The Overlord of Blood and Iron – ตอนที่ 46: ควักจองตายแล้ว

ตอนที่ 46: ควักจองตายแล้ว

 

“คุณควอน อีกสองเดือนฉันจะนานสกัดจากต้นไม้พูดคุยมาให้ ไว้ถึงตอนนั้นแล้วเราค่อยมาคุยรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกที”

 

ทันใดนั้นคังชอลอินก็ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน

 

“แล้วเธอจะไปไหน?”

 

“ฉันมีบางสิ่งที่ต้องไปทําต่อ”

 

“อืม.ได้ ฉันจะเตรียมการให้พร้อมสําหรับเรื่องนั้นเอง”

 

“งั้นฉันไปล่ะ”

 

“เดี๋ยวก่อนสิ!”

 

ชายชราควอนคว้าแขนของคังชอลอินเอาไว้ก่อน

 

“ปล่อย ฉันกําลังรีบ”

 

คังชอลอินตอบกลับอย่างเยือกเย็นพลางผลักแขนของชายชราควอนออกเบาๆ

 

“รถของเธอล่ะ!”

 

“อา…นั่นสินะ”

 

“เดี๋ยวจากัวร์ของเธอก็กําลังมาแล้ว”

 

“เอารถของคุณมาให้ผมก่อน อะไรก็ได้”

 

“ถ้างั้นก็ไปใช้คันนั้น”

 

เมื่อเห็นท่าที่รีบร้อนของคังชอลอิน ชายชราควอนก็รีบยื่นกุญแจรถส่วนตัวของเขาให้ไปในทันที

 

“ปอร์เช่?”

 

“ใช่ ดีที่สุดแล้ว”

 

4 คนเฒ่าคนนี้ช่าง…”

ด้วยความตกใจ คังชอลอินพึมพํากับตัวเอง

 

“อายุไม่ใช่เรื่องสําคัญ สําหรับผู้ชายแล้ว รถสูทและนาฬิกาเป็นสิ่งที่สําคัญอย่างยิ่ง”

 

“ไปเถอะ แล้วฉันจะส่งโลเคชั่นบ้านใหม่ของเธอผ่านทางโทรศัพท์ไปให้อีกที เธอเพียงจอดรถของฉันไว้ที่นั้นก็พอ ฉันจะวางมัสแตงและจากัวร์ไว้ที่นั่นให้เลยด้วย เท่านี้มันเพียงพอแล้ว หรือยังกับการแสดงความจริงใจต่อเธอ?”

 

“พอแล้ว ขอบคุณครับคุณควอน”

 

คังชอลอินพูดอะไรบางอย่างที่หาได้ยากจริงจากเขา กับการต้องขอบคุณใครบางคนอย่างใจจริงเช่นนี้

 

ชายชราควอนพูดถูก รถยนต์เป็นสิ่งที่สําคัญสําหรับผู้ชาย เขารู้ว่ามันหมายถึงอะไรกับการให้ยืมรถตัวเองแก่คนอื่น

 

“งั้นผมขอตัว”

 

จากนั้นคังชอลอินก็รีบออกจากห้องทํางานของชายชราควอนไปในทันที

 

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ชายชราควอนรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของเขาที่ชวนให้รําลึกถึงอดีตอันรุ่งโรจน์

 

หลังจากกินเนื้อจากมังกรพีคอคเข้าไป เขารู้สึกราวกับว่าเขามีอายุลดน้อยไปกว่าสิบปี

 

“โอ้ว ฮ่าๆๆ การได้กินสิ่งนี้อาจทําให้ฉันสามารถมีลูก อีกคนได้เลยนะเนี่ย ฮ่าๆๆ”

 

จากนั้นเจตคติที่มีต่อคังชอลอินก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น

 

ด้วยความตกใจ รถของชายชราควอนคือปอร์เช่ 911 ที่ เป็นรถเปิดประทุน สําหรับผู้ชายที่อายุ 80 ปีแล้วนั้นเขาช่างมีรสนิยมที่ดีอย่างแท้จริง

 

วรู้มมม

 

คังชอลอินออกตัวมุ่งหน้าไปยังสํานักงานของปาร์คดูชิกในทันใด

 

แม้ว่าการรู้สึกถึงเครื่องยนต์ F6 เป็นสิ่งที่บางคนไม่สามารถสัมผัสได้บ่อยๆ แต่เขาไม่มีเวลาที่จะรู้สึกสนุกไปกับมัน

 

“ควักจอง”

 

ข้อความที่ปาร์คดูชิกทิ้งไว้ให้เขาคือ

 

– ปาร์คดูชิก: บิ๊กบอสครับ ผมคิดว่าผมเจอเขาแล้วล่ะครับ แต่มีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติอยู่ หากคุณได้อ่านข้อความนี้แล้ว โปรดติดต่อกลับมาหาผมโดยเร็วที่สุดทีนะครับ

 

แม้เขาจะรู้สึกเป็นกังวลเมื่อปาร์คดูชิกบอกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ แต่มันก็ยังดีที่ตอนนี้ได้พบเบาะแสอะไรเพิ่มเติมบางอย่าง

 

ตุ้มมม!!

 

ทันทีที่คังชอลอินมาถึงสํานักงานของปาร์คดูชิก เขาเปิดประตูเสียงดังและโดยไม่ได้ตั้งใจประตูก็ได้พังลงมาเพราะความแข็งแกร่งของเขา

 

“อะไร อะไรนะ?!!”

 

“เก็บอาวุธไปซะ!”

 

“บิ๊กบอส บิ๊กบอสครับ!!”

 

ดูชิกสั่งลูกน้องที่เตรียมหยิบอาวุธออกมาเพื่อต่อสู้

 

คังชอลอินในตอนนี้นั้นดูน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าพวกลูกน้องของปาร์คดูชิกดูจะทําเกินกว่าเหตุไปหน่อย เพียงเพราะแค่ประตูพัง

 

“ไอ้พวกบ้า! ยังไม่ทิ้งอาวุธกันลงไปอีกหรือไง?!!”

 

ดูชิกรีบออกมาและหยุดลูกน้องของเขาจากการทําสิ่งที่โง่เขลา

 

“ขอโทษด้วยนะครับบิ๊กบอส ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พวกมันแค่เป็นกังวลเพราะสถานการณ์ในตอนนี้ของพวกเราที่ ไม่ค่อยสู้ดีสักเท่าไหร่นะครับ เฮ้ยไอ้บ้าพวกนี้ คิดจะทําอะไรกัน? รีบขอโทษเขาสิวะ!”

 

หลังจากได้รู้ว่าเขาคือคังชอลอินใบหน้าของพวกนัก เลงบางคนก็ซีดเซียวและรีบก้มตัวเพื่อขอโทษแบบ 90 องศาในทันที

 

“ขอโทษครับบิ๊กบอส!”

 

“กรุณายกโทษให้ผมด้วยเถอะครับ!”

 

แม้ว่าใบหน้าของคังชอลอินจะดูแข็งกร้าวแต่เรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ปัญหา เขาไม่มีเวลามาสนใจกับเรื่องไร้สาระนี้ในตอนนี้

 

“ผมขอโทษอีกครั้งจริงๆ ครับ!”

 

ปาร์คดูชิกกล่าวขอโทษอีกครั้ง

 

“มีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนของเราที่อินชอนเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่ชื่อ “เสือดํา” เฮ้อ มันเป็นเหมือนกับผีเลยล่ะครับ เราไม่สามารถจับตัวมันได้เลย”

 

คังชอลอินถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้มันช่างยากที่จะพยายามหากินและมีชีวิตอยู่จริง ๆ”

 

แพนเจียกําลังเริ่มเข้าสู่สงคราม ชายชราควอนก็กําลังอยู่ในสงคราม และแม้แต่แก๊งอันธพาลพวกนี้ก็ยังอยู่ในสงครามเพื่อหาอาหารให้ตัวเองยังมีชีวิตรอดอยู่ต่อ

 

“อย่างไรก็ตาม อะไรที่ทําให้แกคิดว่าเจอตัวเขาแล้ว?”

คังชอลอินเอ่ยถามไปตามตรง

 

“เอ่อ นั่นมัน .. บิ๊กบอสมานั่งก่อนเถอะครับ”

 

หน้าผากของดูชิกถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ ดูเหมือนว่าเขากลัวที่จะต้องถูกทุบตีอีกครั้ง

 

“แค่พูดมา สรุปหาตัวเขาเจอไหม?”

 

“เอ่อ มันคือ…”

 

ดูชิกยื่นเอกสารบางอย่างมาให้คังชอลอิน

 

“นี่อะไร?”

 

“เอ่อ… อายุ 35 ปี ชายที่ชื่อควักจองที่พักอาศัยอยู่ในกรุงโซล…”

 

ขณะฟังคําพูดของดูชิกที่เริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงอายุเป็นสิ่งแรก เขาได้เปิดเอกสารเพื่ออ่านผ่านตาในทันใด ในขณะนั้นเองดวงตาของเขาก็พลันเบิกกว้างเพราะสิ่งที่ระบุอยู่ในเอกสารเหล่านี้ …

 

“เขาเสียชีวิตไปเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้วจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

ครับ”

 

มันเป็นสูติบัตรรวมถึงสถานการณ์การตายของเขา

 

นี่มันเรื่องเหลวไหลอะไรกัน? มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?!

 

ควักจองตายแล้วอย่างงั้นเหรอ?

 

ฤดูร้อนที่แล้วเป็นตอนก่อนที่คังชอลอินจะทําการสํารองวิญญาณเพื่อกลับมา

 

ไม่ใช่สิ่งที่ปาร์คดูชิกนํามาให้เขานั้นไม่ใช่ความจริงแต่เป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุด เรื่องไร้สาระพวกนี้ได้สร้างความโกรธให้กับคังชอลอินได้ไม่น้อยแต่เขาก็ยังพยายามที่จะทําให้ตัวเองคงอยู่ในความสงบ

 

“ไม่ใช่”

 

เขาโยนเอกสารที่ดูชิกส่งมาให้ทิ้งไปอย่างไม่ใยดี

 

“ม…ไม่หรอครับ?”

 

“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องของเขา”

 

ควักจองที่คังชอลอินรู้จักทํางานภายใต้ราชันย์ที่เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรกัลเวกจนกระทั่งเขาเสียชีวิตไปด้วย โรคมะเร็งปอดเมื่อตอนอายุได้ 38 ปี

 

แต่ปัจจุบันนี้คือปี 2021 และควักจองมีอายุ 35 ตอนนี้เขาน่าจะยังเป็นนักผจญภัยอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาควรจะออกไปเดินเล่นรอบๆอยู่ในดันเจี้ยนไม่ใช่มาตายเพราะอุบัติเหตุแบบนี้

 

“ไปตามหามาใหม่”

 

คังชอลอินส่ายหัว

 

“ต…แต่นี่มัน ”

 

“มีอะไรจะพูดอีกไหม?”

 

“บิ๊กบอสครับ”

 

“ว่ามา”

 

“ พวกเรามีทั้งคนจากตํารวจและจากรัฐบาลช่วยกันออกค้นหา ไม่ใช่แค่ที่โซลเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงที่อื่นๆอีกด้วย” 

 

“นอกจากนี้เรายังดูรายชื่ออาชญากรที่ชื่อควักจอง มีควักจองอยู่คนหนึ่งที่กําลังติดอยู่ในคุกเช่นเดียวกับครูคณิตศาสตร์ที่ ชื่อควักจองแต่ไม่มีใครอายุ 35 ปีในและสูบบุหรี่เลยครับ” 

 

“พูดต่อสิ”

 

“ครับ”

 

หลังจากได้ดื่มกาแฟแล้วคังชอลอินก็ส่งสัญญาณด้วยมือของเขาเพื่อให้ดูชิกดําเนินการต่อ

 

“แม้ว่าผมจะไม่ได้ฉลาดมากนักแต่ผมก็ไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะครับ ผมเองก็มีสมองเหมือนกัน ถ้าสิ่งที่บิ๊กบอสพูดมาเป็นความจริง เราเจอควักจองที่สูบบุหรี่ด้วยนะครับ”

 

“แล้วยังไง? พูดต่อไปสิ”

 

“ดังนั้นเราจึงรีบไปที่คลินิกปลอดบุหรี่เพื่อตามหาเขาและก็ได้พบกับศพของคนที่ชื่อควักจอง”

 

“ผู้ตายที่ชื่อควักจองได้รับแผ่นนิโคตินเพื่อหยุดการติดยา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักสูบบุหรี่ที่จริงจังอย่างมากหลังจากได้ดูรายละเอียดของเขาแล้ว”

 

“ก็ยังไม่ใช่”

 

เมื่อเขาพูดว่าไม่ใช่ มันคือไม่ใช่จริงๆ

 

“ถึงแม้ว่ามันจะสมเหตุสมผลแล้วว่าทําไมแกถึงคิดว่าควักจองคนที่ตายนี้คือควักจองคนที่ฉันตามหา แต่ควักจองคนนั้นยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน เขายังไม่ตาย”

 

“คุณแน่ใจหรอครับ?”

 

“ใช่ ฉันแน่ใจ”

 

“เฮ้อ ถ้างั้นผมก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ เพราะข้อมูลที่มีนั้นน้อยเกินไป”

 

“ไม่ ทําได้ดีมากแล้วล่ะ อย่างน้อยก็ยังได้เจออะไรบ้าง” 

 

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด คังชอลอินรู้สึกได้ว่าปาร์คดูชิกกําลังทํางานอย่างหนักจริงๆเพื่อออกค้นหาตัวควักจอง ดังนั้นเขาจึงปลอบใจกลับไปแทนการดุด่า

 

“แกนะ”

 

คังชอลอินชี้ไปที่ลูกน้องคนหนึ่งของดูชิกและ มอบการ์ดให้กับเขา

 

“ไปกดเงินมา 30 ล้าน”

 

“ขอบคุณมากครับ!”

 

“ถ้าเขาไม่อยู่ที่โซลหรือที่ใกล้ๆกับโซล ก็ลองออกไปค้นที่อื่นให้ทั่วทั้งเกาหลีดูซะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา”

 

“ได้ครับ! ผมจะลองโทรหาศูนย์อื่นๆให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้เลยครับ”

 

“ฉันชอบทัศนคติของนายนะ โอ้ใช่ ฉันมีข้อมูลอีกอย่าง”

 

“ข้อมูลหรอครับ? ว้าว นั่นจะเป็นประโยชน์ได้มากจริงๆ”

 

“ดูเหมือนว่าควักจองจะกลายเป็นนักผจญภัยข้ามมิติไปซะแล้ว”

 

“ดูเหมือนการค้นหานับจากนี้จะง่ายขึ้นแล้วล่ะครับ! ขอบคุณมากครับ บิ๊กบอส!”

 

ทันใดนั้นสีหน้าของปาร์กดูชิกก็พลันสว่างสดใส มากขึ้นทันใด มันจะง่ายกว่าถ้าหากต้องมองหาคนที่เป็นนักผจญภัย เนื่องจากไม่ได้มีนักผจญภัยมากนัก เขาสามารถสํารวจในชุมชนและมองหาตัวควักจองได้ง่ายยิ่งขึ้น 

 

ทั้งลูเซีย ชายชราควอนและแม้แต่ดูชิกเองได้ทําให้เขารู้สึก เหมือนกับว่าตอนนี้เขาไม่จําเป็นต้องลงมือทํางานใดๆ ด้วยตัวเองเลยสักอย่าง มันชวนให้เขารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย

 

“บิ๊กบอส ดูเหมือนว่าคุณคงจะจากไปในไม่ช้านี้ แต่เราไม่รู้เลยว่าเสือดําคนนั้นจะโจมตีพวกเราอีกเมื่อไหร่”

 

“อย่างนั้นเหรอ?”

 

“แม้ว่าเสือดําจะไม่ใช่ความคุ้มค่ากับบิ๊กบอส แต่บิ๊กบอสคงไม่ชอบความโกลาหลใช่ไหมล่ะครับ?”

 

“คิดว่าการที่ฉันอยู่ที่นี่จะเป็นการดีกว่างั้นสินะ?”

 

“อ่า…คุณหมายถึงอะไรกันครับ? เราจะกล้าไปขอความช่วยเหลือจากบิ๊กบอสได้อย่างไร? พวกเราไม่ใช่นักเลงแบบนั้นสักหน่อยนะครับ ไม่ได้ใกล้เคียงกันเลย…”

 

คังชอลอินคิดว่าสิ่งที่ดูชิกพูดมานั้นมีเกียรติและประทับใจดี

มาก

 

“ถ้านายมีปัญหามากก็ออกจากการทํางานแบบนี้แล้วไปทําอย่างอื่นซะ ฉันจะแนะนําางานอื่นให้”

 

“คุณหมายถึง?”

 

“ชายชราควอนฮยองวู นายรู้จักเขาใช่ไหม?”

 

“อะ อะไรนะครับ?!”

 

ไม่มีนักเลงคนใดที่จะไม่รู้จักเจ้านายที่แท้จริงและผู้ทรงอํานาจเหนือกรุงโซลทั้งหมด

 

ชายชราควอนป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจมาเฟียอย่างแท้จริง คนอย่างปาร์คดูชิกไม่มีทางมีโอกาสได้เห็นหน้าเขาสักครั้งในชีวิตนี้เป็นแน่

 

“ฉันมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเขาอยู่ เดี๋ยวอีกสักพักเขาจะต้องการคนเป็นจํานวนมากเพื่อช่วยงาน เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะแนะนํานายให้กับเขา นายคิดว่าจะสามารถต่อสู้กับกําปั้นของตัวเองไปได้อีกนานแค่ไหนกัน?”

 

“ขอบคุณมากครับ!”

 

“ไม่เป็นไร ฉันทําให้เพราะฉันประทับใจในตัวนาย จงทําต่อไปซะ”

 

“ขอบคุณครับบิ๊กบอส!”

 

“ฉันจะไปแล้ว อีกหนึ่งเดือนฉันจะกลับมาใหม่”

 

“ครับท่าน! ขอให้เดินทางปลอดภัย…”

 

แต่ในทันใดนั้นเอง

 

ขณะที่ปาร์คดูชิกกําลังโค้งคํานับ 90 องศาให้กับคังชอลอิน จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในสํานักงาน

 

“อา!”

 

“เสือดํา! ไอ้สารเลวเอ้ย!”

 

บังเอิญพอดีกับที่เสือดํามาในขณะนี้

 

“แกคิดว่าตัวเองกําลังอยู่ที่ไหนงั้นเหรอห้ะไอ้เวรเอ๊ย?!” ลูกน้องคนหนึ่งของปาร์คดูชิกพูดขึ้น

 

ฟ้าว!

 

…. และลูกน้องคนนั้นก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

 

“โอ้?”

 

เมื่อได้มองดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แววตาของคังชอลอินกําลังเป็นประกายด้วยความสนใจ เสือดําตัวนี้มีทักษะอย่างแท้จริง แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหมัดเดียวแต่ดวงตาของคังชอลอินก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจน

 

“แกคือปาร์คดูชิกหรือเปล่า?”

 

เสือดําที่เหมือนจะมีอายุประมาณราวๆ 30 ปีมองไปที่ดูชิกขณะยิ้มและสูบซิการ์

 

เขาน่ารําคาญขนาดนี้ได้อย่างไร? ถึงแม้ว่ามันจะเป็นใบหน้าที่ดูหล่อเหลาแต่ใครก็ตามที่ได้มองใบหน้านี้ก็อยากจะเข้าไปเอาชนะเขาให้ได้กันทั้งนั้น แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นมนุษย์ธรรมดาทั่วไปซะด้วยสิ

 

“แล้วแกล่ะเป็นใคร?”

 

เสือดํามองมาที่คังชอลอินแล้วถาม

 

“เฮ้ๆ ไอ้เสือดํา ถ้าแกคิดที่จะแตะต้องเขาก็เตรียมตัวทําศพของตัวเองไว้ได้เลย มีเรื่องอะไรก็มาคุยกันกับฉัน อย่าไปยุ่งกับเขาคนนั้น” ดูชิกกล่าว

 

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นนายคนนี้ก็คือบอสของแก๊งนี้ล่ะสิ? ฉันคิดว่าคนคุมอีซู (ชื่อเขต) คือแกซะอีกปาร์คดูชิก”

 

“หุบปากไป ไอ้สัตว์นรก!”

 

ดูชิกกลับไปมีท่าทีที่ดูน่ากลัวเหมือนพวกแก๊งอันธพาลและวิ่งไปหาเสือดําด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

 

“หืม ไม่ค่อยดีแฮะ”

 

คังชอลอินเริ่มทํานายผลของการต่อสู้

 

“อ้ากกก!!!”

 

อย่างที่คาด ใบหน้าของดูชิกถูกจับไว้โดยเสือดําในทันทีก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

 

“บ-บอสครับ!”

 

“พวกแกเองก็ต้องการลิ้มรสชาติแบบนี้ด้วยงั้นเหรอ?” 

 

“ไอ้สารเลวเอ๊ย!”

 

เมื่อมองดูเจ้านายที่พ่ายแพ้ พวกอันธพาลของเขตอีซูก็เริ่มต้องการอยากเอาชนะเสือดําขึ้นมาในทันใด

 

“ยังไม่พอ”

 

คังชอลอินยังคงยืนมองและทํานายว่าคนพวกนี้ยังไม่พอที่จะเอาชนะเขาได้

 

การต่อสู้ด้วยสมาชิกหลายคนในพื้นที่เล็กๆ จะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกอันธพาล ไม่เพียงเท่านั้นแต่เสือดํายังไม่ใช่นักสู้ธรรมดาๆอีก

 

จังหวะเท้า ศิลปะการต่อสู้ที่ลื่นไหลเช่นเดียวกับการเตะในช่วงเวลาที่เด็ดขาด แทนที่จะเป็นพวกอันธพาล เสือดํากลับคล้ายกับนักมวยยูโด หรือนักมวยMMA มากกว่า

 

“ไอ้เหี้”

 

ในที่สุดลูกน้องคนหนึ่งของดูชิกก็เอามีดออกมาเพราะไม่สามารถจัดการกับความอัปยศได้อีกต่อไป

 

“เฮ้ๆ”

 

แม้ว่าจะมีใบมีดคมอยู่ข้างหน้าแต่เสือดํากลับสงบและมั่นใจในตัวเองไม่เปลี่ยน

 

“คิดใช้อาวุธงั้นเหรอ?”

 

มือของเสือดําโผล่ออกมาจากม่านหมอกสีดํา น่าแปลกที่เสือดําไม่ใช่พวกนักสู้ทั่วไปแต่เป็นคนที่รู้วิธีใช้มานา

 

“หืม นักผจญภัยงั้นเหรอ?”

 

คังชอลอินมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสนใจ

 

“แกเสร็จฉันแน่!”

 

เมื่อได้ใช้มานาเสือดําก็เริ่มเอาชนะพวกอันธพาลที่หยิบมีดออกมาได้ในทันที ดูเหมือนว่าเขาจะมีความชํานาญด้านมวยไทยพิเศษ

 

พ้าว!

 

พ้าววว!!

 

ด้วยเสียงที่น่าพอใจบางอย่าง ..

 

“อ้ากก !!

 

“อะไรกัน มันทําอะไรกับฉัน!!”

 

“อ้ากกกก! แขน แขนฉัน!!”

 

ลูกน้องของดูชิกร่วงหล่นราวกับใบไม้ในเวลาไม่ถึงห้านาที นี่คือความแตกต่างระหว่างคนทั่วไปและผู้ใช้มานา

 

“ฟู่ว”

 

ควันลอยเต็มทั่วสํานักงาน ตั้งแต่เข้ามา เสือดํายังไม่หยุดสูบบุหรี่เลยแม้แต่วิเดียวท่ามกลางการต่อสู้

 

“หลังจากได้สู้กับเขตอีซูแล้วก็ควรไปที่กังนัมต่อ หืมม ยองดึงโพเองก็เหมือนจะไม่เลวเช่นกัน” เสือดําพึมพํากับตัวเอง

 

ราวกับว่าเขาคิดว่ามันเป็นเกมของฮ็อตสคอตซึ่งเขาสามารถยึดครองดินแดนของคู่ต่อสู้เพื่อความสนุกสนานได้

 

“เฮ้ย!”

 

เมื่อเดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าคังชอลอิน เสื้อดําก็จ้องมองมาที่เขาแล้วพูดว่า

 

“แกเป็นใครวะ? ถึงได้มายืนจ้องหน้าฉันอย่างเย่อหยิ่งแบบ

นี้ว”

 

ด้วยเสียง “ซี” จากเศษซิการ์ได้เปื้อนไปทั่วโต๊ะที่คังชอลอินกําลังนั่งอยู่ตรงหน้า

 

“นายคือเสือดํางั้นเหรอ? ไม่เลวเลยนี่”

 

คังชอลอินยิ้มเยาะพลางชื่นชมเขา

 

“เสือดํา? เฮ้อ ใครเป็นคนตั้งชื่อเล่นโง่ๆให้ฉันแบบนั้นกัน? ฉันมีชื่อจริงๆ และมีตัวอักษรที่ยาวเกินไปด้วย (โดยทั่วไปชื่อเกาหลีจะมีความยาว 3 ตัวอักษร) โอ้ ไม่ๆ ที่จริงแล้วมันมีแค่สองพยางค์นะ”

 

เมื่อพูดแบบนั้นแล้วเสือดําก็นาบุหรี่ออกมาแล้วจุดขึ้น มาใหม่

 

“ฟู่วว ชื่อของฉันคือควักจอง ไม่ใช่ชื่อวิเศษวิโสและหนอมแน้มแบบเสือดําอะไรนั้นหรอก”

 

The Overlord of Blood and Iron

The Overlord of Blood and Iron

Author:
มหาศึกจอมราชันย์ The Overlord of Blood and Iron บทนำ คังชอลอิน จอมราชันย์ผู้แกร่งกล้าจนใครต่างต้องสยบ เหตุสูญเสียทำให้เขาต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อพิชิตกับความท้าทายอีกครั้งในการขึ้นเป็นผู้ยิ่งใหญ่และผู้ควมคุมทวีปแพนเจีย คังชอลอินจะสามารถเอาชนะจอมราชันย์ทั้งเก้าเพื่อปกครองทวีปแพนเจียได้หรือไม่?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset