถบัส
ทางฝั่งเรย์ลิน “เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง” เรย์ลินคิดเขาขี่สเกียมาพักนึงแล้วและคิดว่ามันนานพอสำหรับการถ่วงเวลา
“ไปเถอะ” เรย์ลินพูดก่อนที่ทั้งเรย์ลินและสเกียจะบิดเบือนแสงรอบๆตัวพวกเขาและหายตัวไปกลายอากาศ
“จี๊ดดดด”
เหล่าหนูกลายพันธ์ต่างฉงนใจก่อนที่จะแยกย้ายกันหาแต่หารู้ไม่ว่าเรย์ลินและเจ้าตูบไม่ได้อยู่แถวนั้นแล้ว
สิบนาทีต่อมาเบลซจางมู่และเจ้าดาบน้อยก็กลับมาถึงรถบัสก่อนจะถามเอลลี่ว่า
“สถานการณ์ทางนี้เป็นยังไงบ้าง?”
เบลซรีบวิ่งกลับมาที่รถหันไปทาง เอลลี่แล้วถาม
เอลลี่ชี้ไปที่ของที่กำลังขนอยู่มองไปที่เบลซแล้วตอบว่า
“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว! ฉันเร่งให้พวกเขาช่วยขนวัสดุเร็วขึ้น ส่วนหยุนเฟยฉันให้ขนแลกกับขึ้นรถบัส”
เบลซมองเห็นพวกเขาขนแพคเกจสิ่งของวางไว้ในมุมของรถบัส
เมื่อพวกเขาเห็นเบลซบนรถบัส หยุนเฟย แค่มองไปที่เขาไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ในเวลานี้บนรถบัสก็เต็มไปด้วยแพคเกจของวัสดุต่างๆ
สาวนั่งหอบอยู่ในที่นั่งของพวกเธอ พวกเธอไม่เคยใช้แรงงานหนักแบบนี้มาก่อน
ไม่นานเรย์ลินก็และหมาสีดำของเขาก็กลับมา
เบลซพูดเสียงดังว่า”สตาร์ทรถแล้วรีบออกไปจากตรงนี้!”
เอมิเลียขับรถบัสเร่งไปข้างหน้าเหยียบซอมบี้ ทั้งหมดที่อยู่ด้านหน้ารถ
รถบัสโรงเรียนรีบวิ่งออกจากมหาลัยทุกคนได้เห็นฉากบนถนน
บนท้องถนนทุกที่มีเพียงเสียงเหยียบ“กรอบแกรบ”บางครั้งบางคราว” รถยนต์ที่ไม่ได้จอดอยู่บนถนนได้ชนเข้า กับด้านข้างของร้านอาหาร
บางส่วนของร้านอาหารถูกไฟไหม้เปลวไฟเพิ่มสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า
รถบัสเพิ่งออกจากมหาลัยได้ไม่นานก็ มีพยุหะของหนูกลายพันธ์วิ่งเข้ามาหาพวก เขา พวกมันถูกดึงดูดโดยเสียงของเครื่องยนต์รถบัส
มีแววแปลกในสายตาของเอมิเลีย เธอขับรถรถบัสเร็วขึ้นเพราะฝูงหนูกลายพันธ์ด้านหน้ามีมากเกินไปจึงต้องเร่งให้เร็ว เพื่อจะได้ปะทะกับพวกมันจำนวนมากได้ แรงปะทะส่งพวกมันบินไปทุกที่ เบลซหาจังหวะลองใช้เถาโลหิตเจาะหัวพวกมันตัวนึง
“ไม่มีคริสตัลด้วยเหมือนถ้าไม่ได้ฆ่าด้วยตัวเองจะไม่ได้คริสตัล” เบลซคิดในใจ
เบลซมองดูหนูกลายพันธ์ฝูงใหญ่บนถนนและมีความคิด
“โชคดีที่เราได้รถโรงบัส มิฉะนั้นเราไม่สามารถที่จะฝ่าผ่านฝูงหนูกลายพันธ์ขนาดใหญ่ระดับนี้ ไปได้แน่ๆ” เบลซคำนวนในใจถ้าแค่เขากับเจ้าดาบน้อยอาจจะพอเป็นไปได้แต่พวกเพื่อนๆที่ระดับไม่ถึง10และคนอื่นๆที่ยังไม่ได้ปลุกพลัง ที่สำคัญพวกเขาไม่มีสัตว์อสูรสงครามที่ขี่ได้ ยกเว้นเรย์ลินกับสเกียที่หายตัวได้คนอื่นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
พยุหะของหนูกลายพันธ์เดินไปทุกที่บนถนน แม้เบลซและทุกคนจะรวมกันสู้โดยใช้ทุกอย่างที่มีก็ไม่สามารถที่จะผ่านถนนนี้ไปได้ ถ้าไม่มีรถบัสเพราะต้องอย่าลืมว่าทางเขามีคนที่ยังไม่ปลุกพลังเยอะเกินไปและคนอื่นก็ยังระดับไม่ได้มากพอที่จะต่อสู้ได้นานๆ
หยุนเฟยมองไปที่ถนนที่เต็มไป ด้วยหนูกลายพันธ์ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วย ความหวาดกลัว ถ้าโลกทั้งโลกก็เต็มไปด้วยพวกมันและไม่มีใครในที่ใดๆเลยเขาจะทำยังไง

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset