The King of War – ตอนที่ 328 พาเสี้ยวเสี้ยวไป

“ต้องใช้เวลา?”

ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสดูสับสนมาก เขาคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติ โดยกรณีทั่วไป ฉินต้าหย่งควรต้องฟื้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

แต่ในเมื่ออ้ายหลินพูดอย่างนั้นแล้ว เขาก็ไม่ควรที่จะตั้งคำถามอีก

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ อ้ายหลินยังคงรักษาต่อ แต่ขั้นตอนในการรักษาไม่ได้เยอะเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว

และในขณะนั้นเอง เสียงเท้าเดินที่วุ่นวายดังมาจากข้างนอก

“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”

ผู้อํานวยการของโรงพยาบาลขมวดคิ้วขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ผู้อํานวยการครับ เดี๋ยวผมออกไปดูครับ!” หมอหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างเร่งรีบ

“ปัง!”

ทันทีที่หมอหนุ่มเดินไปถึงประตูห้อง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเข้ามา และตามด้วยคนกลุ่มหนึ่งที่บุกห้องมาในห้องผู้ป่วยโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต

“พวกคุณต้องการอะไร?”

ผู้อํานวยการตะโกนพูดด้วยความโมโห

“พวกเราต้องการพบผู้ชำนาญอ้าย!”

“ผู้ชำนาญอ้ายครับ พ่อของผมป่วยเป็นโรคยูรีเมีย หมอบอกว่ามีแค่คุณเท่านั้นที่สามารถช่วยท่านได้!”

“ผู้ชำนาญอ้ายครับ คุณปู่ของผมเป็นโรคหลอดเลือดในสมอง คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ระดับประเทศ คุณสามารถรักษาได้อย่างแน่นอนครับ ขอร้องเถอะครับ ช่วยรักษาคุณปู่ของผมหน่อยนะครับ!”

“ผู้ชำนาญอ้ายครับ ผมด้วยครับ ภรรยาของผมที่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้กลายเป็นอัมพาตแล้วครับ ผมทราบมาว่า คุณสามารถรักษาอาการนี้ได้ โปรดช่วยรักษาภรรยาของผมด้วยเถอะครับ!”

……

คนนับสิบบุกเข้ามาในห้องผู้ป่วยและอ้ายหลินก็ถูกล้อมรอบทันที พวกเขาต่างพูดถึงความเจ็บป่วยของญาติพี่น้องตน และต้องการให้อ้ายหลินช่วยรักษา

และนี้ยังไม่หมด ข้างนอกยังยังมีคนอีกมากมายที่ต้องการเข้ามาในห้องผู้ป่วยนี้ ไม่นานหลังกจากนั้น ห้องผู้ป่วยก็เต็มไปด้วยผู้คน

หยางเฉินหรี่ตามองไปที่โจวยู่ชุ่ย ในที่สุดคุณก็เริ่มทนไม่ไหวแล้วสินะ?

“เสี่ยวซี ทำไมคนเยอะขนาดนี้? เธอรีบบอกหยางเฉินให้ไปดูแลพ่อหน่อยสิ อย่าให้พ่อเป็นอะไรเข้าล่ะ” โจวยู่ชุ่ยพูดด้วยอย่างกังวล

ในเวลานี้ฉินซีถึงตั้งสติได้ เธอจึงรีบพูดขึ้นว่า “หยางเฉิน คุณรีบเข้าไปห้ามพวกเขาหน่อย อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้พ่อนะ!”

“ครับ!”

หยางเฉินไม่รีรอและรีบเข้าไปขวางอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของฉินต้าหย่งทันที

บรรยากาศในห้องผู้ป่วยวุ่นวายมาก

เสี้ยวเสี้ยวก็กลัวมาก และจับมือของฉินซีไว้แน่นๆ

“เสี่ยวซี ฉันว่ายังมีคนจะเข้ามาอีกนะ หยางเฉินคนเดียวน่าจะดูแลพ่อไม่ไหว เธอรีบไปช่วยเขาสิ เดี๋ยวแม่พาเสี้ยวเสี้ยวออกไปข้างนอก จะได้ปลอดภัยกว่า” โจวยู่ชุ่ยรีบพูดขึ้น

ในเวลานี้ หยางเฉินยืนขวางอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยของฉินต้าหย่ง เขาถูกคนล้อมอยู่ข้างในและยากที่จะเบียดตัวออกมาได้

สีหน้าของโจวยู่ชุ่ยเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันมีเลศนัย

ฉินซีก็สังเกตเห็นว่ายังมีคนเข้ามาในห้องเรื่อย ๆ เธอจึงไม่ลังเลแล้วพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว หนูออกไปกับคุณยายก่อนนะ เดี๋ยวแม่จะตามไปทีหลัง โอเคไหม?”

“โอเคค่ะ แม่คะ หนูจะรอแม่นะคะ!” เสี้ยวเสี้ยวตอบอย่างเชื่อฟัง

“แม่คะ หนูฝากเสี้ยวเสี้ยวด้วยนะ!” ฉินซีพูดด้วยความเป็นห่วง

“ลูกไม่ต้องห่วง มีแม่อยู่ทั้งคน เสี้ยวเสี้ยวไม่เป็นไรหรอก” โจวยู่ชุ่ยพูดอย่างมั่นใจ

“งั้นรีบออกไปก่อนเถอะ!”

ทันทีที่ฉินซีพูดจบ เธอก็เบียดเข้าไปหาหยางเฉิน

กว่าฉินต้าหย่งจะดีขึ้นและใกล้จะฟื้นขึ้นมามันไม่ง่ายเลย ถ้าหากได้รับบาดเจ็บตอนนี้อีกคงแย่แน่

ด้วยวิธีนี้ โจวยู่ชุ่ยจึงพาตัวเสี้ยวเสี้ยวออกจากโรงพยาบาลได้อย่างง่ายดาย

หลังจากก้าวออกจากโรงพยาบาลนั้น โจวยู่ชุ่ยก็รู้สึกว่าตัวเองพ้นทุกข์ ในที่สุดเธอก็สามารถพาตัวเสี้ยวเสี้ยวออกมาได้

เธอยืนอยู่ตรงหน้าโรงพยาบาล และมองไปรอบๆ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เห็นรถไมบัคสีดำคันหนึ่งที่มีป้ายทะเบียนของจังหวัด เธอเคยเห็นรถคันนี้และรู้ว่ามันเป็นรถของเมิ่งเทียนเจียว

ทันใดนั้น เธอรู้ดีใจมากและรีบพาเสี้ยวเสี้ยวไปที่รถคันนั้น

“คุณเป็นใคร?”

เธอที่กำลังจะขึ้นรถก็พบว่า เมิ่งเทียนเจียวไม่ได้อยู่บนรถ มีเพียงชายแปลกหน้าวัยกลางคนนั่งอยู่

“คุณก็คือโจวยู่ชุ่ยใช่ไหม? คุญเมิ่งให้พวกเรามารับพวกคุณ”

ชายวัยกลางเอ่ยปากพูดขึ้น ลึกๆ ในดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยออร่าแห่งการสังหาร

หลังจากฟังคำอธิบายของชายวัยกลางคนเสร็จ โจวยู่ชุ่ยถึงจะไว้วางใจ และไม่ได้สงสัยอะไรอีก

ก่อนหน้านี้ที่เธอพบกับเมิ่งเทียนเจียว เธอได้สังเกตรถคันนี้เป็นพิเศษ ดังนั้นเธอจึงจำรถคันนี้ได้อย่างรวดเร็ว

“คุณยายคะ เราจะไปไหนกันคะ?”

มือเล็กๆ ของเสี้ยวเสี้ยว จับมือของโจวยู่ชุ่ยไว้แน่นๆ ในใจรู้สึกกลัวเล็กน้อย

ใบหน้าของโจวยู่ชุ่ยเต็มไปด้วยความบึ้งตึง และเธอพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “หุบปาก!”

ก่อนหน้านี้เสี้ยวเสี้ยวรู้สึกกลัวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งโดนโจวยู่ชุ่ยดุไปเธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้น อยากร้องไห้แต่ไม่กล้าร้องออกมา ได้แต่น้ำตาซึมอยู่ในเบ้าตา

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองโจวยู่ชุ่ยด้วยสายตาที่เย็นชาแล้วพูดว่า “น่าสงสารเด็กน้อยจริงๆ ที่มีคุณยายอย่างคุณ!”

เมื่อพูดจบ ชายวัยกลางคนก็ยิ้มอ่อนๆ แล้วพูดว่า “เสี้ยวเสี้ยว ไม่ต้องกลัวนะ เรากำลังจะไปสถานที่ปลอดภัยที่หนึ่ง เดี๋ยวสักพักพ่อกับแม่ของหนูก็มารับแล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ชายวัยกลางคนพูด โจวยู่ชุ่ยหัวเราะแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะเป็นคนยังไง คนนอกอย่างพวกคุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินฉันหรอก!”

ซึ่งเธอไม่ได้สงสัยเลยว่า ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้บอกชื่อของเสี้ยวเสี้ยวให้กับเขา แต่อีกฝ่ายกลับรู้จักชื่อเด็กคนนี้

ชายวัยกลางคนก็ไม่ได้สนใจโจวยู่ชุ่ย เขาได้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดแอปดูหนังและยิ้มถามว่า “เสี้ยวเสี้ยว อยากดูการ์ตูนเรื่องไหนครับ?”

“แพะที่ถูกใจและหมาป่าโตใหญ่!”

ชายวัยกลางคนเป็นกันเองและเสี้ยวเสี้ยวก็ไม่ได้กลัวเหมือนก่อนหน้านี้อีก

“โอเคครับ!”

เมื่อเปิดการ์ตูนเรื่องแพะที่ถูกใจและหมาป่าโตใหญ่เสร็จ ชายกลางคนมองไปที่เสี้ยวเสี้ยวแล้วยิ้มอย่างปรนเปรอ

เสี้ยวเสี้ยวในก่อนหน้านี้ที่ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ แต่ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เธอก็อินกับหนังการ์ตูนที่ดูอยู่แล้วหัวเราะออกมา

ในขณะที่รถกำลังแล่นไปตามทาง โจวยู่ชุ่ยไม่ได้สงสัยอะไร แต่ในทางกลับกัน เธอกลับรู้สึกโล่งใจมากกว่า

ฉินต้าหย่งอยู่ในอาการโคม่ามาครึ่งเดือนแล้ว และครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ ช่างเป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากสำหรับผู้หญิงโลภโมโทสันคนนี้

ในที่สุดวันนี้เธอก็ได้ปลดปล่อยสักที

หลังจากหยางเฉินตาย ฉินต้าหย่งก็ตายตามอีกคน วันดีๆ ของเธอก็จะมาถึง

เมื่อคิดถึงวิลล่าสุดหรูบนยอดเมฆา และยังมีรถหรูอีกหลายคันที่จอดไว้ในโรงรถโจวยู่ชุ่ยยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น

เธอเริ่มคิดวางแผนแล้วว่าจะขายรถพวกนั้นยังไง

เมื่อขายรถได้แล้ว เธอก็จะมีเงินก้อนโตและจะใช้เงินได้อย่างอิสระ

นอกจากนี้เธอยังเคยคิดว่าไปเที่ยวรอบโลกเลยดีไหม?

“ฮ่าฮ่า~”

เมื่อนึกถึงเรื่องราวที่สวยงามเหล่านั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ดวงตาของชายวัยกลางคนดูหม่นหมองขึ้นเรื่อย ๆ เสี้ยวเสี้ยวก็มองไปที่โจวยู่ชุ่ยด้วยความประหลาดใจ แต่ก็ก้มหน้าดูการ์ตูนต่อไป

เมื่อเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถก็ได้จอดที่วิลล่าเดี่ยวสุดหรูหลังหนึ่ง

“พี่เฉียง ถึงแล้วครับ!”

คนขับรถพูดกับชายวัยกลางคน

“ที่นี่ที่ไหนกัน?”

ตลอดการเดินทาง โจวยู่ชุ่ยเอาแต่คิดฝันถึงอนาคตที่สดใสของเธอ แต่ไม่ทันได้สังเกตเส้นทางที่รถขับผ่าน

หลังลงจากรถ เธอถึงได้ถามอย่างสงสัย

มุมปากของชายวัยกลางคนโค้งคนด้วยความหยอกเย้า “ใจเย็นก่อน เดี๋ยวคุณเมิ่งก็มาแล้ว คุณเข้าไปรอข้างในก่อนเลยครับ!”

ไม่รู้เพราะอะไร ทันใดนั้นโจวยู่ชุ่ยก็รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง

แต่มันก็แค่ความรู้สึกเท่านั้น และเธอก็ไม่ได้สงสัยในตัวของชายกลางคนคนนั้น เธอจึงเดินเข้าไปในวิลล่าสุดหรูหลังนี้

“นี่มันวิลล่าที่ไหนกัน? เทียบไม่ได้กับวิลล่าของฉันที่ยอดเมฆาเลยแม้แต่นิด!”

โจวยู่ชุ่ยมองดูรอบๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่น่ารังเกียจ

เหมือนกับว่าเธอเป็นเจ้าของยอดเมฆาอย่างไรอย่างนั้น

The King of War

The King of War

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset