The Legendary Mechanic – ตอนที่ 394 สุดยอดนักบินหาน

บนดาวเคราะห์ร้าง ไร้ผู้คน การไล่ล่าดำเนินต่อไปบนที่ราบสีเทา
ยานไล่ล่าเกือบร้อยลำไล่ตามยานวงแหวนนภา เปลวไฟของยานวงแหวนนภาแผ่ขยายอยู่รุนแรง ทันใดนั้นความเร็วก็เพิ่มขึ้น เหมือนพายุที่ก่อให้เกิดฝุ่นจำนวนมาก
ฮึม!
การถีบตัวด้วยความเร็วต่ำ หัวของยานปกคลุมด้วยฝุ่น เหมือนเรือสปีดโบ๊ทที่วิ่งด้วยความเร็วสูง
บูม!
ยานไล่ล่าเร่งความเร็วตาม แต่ก็ไม่อาจไล่ทันไดด้ ความแม่นยำของยานไล่ล่าหลายลำลดลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมุม
ยานสั่นสะเทือนเหมือนจะพังได้ทุกเมื่อ แต่ทุกคนก็รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง แม้มันจะอันตรายกว่า จำนวนครั้งที่ยานถูกยิงก็ลดลงมาก ความคล่องตัวสูงช่วยเพิ่มความสามารถการหลบหลีก เกราะที่อ่อนแอก็แข็งพอจะทนทานการโจมตีได้ ทักษะการขับของหานเซี่ยวน่ากลัวมาก
ด้วยการเพิ่งพลังของเครื่องยนต์ ความยากในการขับจึงเพิ่มขึ้นด้วย แต่เทียบกับนักบินก่อนหน้า ทุกคนสามารถรู้ได้ถึงความแตกต่าง มันเหมือนยานกลายเป็น’มีชีวิต’!มันรู้สึกเหมือนยานเป็นส่วนหนึ่งของหานเซี่ยว
แรงโน้มถ่วงในยานมั่นคง ผู้คนยืนขึ้นได้ทีละคน และความสงสัยพวกเขาก็หายไปจนหมด
พวกเขายินดีอย่างยิ่ง ใครที่รับผิดชอบต่อสถานการณ์แบบนี้ได้ ทุกอย่างย่องดีไปหมด
“น่าทึ่งมาก!”น้ำเสียงของโกอาเปลี่ยนไป รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าไร้อารมณ์ของเธอ”เมื่อเป็นแบบนี้ ความเสียหายก็จะลดลงมาก นายทำได้ดีมาก!”
“อะไร?”หานเซี่ยวสับสน”นี่แค่การควบคุมขั้นพื้นฐาน ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
ยิ่งความเร็วสูง การควบคุมเขาก็จะยิ่งดี เขาไกลจากขีดจำกัดมากด้วยความเร็วปัจจุบัน
น่าเศร้า หากเขาเพิ่มความเร็วอีก โล่ก็จะบางกว่าเดิม เขากังวลว่าเขาอาจขึ้นสนิมหลังไม่ไดขับมานาน การรักษาความหนาของโล่ไว้ย่อมปลอดภัยกว่า
แต่ทว่า ในสายตาทหารรับจ้าง ความหนาของโล่นั้นบางลงจนน่ากลัวแล้ว แต่แบล็คสตาร์กลับบอกว่านี่แค่การควบคุมพื้นฐาน?
งั้นเขาคิดทำอะไร?!
ความรู้สึกไม่ดีผุดขึ้นในใจทุกคน
หานเซี่ยวเหยียดข้อมือ กล่าวว่า”จับไว้ให้แน่น”
ด้วยบทเรียนก่อนหน้า ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อคำเตนือนเขา พวกเขาจับอะไรก็ได้ที่คว้าได้ ใบหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลใจ
ฮึม!
ในชั่วพริบตา ยานอวกาศก็เริ่มดริฟ เหมือนม้าพยศที่พยายามสลัดคนขี่ให้หลุด!
ทุกกลเม็ดเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น ตีลังกา แฉบลขวา บินเป็นตัวZและอื่นๆ ยานอวกาศที่ยังบินเป็นเส้นตรงหนึ่งวินาทีก่อนตอนนี้กลับบินแบบสุ่ม!
กองยานไล่ล่าติดตามอย่างยากลำบาก และตอนนี้ที่หานเซี่ยวกำลังเคลื่อนไหวแบบนี้ ขบวนพวกเขาจึงพังทันที ยานไล่ล่าหลายลำบดบังวิสัยทัศน์การยิงกันเอง และระดับการคุกคามของการโจมตีก็ลดลงอีกครั้ง
ทุกคนรู้สึกเหมือนอยู่ในกระป๋องที่ถูกเขย่า เป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกถึงแรงเฉื่อยซึ่งดึงพวกเขาไปทุกทิศทาง กรดในกระเพาะของพวกเขากำลังพุ่งพรวด น้ำสมองพวกเขาสั่น และใบหน้าพวกเขาก็ขาวซีด วิสัยทัศน์พวกเขาเริ่มเลือนราง และสภาพแวดล้อมกับคนก็เริ่มมีภาพสะท้อน
หลังขับยานมาหลายปี นักบินก็รู้สึกเหมือนเขาเริ่มเรียนรู้ใหม่ อาการเวียนหัวเหมือนเพื่อนเก่าที่เขาไม่เจอนาน เขาเกือบจะเป็นอาจารย์โบกมือให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หานเซี่ยวยังหันเหความสนใจเขาได้และกล่าว”นักบินคนนั้น มาและควบคุมอาวุธ หากเรากำลังหนีและไม่ยิงสวน มันจะเป็นจุดจบของเรา ยิงเมื่อเห็นโอกาส”
นักบินรีบทำตามคำสั่งและนั่งลงควบคุมอาวุธ เทียบกับแบล็คสตาร์แล้ว ทักษะการขับเขากลายเป็นธรรมา ความไม่พอใจก่อนหน้าล้วนหายไป ตอนนี้เขากลัวว่าเขาอาจเป็นภาระให้หานเซี่ยว
 
“5 4 3….”
หานเซี่ยวจ้องหน้าจอ จากนั้นก็ทำการดริฟท์อีกครั้ง สร้างเป็นโอกาสเสี้ยววินาทีเพื่อบินตรง
ฮู่!
แรงสั่นมาอีกครั้ง!
แม้จะคาดไว้แล้ว ขาพวกเขาก็ยังอ่อนยวบและเกือบล้ม
ยานอวกาศบินเป็นรูปตัวU บินจากใกล้กับพื้นไปทางขวาเหนือกองยาน พุ่งกลับไปยังทิศตรงข้าม
“ยิง!”
นักบินยิงทันที ปืนยิงจากยานวงแหวนนภา ไม่จำเป็นต้องเล็ง มันเป็นการโจมตีที่ไม่มีทางพลาดเพราะเป้าหมายที่เยอะ
บูม บูม บูม!
โล่ส่องสว่างขึ้นบนยานไล่ล่าจนถูกบังคับให้หยุดสักพัก กองยานด้านหลังชนเข้ากับพวกมันทันที ทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เหมือนโดมิโน่ ทั่วกองยานแถวหน้ากลายเป็นยุ่งเหยิง
ยานไล่ล่าไม่บอบบาง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ชนกัน
หานเซี่ยวอยู่ในตำแหน่งนี้ไม่ถึงสามวินาที ก่อนกองยานจะปรับตัวได้ เขาก็หักเลี้ยวและหลบหนีไปด้านข้าง
ในทางกลับกัน กองยานไล่ล่าต้องใช้เวลาสักพักเพื่อปรับขบวนก่อนไล่ตาม แม้จะไม่มีการชนกัน หานเซี่ยวก็ยังเพิ่มระยะห่างได้
“ไม่เลว”หานเซี่ยวยิ้มและยกนิ้วโป้งให้นักบิน
นักบินยิ้มกลับ อาเจียนไหล่มาระหว่างฟันเขา
ความยากของการเคลื่อนไหวเหล่านี้สูงมาก แต่ไม่มีใครในยานจะแสดงอาการตกใจ  พวกเขาไม่มีแรงให้ประหลาดใจ ขาพวกเขาสั่นและหัวพวกเขาก็หมุนไปหมด
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้พวกเขาหลบหนีได้สำเร็จ
โกอาเปิดปาก ฝืนพูดไม่กี่คำเพื่อชม แต่ก็ต้องปิปาก กล้ามในคอเธอสามารถเห็นได้ว่ากำลังขยับขึ้นลง
อโรเชียหันซ้ายขวา จากนั้นก็นั่งลงกับพื้น ไม่อาจยืนขึ้นได้ เธอกล่าวอย่างสับสน”เกิดอะไรขึ้นกับฉัน?”
เฮอลัสหอบหายใจหนักและเกือบขาดอากาศ ทหารรับจ้างรอบๆสั่นสะท้าน โชคดี ร่างของเฮอลัสแข็งแกร่งพอ ดังนั้นเขาจึงทนได้ เขาหันไปและตกใจที่เห็นผู้เล่นสงบมาก”พวกนายไม่เป็นไรเลยงั้นหรอ?!”
ผู้เล่นยิ้ม สามวินาทีหลังหานเซี่ยวขับยาน พวกเขาตระหนักถึงอันตรายและลดความรู้สึกทางกายภาพลงทันที ดังนั้น แม้พวกเขาจะมีสถานะเวียนหัวอย่างหนัก แต่พวกเขายังรู้สึกสดชื่น
“ฉันคิดว่าเราเพิ่งเข้าอุโมงค์เวลาและอวกาศ”
“ทักษะการขับเขาน่ากลัวมาก!”
“ฉันเหมือนดูหนังเรื่องFast and Furious นี่เร็วมาก”
ผู้เล่นยังมีพลังเพื่อหารือ
หานเซี่ยวเริ่มคิดแผน ไม่มีเวลาสนใจพวกเขา
“แค่การขับยานอวกาศจะไม่ช่วยให้เราทนได้สองวัน กองยานดาราทมิฬจะไม่ทำการเปลี่ยนแปลงใดๆ เมื่อพวกมันรู้ว่ากองยานไล่ล่าไม่อาจจัดการเราได้ พวกมันจะต้องใช้วิธีดุดันขึ้น ฉันทำได้แค่เล่นกับยานไล่ล่าสักสองชั่วโมง หลังจากนั้น ระดับอันตรายไ
เขาวางแผนล่วงหน้า การถ่วงเวลาสองวันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
คนอื่นไม่รู้แรงจูงใจของดาราทมิฬ มีเพียงหานเซี่ยวถึงรู้ ดังนั้นพวกมันจึงไม่มีทางยอมปล่อยมือ
แผนมากมายผุดขึ้นในหัว”มันคงไม่ดีหากเป็นแบบนี้ เราไม่อาจอยู่บนผิวดาวได้ ฉันมีแผน…”
ทันทีที่เขากล่าว สีหน้าทุกคนก็เศร้าหมองเหมือนนักโทษที่กำลังเดิดนไปยังลานประหารน
“มะ…ไม่ว่านายจะว่ายังไง เราเชื่อนาย”โกอากล่าว
แม้จะให้กำลังใจ แต่กลับไม่มีเสียงของความสุข เสียงเธอกลับสั่นเล็กน้อย
ในห้องบัญชาการของยานแม่ดาราทมิฬ ภาพจากยานไล่ล่าเผยบนจอ กัปตันซาโรตะกำลังเฝ้าดูมัน
สิบนาทีผ่านไปหลังเริ่มการไล่ล่า ยานของคมดาบและทองม่วงกำลังดิ้นรน มีเพียงหานเซี่ยวถึงทำได้ดีกว่าบ้าง นี่ดึงดูดความสนใจของเขาทันที เขาชี้จอและถาม”ยานนี้เป็นของกลุ่มทหารรับจ้างไหน?”
“กองทัพวงแหวนนภาครับ”
ซาโรตะพยักหน้าและกล่าว”นักบินดี ดูเหมือนว่าเราต้องใช้เวลาเพิ่ม ตามหลักแล้ว แบล็คสตาร์นั่นต้องอยู่บนยานวงแหวนนภาด้วย ใช่ไหม?”
คำถามสุดท้ายมุ่งตรงไปยังมุมโถง
ที่มุม เอ็มเบอร์กำลังยืนพิงกำแพงด้วยใบหน้าเยือกเย็น  เมื่อเขาได้ยินชื่อหานเวี่ยว ดวงตาเขาก็ส่ายเล็กน้อย เขามีความฝังลึกต่อหานเซี่ยวมาก
ฮุม!
ครั้งนัเ เสียงเตือนดังขึ้น
“กัปตัน ตรวจพบระลอกอวกาศ มีกองยานกำลังกระโดดมาทางนี้ครับ”
ซาโรตะไม่แปลกใจเลย เขานำภาพตรวจจับขึ้นมา แสดงให้เห็นกองยานรบขนาดใหญ่กำลังกระโดมาทางนี้จากทั้งสองด้านของยานแม่ ทั้งสองอยู่ในขบวนป้องกัน ดาราทมิฬอยู่ตรงกลาง
กองยานทั้งสองเป็นกองทัพพิทักษ์ชายแดนของอารยธรรมศิลาเทวะและอีกาดำ รูปแบบพวกเขาแตกต่างกันมาก ฝั่งหนึ่งเป็นรูปครึ่งวงกลมและหนา และอีกฝั่งเป็นแนวและบาง ป้อมปราการโลหะนั้นน่ากลัวมาก
ทันทีที่ยานแม่ดาราทมิฬเผยตัว มันก็ถูกสังเกตเห็นโดยกองทัพพิทักษ์ชายแดน ศิลาเทวะและอีกาดำถึงกับส่งกองยานมาตรวจสอบ พวกเขาไม่ได้ลงมือทันทีที่เห็นดาราทมิฬ พวกเขากลับนิ่งเฉยและเฝ้าดูจากที่ไกล
“ต้องทำอะไรไหมครับ?”ผู้ช่วยถาม
“ส่งข้อความไป บอกพวกเขาว่าเราผ่านมาทำธุระ และเราจะออกไปในไม่ช้า พวกเขาจะไม่โจมตีเรา”ซาโรตะกล่าวอย่างสงบ ไม่กังวลราวกับทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา