The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 39: เปิดใช้งานเต็มพิกัด

ตอนที่ 39: เปิดใช้งานเต็มพิกัด!

 

“เต็มพิกัด” จะสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ระดับ 30 ขึ้นไป มันเป็นทักษะที่หลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้กับผู้ใช้เพิ่มขึ้นโดยรวม 40%

 

คังชอลอินได้รับความสามารถนี้จากการออกค้นหาและสำรวจซากปรักหักพังโบราณ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ได้กวาดล้างสนามรบในฐานะราชันย์ด้วยพลังที่แข็งแกร่งนี้ หรืออีกนัยหนึ่งอาจกล่าวได้ว่า“เต็มพิกัด” คือรากฐานและแหล่งที่มาของพลังอันแข็งแกร่งสำหรับเขา

 

เมื่อคังชอลอินเปิดใช้งานเต็มพิกัดก็ไม่มีอะไรให้จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป ในตอนนี้มังกรพีคอคก็เป็นได้แค่เพียงกระสอบทราบสำหรับเขาเท่านั้น!

 

ตึ้ก!

 

กำปั้นของคังชอลอินชกเข้าที่ส่วนท้องของมังกรพีคอคทันทีที่เข้าประชิดตัวมันได้สำเร็จ

 

อั่ก!

 

แม้จะเป็นเพียงแรงจากการชกแต่น่าแปลกที่ร่างของมังกรพีคอคกลับเกิดการสั่นไหว

 

“โจมตีและฆ่า”

 

คังชอนอินไม่แม้แต่จะชักดาบออกมาร่วมสู้ เขาใช้เพียงแค่การออกหมัดชกไปเท่านั้นเพื่อบดขยี้มังกรพีคอคด้วยมือเปล่า

 

ปั้ง! ปั้ง!

 

เมื่อรูปแบบการชกแบบง่าย ๆ ถูกปล่อยออกไปกระทบกับร่างของมังกรพีคอค มันกลิ้งไปมาในลุ่มน้ำพร้อมส่งเสียงร้องแปลก ๆ มันเป็นฉากที่น่าทึ่งและเกินความสมจริงจนไม่อาจเชื่อได้แม้กำลังได้มองดูด้วยตาเปล่า

 

“อีกเจ็ดวิ”

 

คังชอลอินจดจำเวลาในการใช้ความสามารถเต็มพิกัดได้ขึ้นใจและรีบโจมตีต่อ

 

เต็มพิกัดเป็นทักษะที่บ้าคลั่งซึ่งจะใช้มานาเป็นจำนวนมากต่อวินาที แม้หลังจากที่ได้กินหัวใจมังกรไปแล้วมันก็ยังยากที่จะรักษาพลังนี้ไว้ให้นานกว่าสิบวินาทีได้ เขาจำเป็นต้องจัดการมันให้สำเร็จภายในช่วงเวลานี้เท่านั้น

 

เคี๊ยกกก!

 

มังกรพีคอคเตรียมที่จะสยายปีกว้างพร้อมด้วยเสียงร้องแปลก ๆ เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของคังชอลอินนั้นโหดร้ายอย่างมากจนมันต้องรีบบินหนีขึ้นไปบนอากาศ

 

“คิดจะไปไหนหรือ?”

 

คังชอลอินไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้มังกรพีคอคได้เป็นอิสระแต่อย่างใด

 

เขากระโดดขึ้นไปบนปีกขวาของมังกรพีคอคอย่างกับสายฟ้าจากนั้นก็จับส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างข้อไหล่ของมัน

 

แคร่ก!

 

เลือดสีแดงสดพุ่งทะลักในขณะที่ปีกขวาของมังกรพีคอคถูกฉีกออก จุดแข็งของคังชอลอินคือพลังที่จะทำให้ทุกคนต่างตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง มันไม่อาจหาคำอธิบายอื่นใดมาเทียบเคียงได้

 

คังชอลอินรีบกระโดดออกจากปีกมังกรพีคอคไปทางด้านหลังและลงพื้นด้วยท่าที่สวยงามจากนั้นก็กระโดดกลับไปที่มังกรพีคอคที่กำลังคลุ้มคลั่งอีกครั้ง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาที่น้อยกว่าสองวินาที

 

“เสร็จข้าล่ะ”

 

คังชอลอินรู้ดีว่าเขามีเวลาเหลือไม่มาก

 

ในไม่ช้าพลังของเขาก็จะหมด ดังนั้นเขาต้องจบมันซะตั้งแต่ตอนนี้

 

บวั่ก!!

 

การออกหมัดไปอีกครั้งทำให้มังกรพีคอคถูกกระแทกจนแทบสลบ

 

บวั่ก!!

 

ความเร็วการปล่อยหมัดของเขาเทียบเท่ากับความเร็วของแสง หมัดของคังชอลอินเร็วมากจนไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าเขาได้ออกหมัดไปกี่ครั้งกันแน่ อีกทั้งมันยังมีพลังทำลายล้างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ

 

คย๊าาา!

 

หมัดของคังชอลอินเพียงอย่างเดียวก็สามารถทำลายร่างกายอันใหญ่โตของมังกรพีคอคตัวนี้ได้สำเร็จ ดั่งที่กล่าวไว้ข้างต้น ตอนนี้มังกรพีคอคก็ไม่ต่างอะไรกับกระสอบทรายสำหรับคังชอลอิน

 

“อุ่ก!”

 

เสียงครวญครางดังลอดออกมาจากปากของคังชอลอินเล็กน้อย

 

พรึ่บ!

 

ผ้าพันแผลที่โพดอลส์กี้ผูกมัดให้รวมตัวกันไปกองอยู่ที่พื้นด้านล่างพร้อมกับเลือดสีแดงฉานที่ทยอยกันไหลออกมาไม่ยอมหยุด การเคลื่อนไหวของเขาทำให้แผลที่เย็บไว้เกิดการฉีกขาด

 

แต่คังชอลอินไม่ยอมปล่อยให้สิ่งเหล่านี้เข้ามารบกวนเขาได้

 

เขายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องแม้เลือดจะไหลออกมาจากข้างลำตัวก็ตาม

 

เขามีความต้องการบดขยี้ศัตรูเป็นอย่างมากจนไม่อาจให้ความสนใจบาดแผลได้แต่อย่างใด

 

“เอาล่ะ”

 

เมื่อถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มพิกัดใกล้จะจบ คังชอลอินก็ยึดกำปั้นของเขาทั้งหมดออกมา

 

ปั้งง!!

 

ร่างของมังกรพีคอคโอนเอียงไปด้านข้างก่อนจะล้มลงไปพร้อมกับเสียงอันดังก้อง

 

ปั้ก!!!

 

คังชอลอินกระโดดออกจากพื้นดิน

 

“แคว่ก?”

 

มังกรพีคอคที่รู้ตัวว่าคังชอลอินกำลังอยู่ด้านหลังของมันจึงพยายามสะบัดตัวเขาให้หลุดออก อย่างไรก็ตามการโจมตีของคังชอลอินได้เดินทางมาถึงจุดจบแล้ว

 

คาจ๊ากก!

 

หมัดกำปั้นของคังชอลอินแทงทะลุกะโหลกของมังกรพีคอคที่เป็นดั่งเหล็กกล้า จากนั้นประกายไฟก็ผุดขึ้น ด้วยมานาที่เหลืออยู่ของคังชอลอินมันได้ไหลเข้าสู่สมองของมังกรนกยูงเพื่อใช้งานการระเบิดภายในซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกันที่ใช้จบชีวิตของมังกรพีคอคตัวผู้!

 

บู้ม!

 

และแน่นอนว่าผลลัพธ์จะต้องเป็นเหมือนก่อนหน้า

 

ตึ้ง!

 

มังกรพีคอคที่หัวแตกกระจายกลายเป็นศพล้มลงไปในลุ่มน้ำ

 

“เฮ้อ…เฮ้อ…”

 

คังชอลอินที่กลับขึ้นมาบนพื้นดินกำลังฝืนกลืนอากาศเข้าไปด้วยลมหายใจที่ขาดช่วง

 

กล้ามเนื้อบวม, ดวงตาเปื้อนเลือด, ไหล่ที่สั่นคลอนและโลหิตที่ไหลย้อยออกมาจากมือทั้งสองข้าง คังชอลอินตอนนี้เป็นเหมือนอสูรร้ายที่เต็มไปด้วยความโกรธและฉุนเฉียว

 

“องค์ราชันย์!”

 

ลูเซียวิ่งเข้าหาคังชอลอินทันทีที่การต่อสู้สิ้นสุด

 

“ข้า ข้าเป็นกังวลอย่างมาก ฮึก องค์ราชันย์ ข้า ฮึก…ฮึก…ฮือ…!”

 

ลูเซียวิ่งเข้าไปกอดคังชอลอินพร้อมสะอื้นไห้และคร่ำครวญ แค่เพียงสิบวินาทีนั้นนางรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจนางโดนกระชากและโดนกระทืบไม่รู้จบ

 

“หยุด…แล้วออกไปจากตัวข้า”

 

ในทางกลับกัน คังชอลอินรู้สึกกำลังจะตายเพราะลูเซียที่กระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเขามาอย่างฉับพลัน ในขณะที่เขาอ่อนเพลียเช่นนี้เขาไม่อาจทนทานต่อน้ำหนักของลูเซียจนอาจล้มลงได้

 

“ข้าไม่เป็นไร”

 

คังชอลอินผลักลูเซียออกเล็กน้อยแล้วยืนอย่างมั่นคงด้วยขาทั้งสองข้างของเขา

 

“ท่าน…นายท่าน! ท่านชนะ!”

 

“สัตว์ประหลาดเช่นนั้น… ท่านจัดการกับสัตว์ประหลาดนั่นเพียงลำพังได้อย่างไรกัน…?”

 

“ชนะ…พวกเราชนะแล้ว!”

 

“วู้วววว ท่านแม่ทัพ พวกเราชนะl!!”

 

“ว้าววววว!”

 

นักผจญภัยต่างพากันเข้ามากระโดดเข้าใส่คังชอลอินด้วยความปิติยินดี

 

“บ้าเอ๊ย”

 

สำหรับคังชอลอินแล้วการที่เหล่านักผจญภัยมารวมตัวกันเหมือนสุนัขที่ได้รับอิสระมอบความกดดันให้กับเขามากกว่ามังกรพีคอคที่ตายไปแล้วเสียอีก ถึงอย่างนั้นแต่เขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปได้ ตอนนี้เป็นเวลาสำหรับเขาแล้วที่จะได้พักผ่อน

 

ด้วยเหตุนี้การออกตามล่าเพื่อพิชิตมังกรพีคอคก็เป็นอันสิ้นสุด

 

คังชอลอินไม่ได้รีบร้อนที่จะกลับไปในทันทีเพราะเขารู้ว่าหากเริ่มต้นทำสิ่งใดแล้วก็ควรทำให้เสร็จสิ้นเรียบร้อยเป็นอย่างดีซะ

 

การกลับมาของพลังคังชอลอินและนักผจญภัยชวนให้ผ่อนคลายและสงบลงอย่างมาก

 

ก่อนอื่นพวกเขาต้องย้ายร่างของมังกรพีคอคออกที่นี่

 

คังชอลอินได้ส่งโพดอลส์กี้กลับลาพิวต้าเพื่อเรียกเกวียนขนาดใหญ่มาแปดคันเพื่อขนย้ายศพของมังกรพีคอค

 

นอกจากหัวใจมังกรแล้วน่าเสียดายที่ศพของมังพรพีคอคตัวเมียมีค่าแค่เพียงเล็กน้อยดังนั้นมันจึงถูกตัดแบ่งออกเป็นสองส่วนแล้วบรรจุลงในเกวียนขนาดใหญ่ไปสองคัน

 

อย่างไรก็ตามเมื่อได้ผ่าท้องของตัวเมียก็พบว่ามันยังมีไข่ขนาดใหญ่อยู่ด้านในอีกสามใบซึ่งสร้างความตกใจให้กับทุกคนได้เป็นอย่างดี คังชอลอินสั่งการให้นักผจญภัยดูแลไข่พวกนี้ให้ดีที่สุดเพราะไข่มังกรพีคอคจะมีประโยชน์มาก

 

เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเมียแล้วร่างกายของมังกรพีคอคเพศผู้นั้นถือว่าดีกว่า

 

ขนนกยูงราคาแพงที่มีสีสันสวยงามด้วยความยาวสิบเอ็ดเมตรซึ่งมาพร้อมกับสัญลักษ์พิเศษข้างลำตัวที่ถูกตามล่าโดยคังชอลอิน แม้ว่าจะเป็นการแสดงออกถึงศักดิ์ศรีของราชันย์ต่อหน้าผู้คนมากมายแต่ร่างกายของมังกรพีคอคเพศผู้จำเป็นต้องได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้โพดอลส์กี้จึงต้องเย็บชิ้นส่วนทั้งหมดของหัวมังกรนกยูงที่ถูกเป่าออกจากกันแล้วประกอบขึ้นมาใหม่

 

“พวกเรากำลังไปไหน?”

 

บิลลี่ถามโพดอลส์กี้ที่กำลังถือร่างของมังกรตัวผู้ไปใส่เกวียนด้วยความสงสัย

 

“บ้านเกิดข้า เจ้าเองก็ค่อยกลับบ้านเกิดเจ้าหลังพักอยู่ที่นี่สักสองสามวันเถอะ”

 

“บ้านเกิดเจ้า? ที่นี่มีที่ให้อยู่อาศัยด้วยรึ?”

 

“เดี๋ยวเจ้าก็จะรู้ได้เอง”

 

การดำรงอยู่ของชนชั้นราชันย์ไม่ได้เป็นที่รู้จักต่อสาธารณะชนดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ถึงการมีอยู่ของชนชั้นนี้

 

เช่นเดียวกันกับนักผจญภัยคนอื่น ๆ ที่เอ่ยถามด้วยความสงสัยแต่พวกเขาก็ได้รับคำตอบกลับมาแค่เพียง “ไปถึงเดี๋ยวก็รู้ได้เอง” เช่นกัน แทนที่จะกล่าวแนะนำไปอย่างละเอียด คังชอลอินเลือกที่จะแสดงให้พวกเขาได้เห็น ได้ยิน และรู้สึกถึงมันไปด้วยตัวเองเสียดีกว่า

 

“ลูเซีย”

 

ในขณะที่กำลังดูแลร่างของมังกรพีคอค คังชอลอินส่งเสียงเรียกลูเซียเป็นการส่วนตัว

 

“เจ้า … ไปทำความสะอาดกับข้า”

 

“……!”

 

ใบหน้าของลูเซียขึ้นสีแดงระเรื่อและอุณหภูมิใบหน้าก็พุ่งสูงขึ้น

 

“ข้า…นายท่าน…เอ่อ…?”

 

“…?”

 

“ข้า…ข้ายัง…”

 

เนื่องจากดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรผิดไปบางอย่าง คังชอลอินจึงอธิบายในสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริงเมื่อหลับตา

 

“อย่างที่ข้าพูด ไปทำความสะอาดกับข้า”

 

“…!”

 

“ข้าไม่สามารถกลับเมืองด้วยสภาพที่เหมือนขอทานเช่นนี้ได้”

 

“อ๊า…!”

 

คังชอลอินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชันย์แห่งลาพิวต้า เมื่อพิจารณาถึงมุมมองของฝูงชนแล้วนั้น เขาจำเป็นต้องกลับไปพร้อมกับภาพลักษณ์ที่สะอาดตาและสง่างามดั่งเช่นตอนออกมาในคราวแรก

 

“ร่างกายข้ายังทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรมันจำเป็นต้องการความช่วยเหลืออยู่ก่อน หากเจ้ารู้สึกอึดอัดใจข้าจะไปร้องถามโพดอลส์กี้หรือบิลลี่แทน”

 

“โอ้ ไม่! ไม่เลยเจ้าค่ะ ให้ข้าได้ช่วยท่านเถอะนะเจ้าคะ!”

 

“ถ้างั้นก็ช่วยข้าที”

 

“เจ้าค่ะ…องค์ราชันย์”

 

คังชอลอินและลูเซียพบลำธารที่อยู่ใกล้ ๆ

 

“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยทำความสะอาดให้เฉพาะแค่ส่วนบนเท่านั้น ไม่ต้องกังวล”

 

คังชอลอินว่าพลางถอดเสื้อที่เขาสวมอยู่ออก

 

“ฮ้าาา…..”

 

ลูเซียที่ได้เห็นเช่นนั้นก็แอบร้องควญครางอยู่ภายในใจขณะเม้มปากของนางจนแน่นสนิท

 

รูปร่างของคังชอลอินงดงามราวกับรูปปั้น

 

ไหล่กว้างขาวผ่อง, กล้ามหน้าท้องที่แข็งชัด, กล้ามเนื้อสมส่วนที่ไม่ได้เล็กหรือใหญ่เกินควรและส่วนเชิงกรานที่ทำให้ร่างกายของเขายิ่งดูสมดุลไปอย่างสมบูรณ์ ร่างกายของคังชอลอินมีเสน่ห์อย่างมากจนสามารถทำให้สายตาของหญิงสาวที่จ้องมองเปลี่ยนไปจนน่ากลัวได้

 

“ลูเซีย”

 

“…….”

 

“ลูเซีย??”

 

“…เจ้าคะ? เอ่อ นายท่านเรียกข้าหรือเจ้าคะ?”

 

“ทำไมเจ้าถึงเอาแต่เหม่อลอยไปเรื่อย?”

 

“อ่า ไม่เจ้าค่ะ ไม่มีอะไร”

 

“เริ่มจากบาดแผลของข้าก่อน”

 

“เจ้าค่ะ”

 

ลูเซียซ่อนความขวยเขินที่เกิดขึ้นและรีบขยับมือของนางเพื่อช่วยคังชอลอินทำความสะอาดบาดแผลในทันที

 

นางถอดผ้าพันแผลที่โชกไปด้วยเลือดออกแล้วแทนที่ด้วยยาเพิ่มพลังในการฟื้นฟูจากนั้นก็ทำความสะอาดบริเวณบาดแผลด้วยผ้าผืนใหม่ก่อนจะปิดท้ายด้วยการใช้ผ้าผืนใหม่อีกผืนมาปิดทับบาดแผล

 

“นายท่าน เลือดมันยัง…!”

 

“ใช้ผ้ามาปิดทับให้มากขึ้น”

 

“เจ้าค่ะ”

 

ในที่สุดหลังจากที่นางใช้ผ้าปิดทับบาดแผลไปอีกหลายชั้นเลือดที่ยังคงไหลก็แทบจะหยุดเสียสนิท

 

“ไม่เจ็บบ้างเลยหรือเจ้าคะ? เป็นไปได้อย่างไรกันที่นายท่านจะไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาบ้างเลย”

 

“แผลพวกนี้ไม่ใช่แผลใหญ่อะไร”

 

“ช่างน่าแปลกใจนัก”

 

“มันไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร ต่อไปก็ช่วยสระผมแล้วล้างหน้าข้าที”

 

“เจ้าค่ะ”

 

จากนั้นคังชอลอินก็สามารถทำความสะอาดร่างกายจนเสร็จสิ้นได้ด้วยความช่วยเหลือจากลูเซีย

 

“สีดำ”

 

คังชอลอินส่ายหน้าเมื่อเห็นลูเซียส่งมอบชุดสีขาวมาให้เขาเปลี่ยนใส่

 

“เจ้าคะ? ในเมื่อท่านได้รับชัยชนะมันก็ครวจะเป็นสีขาว….”

 

“เจ้าจะปล่อยให้คนอื่นเห็นเลือดที่ไหลซึมของข้าหรืออย่างไร?”

 

“อ่า…!”

 

“ไม่ควรต้องมีใครมาห่วงเรื่องการบาดเจ็บของข้า”

 

“เหตุใดนายท่านถึงได้มีความคิดที่กว้างไกลเช่นนี้นักเจ้าคะ?”

 

“ราชันย์ที่เปิดเผยความอ่อนแอของตัวเองคือคนชั้นต่ำ แม้ข้าจะตายในวันพรุ่ง วันนี้ข้าก็ต้องดูสง่างามต่อหน้าประชาชนข้า นั่นคือน้ำหนักของชีวิตราชันย์ที่ต้องแบกรับ”

 

“…!”

 

จากคำพูดของเขายิ่งทำให้ลูเซียได้ตระหนักอีกครั้งว่าคังชอลอินนั้นไม่ธรรมดามากเพียงใด

 

“จริงแท้เจ้าค่ะ องค์ราชันย์ของข้าเกิดมาเพื่อเป็นราชันย์จริง ๆ”

 

คำกล่าวของคังชอลอินเป็นดั่งคำที่ราชากษัตริย์มักพูดกัน

 

มันเป็นโอกาสที่จะทำให้ลูเซียเชื่อมั่นในตัวเขาได้อย่างเต็มที่(แม้นางจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วก็ตาม)

 

คังชอลอินกล่าวว่าเขาจะทำพิธีศพให้กับนักผจญภัยที่เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเมื่อไปที่ถึงลาพิวต้า

 

นอกจากนี้เขายังให้สัญญาว่าจะจ่ายค่าชดเชยให้กับครอบครัวของพวกเขาเมื่อกลับไปยังโลกอีกฝั่ง

 

เหล่านักผจญภัยผู้รอดชีวิตรู้สึกประทับใจในความละเอียดอ่อนของคังชอลอินกันอย่างมากและไม่มีใครพ่นเสียงบ่นแต่อย่างใด

 

มันเป็นทางเลือกของพวกเขาเองที่ต้องการเข้าร่วมพิชิตมังกรพีคอคในคราวนี้ พวกเขาไม่ได้โดนบังคับ ไม่ได้โดนข่มขู่หรือถูกคุกคามแต่อย่างใดหากแต่เป็นความตั้งใจของพวกเขาที่แท้จริง

 

“ไปได้”

 

คังชอลอินผู้ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยมุ่งมองไปยังลาพิวต้า

 

“ออกเดินทาง!” โพดอลส์กี้ตะโกน

 

จากนั้นขบวนกองทัพก็เริ่มเคลื่อนไหว

 

คังชอลอินคือผู้นำทาง ลูเซียยืนถัดอยู่ด้านหลังห่างออกจากเขาไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยแถวของนักผจญภัยและถัดไปด้านหลังคือเกวียนบรรทุกศพมังกรพีคอคซึ่งถูกลำเลียงโดยทหารสิบนายและวัวสี่ตัว ด้านข้างจากทั้งสองทางคือทหารยี่สิบนายที่ตั้งแถวเดินกันอย่างเป็นระเบียบ

 

“องค์ราชันย์ ท่านไหวหรือไม่เจ้าคะ?”

 

“ข้าสบายดี ไม่ต้องกังวล”

 

ลูเซียเป็นห่วงคังชอลอินอย่างมากแต่เขายังคงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองไว้ได้เป็นอย่างดีราวกับรูปปั้นน้ำแข็งที่ไร้ความรู้สึก มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะพบร่องรอยจากการบาดเจ็บของเขาได้เพียงการสังเกตจากการแสดงทางสีหน้าของเขา

 

นับตั้งแต่ที่พวกเขาเดินทางออกจากป่าไซปรัส มันใช้เวลาเพียงไม่นานแค่ประมาณสองชั่วโมงพวกเขาก็มาถึงประตูทางเข้าเมืองลาพิวต้าที่เป็นเพียงความโล่งกว้างไม่มีอะไร

 

“อะไรน่ะ?”

 

“ตกลงกำลังจะไปที่ไหนกันแน่?”

 

“เนี่ยน่ะหรือปราสาทวังของท่านแม่ทัพ?”

 

เหล่านักผจญภัยพากันส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง

 

“ลูเซีย นำแกนวิญญาณมาให้ข้า”

 

“เจ้าค่ะ!”

 

ลูเซียหายตัวไปจากที่ไหนสักแห่งตามคำสั่งของคังชอลอิน

 

“…!”

 

“…!”

 

เมื่อลูเซียหายตัวไปได้ไม่ถึงสิบนาทีนางก็ลับมาอีกครั้งพร้อมกับดาบที่งดงามก่อนจะส่งมอบให้คังชอลอิน

 

แกนวิญญาณ ตัวควบคุมหลักของลาพิวต้า

 

คังชอลอินเจ้าของแกนวิญญาณเหลือบมองนักผจญภัยเล็กน้อย พวกเขากำลังสงสัยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมากเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนี้

 

“พวกเขาคงจะตกใจมากทีเดียว”

 

ในขณะที่คิดเช่นนั้น คังชอลอินได้ทำการยกเลิกทักษะพรางตัวที่บดบังดินแดนลาพิวต้าให้ได้รับอิสระอีกครั้งผ่านแกนวิญญาณที่เขาถืออยู่ในมือ

 

―――――――――――――――――

 

เวลาการใช้งานรักษาสภาพ: 467 ชั่วโมง

 

ค่าบำรุงรักษาทั้งหมด: 233.5 ทอง (0.5 ทองต่อชั่วโมง)

 

ท่านต้องการปิดใช้งานทักษะพรางตัวหรือไม่? (ใช่ / ไม่ใช่)?

 

‘ใช่’

 

―――――――――――――――――

 

ทันทีที่เขาตอบตกลงว่า “ใช่” ทองคำจำนวน 233.5 แท่งได้หายไปจากคลังการเงินในทันทีพร้อมกับทักษะพรางตัวที่ถูกปิดการใช้งาน

 

สภาพแวดล้อมที่เหมือนถูกห่อหุ่มไว้ด้วยผ้าถูกคลายออก จากนั้นลาพิวต้าก็เริ่มปรากฏให้เห็นโดยเริ่มจากด้านบนสุดของป้อมปราการเวหา

 

“ว้าววว….!”

 

“อะไร อะไรกัน…!?”

 

สายตาของนักผจัญภัยที่กำลังมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

 

จากภายนอก… ทั่วทั้งดินแดนต่างเต็มไปด้วยเสียงปรบมือที่ดังสนั่นซึ่งมาพร้อมกับเสียงโห่ร้องเชียร์ที่ก้องกระหึ่ม

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset