The Man from Hell – ตอนที่ 88 : จิตใจอัปลักษณ์ มันไม่มีทางรักษาให้หายได้!

‘ตายแล้ว… เขาตายแล้ว!’

ซือกงจิงและชายชราต่างตกตะลึงในสิ่งที่พวกเขาเห็น – ผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทยโดนจัดการตายไปแล้ว

ด้วยการโจมตีเพียง 3 ครั้ง!

ทำลายขาของเขาในการโจมตีครั้งแรก!

ทำลายเข่าของเขาในการโจมตีครั้งที่ 2!

และฆ่าเขาลง ในการโจมตีครั้งที่ 3 !

‘นั่น…มันเป็นไปไม่ได้!’

ซือกงจิงและชายชราตัวสั่น พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

พวกเขาไม่นึกว่าผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทย ผู้คุ้มกันระดับสูงสุดของตระกูลซือกง จะถูกสังหารได้ในการโจมตีเพียงแค่ 3 ครั้ง

ถ้าเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ มันจะสร้างความแตกตื่นไปทั่วทั้งภาคเหนือของจีน!

ซือกงจิงและชายชราจับจ้องไปที่ภูผาเหล็กพร้อมกัน

พวกเขาพบว่าดวงตาของภูผาเหล็กนั้นสีแดงเข้ม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเจตนาสังหาร เหมือนปีศาจตัวจริง เมื่อพวกเขามองใบหน้านั้น เลือดในตัวของพวกเขาแทบจะแข็งตัว!

แต่คนที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงมากที่สุดคือเย่เฟิง ที่ยังคงนั่งอยู่บนกิ่งของต้นหลิว

เย่เฟิงไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เพียงแค่ออกคำสั่ง 3 ครั้งให้กับลูกน้องของเขาฆ่าผู้เชี่ยวชาญด้านมวยไทย!

สิ่งที่เขาทำนั้นมันดูเกินกว่าคำจำกัดความของคำว่าปีศาจ!

“ฉัน…ฉันทำแล้ว! ฉันฆ่าเกอร์สันได้แล้ว!”

มารภูผาเหล็กอุทานออกมาด้วยความตกใจและตื่นเต้น

ก่อนหน้านี้ในสายตาของเขา เกอร์สันเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัว ที่สามารถกวาดล้างสำนักศิลปะการต่อสู้หลายสิบแห่งและจัดการปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้อีกหลายสิบคน

สำหรับมารภูผาเหล็ก เมื่อเทียบกับเกอร์สันแล้วก็เป็นเหมือนตัวตลกตามสวนสนุกเท่านั้น

แต่เขากลับฆ่าเกอร์สันได้ใน 3 การโจมตี นั่นทำให้เขายังคงตื่นเต้นและพยายามอย่างมากที่จะสงบสติอารมณ์อยู่

มารภูผาเหล็กมองไปที่เย่เฟิง ด้วยแววตาแห่งความชื่นชมและยอมรับ!

เขาคุกเข่าลงบนพื้นด้วยเข่าข้างหนึ่ง กำมืออีกข้างแล้วยกขึ้นมาวางไว้ตรงหัวใจของเขาด้วยความนับถือ ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้านาย ภูผาเหล็ก อาศัยการคาดการณ์ของเจ้านายและฆ่าเกอร์สันได้แล้วครับ!”

ขณะนี้ชายที่อยู่บนต้นไม้ก็กลายเป็นเหมือนเทพเจ้าในหัวใจของภูผาเหล็ก!

“ไม่เลว!”

เย่เฟิงตอบ เขาพยักหน้าด้วยรอยยิ้มราวกับว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

หลังจากนั้นเขาก็จับจ้องไปที่ซือกงจิงด้วยสายตาที่ดูน่ากลัว “มันเป็นตาของเธอแล้ว! ตบหน้าตัวเอง 10 ครั้ง แล้วฉันจะให้อภัยเธอ!”

‘อะไรนะ!’

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิงแล้ว ซือกงจิงก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที

ในฐานะที่เป็นคุณหนูของตระกูลซือกง เธอไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะล้มเหลวแบบนี้

ผู้คุ้มกันของเธอถูกฆ่าตาย ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอโกรธมากแล้ว!

เธอยังต้องตบหน้าตัวเองด้วยความอับอาย!

เธอไม่เคยถูกดูถูกแบบนี้มาก่อนตั้งแต่เธอเกิดมา

ซือกงจิงโมโหมากราวกับนางสิงห์ที่โกรธจัด

ตอนนั้นเองชายชรารีบหยุดเธอไว้ ขณะที่เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วโบกมือไปหาเย่เฟิงพร้อมพูดว่า “คุณเย่ครับ คุณหนูซือกงยังเด็กเกินไปและรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โปรดยกโทษให้เธอสักครั้ง!”

หลังจากพูดแล้วชายชราชี้ไปที่ศพของเกอร์สันที่นอนอยู่บนพื้นแล้วกล่าวต่อว่า “เกอร์สันก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว มันน่าจะเป็นการลงโทษที่เพียงพอแล้ว!”

จากคำพูดของชายชรา เขาพยายามจะพูดอย่างเป็นมิตรกับเย่เฟิง

ทว่าซือกงจิง ยังคงไม่พอใจ เธอรีบแย้งขึ้นมาทันที “ปู่กู๋ ไม่ต้อง…”

ชายชรารีบโบกมือเพื่อหยุดเธอ จากนั้นเขามองตรงไปที่ดวงตาของเย่เฟิง

แต่เย่เฟิงก็ตอบด้วยเสียงที่บอกอารมณ์ไม่ถูก “ฉันจะพูดอีกครั้ง! ตบหน้าตัวเองหรือว่าจะตาย … ”

 

หลังจากได้ยินคำพูดชี้ขาดของเย่เฟิง ใบหน้าของชายชราจะเปลี่ยนเป็นมืดมนในทันที เขาหันไปบอกซือกงจิง “คุณหนู ทำตามคำสั่งของคุณเย่ซะ!”

‘อะไรนะ!’

ซือกงจิงตกตะลึง เพราะเธอไม่คิดว่าปู่ของเธอจะเข้าข้างเย่เฟิง

แต่เมื่อมองไปที่เย่เฟิงซึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ ซือกงจิงก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

เธอรู้สึกราวกับว่าเธอถูกจ้องมองโดยปีศาจ

“คุณหนู! ทำตามที่บอกเถอะ!” ชายชราที่อยู่ในตระกูลกู๋ ตะโกนใส่เธออย่างช่วยไม่ได้

ตอนนั้นเอง ซือกงจิงรู้ว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธได้แล้ว!

ดังนั้นเธอจึงยกแขนขึ้นและเริ่มตบหน้าตัวเองอย่างแรง!

เพียะ!

เมื่อตีหนึ่งครั้งจะเห็นรอยฝ่ามือสีแดงปรากฏบนใบหน้าของซือกงจิง

อย่างไรก็ตามความเกลียดชังในสายตาของเธอก็มากยิ่งขึ้น!

เพียะ! เพียะ! เพียะ!

ขณะที่เธอตบหน้าของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า แก้มของเธอก็ค่อย ๆ บวมขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งสายตาของมนุษย์นั้นไม่สามารถจะสังเกตเห็นได้

เมื่อเธอตบครั้งสุดท้าย ความเกลียดชังและความโกรธแค้นในดวงตาของเธอก็ระเบิดออกมา

“เย่เฟิงจำไว้! ฉันจะทำให้แกต้องประสบความอับอายและเสื่อมเสียกว่านี้ 10 เท่าในอนาคต!”

ซือกงจิงเกลียดเย่เฟิงอย่างมาก เธอหันหลังกลับและตั้งใจจะเดินจากไปในทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอหันหลังกลับเธอพบว่ามีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ กำลังยืนขวางทางเธออยู่

เธออายุประมาณ 10 ขวบ สวมเสื้อผ้าโทรม ๆ

ทว่าดวงตาของเธอนั้นเปล่งประกายราวกับดวงดาวในยามราตรี

ใบหน้ารูปไข่และผิวพรรณที่เรียบเนียนของเธอนั้น บอกได้เลยว่าเธอนั้นเป็นสาวงามที่หาตัวจับยากเลยทีเดียว

แต่กลับมีปานดำบนใบหน้าของเธอ!

ปานนี้ใหญ่เป็นครึ่งหนึ่งของใบหน้าของเธอ ทำให้ครึ่งหน้านั้นของเธอดูน่ากลัว!

ซือกงจิงตกใจ แต่เมื่อเธอตั้งสติได้ เธอก็ด่าหญิงสาวด้วยความอารมณ์โมโห “ยายสัตว์ประหลาด แกมาจากไหน! แกทำให้ฉันกลัว รู้ไหม”

หลังจากได้ยินคำพูดที่มากเกินไปของซือกงจิง ร่างเล็กของเด็กสาวก็ตัวสั่น ขณะที่เธอเปิดเผยความกลัวอย่างมาก “พี่…พี่สาว หนูขอโทษนะคะ ซวินเอ๋อไม่ได้ตั้งใจค่ะ…”

น้ำตาใส ๆ เริ่มรื้นขึ้นมาในดวงตาของเธอ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นดวงตาที่แสดงความขยะแขยงของซือกงจิง เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็ตัวสั่นเทาขณะที่เธอก้มหัวลงอย่างประหม่า

“แกไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ? แกคิดว่าแกสามารถเดินไปไหนมาไหน และทำให้ผู้คนหวาดกลัว แล้วบอกแค่ว่าแกไม่ได้ตั้งใจแค่นั้นเหรอ”

ซือกงจิงระบายความโกรธของเธอกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ขณะที่เธอดุด่าซวินเอ๋อ เธอชี้ไปที่ใบหน้า “มองดูสารรูปที่น่าเกลียดของแก มันน่าขยะแขยง! แกรู้ไหมว่ารูปลักษณ์ที่น่าเกลียดของแก อาจทำให้คนตายจากการมองเห็นหน้าแกได้!”

คำชั่วร้ายและบาดหูของซือกงจิง ทำให้เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นต้องหลั่งน้ำตาออกมา

“ซวินเอ๋อ อัปลักษณ์เกินไป หนูขอโทษที่ทำให้กลัวนะคะ ขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ!”

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่นร้องไห้ออกมา ขณะที่เธอก้มหน้าลงอย่างไม่ลดละและกล่าวขอโทษซือกงจิง เธอพูดต่อว่า “ซวินเอ๋อมาที่นี่เพื่อเจอพี่เย่เฟิง หวังว่าพี่ชายเย่เฟิง จะช่วยฉันกำจัดปานที่ใบหน้าของหนูได้!”

‘อะไรนะ!’

‘กำจัดปานงั้นเหรอ ?’

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ซือกงจิงก็เย้ยหยันทันที “ฮึ ปรากฎว่าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดตนนี้ต้องการที่จะสวย! แกจะต้องผิดหวัง! ผู้ชายคนนั้นเขาไม่ช่วยฉันด้วยซ้ำ ทำไมเขาถึงจะต้องช่วยแก”

ซือกงจิงมองเด็กหญิงตัวน้อยด้วยสายตาที่น่ารังเกียจ

เย่เฟิงไม่ช่วยเธอแม้แต่ตอนที่เธอหยิบสมุดเช็คออกมา ไม่ต้องพูดถึงคนที่มีสภาพเหมือนขอทานที่ยากจนคนนี้เลย

ไม่เพียงแค่นั้นการมองใบหน้าน่าเกลียดของเด็กสาว เธอก็โมโหอย่างมาก “ใบหน้าของแกทำให้ฉันกลัว ฉันจะต้องตบหน้าแกให้ได้!”

หลังจากพูดอย่างนั้นไฟแห่งความโมโหก็ฉายชัดในดวงตาของเธอ เธอเดินไปข้างหน้า ซือกงจิงยกแขนขึ้นและตั้งใจจะตบหน้าเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนั้น!

เพียะ!

เสียงเนื้อกระทบมือดังชัดเจน!

แต่น่าแปลกที่เด็กสาวยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสั่นกลัว

แต่เป็นซือกงจิงที่ลอยกระเด็นและลงกระแทกไปกับพื้น

ในขณะเดียวกันมีคน ๆ หนึ่ง ยืนอยู่ข้างหน้าเด็กผู้หญิงคนนั้น

มันคือเย่เฟิง!

“เย่เฟิง! แก… แกกล้าตบฉันได้ยังไง!”

เลือดสีแดงไหลออกจากปากของซือกงจิง ในขณะที่เธอยกมือขึ้นกุมแก้มที่ร้อนและแดงของเธอ

หลังจากได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของเย่เฟิงก็เป็นประกายเย็นชา ขณะที่เขาตอบว่า “ฉันไม่อยากตบผู้หญิง แต่ฉันชอบฆ่าผู้หญิง! เธออยากลองไหมล่ะ ?”

‘ว่าไงนะ!’

ใบหน้าของ ซือกงจิงซีดลงในเสี้ยววินาที

หลังจากดูสาวน้อยน่าเกลียดเธอก็ตอบด้วยความโกรธ “อะไรกัน ? แกต้องการที่จะช่วยนางสัตว์ประหลาดน่าเกลียดตัวนี้จริง ๆ หรือ ?”

“แน่นอน!”

เย่เฟิงยกมุมปากขึ้นขณะที่มองตรงไปที่ดวงตาของซือกงจิงและพูดอย่างเย็นชา “ถ้ามีคนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์มันยังรักษาให้หายได้! แต่เธอที่จิตใจอัปลักษณ์ มันไม่มีทางรักษาให้หายได้!”

‘อะไรนะ!’

หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง ใบหน้าของซือกงจิงก็ดูมืดมนลงอย่างมาก

เธอไม่คิดว่าเย่เฟิงจะไม่เห็นด้วยที่จะช่วยเธอ ไม่ว่าเธอจะจ่ายเงินมากเท่าไร แต่เย่เฟิงตัดสินใจที่จะรักษาสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดนี่!

“ดี! เย่เฟิง จะไม่มีการยอมอ่อนข้อให้ระหว่างเรา! นี่คือจุดจบ! ตระกูลซือกงจะทำให้แกต้องเสียใจ!”

ซือกงจิงจ้องไปที่เย่เฟิงอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนเธอจะลุกขึ้นและเดินออกไปกับชายชรากู๋

อย่างไรก็ตาม เย่เฟิงไม่ได้สนใจเกี่ยวกับท่าทางคุกคามของซือกงจิงเลย

ในตอนนั้น เย่เฟิงจ้องมองเด็กผู้หญิง ที่มีปานดำขนาดใหญ่บนหน้าด้วยความตื่นเต้น!

‘กายาพิษระดับสูงสุด!’

‘เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้มีกายาพิษระดับสูงสุด!’

The Man from Hell

The Man from Hell

จักรวรรดิปีศาจได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกครั้งในจักรวาลแห่งนี้ เหล่าศัตรูต้องคุกเข่าต่อหน้าเขา แลเหล่าหญิงงามควรสยบแทบเท้าของเขา “ข้าคือปีศาจ ผู้ที่เหล่าทวยเทพเทวาทั้งหลายต่างยอมศิโรราบ หากเจ้าไม่ยอมก้มหัวให้ข้า ข้าจักบังคับเจ้าด้วยกำลัง” — เย่เฟิง! The Demon Empire in the universe was reborn and came back! Enemies should kneel down in front of him! Beauties should lie down in front of him! “I am a demon. I ens*ave gods and immortals! If you don’t succumb to me, I will convince you by force!”–Ye Feng!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset