The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 42: การค้าและพันธมิตร (1)

ตอนที่ 42: การค้าและพันธมิตร (1)

 

คังชอลอินต้องการกลับโลกอีกฝั่งผ่านประตูมิติทันทีที่เขาหายจากอาการบาดเจ็บและฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่

 

“ลูเซียผู้นี้จะเฝ้ารอการกลับมาของท่านเจ้าค่ะ”

 

ลูเซียกล่าวคำลาขณะมองดูเขาที่กำลังจะจากไป

 

ขณะเดียวกัน ที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือได้มากที่สุดของลาพิวต้ากำลังยุ่งอยู่กับการดำเนินการตามคำสั่งพิเศษของคังชอลอิน พวกเขาต้องทำตามคำสั่งที่ได้รับทั้งหมดให้เสร็จก่อนที่เขาจะกลับมายังแพนเจียอีกครั้ง

 

“ข้าจะไปประมาณสองสัปดาห์”

 

“นั่นนานเกินไปแล้วนะเจ้าคะ”

 

“มันเป็นเรื่องจำเป็น ข้าต้องไปจัดการเรื่องการค้าที่นั่น”

 

“เกรงว่าข้าอาจสิ้นใจได้หากต้องรอคอยท่านนานถึงเพียงนั้น”

 

“……”

 

“โปรดระลึกถึงข้าที่กำลังเฝ้ารอท่านอยู่ทางนี้ด้วยนะเจ้าคะ โปรดท่านรีบกลับมา”

 

ลูเซียทำตัวสิ้นหวังเหมือนลูกหมาตัวหนึ่งที่กำลังถูกผู้เป็นนายทอดทิ้ง

 

‘ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพักหลังมานี้นางถึงได้ชอบทำตัวแบบนี้นัก’

 

คังชอลอินไม่สามารถคุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงของลูเซียภายหลังจากการตามล่ามังกรพีคอคสำเร็จได้ นอกจากนี้เขายังคิดว่าเขาไม่ได้ชอบนางเช่นนั้น

 

แต่หากลองคิดดูให้ดีอีกที

 

ด้วยความสูง 167 ซม. ขนาดหน้าอกคัพ D เอวคอดชวนเพิ่มเสน่ห์ ส่วนเชิงกรานและต้นขาที่สวยงามของนางแล้ว ลูเซียเป็นดั่งต้นแบบไร้ความปราณีที่สามารถเอาชนะหญิงอื่นได้อย่างง่ายดาย

 

แล้วยังใบหน้านั่น…

 

นางมีสายตาแหลมคมที่เข้ากันได้ดีกับแว่นที่นางสวมใส่ มันช่วยทำให้นางดูเป็นหญิงสาว“เย็นชา”ที่งดงามและโดดเด่น ใครต่างที่ได้มองมาที่นางจะชวนให้นึกถึงภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่เข้มงวดแต่ใจเย็น ไม่มีหญิงคนใดที่จะน่ารักเหมือนลูกสุนัขได้อย่างที่นางเป็นอยู่ในตอนนี้อีกแล้ว

 

“…ข้าจะรีบกลับมาทันทีหลังทำธุระเสร็จ ข้ามีบางสิ่งต้องกลับไปสานต่อเพราะงั้นข้าไม่ได้จะไปนาน”

 

“เช่นนั้นก็รีบกลับมานะเจ้าคะ”

 

“ได้”

 

เขายืนอยู่หน้าประตูมิติพร้อมกระสอบขนาดใหญ่ที่แบกอยู่บนหลัง

 

ข้างในคือรายการไอเทมทุกแบบทุกประเภทที่เหมาะแก่การค้าระหว่างโลกและแพนเจีย แผนการของเขาคือการสร้างธุรกิจการค้าร่วมกับชายชราควอนเกี่ยวกับไอเทมต่าง ๆ  หากมองถึงเรื่องเงินในการทำรายได้จากสิ่งนี้แล้วนั้น… เขาจะสามารถซื้อเจ็ทส่วนตัวได้หลังจากนี้ภายในอีกหนึ่งปี

 

“ข้าต้องฝากเจ้าดูแลดินแดนให้ดีแทนข้าด้วย”

 

“ไม่ต้องเป็นกังวลนะเจ้าคะ ข้าสัญญาว่าจะดูแลเป็นอย่างดีเจ้าค่ะ”

 

จากนั้นเขาก็ข้ามผ่านประตูมิติเพื่อกลับสู่โลกไป

 

ทันทีที่เขามาถึง คังชอลอินนำข้าวของต่าง ๆ ไปเก็บใส่ไว้ในรถเปิดประทุนมัสแตงที่อยู่ในลานจอดรถ สินค้าข้างในที่รวมถึงทองและของใช้อื่น ๆ ที่เขานำมามีมากน้ำหนักเกินกว่า 100 กก.แต่เขากลับยกขนได้อย่างสบาย ๆ

 

“เนื้อ”

 

เมื่อตระหนักได้ว่ามีบางสิ่งที่ขาดหายไปเขาจึงดึงกระสอบออกเพื่อเปิดหาเนื้อที่ห่อเอาไว้อย่างเรียบร้อย

 

แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เนื้อธรรมดา ๆ มันคือเนื้อมังกรพีคอค

 

เนื้อที่เขานำมาคือส่วนขอจองมันกรพีคอค จากร่างขนาดมึหามันมีอยู่แค่เพียง 3 กก. เท่านั้นจึงถือเป็นเนื้อที่หาได้ยากมาก

 

เขาตั้งใจจะนำเนื้อนี้กลับมามอบให้แม่ของเขาเพราะเนื้อของมังกรพีคอคจะให้ผลลัพธ์สุดพิเศษ เช่น การต่อต้านริ้วรอย, หนุนระบบภูมิคุ้มกัน, เพิ่มความแข็งแรง,ให้พลังงานต่าง ๆ และอื่น ๆ คุณค่าที่ได้จากเนื้อสัตว์นั้นมีค่ามากกว่าการฟื้นฟูแบบทั่วไป ไม่สิ ต้องกล่าวว่าเนื้อของมังกรพีคอคนั้นเป็นวิธีการที่ใช้ฟื้นฟูได้เป็นอย่างดีและยอดเยี่มที่สุด

 

มันแตกต่างจากอาหารเพื่อสุขภาพที่ไม่สามารถตรวจสอบได้จริงและเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ถึงประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการโฆษณา แต่หลังจากได้ทานเนื้อมังกรพีคอคสองสามชิ้นนี้ผลลัพธ์ที่กล่าวมาคือเรื่องจริง

 

‘ส่วนหนึ่งของแม่ … และอีกส่วนสำหรับชายชราควอน’

 

เขายังมีหีบห่อเนื้ออยู่อีกห่อเพื่อให้แก่ชายชราควอน แม้จะไม่ได้ดีเท่าส่วนคอแต่มันก็ยังให้ผลลัพธ์ที่ดีได้เช่นกัน

 

ชายชราควอนจะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่สำคัญดังนั้นจึงเป็นการดีกว่าในหลาย ๆ ด้านสำหรับเขาที่จะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพเพื่อให้ดียิ่งขึ้น

 

หลังจากแยกเนื้อออกมาโดยเฉพาะเสร็จ คังชอลอินก็ขับมัสแตงมุ่งหน้าตรงไปยังบูชอนทันทีเพื่อเอาเนื้อกลับไปให้แม่ของเขาก่อนสิ่งอื่นใด

 

วรู้มมมม- !!

 

ฟอร์ดมัสแตงรุ่น 2020  Coupe 5.0L GT ส่งเสียงดังกระหึ่มก่อนจะพุ่งทะยานเพื่อออกตัว

 

‘ถึงเวลาต้องหารถคันได้ใหม่…รวมถึงที่อยู่แห่งใหม่ด้วย’

 

เมื่อเงินทุนของเขาเริ่มเติบโต เขาก็เริ่มนึกถึงการย้ายบ้านและการรับรถคันใหม่ขึ้นมา มันเป็นเรื่องไร้สาระสำหรับราชันย์ที่จะพักอาศัยอยู่ในห้องสตูดิโอขนาดเล็กที่มีขนาดเพียง 33 ตารางเมตร

 

และสำหรับมัสแตง … แน่นอนว่ามันเป็นรถที่ยอดเยี่ยมแต่มันไม่ใช่รถที่ดีพอสำหรับราชันย์ เขาไม่มีความคิดที่จะขายแต่จะเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชั่นแทน หนึ่งในงานอดิเรกชีวิตก่อนหน้าของเขาก็คือการสะสมรถยนต์ราคาแพงรุ่นต่าง ๆ

 

ในขณะที่เขากำลังมุ่งหน้าสู่บูชอนเขาก็เปิดวิทยุในรถเพื่อฟังข่าว

 

เช่นเคย เขาจะดูหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์และฟังวิทยุเพื่อลดช่องว่างระหว่างโลกทั้งสองใบเมื่อใดก็ตามที่เขากลับมา

 

[ต่อไปจะเป็นรายงานข่าวจากต่างประเทศค่ะ – อเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ ผู้สืบทอดทายาทตระกูลชื่อดังรอสต์ไชลด์ประกาศว่าเขาได้เป็นส่วนหนึ่งของนักเดินทางข้ามมิติ มีรายงานเข้ามาว่าอเล็กซ์ รอสต์ไชลด์ได้ทำการแสดงความสามารถพิเศษในการใช้พลังจิตต่อหน้าคนดังของฮอลลีวูดอีกหลายคน]

 

ข่าวแรกที่แทรกขึ้นมาเป็นข่าวที่ชวนให้คังชอลอินรู้สึกไม่พอใจนัก เขาขมวดคิ้วขณะฟังรายงานก่อนจะทำการเปลี่ยนคลื่นวิทยุไปเป็นของภูมิภาคแทนซึ่งสำหรับเขาแล้วมันดีกว่าการต้องทนฟังข่าวจากรอสต์ไชลด์เป็นไหน ๆ

 

[รัฐบาลขอประกาศเลื่อนการกำจัดสัตว์และพืชที่นำมาจากโลกอื่นออกไปก่อน]

 

[นักผจญภัยระดับสูง นายลีซางดึกได้ปราบกลุ่มนักเลงอันพาลสามคนที่กลายไปเป็นนักผจญภัย โดยทางนายลีซางดึกนั้น…]

 

โลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

 

‘ตลาดธุรกิจนี้กำลังเติบโต’ คังชอลอินคิดถึงอนาคตที่เริ่มจะใกล้เข้ามา

 

ขอบคุณการค้าที่เพิ่มขึ้นระหว่างโลกและแพนเจียจึงทำให้สาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้เข้าสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแน่นอนว่าคนที่ทำให้มันเป็นไปได้ก็คือคังชอลอิน โลกมักสงบก่อนพายุจะเกิดรวมถึงประกายไฟเล็ก ๆ ที่ได้ถูกจุดขึ้นมาแล้ว

 

ขณะที่เริ่มเข้าใกล้บูชอน เขาได้เปิดโทรศัพท์ iphone เพื่อจะได้โทรหาผู้เป็นแม่และตรวจสอบสายเข้าที่ไม่ได้รับ

 

สายที่ไม่ได้รับ: แม่ (7)

 

สายที่ไม่ได้รับ: ปาร์คดูชิก (3)

 

สายที่ไม่ได้รับ: ชายชราควอน (1)

 

จากจำนวนสายที่ไม่ได้รับมันดูไม่ใช่เรื่องที่แย่เกินไปนักกับการที่เขาไม่ได้อยู่โลกนี้มาหนึ่งเดือน แต่ยังมีอีกสายหนึ่งที่โทรหาเขามาเป็นร้อย ๆ ครั้ง

 

สายที่ไม่ได้รับ: ผู้ช่วยผู้จัดการลีแชริน (287)

 

ลีแชริน ราชันย์ที่มีความชำนาญในด้านความอุดมสมบูรณ์

 

เขาตรวจสอบการโทรเข้าครั้งล่าสุด

 

“…”

 

จากสายล่าสุดมันเพิ่งผ่านมาได้เพียง 30 นาที แสดงว่าเธอคงโทรหาเขามาตลอดทั้งสัปดาห์

 

เขาเปิดแอพลิเคชั่นข้อความเพื่อดูว่าทำไมเธอถึงได้พยายามติดต่อเขามามากมายขนาดนี้

 

ลีแชริน: คุณชอลอินคะ ฉันตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์แล้วค่ะ!

 

ลีแชริน: คุณยุ่งอยู่เหรอคะ?

 

ลีแชริน: คุณยังอยู่ที่แพนเจียอย่างนั้นสินะคะ?

 

ลีแชริน: ถ้าคุณกลับมาแล้วเรามานัดพบกันสักหน่อยดีไหมคะ?! ฉันจะไม่ลืมเกี่ยวกับการพูดครั้งนั้นเลย เพราะงั้นฉันหวังว่าเราจะสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะหุ้นส่วนกันได้

 

…(ละเว้น)…

 

ข้อความจากสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้ดูมีอะไรที่ผิดแปลกแต่อย่างใด แต่เนื้อหาของข้อความหลังจากนี้ต่างหากที่เริ่มเป็นที่น่าวิตก

 

ลีแชริน: คุณชอลอิน โทรศัพท์คุณยังปิดอยู่เลยสินะคะ ถ้ากลับมาแล้วคุณช่วยโทรกลับหาฉันทีจะได้ไหมคะ?

 

ลีแชริน: วันนี้ฉันก็ยังไม่สามารถติดต่อคุณได้ …

 

ลีแชริน: คุณชอลอิน…

 

ลีแชริน: คุณจะออกไปอีกนานขนาดไหนหรอคะ?

 

ลีแชริน: ช่วยฉันด้วย… คุณชอลอิน ได้โปรดช่วยฉันด้วย ถ้าคุณเห็นข้อความนี้ได้โปรดโทรหาฉันโดยเร็วที่สุดที …

 

เขารู้สึกถึงความสิ้นหวังของเธอจากข้อความที่ส่งเข้ามาได้ เขาไม่ทราบขนาดของปัญหาที่เธอกำลังเจอแต่มันกำลังทำให้เธอดูเหมือนคนที่หมดหวังเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น

 

และในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

หน้าจอปรากฏชื่อ “ผู้ช่วยผู้จัดการลีแชริน” เธอโทรหาเขาทันทีที่เขาเปิดเครื่องได้ไม่นาน

 

“ครับ คังชอลอินพูด”

 

เขาตอบรับสาย

 

[คุณชอลอิน…?]

 

น้ำเสียงของเธอสั่นราวกับคนกำลังจะร้องไห้

 

“ครับ ผมเอง”

 

[ฉันรอคุณ…มานานมาก]

 

“…”

 

[เรามาเจอกันได้ไหมคะ? ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? เดี๋ยวฉันจะไปที่นั่นเองค่ะ]

 

น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกของคนที่หมดหวัง เหมือนคนที่กำลังจะตกจากหน้าผาสูงชันเท่านั้นถึงจะมีน้ำเสียงเช่นนี้ได้

 

“ตอนนี้ผมไม่สะดวก”

 

แต่คังชอลอินเลือกที่จะปฏิเสธคำขอของเธออย่างไร้เยื่อใย

 

เขากำลังนำเนื้อที่ดีที่สุดไปให้แม่ ไม่ว่าคนอื่นจะต้องการเวลาจากเขามากเพียงใดแต่เขาไม่สามารถแบ่งเวลาของครอบครัวไปให้ใครได้ทั้งนั้น

 

“ตอนนี้ผมกำลังกลับบ้าน ไว้เดี๋ยวคืนนี้ผมจะโทรหาคุณใหม่ก็แล้วกัน ตอนนี้แบตโทรศัพท์ของผมก็ใกล้จะหมด…”

 

[ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่บูชอนค่ะ!]

 

“…?”

 

[ฉันคิดว่าถ้าคุณกลับมาเมื่อไหร่คุณน่าจะกลับมาหาแม่ของคุณก่อน…เพราะงั้นฉันเลยพักอยู่ที่โรงแรมในบูชอนค่ะ ฉันรู้ว่าแม่ของคุณกำลังเปิดร้านอยู่ที่ตลาดท้องถิ่น ดังนั้นฉันเลย…]

 

เธอเหมือนคนที่หมดหวังไปหมดแล้วทุกสิ่งจึงตัดสินใจแพ็คของเพื่อมารออยู่ใกล้ ๆ กับคนที่น่าจะช่วยเธอไดเ

 

[ได้โปรดโทรหาฉันด้วยนะคะ ถ้าคุณทำธุระเสร็จเมื่อไหร่]

 

“…”

 

[ได้โปรดมาเจอกันด้วยเถอะนะคะ ฉันต้องการคุณจริง ๆ คุณชอลอิน]

 

เจตคติของเธอกำลังทำเขาสงสัย

 

“มันไม่ยากที่เราจะได้พบกัน”

 

คังชอลอินทวนซ้ำอีกครั้งถึงสิ่งที่เขาเคยบอกกับลีแชรินไว้ก่อนหน้า

 

“แต่ถ้าคุณเต็มใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะราชันย์อย่างสมศักดิ์ศรีผมก็ยินดีที่จะช่วยคุณ”

 

“แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมป้อนอาหารให้ง่าย ๆ … แต่ก็ใช่ ในอีกนัยหนึ่งมันก็อาจดูเป็นแบบนั้น”

 

“จบเรื่องแล้วนะครับ ถ้าคุณคิดที่จะใช้ชีวิตต่อจากนี้ในฐานะราชันย์ก็ค่อยติดต่อผมมาอีกที จากนั้นผมจะปฏิบัติต่อคุณในฐานะราชันยืคนหนึ่งเหมือนกัน”

 

บุรุษหากกล่าวคำใดแล้วไม่อาจกลืนคืนคำได้

 

คังชอลอินได้ให้สัญญากับลีแชรินไว้แล้วว่าเขาจะมอบความช่วยเหลือให้เธอหากเธอเลือกใช้ชีวิตเป็นราชันย์ และความต้องการของเธอตอนนี้คือการมีชีวิตอยู่ต่อ

 

ลีแชรินที่ตอนนี้กำลังร้องขอให้เขามาพบกับเธอเพราะคำสัญญาที่มอบให้เป็นดั้งคำผูกมัดที่ต้องยินยอมตามคำร้อง

 

แต่ถึงอย่างนั้นมันอาจเป็นการทำให้เธอเสียคนได้หากมอบความช่วยเหลือให้เธอไปในทันทีโดยไม่ลังเล ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนถึงพูดว่า “หากความโปรดปรานยังคงดำเนินต่อไป ผู้รับจะเริ่มคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่พึงจะได้รับ” ดังนั้นเขาจะต้องเข้มงวดกับเธอตั้งแต่ในตอนแรก

‘ได้ เจอก็เจอ’

 

คังชอลอินตัดสินใจออกไปพบกับลีแชรินในที่สุด ความคิดที่สวนทางกับความตั้งใจโดยคิดถึง “เหตุผลอันสมควรที่จะมอบความปรารถนาให้กับเธอ” ดังนั้นเขาจึงคิดว่านี่เป็นข้อตกลงระหว่างพวกเขา

 

เขาเองก็ต้องการเธอไม่ต่างจากที่เธอต้องการเขา

 

แต่ก่อนหน้านั้น

 

“คุณแชริน” เขาเรียกคู่สนทนาอีกฝั่ง

 

“คุณส่งข้อความมาบอกผมว่าจะใช้ยอมเป็นราชันย์แล้วใช่ไหมครับ?”

 

เขาต้องการตรวจสอบให้แน่ใจกับบางสิ่งที่กำลังรบกวนเขา

 

[ใช่… ใช่ค่ะ]

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องแก้ไขทัศนคติที่คุณมีออกไปให้หมดก่อน ราชันย์จะไม่รับใช้หรือร้องขออะไรจากใครทั้งนั้น แม้ว่าเขาจะต้องการบางสิ่งจากคนอื่นมากเพียงใดแต่ก็ต้องปกปิดเจตนาที่แท้จริงแล้วให้อีกฝ่ายยอมทำสิ่งนั้นเพื่อพวกเขาให้เอง นั่นคือรากฐานที่สำคัญของการเป็นราชันย์ แต่การกระทำของคุณทำให้ผมนึกถึงพนักงานลีแชรินที่ไม่ใช่ราชันย์แต่อย่างใด”

 

[…]

 

ด้วยคำพูดของคังชอลอินที่ทำให้เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออก

 

“ราชันย์ที่ไร้เดียงสาไม่มีอะไรมากไปกว่าการตกเป็นเหยื่อของราชันย์คนอื่น เหมือนที่สิงโตไม่เคยเป็นเพื่อนเล่นกับกวาง”

 

[…]

 

“นี่คือโอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าคุณยังแสดงพฤติกรรมถึงทัศนคติอะไรแบบนี้อยู่อีกในอนาคต…นั่นคือจุดจบความสัมพันธ์ของพวกเราในทันที หากคุณต้องการพูดคุยกับผมในฐานะราชันย์คุณเองก็ต้องทำตัวเช่นราชันย์ด้วยเหมือนกัน”

 

[ฉันขอโทษค่ะ… ไม่ ค่ะ ฉันจะทำค่ะ ฉันจะนึกถึงสิ่งที่คุณบอกกับฉันอยู่ตลอด คุณชอลอิน]

 

น้ำเสียงของเธอหายสั่นจากเดิมไปเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถเข้าใจความเป็นราชันย์ได้เองตามธรรมชาติเมื่อได้รับคำแนะนำจากคังชอลอิน

 

“งั้นก็มาเจอกันเถอะครับ”

 

ในที่สุดเธอก็ได้ยินคำพูดที่เธอต้องการที่สุดจากคังชอลอิน

 

“แต่ก่อนหน้านั้น…”

 

[…]

 

“ผมมีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”

 

[เงื่อนไขอะไรก็ได้เชิญพูดมาได้เลยค่ะ ถ้ามันเป็นสิ่งที่ฉันจะสามารถทำให้ได้]

 

“คุณเก่งเรื่องการย่างเนื้อไหม?”

 

[เนื้อหรอคะ?]

 

ด้วยคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน ลีแชรินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset