The Great Geneticist in Apocalypse – ตอนที่ 45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ

ตอนที่45 วิวัฒนาการครึ่งสีแล้วสิ
 
เบลซรู้สึกว่าโครงสร้างร่างกายของเขายังเหมือนเดิมแต่ว่า เซลล์ของเขาเปลี่ยนไปทั้งหมดมันเต็มไปด้วยพลังงานแล้วพลังชีวิตรวมถึงความแข็งแรงความยืดหยุ่นและคุณภาพของมัน
 
“ระบบ”
 
ชื่อ เบลซ แร็คน่าร์ เหรียญชีวิต218เหรียญ
 
ระดับ12
 
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน(51/100) บวกค่าสถานะ75%
 
พลังธาตุ
 
อาชีพ ไม่มี
 
อาชีพเสริม นักตัดแต่งยีน
 
ฉายา
 

 
Strength(แรงกาย) : 38[(15)+11.5]
 
Agility(ความว่องไว) : 34.25[(13)+11.5]
 
Vitality(พละกําลัง) : 29[(10)+11.5]
 
Stamina(ความทรหด) : 35/36[(14)+11.5]
 
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 45/46.5[(20)+11.5]
 
ทักษะ
 

 
พิษหัวใจไร้สีไร้กลิ่นจะจะรู้สึกก็ต่อเมื่อถูกพิษแล้ว พิษหัวใจเชียวทําลายเลือดและหัวใจ พิษหัวใจขาวรักษาร่างกายและแก้พิษเขียว ใช้พิษได้จากของเหลวที่ในร่างกายเช่น เลือด
 
สัตว์อสูรสงคราม
 
ซีฟอส(เจ้าดาบน้อย)
 
ยูทาห์แร็พเตอร์เพลิงอเวจี(ลูก) ระดับ12
 
สิ่งมีชีวิตระดับ ขาว
 
พลังธาตุ เพลิง ระดับขาว
 
Strength(แรงกาย) : 22
 
Agility(ความว่องไว) : 24
 
Vitality (พละกําลัง) : 36
 
Stamina(ความทรหด) : 21/22
 
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 8/8
 
ทักษะ
 
ใช้เพลิงจากนรกได้เพลิงแรงขึ้น 75%)
 
พืชปรสิตดอกเถาพิษโลหิต ระดับ9
 
สิ่งมีชีวิตระดับ เขียวอ่อน (สามธาตุ+สถานะ50%)
 
พลังธาตุ ระดับเขียวอ่อน
 
Strength(แรงกาย) : 1.5(1)
 
Agility(ความว่องไว) : 1.5(1)
 
Vitality(พละกําลัง) : 69(46)
 
Stamina(ความทรหด) : 1.5(1)
 
Spirituality(จิตวิญญาณ) : 1.5(1)
 
ทักษะ
 
+4.5(3×50%)ทุกสถานะของโฮสต์ เรียกเถาออกมาช่วยได้โดยมีค่าสถานะเท่ากับโฮสต์ ยกเว้นVitality
 
แบ่งพลังธาตุพืชให้โฮสต์ใช้ชั่วขณะ ผ่านเถาวัลย์
 
ดูดเลือดหรือพลังงานมาฟื้นฟูให้โฮสต์และตัวเอง
 
สร้างพิษกรดสูงที่ทําลายอวัยวะต่างๆ
 
สังเกตได้ว่าเบลซฆ่าพวกหนูกลายพันธ์ไปเยอะมากแต่ระดับของเขาก็ยังอยู่12เหมือนเดิม
 
“นี้หนะหรอความแต่ต่างระหว่างสีแค่ครึ่งสีของสีธาตุมันมากมายมหาศาลมากเกินกว่าที่คาด” เบลซตะลึงด้วยค่าสถานะที่เพิ่มขึ้นมา75เปอร์เซ็นต์มันทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้นมากเรียกได้ว่าต่อให้เป็นหัวหน้าเขตสีขาวในระดับที่เท่ากันไม่สามารถทําอะไรเขาได้ แม้แต่น้อยตราบได้ที่เขาไม่ยืนนิ่งๆให้มันโจมตีซ้ำๆหลายๆที
 
“งั้นง้าวนี้ก็คงต้องเก็บไปก่อนนะ” เบลซหยิบง้าวกรีดนภาสีขาวระดับ6ขึ้นมาดูมันเดินทางมากับเขาตั้งแต่เริ่มยุคนี้แม้ว่าจะเป็นเพียงวันแรกก็ตามแต่เขาก็รู้สึกผูกพันกับมัน แต่ตอนนี้เขาเป็นสีเขียวอ่อนแล้วร่างกายของเขาในตอนนี้ต่อให้ใช้ง้าวกรีดนภาเพลิงอัสนีของเขาตอนยังเป็นสิ่งมีชีวิตสีขาวโจมตีเต็มแรง ยังทําได้แค่แผลเล็กน้อยเลือดอาจไม่ออกเลยด้วยซ้ำ หรือไม่ก็แผลเล็กๆเท่าแมวข่วน
 
“สหายไว้รอฉันอัพเกรดนายก่อนนะแล้วเรามาสู้ร่วมกันอีก” จากนั้นเบลซก็เก็บมันเข้าไปในช่องเก็บของ
 
แน่นอนว่าความแตกต่างของมันไม่ใช่แค่เรื่องของสถานะแต่เป็นเรื่องของคุณภาพทางด้านร่างกายด้วยทั้งระยะการมองเห็น ความเร็วในการตอบสนอง ความยืดหยุ่นของร่างกาย ความใจเย็นหรือการคงสตินั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน
 
“เอาหละที่นี้ก็รอเพื่อนๆพักเสร็จแล้วก็จะยึดฐานแล้ว”
 
ถ้าตอนนี้ใครในโลกของจางหลงมาเห็นคงจะทิ้งและอิจฉาจนกระอักเลือดสบท “มารดามันเถอะ” กันหมดแน่มีใครที่ไหนเขาวิวัฒนาการได้ตั้งแต่วันแรกกันเขาใช้เวลากันเป็นเดือนๆกว่าจะวิวัฒนาการเป็นสีเขียวอ่อนได้
 
หลังจากเช็คค่าสถานะเรียบร้อยแล้วเบลซก็กลับไปนอนบนรถ
 
ผ่านไป15นาที
 
เพื่อนๆก็พักเสร็จตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่รถบัส
 
“พักกันเรียบร้อยแล้วนะทุกคน” เบลซถามเพื่อความแน่ใจเขาไม่ต้องการให้เพื่อนๆของเขาสู้ศึกใหญ่ครั้งนี้ทั้งๆ ที่staminaและspiritualityไม่เต็มแม้จะแค่แต้มสองแต้มก็ตามเพราะถ้าโชคร้ายใช้จนหน้ามืดหรือว่าปวดหัวพอดีมันจะส่งผลมากต่อการต่อสู้ถ้าเกิดถูกโจมตีตอนเกิดอาการนั้นโอกาสที่จะเสียชีวิตถือว่าสูงมาก ดังนั้นเขาเลยให้ไปพักจนฟื้นขึ้นมาเต็มก่อน
 
เพื่อนๆพยักหน้า แต่เบลซเห็นว่าสายตาของคนอื่นเปลี่ยนไปโดยเฉพาะสาวๆบางคนที่หน้ามีแต้มสีชมพูนิดๆผุดขึ้นมาบนหน้า เพื่อนๆของเขาก็ดูท่าจะแปลกเช่นกัน
 
“หน้าเรามีเรามีอะไรติดรึปล่าวเนี่ย” เบลซคิดพลางเอามือลูบหน้าตัวเอง
 
“เอ…ก็ไม่มีอะไรติดนะ” แล้วเบลซก็พูดต่อ “งั้นก็ทําตามแผน ก่อนอื่นทีมรถบัสจะไปตามทางนี้ นี้ นี้แล้วก็วนไปเรื่อยๆ” เบลซเอาแผนผังฐานที่จะยึดที่เขากับเรย์ลินช่วยกันเขียนขึ้นมาอธิบายจุดต่างๆ เขาจะให้รถบัสไปล่อพวกกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันไปรอบๆฐานก่อนที่ทีมจู่โจมจะเข้าไปจัดการกับหัวหน้าเขตและยึดฐานซะ!
 
ส่วนกิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ตัวอื่นเขาจะลองหาทางเลี้ยงมันดู ตราบใดที่พยายามหลอกล่อและสามารถเลี้ยงมันได้มันก็จะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางและการสงครามของเขาในอนาคต
 
“เอาหละงั้นไปได้” เบลซขี่เจ้าดาบน้อย เรย์ลินขี่สเกีย แล้วเหมียนเหมียนก็กระโดดไปยืนบนหัวของเจ้าดาบน้อย
 
“กรู่ววววว” ซีฟอสดูท่าจะไม่พอใจเท่าไหรที่เหมียนเหมียนไปยืนบนหัวของมัน
 
“เหมียนเหมียน อย่าซนสิ!” เอมิเลียดุ
 
“ฮู่วว” เหมียนเหมียนหูตกทําหน้าจ๋อยๆ ลงจากหัวของซีฟอสแล้ว ลงยืนด้วยตัวเอง
“งั้นพวกนายฉันฝากเรื่องล่อด้วยนะ” เบลซพูดกับ เอลลี่ เอมิเลีย จางมู่ และ ชิน
 
“ไว้ใจได้เลย” ชินพูด
 
“โชคดีนะที่รัก” เซลินพูดก่อนที่จะหอมแก้มเรย์ลินอย่างเป็นอายท่ามกลางสาวๆก่อนที่จะกลับขึ้นรถบัสไป
 
“จะว่าไปไอบ้านายไปทําอะไรมาฮะ” เอลลี่พูดเสียงเบาๆ พอให้เบลซได้ยินคนเดียว
 
“ฉันทําอะไร?” เบลซตอบด้วยความงุนงงและสงสัย
 
“คือว่าผิวกับหน้านายดูดีขึ้นแข็งแกร่งขึ้นแล้วก็…นายดูหล่อขึ้นเยอะเลยหละ” เอลลี่หน้าแดงระเรื่อก่อนจะรีบไปขึ้นรถบัส
 
“อะไรของคุณเธอเนี่ย เดี๋ยวนะ!?” เบลซพึ่งนึกขึ้นได้พอวิวัฒนาการโครงสร้างบางส่วนคุณภาพของเซลล์มันดีขึ้นส่งผลต่อหน้าตา และผิวพรรณด้วย
 
“แสดงว่าที่แปลกใจกันเพราะว่าหน้าเราเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอะดิ!” เบลซคิดไปปั่นป่วนรู้สึกแปลกๆต่อหน้าของตัวเองที่เปลี่ยนไป
 
“ไม่สิ หน้าของเรามันหล่อขึ้นควรจะดีใจนะ ใช่แล้วเบลซนายต้องภูมิใจ” คิดแบบนั้นอารมณ์ของเบลซกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
 
“บรึ่น” รถบัสออกตัวไปโดยที่มีเบลซและเรย์ลินขึ้นําทางไปก่อน
 
“โฮกกกกก”
 
“โฮกกกก”
 
“โฮกกกกกก”
 
ด้วยเสียงดังของรถบัสและเสียงวิ่งของเหล่าสัตว์อสูรสงคราม พวกกิ้งก่ายักษ์เอลล์ลิเกเตอร์รู้ตัวได้ในทันทีและเริ่มวิ่งมาทางนี้
 
“ประเมิน”
 
“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ7”
 
“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันยักษ์ ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ9”
 
“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์ยักษ์เม็กซิกัน(ไร้ธาตุ (ขาว)ระดับ8”
 
“กิ้งก่าจรเข้แม็กซิกันคราม(วารี>(ขาว)ระดับ10”
 
“กิ้งก่าจรเข้พสุธาดิน> (ขาว)ระดับ11”
 
“กิ้งก่าแมกไม้ขจี พืช>(ขาว)ระดับ12”
 
“ระวังด้วยพวกนี้มันระดับสูงและมีเกล็ดแข็งไม่กระจอกเหมือนหนูกลายพันธ์นะ!”
 
เบลซตะโกนบอกก่อนจะส่งข้อมูลไปในจางมู่ที่เปิดหน้าต่างรถบัสคอยฟังแล้วจดอยู่
 
“กิ้งก่าเอลลิเกเตอร์แม็กซิกันธรรมดาระดับ7-8 23ตัว
 
ธาตุน้ำระดับ10 1ตัว ธาตุดินระดับ11 1ตัว ธาตุพืชระดับ12 1ตัว” จางมู่จดเสร็จแล้วถามเบลซกลับไป “แล้วหัวหน้าเขตหละ”
 
“ระยะยังไม่ถึงอีกอย่างมันเป็นงานพวกฉันอยู่แล้ว จําไว้ว่าพวกนายแค่ล่อพวกมันก็พอถ้าไม่จําเป็นก็ไม่ต้องฆ่าแค่ให้บาดเจ็บก็พอ”
 
“ได้ เดี๋ยวฉันจะใช้พิษอัมพาตแทน”
 
“อืม ขอบใจมากแยกไปละนะ” เบลซพูดแล้วสัตว์อสูรสามตัวกับคนสองคนก็แยกไปอย่างเงียบเชียบ
 
“โชคดีนะ ขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย” สาวๆพูดอวยพร พวกเธอพยายามสวดภาวนาให้เหล่าคนที่เสียสละประสบความสําเร็จ และกลับมาอย่างปลอดภัย
 

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse

The Great Geneticist in Apocalypse เบลซ แร็คน่าร์ (Blaze Ragnar) เป็นหนึ่งในชายหนุ่มที่ฉลาดมากในโลกยุคปี3xxx เขาเป็นคนที่หลงใหลในโลกยุคโบราณตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ยันยุคเหล็ก ในชีวิตของเขามีความฝันอยากจะไปสัมผัสยุคเหล่านั้นด้วยตเอง แต่ด้วยวิทยาการปัจจุบันและด้วยความที่เขาเป็นหนึ่งในคนที่อัจฉริยะที่สุดในโลกเขารู้ได้ในทันทีว่าต่อให้เขารวบรวมอัจฉริยะระดับโลกมาทั้งหมดก็ไม่สามารถคิดค้นวิธีการย้อนเวลากลับไปหรือหามิติอื่นที่ยังอยู่ในยุคโบราณได้ก่อนที่เขาจะตาย แต่ด้วยความฝันของเขา อย่างน้อยๆเขาก็อยากจะลองที่จะขี่ไดโนเสาร์ เสือเขียวดาบ และก็ แมมมอธดูซักครั้ง เขาเลยตั้งหน้าตั้งตา เป็นนักบรรพชีวิตวิทยาเพื่อสร้างไดโนเสาร์ที่สูญพันธ์ไปแล้วขึ้นมาในยุคปัจจุบัน ซึ่งด้วยสมองระดับเขามันคงเป็นไปได้ใน 5-10 ปีแต่ในขณะที่เขากำลังหาตัวอย่างยีนในหน้าผาแห่งหนึ่งแต่เขากลับเผลอหยิบชิพประหลาดขึ้นมาหนะสิ แต่ว่ามันจะเป็นอย่างงั้นจริงๆรึปล่าวนะ? และแล้วการเข้าสู่ยุคมืดก็เริ่มขึ้น “พวกมนุษย์ปุถุชนตัวเล็กๆทั้งหลาย ข้าคือ อิกดราซิล! บัดนี้โลกได้เข้าสู่ยุคแห่งพลังธาตุและวิวัฒนาการแล้ว จงต่อสู้! การต่อสู้ที่ ยากลำบากจะกลายเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับพวกเจ้า จงเอาตัวรอดและวิวัฒนาการตัวเอง มีเพียงความแข็งแกร่งที่จะสามารถนำพาชีวิตพวกเจ้าให้อยู่รอด หากไม่แข็งแกร่งพอพวกเจ้าก็จงเป็นเหยื่อ ให้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ซะเถอะ!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset