The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 13: ปราบมอนสเตอร์ (1)

ตอนที่ 13: ปราบมอนสเตอร์ (1)

 

“องค์ราชันย์กำลังมา! กองกำลังทั้งหมดแถวตรง! ทำความเคารพ!”

 

ผู้บัญชาการกองกำลังสั่งการเมื่อคังชอลอินปรากฏตัว

 

“องค์ราชันย์!”

 

ทหารประมาณ 70 นายทำความเคารพคำนับคังชอลอิน

 

‘พวกเขาได้รับการฝึกมาดีจริง ๆ’

 

คังชอลอินเต็มไปด้วยความพึงพอใจเมื่อได้เห็นกองกำลังของตัวเอง

 

“นายท่านเจ้าคะ นี่คือหน่วยทหารหลักของลาพิวต้า ‘กลุ่มทหารคุ้มกัน’ เจ้าค่ะ หากนับคนที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกขอบของดินแดนด้วยแล้วนั้น กำลังทหารที่มีทั้งสิ้นจะเป็น 100 นายเจ้าค่ะ”

 

ลูเซียยืนอธิบายอยู่ด้านข้าง

 

‘100 คนในตอนนี้ก็ถือว่าเยอะแล้ว’

 

หากพิจารณาเปรียบเทียบกับวัลฮัลลาที่มีทหารเพียง 50 นายตอนเริ่มต้น กองทัพของเขาในตอนนี้ถือว่ามีขนาดที่ใหญ่มากทีเดียว

 

“กองกำลังทั้งหมด ตามระเบียบพัก!”

 

ทหารทุกนายเข้าสู่ตำแหน่ง “ตามระเบียบพัก” ตามคำสั่งของคังชอลอิน ใบหน้าของเหล่าทหารที่กำลังจ้องมองคังชอลอินได้แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีและความตั้งใจที่รุนแรงอย่างเห็นได้ชัด

 

‘ราชันย์ของพวกเรา’

 

‘พวกเรารอนายท่านมานานมากเหลือเกิน!’

 

‘นายท่านจะต้องภูมิใจกับการรับใช้ที่ยอดเยี่ยมของข้า!’

 

เหล่า NPC ทั้งหมดในลาพิวต้ารวมถึงลูเซียได้นอนหลับไหลมานานนับร้อยปีเพื่อรอผู้เป็นนายคนใหม่มาปกครองและชุบชีวิตกลับคืนให้พวกเขา หากปราศจากคังชอลอินไปพวกเขาจะไม่สามารถตื่นขึ้นมาใช้ชีวิตดั่งเช่นในตอนนี้ได้ดังนั้นความภักดีที่อยู่ในจิตใจของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่เป็นเพียงการคุยโวหรือออกอาการที่มากเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด

 

“ข้าดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับพวกเจ้าทุกคน อีกสามชั่วโมงต่อจากนี้ทั้งเจ้าและข้าจะต้องไปออกตรวจลาดตระเวนและไปปราบสัตว์ประหลาดด้วยกัน จงเตรียมตัวให้พร้อม นั่นคือภารกิจทั้งหมดของพวกเจ้าในวันนี้”

 

คำพูดของเขาทั้งสั้นและจับใจความได้อย่างง่ายดาย แทนที่จะพูดอะไรให้ยืดยาว คังชอลอินเลือกพูดอย่างกระชับและส่งต่อข้อมูลที่จำเป็นไปโดยตรงแทน

 

“ส่วนเจ้า”

 

คังชอลอินพยักพเยิดคางตัวเองไปยังทหารนายหนึ่ง

 

“นามของเจ้าคืออะไร?”

 

“ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ข้ามีนามว่าเจมส์ขอรับ!”

 

“ข้ามีบางสิ่งต้องคุยกับเจ้า ตามข้ามา”

 

“ขอรับนายท่าน!”

 

เสียงตอบรับของเจมส์ดังก้อง

 

“เอ่อ … นายท่านเจ้าคะ”

 

ลูเซียเริ่มพูดอย่างระวัง

 

“ข้าขอติดตามนายท่านไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ?”

 

“แน่นอน”

 

คังชอลอินพยักหน้าอนุญาต

 

“เจ้าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของข้า เจ้าก็ควรอยู่ติดตัวข้าไม่ห่างยามที่ข้าอยู่ลาพิวต้าไม่ใช่หรือ?”

 

“เจ้าค่ะนายท่าน!”

 

ลูเซียตอบรับด้วยความภาคภูมิใจและดีใจอย่างสุขล้น

 

เช่นนั้น คังชอลอิน ลูเซีย และผู้บัญชาการทหารสูงสุดเจมส์ก็ได้เดินสำรวจรอบ ๆ ลาพิวต้ากันอย่างช้า ๆ

 

“ผู้บัญชาการ”

 

“ขอรับ”

 

“ลักษณะของดินแดนที่ลาพิวต้าอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างไร?”

 

มันเป็นคำถามที่สำคัญอย่างมาก

 

ลาพิวต้าเป็นเมืองทางอากาศหากแต่ในตอนนี้ไม่ได้ทำการบินอยู่ซึ่งหมายความว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ว่าดินแดนในปัจจุบันมีสภาพแวดล้อมโดยรอบเช่นไร

 

“ขอรับนายท่าน เป็นคำถามที่ชาญฉลาดอย่างมาก”

 

เจมส์ยิ้มรับก่อนจะเริ่มการชี้แจงอย่างละเอียด

 

“ลาพิวต้ามีเทือกเขาดราโกเนียทำหน้าที่เป็นเขตชายแดนระหว่างแพนดิโมเนียมและแผ่นดินใหญ่ทางด้านหลังขอรับ มันอยู่เขตในพื้นที่ทางใต้สุดของแผ่นดินใหญ่”

 

หมายความว่าที่นี่จะเป็นเมืองที่โดดเดี่ยวที่สุดท่ามกลางชนบท

 

“ภูเขาขนาดใหญ่ตรงนั้นคือเทือกเขาดราโกเนียขอรับ มันมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อพวกเรา”

 

เจมส์ชี้ภูเขาที่ทั้งขนาดและความกว้างยิ่งใหญ่ราวกับไม่มีจุดสิ้นสุด

 

“เมื่อนายท่านหันมองทางด้านตะวันตกจะมีแม่น้ำที่ไหลไปถึงแผ่นดินใหญ่ชื่อว่าแม่น้ำคาร์ทูมขอรับ มันเป็นแม่น้ำที่ทอดยาวไปทั่วทั้งแพนดิโมเนียมจนไปถึงทางตอนเหนือของแผ่นดินใหญ่”

 

คังชอลอินรู้จักแม่น้ำคาร์ทูมเป็นอย่างดี มันเป็นสายน้ำที่ไหลผ่านแพนเจียอยู่ทุกที่ การจะควบคุมทั้งทวีปแพนเจียให้ได้ในอนาคตนั้น การคุมแม่น้ำคาร์ทูมได้ก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง

 

“ทางตอนใต้คือป่าวิเศษขอรับ เป็นป่าโบราญที่มีอยู่ก่อนกาลประวัติศาสตร์เสียอีกนะขอรับ มันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมายและไม่เป็นการกล่าวเกินจริงเลยขอรับที่จะเรียกมันว่าป่าปีศาจ”

 

“หืม…”

 

คังชอลอินที่ได้รับข้อมูลชี้แจงจากเจมส์ก็เริ่มพูดขึ้นว่า

 

“ตะวันออกมีภูเขา ตะวันตกมีแม่น้ำ ทางใต้มีป่าปีศาจ … รอบด้านทั้งสามของดินแดนช่างเป็นสิ่งกีดขวางที่ดีจริง ๆ”

 

“ขอรับนายท่าน”

 

“เช่นนั้นทางเหนือคือหัวใจสำคัญ”

 

“ถูกต้องขอรับ”

 

“ทางเหนือคือจุดทางเข้าหลักที่เราจำเป็นต้องตั้งยามคุ้มกันเพื่อป้องกันศัตรู ฟาร์มและทุ่งเลี้ยงสัตว์จะอยู่ทางด้านเหนือของปราสาท มันจะเป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมทางเหนือได้โดยเร็วที่สุด”

 

ด้วยคำพูดของคังชอลอินทำให้ทำดวงตาของเจมส์และลูเซียเบิกกว้างด้วยความตกใจ

 

“น นายท่านขอรับ”

 

เจมส์เอ่ยเรียกด้วยเสียงสั่นเทา

 

“ข้าขอถามถึงเหตุผลในการตัดสินใจของนายท่านได้หรือไม่ขอรับ?”

 

“มันยังไม่ชัดเจนอย่างนั้นหรือ?”

 

คังชอลอินถามก่อนจะตอบกลับ

 

“ภูเขาทางทิศตะวันออกจะมีประโยชน์มากสำหรับการป้องกันแต่มันไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับเราที่จะใช้เป็นทางเข้าออกหากเราไม่ได้ใช้ทักษะการบินเพื่อบินข้ามสิ่งกีดขวาง และหากเราต้องการเดินผ่านแม่น้ำทางตะวันตกเราจะต้องฝึกกองกำลังทางทะเลแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สามารถทำได้เพียงชั่วข้ามคืน หากจะสร้างเรือก็จำเป็นต้องมีอำนาจในการจัดการป่าทางใต้เพื่อให้ได้มาซึ่งวัสดุเสียก่อน แต่มันไม่น่าเป็นไปได้เมื่อพิจารณาถึงเวลาและการเงินที่เรามีในตอนนี้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือทางเหนือ”

 

คังชอลอินอธิบายแบบไม่คิดใส่ใจอะไรแต่สำหรับเจมส์และลูเซียที่กำลังยืนฟังอยู่นั้นถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากเมื่อได้ยิน

 

“ได้อย่างไรกัน!”

 

เจมส์อุทาน

 

“นายท่านช่างปราดเปรื่องมากขอรับ! ข้า เจมส์ผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับใช้ผู้นำที่มีปัญญาดั่งเช่นนายท่าน!”

 

เจมส์คุกเข่าข้างหนึ่งลงติดพื้นเพื่อแสดงถึงความเคารพที่มีต่อคังชอลอิน

 

‘ว้าว! นี่น่ะหรือความสามารถของอดีตจอมราชันย์! การที่ข้าได้รับใช้นายท่านผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ช่างเป็นโชคที่ดีงามเหลือเกิน!”

 

แม้ลูเซียจะไม่ได้แสดงออกไปอย่างเปิดเผยแต่นางก็ประทับใจในความสามารถของคังชอลอินไม่แพ้เจมส์เลยแม้แต่น้อย

 

‘นี่มันอะไรกัน?’

 

ในทางตรงกันข้าม คังชอลอินเองก็ตกตะลึงไปกับการแสดงออกจาก NPC ทั้งสองคนนี้ การอธิบายเมื่อสักครู่นี้ของเขาเป็นสิ่งที่เรียบง่ายมากแต่พวกเขากลับประหลาดใจมากมายขนาดนี้เชียว คังชอลอินกำลังสงสัยว่าพวกเขาไม่สามารถคิดเรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ได้เลยหรือ

 

“อะแฮ่ม”

 

คังชอลอินแกล้งส่งเสียงในลำคอเพื่อทำให้บรรยากาศกลับคืนสู่ความสงบดังเดิมก่อนจะเอ่ยถามเจมส์ไปว่า “ฟาร์มและทุ่งเลี้ยงสัตว์ของเราอยู่ทางเหนือใช่หรือไม่?”

 

“ใช่ขอรับนายท่าน! ทุก ๆ เช้า ประชาชนของท่านจะไปยังที่ราบทางเหนือเพื่อทำฟาร์มขอรับ”

 

“แถวนั้นมีสัตว์ประหลาดหรือไม่?”

 

เจมส์ตัวแข็งทือ

 

“น นายท่านหมายถึง…”

 

“ถูกต้อง ข้าต้องการรับประกันความปลอดภัยทางเหนือให้ได้ ข้าไม่อาจปล่อยให้คนของข้าถูกสัตว์ประหลาดจับกินไปได้”

 

มันค่อนข้างเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดสำหรับผู้ปกครองดินแดน

 

และเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เมื่อเศรษฐกิจมีความเสถียรภาพ ดินแดนก็จะประสบความสำเร็จไปได้ระดับหนึ่ง ดังนั้น “คน” ที่เป็นผู้ผลิตจึงมีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับการสร้างดินแดน นอกจากนี้หากความเชื่อมั่นของประชาชนเป็นลบ ความภักดีในสถานะของเขาก็จะลดลงและจะมีปัญหาจนอาจส่งผลต่อพลังของการต่อสู้ได้ ความพิเศษของคังชอลอินคือพรสวรรค์ที่มีมาแต่กำเนิดและการจัดการปัญหาภายในที่จะช่วยบรรเทาเรื่องได้เป็นอย่างดี

 

“นายท่าน”

 

เจมส์ที่ไม่อาจรู้ความคิดของคังชอลอินได้รู้สึกตกใจจนตัวสั่น

 

“เจมส์ผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งขอรับที่ได้พบกับผู้ครองดินแดนที่มีเมตตามากขนาดนี้ ท่านทั้งฉลาดปราดเปรื่องและยังเป็นห่วงเป็นใยประชาชนของตัวเองอีก! ข้าผู้นี้มีความสุขมากจริง ๆ ขอรับ!”

 

มันดูเหมือนว่าความตั้งใจทำเควสให้ผ่านของเขาจะแสดงออกไปให้เห็นเป็นแบบนั้น

 

‘โธ่ เวรกรรม แล้วอย่างนี้จะพูดอะไรได้’

 

ความเคารพยำเกรงที่เจมส์แสดงทำให้คังชอลอินที่ไร้ซึ่งมโนธรรมรู้สึกละอายใจเล็กน้อยกับคำกล่าวเช่นนั้น

 

“อย่างไรก็ตามข้าจะจัดการเรื่องสัตว์ประหลาดที่ราบทางเหนือก่อนเป็นสิ่งแรกดังนั้นจงไปเตรียมกองกำลังให้พร้อมซะ ข้าให้เวลาพวกเจ้าเตรียมความพร้อมสามชั่วโมง”

 

“ขอรับ!”

 

เจมส์ตอบรับอย่างตื่นเต้น

 

“ลูเซีย”

 

คราวนี้เป็นลูเซียที่คังชอลอินเรียกหา

 

“เจ้าค่ะนายท่าน”

 

“จัดการหาของเลี้ยงทหารที่จะไปปราบสัตว์ประหลาดด้วยขนมปังและนมซะ”

 

“เช่นนั้นข้าจะซื้อจ่ายล่วงหน้าเป็นสองเท่าสำหรับอาหารสองวันนะเจ้าคะ”

 

“ความคิดดี”

 

คังชอลอินพยักหน้าเห็นด้วย การออกล่าบางครั้งก็อาจใช้เวลานานดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะเตรียมอาหารไปเผื่อ

 

“ข้าจะไปเตรียมความพร้อมเรื่องอื่นต่อก่อน พวกเจ้าไปจัดการเรื่องที่ข้าสั่งให้เรียบร้อยเสีย”

 

เจมส์กับลูเซียพยักหน้าอย่างแรงพร้อบตอบกลับว่า

 

“เจ้าค่ะนายท่าน!”

 

“ตามคำบัญชาขอรับ องค์ราชันย์”

 

และเมื่อคังชอลอินจากไป ลูเซียก็หันไปพูดกับเจมส์

 

“ผู้บัญชาการเจมส์”

 

“ขอรับ ท่านผู้รับใช้ส่วนตัว”

 

“นี่คือเควสแรกขององค์ราชันย์ดังนั้นจงระวังให้ดีอย่าให้ทหารคนใดก่อเรื่องผิดพลาดขึ้นได้เป็นอันขาด”

 

ลูเซียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและดุดันตรงกันข้ามกับวิธีที่นางปฏิบัติต่อคังชอลอินไปโดยสิ้นเชิง

 

“ขอรับ”

 

“ถ้าทหารทำอะไรที่ไม่เข้าท่าหรือดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่มีจิตใจพร้อมต่อสู้ในการออกปฏิบัติภารกิจข้าจะไม่เพียงเฝ้ามองนิ่งเฉยเป็นแน่ ท่านเข้าใจใช่หรือไม่?”

 

“แน่นอนขอรับ”

 

เจมส์ก้มศีรษะลง

 

ลูเซียเป็นผู้มีอำนาจอันดับสองในดินแดน นางเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคังชอลอินผู้ซึ่งเป็นราชันย์และปกครองดินแดนนี้ ส่วนเจมส์ที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังทหารนั้น ลูเซียถือเป็นบุคคลที่มีอำนาจกว่าเขามาก

 

“เช่นนั้นจงตั้งใจทำให้ดี แล้วข้าจะรอดู”

 

ลูเซียจ้องมองด้วยสายตาที่ซ่อนอยู่ด้านหลังแว่นพลาสติก แสงสว่างจ้าสาดส่องทะลุผ่านดวงตาที่สวยงามของนาง

 

สามชั่วโมงต่อมา

 

คังชอลอินเดินทางออกจากลาพิวต้าด้วยการขึ้นขี่อาชาขาวพร้อมกับเจมส์และทหารอีก 50 นาย

 

‘ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเกราะป้องกันของเราจะเลเวลต่ำมากขนาดนี้’

 

คังชอลอินเลือกซื้อชุดเกราะระดับหายากและดาบกลืนโลหิตระดับหายากผ่านระบบ [คลังสินค้านักรบ]

 

ดาบกลืนโลหิต…

 

ดาบมือเดียวที่พลทหารของโลกโบราณเคยใช้ มันเป็นดาบที่ชวนให้หลงใหลด้วยเวทมนตร์แห่งเลือดที่ช่วยเพิ่มความทนทานให้กับผู้ใช้งาน

 

อาวุธชิ้นนี้มีพลังโจมตีอยู่ที่ 40% ซึ่งค่อนข้างจะโดดเด่นอย่างมาก อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพสำหรับความอดทนที่เพิ่มขึ้นจากการดูดซับความเสียหายได้เองอีก 10% แต่สำหรับคังชอลอินที่เคยใช้อาวุธมหากาพย์มาก่อนในอดีตมันไม่ได้เป็นที่น่าพอใจเลยแม้แต่นิด

 

“นายท่าน เห็นสิ่งนั้นหรือไม่ขอรับ?”

 

ขณะที่คังชอลอินกำลังคิดถึงอดีต เจมส์ก็เอ่ยเรียกพร้อมชี้ไปยังสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่ ๆ พวกเขาจากมาได้ประมาณ 30 นาที

 

“นี่ล่ะขอรับ ดินแดนของนายท่าน”

 

ที่ ๆ เจมส์ชี้ไปคือทุ่งหญ้ากว้างและฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่มีวัวและม้าเดินเหินอิสระ

 

‘มันเล็กกว่าที่คิด แต่เนื่องจากเป็นดินแดนขนาดเล็กและถ้าเรายึดที่ราบเหล่านี้ทั้งหมดมาได้ มันจะต้องเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งให้ได้อย่างแน่นอน’

 

ทั้งฟาร์มและทุ่งนามีขนาดเล็กมาก ยังไม่ถึง 0.1% ของที่ราบทางเหนือเสียด้วยซ้ำ หากในอนาคตเขาสามารถจัดการดูแลที่ราบเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ เขาก็จะไม่เสียเปรียบและตกหลุมพลางเรื่องกำลังการผลิตของสหภาพกัลเวกแบบก่อนหน้าอีกต่อไป

 

ขณะที่คังชอลอินกำลังคิดเรื่องการดำเนินการอยู่นั้น หนึ่งในหน่วยที่ยืนอยู่หน้ากองทหารพร้อมกล้องส่องทางไกลก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

 

“ส สะ สัตว์ประหลาด!!”

 

เมื่อมีการแจ้งเตือนดังขึ้น ทหารคนอื่น ๆ ก็เริ่มชักดาบออกมาเตรียมความพร้อมในทันใด

 

“อะไรกัน? สัตว์ประหลาดงั้นรึ? กระทันหันเกินไปหรือไม่? พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?!”

 

เจมส์ตะโกนลั่น

 

“มีออร์คประมาณ 20 ตัวกำลังวิ่งตรงไปที่ฟาร์มของเราขอรับ!”

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset