The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 33: พิสูจน์ความสามารถ

ตอนที่ 33: พิสูจน์ความสามารถ

“อะไร เกิดอะไรขึ้น!?”

“ทำไมเขาถึงรีบพุ่งตัวออกไปแบบนั้นล่ะ?”

“เมื่อครู่มีใครพูดว่าโครคิวต้าหรือไม่? แล้วมันคือตัวอะไร?”

เหล่านักผจญภัยต่างพากันประหลาดใจและสงสัยให้กับการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของคังชอลอิน

“เงียบ ๆ!”

เสียงที่เต็มไปด้วยพลังของลูเซียทำให้นักผจญภัยแตกตื่น

“นายท่าน .. ไม่สิ ท่านแม่ทัพต้องการแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นถึงการออกล่าสัตว์ประหลาดโครคิวต้าระดับ 20 ว่ามีวิธีการเช่นไร”

อย่างไรก็ตามด้วยคำพูดนั้นกลับยิ่งทำให้พวกเขาโวยวายแตกเสียงยิ่งกว่าเก่า

“สัตว์…สัตว์ประหลาดระดับ 20?”

“เพียงลำพัง?”

“อย่ามาโป้ปดมดเท็จกันหน่อยเลย”

“เขาจะไปฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 เพียงลำพังเช่นนั้นได้อย่างไร?”

ความไม่เชื่อได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเหมือนโรคติดต่อ

“นี่ เจ้าหญิงงามตรงนั้นน่ะ! มันสมเหตุสมผลหรือกับสิ่งที่เจ้าว่ามา? แม้เขาจะเป็นท่านแม่ทัพแต่เขาจะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 ได้อย่างไร? ไม่เพียงเท่านั้นแต่ด้วยตัวเขาเองเพียงลำพังเนี่ยน่ะหรือ?”

ชายชาวแอฟริกัน-อเมริกันที่ดูแข็งแรงตะโกนแย้ง

“ใช่! สองสามวันที่ผ่านมาข้าพยายามต่อสู้กับสัตว์ประหลาดระดับ 15 และเกือบถูกมันฆ่าตายเข้าแล้วด้วยซ้ำ แต่สัตว์ประหลาดระดับ 20 เนี่ยน่ะหรือ? เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อได้ลงหรืออย่างไร?”

นักผจญภัยอีกคนเดินเข้ามาและพูดถึงความไม่ไว้วางใจที่เขามีต่อคังชอลอิน

“ก็แค่เรื่องหลอกลวงใช่หรือไม่?”

“เจ้าแค่พยายามหลอกพวกข้าโดยการวางสัตว์ประหลาดอ่อนแอไว้ต่อหน้าเพื่อให้เราได้ดูว่าเขาฆ่ามันได้สำเร็จล่ะสิ?”

“ใช่ ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ!”

เมื่อเริ่มต้นด้วยความสงสัยจากคน ๆ หนึ่งก็จะลุกลามไปยังคนอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันเป็นปฏิกิริยาตอบกลับที่ชัดเจนและไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ

นักผจญภัยระดับสูงสุดในปัจจุบันเพิ่งอยู่แค่เพียงระดับ 12 เท่านั้น สำหรับคนประเภทนี้แล้วพวกเขาไม่สามารถเข้าใจความคิดที่จะฆ่าสัตว์ประหลาดระดับ 20 และไม่สามารถทำอะไรได้ไปมากกว่าการแสดงความไม่เชื่อออกมา

‘เจ้าพวกนี้! กล้าดีอย่างไรถึงได้คิดดูถูกองค์ราชันย์ของเรา?! แม้แต่ความเชื่อมั่นเพียงเล็กน้อยเจ้าพวกนี้ก็ยังไม่มีกันเลยหรืออย่างไร!’

ไฟที่โหมกระหน่ำเผาไหม้ลูเซียอยู่ภายใน

แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังสามารถรักษาความมีเหตุผลดั่งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดีเพราะนางรู้ว่าการที่นักผจญภัยไม่มีความเชื่อมั่นและยิ่งสงสัยในตัวคังชอลอินในตอนนี้มากเท่าไหร่ ศรัทธาที่มีต่อคังชอลอินก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นในภายหลัง

ลูเซียเชื่อมั่นในคังชอลอินเป็นอย่างดี

แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดระดับ 25 นางก็ยังเชื่อว่าคังชอลอินจะสามารถจัดการกับมันได้อย่างง่ายดาย

ความรู้สึกนี้ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขาแต่เพราะนางสามารถรู้สึกถึงความสงบและความมั่นใจจากคังชอลอินที่แข็งแกร่งนี้ได้ต่างหาก

“พวกเจ้าทุกคน”

ลูเซียหัวเราะในลำคอราวกับว่ามันไร้สาระก่อนจะหันไปพูดกับนักผจญภัยต่อ

“หากพวกเจ้าไม่เชื่อก็จงไปรับรู้ด้วยตาของตัวเองเสีย ตั้งแต่ที่ท่านแม่ทัพพุ่งตัวออกไป ท่านน่าจะเข้าถึงตัวโครคิวต้าได้แล้วในตอนนี้ ก่อนที่พวกเจ้าจะเริ่มคิดความสงสัยที่ไร้ประโยชน์ ข้าต้องการให้พวกเจ้าได้ไปเห็นด้วยตาของพวกเจ้าเองว่าท่านแม่ทัพของเราน่าทึ่งมากเพียงใด!”

แน่นอนว่าสิ่งที่นักผจญภัยจะตอบกลับมานั้น ….

“เฮอะ! ได้! มาดูกันว่าท่านแม่ทัพที่เจ้ายกย่องนักหนาจะเก่งกาจมากเพียงใด!”

“ไปบอกเขาเถอะว่าอย่ามาตายเสียก่อน!”

“ได้! เจ้าพูดได้ดี! ข้าจะออกไปดูด้วยตาของตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ!”

…. ในขณะที่ลูเซียตอบกลับไปว่า

“ฮึ่ม เอาล่ะ เช่นนั้นก็จงตามข้ามา”

ลูเซียขี่ม้าของนางแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่คังชอลอินหายไป นักผจญภัยที่เดินตามหลังนางไปทีละคนก็เริ่มพูดคุยกัน

“นางคงคิดว่าเราเลือกที่จะไม่ตามนางไปละมังถึงได้พูดจาเช่นนี้”

“พวกเจ้าคิดว่าเขาจะสามารถฆ่ามันได้จริง ๆ หรือไม่?”

“ไม่มีทาง! ถ้าเป็นโครคิวต้าที่ข้าเคยเห็นมาก่อนมันไม่มีทางเป็นไปได้ แม้มันจะเหมือนโนลแต่มันยิ่งใหญ่กว่านั้น!”

“ง งั้นรึ?”

“เออ ช่าง ๆ มันเถอะ จะอะไรก็ตามแต่ไปดูให้เห็นด้วยตาเลยจะดีกว่า!”

“ถูกต้อง! ข้าต้องการยืนยันด้วยตาตัวเองเสียก่อน!”

จากนั้นเหล่านักผจญภัยก็ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีเพื่อไปให้ถึงจุดที่คังชอลอินอยู่

เขากำลังอยู่ที่ปากของลำธารในขณะเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์ประหลาดโครคิวต้าที่ส่วนหัวเป็นเหมือนไฮยีน่าและส่วนล่างเป็นมนุษย์

“ทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้วใช่หรือไม่?”

คังชอลอินไม่แม้แต่จะหันหลังมามองขณะที่เขาพูด

“ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าได้เห็นทุกขั้นตอนอย่างช้า ๆ ที่สุดเท่าที่จะทำได้”

ดวงตาของเขายังคงมุ่งเน้นไปที่โครคิวต้า

‘กรืออออ!’

เมื่อรู้สึกได้ว่าคังชอลอินกำลังจ้องมองมา โครคิวต้าก็รีบแยกเขี้ยวของมันใส่พร้อมส่งเสียงคำรามขู่

“โครคิวต้าไม่ได้ต่างจากโนลมากนัก เพียงแต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่านิดหน่อย…”

เขาพูดจาดูถูกสัตว์ประหลาดตรงหน้าอย่างเถรตรง ไม่ว่าจะเป็นการแยกเขี้ยวหรือน้ำเสียงข่มขู่ คังชอลอินไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยความกลัวและยังคงอธิบายต่อ

“เจ้าสามารถจัดการกับโครคิวต้าได้โดยใช้วิธีการเดียวกันกับที่จัดการกับโนล หากเจ้าสามารถต่อสู้กับโนลได้เจ้าก็จะสามารถต่อสู้กับโครคิวต้าได้เช่นกัน แน่นอนว่าเจ้าต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นแต่วิธีการโจมตียังคงเหมือนเดิม”

คังชอลอินมีทัศนคติที่ดีของการเป็นผู้ฝึกสอน

‘บ้าไปแล้ว!’

‘เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร!’

นักผจญภัยต่างรู้สึกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน

พวกเขาแปลกใจในความกล้าหาญและความสงบของคังชอลอิน

เขากล้าปะทะกับสัตว์ประหลาดระดับ 20 ที่โหดร้ายเช่นนี้ได้อย่างไร? เหล่านักผจญภัยไม่อาจเข้าใจถึงกระบวนการความคิดและความรู้สึกของเขาได้เลย

และในตอนนั้นเอง โครคิวต้าก็เริ่มพุ่งตัวเข้าหาคังชอลอินราวกับว่าตอนนี้มันกำลังโกรธจัด

“อา!”

“อัน อันตราย!”

นักผจญภัยหลายคนตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ

ภายในหัวพวกเขาต่างพากันนึกถึงภาพการตายของคังชอลอินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

แต่ทว่า…

ปัง!!!

“การจะหยุดการโจมตีโครคิวต้าได้ต้องเล็งไปที่ส่วนหน้าผาก”

การโจมตีของโครคิวต้าไม่สามารถผ่านดาบของคังชอลอินเข้ามาได้

“เจ้าสามารถทำมันได้มากเท่าที่ต้องการหากเจ้าอยู่ต่ำกว่าระดับ 10”

คังชอลอินพูดอย่างใจเย็นราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

เหล่านักผจญภัยยังไม่อาจเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น

สัตว์ประหลาดระดับ 20 ถูกป้องกันได้อย่างง่ายดาย และยังไม่ใช่เพียงเท่านั้นแต่คังชอลอินยังอธิบายถึงการโจมตีของมันต่อได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นอกจากความรู้สึกประหลาดใจก็ไม่อาจหาคำกล่าวได้มาแทนได้อีก

“อย่างไรก็ตาม…” คังชอลอินเริ่มบทเรียนต่อ

‘กรืออ!!”

โครคิวต้าคำรามหมายจะฉีกร่างคังชอลอินออกเป็นชิ้น ๆ

มันเป็นหนึ่งในสายพันธุ์เดียวกันกับไฮยีน่าเช่นนั้นโครคิวต้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของวงศ์สุนัข ความแข็งแกร่งของขากรรไกรมันมีพลังมากจนถือเป็นการโจมตีที่อันตรายสำหรับคนอย่างคังชอลอินได้ถ้ามันประสบความสำเร็จในการกัดเขาได้จริง ๆ

“มันก็ยังมีความอันตรายอยู่บ้าง”

คังชอลอินขยับตัวไปด้านข้างและหลบการโจมตีของโครคิวต้าได้อย่างง่ายดาย

“การโจมตีหลักจากทั้งโครคิวต้าและโนลจะอยู่ที่ปาก และคงไม่เป็นการพูดเกินจริงว่านั่นเป็นจุดแข็งทั้งหมดที่พวกมันมี สำหรับความแข็งแกร่งในการกัดของพวกมันนั้น … ข้าคิดว่าน่าจะอยู่ที่สักประมาณ 600 กก.? คงราว ๆ ประมาณนี้ไม่ผิดแน่ เพราะฉะนั้นหากพวกเจ้าถูกมันกัดเข้าเมื่อไหร่ … รุ่งอรุณของพวกเจ้าในวันถัดไปจะไม่มีทางมาเยือนได้อย่างแน่นอน

คังชอลอินพูดขณะตีหัวของโครคิวต้าด้วยอุปกรณ์ป้องกันบนข้อมือเพราะมันพยายามจะกัดเขาอยู่ตลอด

“ข้าจะขอเน้นย้ำอีกครั้ง … ระวังอย่าให้มันกัดเจ้าได้ หากเจ้าสามารถหลบการโจมตีของมันได้ไม่ว่าจะเป็นโครคิวต้าหรือโนลเจ้าก็จะไม่มีทางตาย”

หลังจากนั้นอีก 30 นาที คังชอลอินก็ใช้เวลาอยู่เล่นกับโครคิวต้าในขณะที่เขายังอธิบายถึงส่วนสำคัญต่าง ๆ ให้นักผจญภัยได้ทราบ

นักผจญภัยต่างตกตะลึง

การคาดการณ์ของพวกเขาแตกสลายไปอย่างสมบูรณ์เมื่อคังชอลอินได้พิสูจน์ด้วยทักษะที่เขามีว่าเขาช่างอยู่ในระดับที่ต่างจากพวกเขาไปมากเพียงใด

ด้วยความเชี่ยวชาญและเทคนิคการปรุงแต่งของเขาทำให้ไม่มีนักผจญภัยคนไหนกล้าที่จะสงสัยในตัวเขาอีกต่อไป

‘คงได้เวลาแล้วล่ะมั้ง’

เมื่อคิดว่าตัวเองได้สอนพวกเขาจนเพียงพอแล้ว คังชอลอินก็เริ่มคิดที่จะจัดการกับโครคิวต้าให้เสร็จสิ้น

“และจุดอ่อนที่สุดของพวกมันนั้น…”

คังชอลอินเตะเข้าที่ส่วนท้องของโครคิวต้าที่เต็มไปด้วยเลือดพลางถอยกลับไปตั้งท่า

“คือส่วนนี้”

หลังจากที่ลดตัวลงจากการตั้งท่า คังชอลอินก็รีบพุ่งตัวไปที่ด้านขวาของโครคิวต้าทันใด

“ที่ใต้กระดูกซี่โครง”

จากนั้นเขาก็แทงดาบเข้าไปยังจุดอ่อนของมัน

สวบ!

เสียงของการฉีกผิวหนังและเนื้อเกิดขึ้น

เอ๋ง!

โครคิวต้าร้องโอดด้วยความเจ็บปวด

“ต่อจากนั้น…”

เขาได้ใช้ดาบกลืนโลหิตแทงเข้าไปยังปอดของโครคิวต้าพร้อมตั้งสมาธิเพื่อคว้าดาบจากบาดแผลแล้วก้าวเท้าขวาของตัวเองเพื่อบิดร่างกายไปทางซ้ายแล้วดึงดาบออกมาจากด้านใน ถือเป็นการตัดกระเพาะของโครคิวต้าไปได้โดยสมบูรณ์

พรูด!!

เลือดไหลทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก จากนั้นอวัยวะภายในสีขาวและสีดำของโครคิวต้าก็เริ่มตกลงมากองอยู่กับพื้น

“และนั่นคือหมัดเด็ด”

ในฐานะที่เป็นหมัดเด็ด ดาบกลืนโลหิตได้แทงทะลุด้านในขากรรไกรของสัตว์ประหลาดไปพร้อมกัน

โครคิวต้าล้มลงและเป็นอันจบชีวิต

ชั้บ ๆ !

หลังจากสังหารโครคิวต้าเสร็จเรียบร้อยคังชอลอินก็ใช้ดาบในมือโบกไปรอบ ๆ เพื่อสลัดเลือดของสัตว์ประหลาดตัวนี้ออก

ลูเซียเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านข้างคังชอลอินอย่างเงียบ ๆ และทำความสะอาดดาบกลืนโลหิตที่มีคราบไขมันติดอยู่ด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์

“มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนจะสามารถทำได้”

ในขณะที่ได้รับการดูแลจากลูเซีย คังชอลอินหันไปพูดกับนักผจญภัยต่ออย่างราบเรียบราวกับว่ามันไม่ได้มีนัยสำคัญ

ด้วยคำพูดนั้นทำให้ใบหน้าของเหล่านักผจญภัยเปลี่ยนไป

‘ง่าย ๆ ? นั่นน่ะหรือ?’

‘โรคจิต’

‘ไอ้เวรเอ้ย เขาคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคนเพียงเพราะมันง่ายสำหรับเขาอย่างนั้นหรือไง?’

‘หากบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายแล้วอย่างไหนอะไรล่ะที่ว่ายาก?’

คำพูดของคังชอลอินช่างไร้ซึ่งความปราณีใด ๆ ต่อพวกเขายิ่งนัก

เหล่านักผจญภัยเป็นเพียงคนธรรมดาที่ใช้ชีวิตตามปกติในแต่ละประเทศของตนเองมาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้

พวกเขาเพิ่งได้ถืออาวุธเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวและทักษะของคังชอลอินนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลอกเลียนแบบ

เมื่อเห็นปฏิกิริยาแปลก ๆ จากนักผจญภัย คังชอลอินก็เงยหน้าขึ้นมอง

‘ทำไมพวกเขาถึงได้มีสีหน้าแบบนั้น?’

เขาไม่สามารถเข้าใจการแสดงออกของนักผจญภัยตอนนี้ได้

“ลูเซีย”

ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหันไปถามลูเซียเป็นการส่วนตัว

“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ”

“ปฏิกิริยาจากนักผจญภัยดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?”

“นั่นมัน…ข้าคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคนระดับสูงที่จะมองเห็นถึงโลกของคนระดับต่ำสินะเจ้าคะ สาเหตุนั้นก็เพราะท่านได้กล่าวว่าการกระทำเช่นนั้นมันเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่สำหรับพวกเขาแล้วไม่ใช่เลยเจ้าค่ะ หากอีกาพยายามที่จะเดินเหมือนอย่างนกกระสามันอาจทำให้ตัวเองขาหักได้”

“อา!”

คังชอลอินสามารถตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองได้ในที่สุด

เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการสอนนักผจญภัยกลุ่มนี้ด้วยวิธีที่ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วแต่จากมุมมองของนักผจญภัยนั่นกลับต่างไปโดยสิ้นเชิง

‘เรามันไม่เคยสอนอะไรใครได้เลยสักครั้ง’

คังชอลอินนึกหัวเราะเยาะตัวเองในใจ

เช่นกันกับในอดีตที่เขาพยายามแนะนำทักษะการต่อสู้แก่ผู้ติดตามมากเพียงใดก็ตามแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นแย่มากอย่างคาดไม่ถึง

ทักษะดาบของคังชอลอินเป็นการใช้เทคนิคที่ยากมากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจ

สไตล์การต่อสู้ของเขาเป็นไปตามสัญชาตญาณและเป็นพรสวรรค์ที่เขาได้รับมาตั้งแต่เกิด แม้คังชอลอินจะอธิบายทุกอย่างไว้โดยละเอียดแต่มันคงยากที่จะบอกได้ว่านักผจญภัยจะสามารถทำตามการเคลื่อนไหวของเขาได้

มันคงน่าแปลกใจหากพวกเขาสามารถเข้าใจประเด็นสำคัญได้แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตามตั้งแต่แรก

“นายท่านอย่าได้ผิดหวังไปเลยนะเจ้าคะ”

ลูเซียพยายามพูดปลอบใจคังชอลอิน

“โปรดมองดูที่การแสดงออกของพวกเขาก่อนสิเจ้าคะ พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากการดูทักษะของท่าน ข้าคิดว่าสิ่งนี้มีความสำคัญยิ่งกว่านะเจ้าคะ”

นั่นก็เป็นเรื่องจริง

แม้นักผจญภัยจะแสดงความสับสนแต่พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธทักษะของคังชอลอินได้และทันใดนั้นความสงสัยในความสามารถของเขาก็ได้หายไปจากใจของพวกเขา

“พวกเจ้าได้เห็นด้วยตาตัวเองแล้วใช่หรือไม่?”

ลูเซียหันกลับไปหานักผจญภัยพลางจ้องมองที่พวกเขา

“ท่านแม่ทัพเป็นผู้ที่มีความสามารถมากและเหมาะสมกับสถานะที่ท่านเป็น ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่านับจากนี้เป็นต้นไปคงจะไม่มีใครกล้าพูดว่าร้ายใด ๆ ท่านได้อีก ฮึ่ม!”

แม้มันจะเป็นเพียงเรื่องประชดอันขมขื่นแต่นักผจญภัยก็ไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของลูเซียได้เพราะมันเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยพูดไว้ก่อนหน้า

‘เราควรพอใจกับการแสดงทักษะของตัวเองให้พวกเขาได้เห็น’

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถจับกระต่ายทั้งสองตัวได้ในคราวเดียว แต่จากนี้ไปคังชอลอินน่าจะสามารถควบคุมนักผจญภัยได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นเนื่องจากความสามารถทางทักษะที่เขาได้แสดงเป็นแบบอย่าง

เขาวางแผนที่จะแสดงให้นักผจญภัยได้เห็นมากยิ่งขึ้นในอนาคต

‘ถ้าไอ้บ้าโดเรียนอยู่ด้วยตอนนี้คงทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้นได้’

ฉับพลันคังชอลอินก็นึกถึงโดเรียนขึ้นมา

มันเป็นสิ่งที่ไว้ใจได้ที่จะบอกว่าไม่มีใครเหมาะแก่การฝึกนักผจญภัยได้ดีไปกว่าโดเรียน

แม้โดเรียนเพิ่งจะได้มาเป็นราชันย์ที่อยู่ในระดับเดียวกันกับคังชอลอินแต่เขามีความสามารถที่พิเศษและแตกต่าง

หากคังชอลอินเป็นที่ยอมรับกันในด้านเทคนิค โดเรียนก็เป็นที่ยอมรับในฐานะคนที่มีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับมาตรฐานขั้นพื้นฐานและการอธิบาย

รูปแบบของพวกเขาแตกต่างกันมากในอดีต ถึงแม้พวกเขาจะมองเห็นในสิ่งเดียวกันทว่าความคิดเห็นของพวกเขาจะแตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง

มันเป็นความจริงที่การฝึกซ้อมที่เบากว่าของโดเรียนจะเหมาะสมยิ่งกว่าสำหรับนักผจญภัย เพราะบางครั้งมันก็ยากที่จะใช้สิ่งที่พบได้บ่อยในกรณีฉุกเฉินแต่นี่เป็นหนึ่งในสถานการณ์ในประเภทนั้น

‘โดเรียน วันนี้เจ้าน่าจะอยู่ช่วยข้า…’

ในขณะที่คังชอลอินกำลังสาปแช่งโดเรียนในใจทันใดนั้นก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมา

แปะ แปะ แปะ

“ว้าว ~ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก ข้ารู้สึกประทับใจกับการได้รับชมเป็นอย่างมาก!”

บุรุษชาวคอเคเชี่ยนคนหนึ่งเดินออกมาจากพุ่มไม้และเริ่มเดินเข้าหาคังชอลอินพร้อมกับการยกนิ้วโป้งให้เขา

.

.

สามารถกดติดตามเพื่อรับอัพเดทข่าวสารเกี่ยวกับนิยายได้ก่อนใครที่ทาง แปลได้แปลเถอะ

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset