The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 28: สั่งสมกำลังลงทัณฑ์ (1)

ตอนที่ 28: สั่งสมกำลังลงทัณฑ์ (1)

 

“เป็นแผนที่ชาญฉลาดยิ่งนักเจ้าค่ะองค์ราชันย์!”

 

ลูเซียแสดงความประหลาดใจกับความคิดของคังชอลอินอีกครั้ง

 

หากพูดกันตามตรงมันคือการใช้กำลังของบุคคลอื่นเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ หากพวกเขาเปิดเกณฑ์นักผจญภัยให้มาตามล่ามังกรพีคอคแทนการใช้กำลังทางทหารที่มีอยู่จะส่งผลให้ไม่มีเหตุการณ์สูญเสียเกิดขึ้นที่ลาพิวต้าได้อีก

 

“องค์ราชันย์” ลูเซียกล่าวเรียกหลังตระหนักได้ถึงบางสิ่ง

 

“ว่ามา”

 

“ท่านกล่าวว่าจะให้นักผจญภัยออกตามล่ามังกรพีคอค นั่นหมายความว่าแม้ว่าท่านจะไม่จัดตั้งกองทัพแต่ท่านก็จะเข้าร่วมด้วยตัวท่านเองงั้นหรือเจ้าคะ?”

 

“ใช่”

 

“เช่นนั้นข้าจะขอติดตามไปด้วยเจ้าค่ะ!”

 

“เจ้ารึ? เจ้าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของข้า ถ้าผู้ช่วยของข้าหายไปจากดินแดนแล้วใครจะเป็นผู้ดำเนินการแทน?”

 

“มีอยู่คนหนึ่งเจ้าค่ะ!”

 

“คนหนึ่ง?”

 

“สองสามวันมานี้ข้าได้เห็นถึงความสามารถของผู้ว่าการแทนทิโมธีและข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างมาก แม้ข้าจะจากดินแดนนี้ไปสักพักแต่ข้าคิดว่าทิโมธีจะสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยแทนข้าได้ เขาเองก็เป็นผู้ช่วยส่วนตัวเช่นกัน แม้เราจะปล่อยให้เขาดูแลขณะหนึ่งข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะเจ้าคะ”

 

“อืม…”

 

ประเด็นที่ลูเซียว่ามาก็สมเหตุสมผล การจะให้ทิโมธีเป็นผู้ดูแลแทนนั้นไม่ใช่ปัญหา อย่างไรก็ตามหากมีบางสิ่งที่กำลังรบกวนจิตใจของคังชอลอินอยู่มันคงเป็นคำถามว่านางจะมีประโยชน์มากเพียงใดในการร่วมออกตามล่ามังกรพีคอคในครั้งนี้

 

“ลูเซีย”

 

“เจ้าค่ะ โปรดรับสั่งมาที่ข้า”

 

คังชอลอินครุ่นคิดแล้วพูดว่า

 

“มันน่าแปลกที่จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่เห็นถึงความสามารถของเจ้า สำหรับข้าแล้วการไม่รู้ถึงความสามารถเจ้าคือสิ่งที่ทำให้ข้าลังเลใจมากที่สุด เช่นนั้นข้าจะขอถามเจ้า ลูเซีย เจ้าจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าความสามารถของเจ้านั้นคือสิ่งใด?”

 

หากมองไม่เห็นถึงความสามารถก็ต้องถามออกไป ลูเซียที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ภักดีจะไม่มีทางโกหกเขาเป็นอันขาด

 

“เจ้าค่ะ องค์ราชันย์!” ลูเซียยิ้มกว้างก่อนจะตอบกลับ

 

“ผู้รับใช้ส่วนตัวขององค์ราชันย์ ลูเซียผู้นี้ขอรายงานว่าข้าไม่มีความสามารถอื่นใด ทว่าในอีกแง่หนึ่งข้ามีทักษะพิเศษอยู่อย่าง มันคือทักษะ “เครื่องจักรสงคราม” เจ้าค่ะ”

 

“เครื่องจักรสงคราม? ไม่มีความสามารถพิเศษ?”

 

“เจ้าค่ะ องค์ราชันย์ ท่านจำวันแรกที่ทั้งท่านและข้าพบกันได้หรือไม่เจ้าคะ?”

 

“จำได้”

 

มันเพิ่งผ่านมาได้แค่เพียงสามสัปดาห์และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถจำมันได้

 

“ในวันนั้นข้าเอาแต่ครุ่นคิดว่าข้าจะถูกนายท่านทอดทิ้ง ข้าไม่ได้มีความฉลาดมากขนาดนั้นและข้าก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษที่จะช่วยท่านปกครองดินแดน ข้ากังวลเป็นอย่างมากว่านายท่านจะคิดว่าข้าไร้ประโยชน์”

 

“ข้ารู้”

 

“เป็นดั่งที่คิด…นายท่านรู้ทุกสิ่งเลยสินะเจ้าคะ?”

 

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้าเพิ่งรู้ถึงความสำคัญของการมีอยู่ของผู้ช่วยส่วนตัวดังนั้นข้าถึงสามารถระบุสถานะภายในของเจ้าได้”

 

คังชอลอินไม่มีความตั้งใจที่จะพูดจาโอ้อวดแก่นาง

 

ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรแต่ลูเซียก็ยังเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขา แม้ทุกคนจะทรยศแต่ลูเซียจะไม่มีวันทำแบบนั้น ดังนั้นมันไม่มีความสำคัญอะไรที่ต้องไปโอ้อวดกับคนที่ถึงอย่างไรก็ไม่มีวันหักหลังและเป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถเชื่อถือได้มากที่สุดบนโลกใบนี้

 

“อย่างไรก็ตามข้าจะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า ข้าไม่ต้องให้เจ้าคิดอะไรเช่นนั้นอีกนับต่อจากนี้”

 

“แน่นอนเจ้าค่ะ องค์ราชันย์!”

 

ลูเซียยิ้มอย่างไร้เดียงสาเหมือนเด็กพร้อมพยักหน้า

 

“แม้ข้าจะไม่มีความสามารถพิเศษใด ๆ ในการช่วยงานกิจการของดินแดน แต่ข้าสามารถต่อสู้ได้ดีกว่าผู้ช่วยส่วนตัวทั่วไปเมื่อใดที่ข้าใช้ทักษะ “เครื่องจักรสงคราม” เจ้าค่ะ”

 

“สามารถต่อสู้ได้ดี?”

 

“ลูเซียผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ ข้าเป็นเพียงมนุษย์ประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะในด้านการป้องกัน ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถมอบให้ท่านได้ยกเว้นเพียงทักษะนี้ ลูเซียผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ผู้นี้ ถ้าท่านยอมมอบโอกาสแก่ข้า ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังและจะเป็นเหมือนโล่เพื่อปกป้ององค์ราชันย์ได้อย่างแท้จริงเจ้าค่ะ!” ลูเซียเปล่งเสียง

 

‘โอ้… นายกำลังเครื่องร้อนได้ที่เลยนี่’

 

คังชอลอินสามารถตระหนักถึงเหตุผลที่ทำให้ลูเซียมีแรงกระตุ้นมากมายได้ขนาดนี้ก่อนจะยกยิ้มอย่างพอใจ

 

อารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ของลูเซียคือการแข่งขัน ความรู้สึกอันตรายที่เป็นภัยกำลังขับเคลื่อนตัวนาง

 

ในส่วนของประเด็นนี้

 

ทิโมธีผู้มีความสามารถในงานหนังสือและการบริหารได้เข้ามาทำงานให้กับดินแดนและเริ่มจัดตั้งหน่วยงานภายในพร้อมทั้งร่างระบบของการปกครองได้อย่างช้า ๆ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าลูเซียกำลังรู้สึกถูกคุกคามในตำแหน่งของนาง นอกจากนี้ความต้องการในการแข่งขันของนางที่ต้องการพิสูจน์ว่าทักษะของนางเหนือทิโมธียังช่วยผลักดันให้นางอยากออกไปทำหน้าที่ภายในสนามรบ

 

“ได้”

 

คังชอลอินที่ได้เห็นถึงความมุ่นมั่นของนางยอมรับและพยักหน้า

 

“ในการออกพิชิตมังกรพีคอค ข้าจะพาเจ้าไปด้วย ลูเซีย”

 

“จริงรึเจ้าคะ?!”

 

“ใช่ แต่!”

 

คังชอลอินยังมีความต้องการอย่างอื่นเพิ่มเติม

 

“เจ้าต้องแสดงให้ข้าได้เห็น ลูเซีย ทักษะที่เจ้ามีอยู่จงแสดงออกมา”

 

“เจ้าค่ะองค์ราชันย์! ข้าจะแสงให้ท่านได้เห็นถึงทักษะที่มีประโยชน์ของข้าอย่างแน่นอน!”

 

ทันทีที่คังชอลอินมอบสิทธิ์ออกสนามให้กับลูเซีย นางยินดีเป็นอย่างมากพร้อมกับแรงมุ่งมั่นที่กำลังเผาไหม้ร่างกาย

 

‘อัลเฟรด ถ้าเจ้าได้มาเจอกับลูเซียตอนนี้ข้าอยากรู้จริงว่าเจ้าจะมีท่าทีอย่างไร’

 

เมื่อเห็นลูเซียที่ทั้งบริสุทธิ์และไร้เดียงสาอยู่รอบตัว คังชอลอินก็อดคิดถึงอัลเฟรดอดีตผู้ช่วยส่วนตัวผู้ซื่อสัตย์ของเขาไม่ได้

 

มันไม่มีวันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาได้แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่าขันที่ได้จินตนาการว่าจะมีฉากแบบใดเกิดขึ้นหากทั้งสองได้มาพบกัน อัลเฟรดผู้ที่อยู่ข้างเขามาโดยตลอดคงมีความอิจฉาเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นลูเซียดังนั้นมันจึงเป็นที่ชัดเจนว่าทั้งสองจะต้องมีการทะเลาะและโต้แย้งเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามมันเป็นความคิดที่ไร้ประโยชน์เพราะทั้งสองจะไม่มีวันได้มาพบกัน ผู้ช่วยส่วนตัวที่คังชอลอินเลือกในชีวิตนี้คือลูเซียไม่ใช่อัลเฟรด

 

คังชอลอินสละความคิดที่ไร้ประโยชน์ออกจากความคิดแล้วกลับมาให้ความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า

 

ดันเจี้ยนใต้ดิน, สำรวจซากปรักหักพังและการปราบปรามสัตว์ประหลาดนั้นสำคัญมากสำหรับราชันย์เช่นเดียวกับนักเดินทางข้ามมิติคนอื่น ๆ เหตุผลนั้นเรียบง่ายมากนั่นก็เพราะเพื่อการเติบโตของสถานะราชันย์และการได้มาซึ่งสิ่งของรางวัลต่าง ๆ

 

ที่ดันเจี้ยนและใต้ซากปรักหักพังที่ตั้งอยู่รอบแพนเจียจะมีสัตว์ประหลาดพร้อมกับสมบัติโบราณและสิ่งประดิษฐ์มากมาย

 

เป็นบางครั้งบางคราวที่สมบัติและสิ่งประดิษฐ์ที่ปรากฏขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างที่ดีเยี่ยมเช่นอาวุธเอกลักษณ์, อาวุธในตำนานหรืออาวุธมหากาพย์ มีทองคำกองอยู่เท่าภูเขา หนังสือเวทมนตร์ที่รวบรวมพลังเวทหรือหนังสือโบราณเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ที่มีอยู่มากมาย

 

ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงมีราชันย์บางคนที่ออกจากการจัดการเรื่องดินแดนพร้อมกับผู้ช่วยส่วนตัวและมุ่งเน้นแต่การล้วงลึกเข้าไปในดันเจี้ยนแต่เพียงอย่างเดียว คังชอลอินยังคงเป็นราชันย์ที่ชื่นชอบในการสำรวจดันเจี้ยนและการได้ค้นหาศิลปวัตถุรวมถึงความชื่นชอบในการทำเควสล่าสัตว์ประหลาดอยู่เหมือนอย่างเก่า

 

‘มังกรพีคอค…สัตว์ประหลาดระดับ … 40?’

 

คังชอลอินใช้เวลาทั้งคืนเพื่อคิดหาวิธีจัดการกับมังกรพีคอคขณะนั่งอยู่บนบัลลังก์

 

‘บ้าเอ๊ย… ถูกคุกคามจากมังกรปลอมเป็นเรื่องไร้สาระที่เกินรับได้จริง ๆ’

 

แม้เขาจะไม่ได้แสดงออกมาโดยตรงแต่คังชอลอินกำลังอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ระดับของเขาในตอนนี้คือ 14 และระดับของมังกรพีคอคคือ 40 เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความตายที่น่ากลัวหากเขาต้องไปออกตามล่ามันเพียงลำพัง สำหรับคังชอลอินที่หยิ่งทะนงตนอย่างมากเป็นที่เข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงอารมณ์เสียเพราะต้องมาต่อสู้กับสายพันธุ์ย่อยของมังกร

 

แต่เขาจะทำอย่างไรได้?

 

มังกรพีคอคที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสายพันธุ์ย่อยของมังกรกำลังคุกคามชาวบ้านและอาณาดินแดนของเขา มันคือตัวอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย หากเขาไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียขึ้นอีกเขาก็ต้องออกตามล่ามังกรพีคอคให้ได้โดยเร็วที่สุด

 

‘เราต้องได้หัวใจมังกรมา’

 

มังกรพีคอคเป็นสายพันธุ์ย่อยที่อ่อนแอและต่ำที่สุดแต่มันก็ยังมีสายเลือดจากมังกรที่ไหลวนจึงทำให้มันยังคงมีหัวใจเช่นมังกร

 

หัวใจมังกร กล่าวตามชื่อมันก็คือหัวใจของมังกรซึ่งเป็นแหล่งมานาที่เข้มข้นที่จะทำให้ผู้ใช้แข็งแกร่งขึ้นในทันใด แน่นอนว่าหากพิจารณาระดับของมังกรพีคอคแล้วคงไม่สามารถคาดหวังถึงพลังที่รุนแรงได้ แต่สำหรับคังชอลอินในตอนนี้เขามีความต้องการหัวใจมังกรด้วยความรู้สึกที่ค่อนข้างรุนแรงในระดับหนึ่ง

 

ถ้าเขาได้รับสิ่งนั้นมา มันจะช่วยพาเขากลับไปสู่ยุครุ่งเรืองและลดระยะเวลาในการขึ้นเป็นจอมราชันย์ให้สั้นลงได้

 

‘ต้องเปิดใช้งานทักษะพลางตัวก่อน … เมื่อซ่อนดินแดนเสร็จก็ค่อยเดินทางกลับโลกเพื่อไปไล่ต้อนหานักผจญภัยแล้วกลับมาออกตามล่าหาตัวมังกรพีคอค’

 

มันสมบูรณ์แบบเมื่อคิดมาจนถึงจุดนี้

 

แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารำคาญใจนั่นก็คือนักเดินทางข้ามมิติต่างก็ไม่ชำนาญในการออกตามล่ามังกรพีคอค

 

‘ต่อให้มีระดับสูงแค่ไหนก็คงไม่เกิน 20 ตัวเราเองก็ยังอยู่แค่ที่ 14 … ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง’

 

และด้วยวิธีนั้น มันจะเป็นกุญแจสำคัญในการออกตามล่าตัวมังกรพีคอค

 

หากการเงินของดินแดนมีความเสถียรภาพมากกว่านี้เขาคงไม่จำเป็นต้องไปใช้วิธีดังกล่าวเพื่อออกตามล่าตัวมังกรพีคอคและจะสามารถใช้กำลังทหารของดินแดนได้โดยตรง แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางนี้อยู่ในตัวเลือกด้วย ชีวิตของทหารแม้แต่คนเดียวก็ยังมีค่ามากในเวลานี้ เขาต้องช่วยดินแดนมัธยัสถ์และหาวิธีในการปกครองแพนดิโมเนียมให้ได้ในที่สุด

 

‘เริ่มจากการซ่อนเมืองก่อนก็แล้วกัน’

 

ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนแม้จะใคร่ครวญเพิ่มเติมเพียงใด คังชอลอินจึงเลือกที่จะซ่อนดินแดนและปลอบโยนครอบครัวของคนตายก่อนเป็นสิ่งแรก

 

“ไปบอกให้ลูเซียนำแกนวิญญาณมาให้ข้า”

 

“เจ้าค่ะ” คนรับใช้หน้าใหม่ตอบรับ

 

“นี่เจ้าค่ะองค์ราชันย์”

 

จากนั้นไม่ถึง 10 นาที ลูเซียก็ปรากฏตัวพร้อมส่งมอบแกนวิญญาณที่ควบคุมลาพิวต้าให้แก่คังชอลอิน

 

“คู่มือควบคุมดินแดน”

 

ทันทีที่เขาออกคำสั่ง แถบสถานะได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าคังชอลอินเพื่อแสดงเมนูเกี่ยวกับการควบคุมของลาพิวต้า

 

[คู่มือควบคุมลาพิวต้า]

 

เมื่อคังชองอิลกดตัวเลือก “พรางตัว” ข้อมูลเกี่ยวกับทักษะนี้ก็ปรากฏขึ้น

 

[พรางตัว]

 

ใช้ทองคำเพื่อซ่อนตัวปราสาท

ระดับทักษะ: ระดับ 1 (ระดับสูงสุด 3)

ค่าใช้จ่าย: ทองคำ (จำนวนจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นอยู่กับระดับและราคาของปราสาท)

ทักษะเวลา: สูงสุด 720 ชั่วโมงหลังการเปิดใช้งาน

ราคาทอง: 0.5 ทองต่อชั่วโมง

ท่านต้องการเปิดใช้งานทักษะพราตัวหรือไม่ (ใช่ / ไม่ใช่)

 

‘นี่มันทักษะผลาญทองชัด ๆ!’

 

ราคาค่าใช้จ่ายของทักษะนี้แพงมาก การใช้จ่ายทอง 0.5 แท่งต่อชั่วโมงนั่นหมายความว่าเขาจะต้องเสียทองถึง 12 แท่งภายใน 24 ชั่วโมง หากต้องการใช้ทักษะพรางตัวสำหรับหนึ่งวันมันจะมีค่าใช้จ่ายถึงหกล้านวอน

 

ทอง 12 แท่งต่อวัน

 

โอกาสในการพิชิตมังกรพีคอคได้สำเร็จคือ 3 สัปดาห์

 

3 สัปดาห์คือ 21 วัน

 

12 X 21 จะเท่ากับ 252

 

ทอง 252 แท่งจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 125 ล้านวอน มันช่างเป็นเรื่องที่น่าสมเพชอย่างแท้จริงที่ต้องมาใช้จ่ายกับเรื่องนี้ในตอนนี้

 

“เฮ้อ … สงสัยคงได้ล้มละลายก่อนจะได้เริ่มทำธุรกิจแล้วละมัง”

 

คังชอลอินจุ่มหน้าตัวเองลงฝ่ามือเพื่อปกปิดใบหน้าที่เหนื่อยล้าจากความคิด

 

ดินแดนที่น่าสังเวชนี้มีทักษะที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับดินแดนอื่น เช่นนั้นจึงทำให้มันมีราคาที่สูงกว่าดินแดนอื่นมาก หากทักษะการพลางตัวยังมีราคาที่แพงมากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าทักษะอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพอวกาศจะต้องมีราคาแพงที่ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

 

“เครื่องกินเงิน” คือคำอธิบายที่สมบูรณ์แบบ

 

แต่เพราะเขาไม่สามารถไม่ใช่งานมันได้ดังนั้นถึงแม้จะมีความบอบช้ำแต่คังชอลอินจำเป็นต้องเปิดการใช้งานทักษะพรางตัวนี้

 

[หมายเหตุ: ทักษะระดับ 1 พลางตัวถูกเปิดใช้งาน! โปรดระวังการหลงทางหลังออกนอกเขตแดนลาพิวต้า]

 

ความสะดวกสบาย … ทันทีที่เปิดใช้งานทักษะพรางตัว ลำโพงที่คิดตั้งอยู่ทั่วดินแดนจะถูกป่าวประกาศสถานะที่ดำเนินไปเองโดยอัตโนมัติ คังชอลอินคิดว่าเพราะเหตุนี้จึงทำให้มันมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงกว่าใคร

 

“ลูเซีย”

 

“เจ้าค่ะ องค์ราชันย์”

 

“ข้าจะกลับบ้านเกิดเพื่อไปรวบรวมนักผจญภัย ตอนนี้ข้าเปิดทักษะพรางตัวไว้แล้ว แต่เจ้าก็รู้ดีใช่หรือไม่ว่าไม่ควรลดระดับการป้องกันลง?”

 

“แน่นอนเจ้าค่ะ”

 

“หากมีการโจมตีใด ๆ เพิ่มเติม จงตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดได้บาดเจ็บและพยายามหาวิธีลดความเสียที่เกิดขึ้นให้ได้มากที่สุด”

 

“โปรดให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะเจ้าค่ะ!”

 

ด้วยคำตอบที่มั่นใจของลูเซีย คังชอลอินพยักหน้ารับและมุ่งหน้ากลับโลกเดิมของเขาอีกครั้งเพื่อไปรวบรวมนักผจญภัย เขาต้องการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ทันสมัยและไม่มีสิ่งใดที่จะมีประสิทธิภาพไปมากกว่าอินเทอร์เน็ตที่มีการรวบรวมสิ่งที่เหมาะสมต่าง ๆ ไว้มากมาย

 

แต่สิ่งอื่นใดมันมีปัญหาที่ต้องการวิธีแก้ไขอยู่หนึ่งสิ่ง

 

มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่นักผจญภัยเพียงระดับ 10 หรือ 20 จะสามารถตามล่าสัตว์ประหลาดระดับ 40 ได้สำเร็จ แล้วเขาจะออกตามล่ามังกรพีคอคพร้อมกับนักผจญภัยที่อ่อนแอกว่ามันได้อย่างไร?

.

.

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset